Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
30 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๓๖ (ธัญรัตน์)




“นี่คุณปล่อยฉันนะ ใครให้คุณมาที่นี่....ปล่อย”
หญิงสาวตกใจเมื่อเห็นเขาอยู่ตรงหน้าและตรงเข้ามาโอบกอดเธอ ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร เธอก็สะปัดตัวออกจากอ้อมกอดเขาอย่างแรง ด้วยความอายต่อสายตาหลาย ๆ คู่ที่จ้องมองอยู่เป็นตาเดียวกัน

“ผมมาตามคุณกับลูก กลับบ้านเราเถอะนะ”เขายังคงคว้ามือเธอมากุมเอาไว้
“คุณกลับไปเถอะค่ะ ที่นี่ไม่มีสิ่งที่คุณมาตามหาหรอก ฉันบอกแล้วไงว่าเราจะเป็นเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันอีกต่อไปแล้ว”
ระพีพรรณบอกเขาไปด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวเมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาทำไว้กับตัวเอง
“เพลงผมขอโทษ ยกโทษให้ผมด้วย คุณจะให้ผมทำยังไงก็ได้เพื่อเป็นการไถ่โทษ ผมยินดีทำทุกอย่าง”
เขาบอกเธอด้วยรู้ว่าสิ่งที่เคยทำไว้กับเธอนั้นมันมาก

“งั้นฉันก็ขอให้คุณกลับไปซะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก แค่นี้ก็เป็นการไถ่โทษของคุณแล้ว”เธอบอก
“เพลง...คุณอย่าพูดอย่างนี้เลย ผมขอร้อง”เขาไม่ละความพยายาม พร้อม ๆ กับจะเข้าไปคว้าเอาร่างเธอมากอดเอาไว้
“เอ้ย....ไม่ได้ยินที่ยายเพลงบอกเหรอ กลับไปสิ คุณทำร้ายยายเพลงมามากพอแล้ว กลับไปซะ”
ระพีพงศ์ที่เก็บความโกรธในตัวเขาเป็นทุนอยู่แล้ว รีบเข้ามาขวางและผลักอกเขาออกจากน้องสาว

“อย่ามายุ่งกับผมนะ คุณไม่เกี่ยว”ดนุพรผลักอกเขากลับจนเซไปอีกทาง
“ดำ ๆ พอได้แล้ว วันนี้พี่ว่ากลับบ้านก่อนดีกว่านะ เอาไว้วันหลังค่อยมาหาคุณเพลงใหม่”
เด่นณรงค์เห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาห้ามเอาไว้
“ผมจะเอาเมียกับลูกผมคืน”เขาไม่ยอมแพ้
“คุณกลับไปเถอะ ฉันบอกแล้วไงว่าที่นี่ไม่มีสิ่งที่คุณกำลังมองหา”ระพีพรรณบอกเขาอีกครั้ง

“ได้ยินมั้ยที่น้องผมบอก กลับไปได้แล้ว”ระพีพงศ์รีบผสมโรง
“ดำแม่ว่ากลับบ้านเราก่อนดีกว่านะลูก”ลัดดาที่อยู่หน้าบ้านเข็นรถเข้ามาหา โดยมีกำพลตามมาติด ๆ
“พ่อเด่นพาเขากลับไปก่อนเถอะนะ อย่าให้ต้องมีเรื่องกันเลย”กำพลบอกเด่นณรงค์และไม่ยอมมองหน้าดนุพรแม้แต่น้อย
“ก็ได้ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น แต่พรุ่งนี้ผมจะมาอีก ผมจะมารับคุณกลับบ้าน”
เขาบอก ก่อนจะออกไปเดินตามแรงรั้งแขนของพี่ชาย

“สิทธิ์พี่ฝากพาคุณแม่ไปขึ้นรถด้วยนะ”
โสภาและพิสิทธิ์ที่เพิ่งจะเดินเข้ามาก็ทำหน้างงไปตาม ๆ กัน แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก ได้แต่ทำตามที่เด่นณรงค์ขอเท่านั้น แล้วทั้งหมดก็กลับไปจนได้ สร้างความโล่งใจให้ระพีพรรณไม่น้อยเลย
“คอยดูนะถ้ามันกลับมาอีก ผมจะตะบันหน้ามันให้ดู ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ”
ระพีพงศ์พูดออกไปด้วยความโกรธ

“พอได้แล้วล่ะเจ้าพี แค่นี้มันยังเรื่องยุ่งไม่พอหรือยังไง”กำพลกำราบลูกไว้
“แล้วเขามายังไงล่ะยายเพลง ทำไมจู่ ๆ ถึงได้พรวดพราดมาอย่างนี้”
กำพลถามลูกสาวที่ทำหน้าไม่ค่อยสุขสักเท่าไหร่ กับการกลับมาของเขา
“เพลงไม่รู้ค่ะคุณพ่อ แต่อย่าไปใส่ใจเลยนะคะ ถ้าเขาอยากจะชนะใครเขาก็ทำได้ทุกอย่างนั่นล่ะค่ะ”
ระพีพรรณบอก เพราะพอจะเดาได้ว่าที่เขามาวันนี้ก็เพื่อจะมาขัดขวางเธอกับเด่นณรงค์แค่นั้น เขาไม่ได้รู้สึกผิด และต้องการเธอและลูกตามที่เขาบอกเลยแม้แต่น้อย


เรือนกุหลาบได้กลายเป็นสถานที่ประชุมลับสำหรับสามแม่ลูกตั้งแต่กลับมาถึงบ้านได้ไม่นาน สีหน้าที่บอกบุญไม่รับของดนุพรทำให้มารดาและพี่ชายอดสงสารไม่ได้
“ไหนลองบอกแม่ซิ ว่าทำไมจู่ ๆ ดำถึงได้ไปบ้านโน้น”ลัดดาเปิดบทสนทนา
“ก็ไม่เห็นต้องบอกนี่ครับแม่ ผมก็ไปตามเมียกับลูกผมไง คุณแม่กับพี่เด่นก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร”
เขาบอกด้วยความโมโหมารดาและพี่ชายไม่น้อย ที่ทำให้เขาต้องเสียหน้าลงทุนยอมทำตามคำของเพื่อนรัก แต่แล้วก็หน้าแตกกลับมาชนิดหมอไม่รับเย็บ

“ยอมรับแล้วเหรอว่าเขาเป็นเมียเรา แล้วทำไมวันก่อนเห็นปฏิเสธเสียงแข็งเลย”
ลัดดาถามและก็ยิ้มออกมาได้เมื่อเขายอมรับ
“ถ้าไม่ยอมรับแม่ก็คงจะไปขอหมั้นเมียผมให้พี่เด่นแล้วมั้งครับ”เขาไม่วายต่อว่าแม่และพี่ชาย
“พี่ไม่ได้ไปขอหมั้นคุณเพลงนะดำ เราแค่ไปพูดคุยทำความเข้าใจอะไร ๆ กันก็แค่นั้น”เด่นณรงค์บอกน้องชาย
“ก็พี่เด่นบอกผมเมื่อเช้า”เขาแย้ง
“ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเราจะยอมรับเหรอว่าไปทำเขาท้องเอาไว้”มารดาบอกและยิ้มออกมาอย่างสุขใจ

“นี่คุณแม่กับพี่เด่นจงใจจะแกล้งทำให้ผมเสียหน้าใช่มั้ยครับ”เขาบ่นอุบอิบ
“เสียหน้าดีกว่าเสียเมียนะดำ”มารดาบอก แต่เขาก็ยังทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ดี
“ดีแล้วล่ะที่ลูกยอมรับ เรื่องมันจะได้จบ ๆ ไปซักที”มารดาบอกเขาอีก และยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก
“ไม่รู้ว่าเขาจะยกโทษให้ผมหรือเปล่า”เขาว่า

“ไม่ต้องห่วงหรอกนะดำ คุณเพลงหน่ะเป็นคนใจดี แป๊บ ๆ ก็ลืมแล้วล่ะ ดำก็ไปหาบ่อย ๆ ก็แล้วกัน”
พี่ชายบอกและตบบ่าน้องชายเพื่อเป็นการให้กำลังใจ แต่ในใจของเขานั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่า เขาเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่เขาก็ยินดีที่จะยอมรับกับความเป็นจริงด้วยความเป็นลูกผู้ชาย


สายตาคมกริมคู่นั้นค่อย ๆ ชะเง้อมองเข้าไปในบ้านสวน เพื่อมองดูรถของผู้ที่เขาตั้งหน้าตั้งตามาง้องอน แล้วเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ที่เห็นรถของระพีพรรณจอดอยู่ในบ้าน แสดงว่าเจ้าตัวกลับจากทำงานแล้ว เขาไม่รอช้ารีบเดินดุ่ม ๆ เข้าไปในรั้วบ้าน หลังจากลงรถได้ แต่ก็ต้องพบกับหน้าของคนที่เขายังไม่พร้อมที่จะพบในเวลานี้เลย
กำพลทำหน้าไม่ค่อยถูกเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาในบ้าน แล้วทั้งสองก็เหมือนกับสิงห์และเสือที่กำลังเผชิญหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างก็รอดูท่าทีของอีกฝ่ายว่าจะเอายังไง

“ผมมาหาเพลง”
ในที่สุดผู้อ่อนอาวุโสก็เอ่ยขึ้น แต่ก็แทบจะหาความนุ่มนวลกับน้ำเสียงไม่ได้ เมื่อความแค้นในใจของเขายังคงคุกรุ่นอยู่
“ยายเพลงไม่อยู่หรอก ไปตลาดค่ำ ๆ ถึงจะกลับ”
กำพลตอบแค่นั้น แล้วก็เข็นรถตัวเองหันหลังกลับเข้าบ้าน เพราะไม่พอใจในท่าทีและน้ำเสียงของเขานัก

“ผมจะรอ”เขาบอก และยืนกอดอกอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านอย่างนั้น
“ไม่ต้องรอหรอกเพราะยายเพลงคงไม่ต้องการพบคุณหรอก กลับไปซะ จำที่ยายเพลงบอกไม่ได้รึไง”
ระพีพงศ์เดินออกมาจากด้านในบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ชิงชังเขาไม่น้อย
“ให้น้องคุณเป็นคนมาบอกผมดีกว่า ยังไงผมก็จะรอ”เขาไม่ยอมลดละให้
“ก็ฉันบอกว่าไม่ต้องรอไง ไม่ได้ยินเหรอ แค่นี้คุณยังทำให้ยายเพลงเจ็บไม่พออีกหรือยังไง จะตามทำลายพวกเราไปถึงไหนกัน” ระพีพงศ์มีโมโหเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ยอมลงให้ของเขา

“แล้วคุณไม่เคยทำลายน้องผมเหรอ มันก็ไม่ต่างอะไรกันนักหรอกนะ”เขาตอบกลับทันควัน
“แล้วยังล่ะ ผิดผมก็ยอมรับว่าผิด จะให้ชดใช้ยังไงก็บอกมา ทำไมต้องทำร้ายน้องผมด้วย ยายเพลงไปรู้เรื่องอะไรด้วย ถ้าอยากจะแก้แค้นก็นี่เลย มาทำผมนี่ นี่ ๆ ๆ ๆ ทำเลย อย่าเอาความแค้นไปทำคนที่เขาไม่รู้เรื่องหน่อยเลย”
ระพีพงศ์บอกเขาและเอามือตบลงไปที่อกตัวเองแล้วก็เดินไปหาเขาด้วยความโมโห

“อยากให้ฉันทำเหรอได้...”
ดนุพรไม่รอช้า รีบรับคำท้าของระพีพงศ์ทันที และแล้วตรงสนามหญ้าหน้าบ้านก็มีมวยคู่เด็ดเกิดขึ้น
“เจ้าพีพอได้แล้ว พ่อบอกให้พอไง หยุดกันทั้งสองคนนั่นล่ะ”
เสียงกำพลตะโกนใส่ทั้งคู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีใครสนใจที่จะฟังเลยด้วยซ้ำ
“อยากแก้แค้นมากใช่มั้ย มานี่เลย มาทำกับฉันนี่ ไม่ต้องไปทำน้องฉัน ถ้าตอนนั้นฉันอยู่ที่นี่ ไม่มีทางที่ใครจะทำร้ายพ่อกับน้องฉันได้”
ระพีพงศ์พูดด้วยความโมโหขณะที่แลกหมัดกับดนุพรแล้วก็ได้เลือดไหลซิบที่มุมปากกันทั้งคู่ เพราะผลัดกันล้มผลัดกันลุก เกลือกกลิ้งไปตามสนามหญ้าอยู่อย่างนั้น

“เจ้าพีพ่อบอกให้หยุดไง ได้ยินมั้ยฉันบอกให้หยุด”กำพลร้องห้ามแต่ก็ไม่เป็นผล
“พี่พี หยุดนะ เพลงบอกให้หยุดไง”เสียงระพีพรรณที่เพิ่งจะจอดรถได้ รีบวิ่งมาห้ามพี่ชายเอาไว้
“ดำ ๆ พอแล้ว ๆ โต ๆ กันแล้วนะ”เด่นณรงค์ที่ขับรถตามระพีพรรณมาติด ๆ วิ่งมาห้ามน้องชายอีกทาง
“เป็นยังไงบ้าง”
เขาถามน้องเมื่อแยกทั้งคู่ออกจากกันได้แล้ว และก็มองเห็นเลือดไหลออกจากปากน้องชาย ทำให้เขาตกใจไม่น้อยเลย เพราะไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ดีที่เขาเฉลียวใจ รีบขับรถตามน้องชายมา เมื่อรู้จากเมธิตาว่าดนุพรบอกไว้ว่าจะมาบ้านสวน

“ไม่เป็นไรหรอกพี่เด่น แค่นี้ไกลหัวใจ”เขาบอกและส่งสายตาที่ท้าทายไปหาอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ น้อง
“พี่พีไปทำแผลก่อนเถอะค่ะ ลุงโป่งคะพาพี่พีเข้าบ้านด้วยค่ะ”
ระพีพรรณบอกโป่งที่ตั้งแต่กลับจากตลาดมา ก็ได้แต่มองทั้งคู่อยู่อย่างนั้นด้วยความงง
“คุณกลับบ้านไปได้แล้ว ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามาที่นี่อีก”ระพีพรรณบอกเขาเมื่อพี่ชายเข้าไปในบ้านแล้ว
“ก็ผมมาตามคุณไง คุณก็กลับไปกับผมสิ”เขาบอกออกไปด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจที่ถูกเมียไล่ให้กลับ
“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว คุณกลับไปซะ ก่อนที่จะทำให้อะไร ๆ มันแย่ไปกว่านี้”
เธอบอกเขาด้วยความรู้สึกที่ขัดใจในการกระทำของเขาไม่น้อย

“ไม่กลับ....จนกว่าคุณจะกลับไปกับผม”เขาแย้งทันควัน
“ดำวันนี้พี่ว่ากลับบ้านเราก่อนเถอะนะ เอาไว้วันหลังค่อยมาใหม่” เด่นณรงค์บอกน้องชายและรั้งแขนเขาให้ไปที่รถ
“พี่ขอโทษด้วยนะคุณเพลง” เขาบอกเมื่อพาน้องชายเดินผ่านเธอไป
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เด่น ขอบคุณนะคะ”
เธอบอกเขา และก็รู้สึกดีใจที่เด่นณรงค์มาทันเวลาพอดี เพราะถ้าไม่มีเขา เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะห้ามทั้งสองคนได้หรือไม่
กำพลนั่งมองลูกชายที่เอาแต่นั่งโอดครวญเมื่อน้องสาวเอาสำลีเช็ดริมฝีปากให้

“ดีสมน้ำหน้าอยากจะหาเรื่องดีนัก ยายเพลงกับพ่อเด่นไม่น่าไปห้ามมันเลย ให้มันต่อยกันให้ตายไปข้างหนึ่งเลยทั้งสองคน กี่ปี ๆ ไม่เคยเปลี่ยน แล้วบอกว่าชีวิตในคุกสอนอะไรดี ๆ ทำให้ใจเย็นลง ฉันไม่เห็นว่าจะเย็นตรงไหนเลย เจอหน้ากันไม่เท่าไหร่”
เขาอดว่าลูกชายไม่ได้
“คุณพ่อก้อ....ตกลงจะเข้าข้างใครกันแน่ นี่ผมทำเพื่อยายเพลงนะ....โอ๊ย...ยายเพลงเบา ๆ หน่อยสิพี่เจ็บ”
เขาบ่นกับน้องสาวที่ออกอาการขำพี่ชายนิด ๆ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ทำเป็นเก่งอยู่แท้ ๆ

“ขำอะไรล่ะเรา”ระพีพงศ์แหวน้องสาว
“แหม...ทีเมื่อกี้ยังทำเป็นเก่งอยู่เลย ท้าเขาดีนักไม่ใช่เหรอ เป็นไงล่ะทีนี้ สะใจแกหรือยังล่ะเจ้าพี ได้เลือดจนได้”
กำพลอดไม่ได้ที่จะซ้ำเติมอีก
“ก็ผมหมั่นไส้นายนั่นนี่นา อะไรจะมาง้อลูกสาวเขาไปทำเมียแล้วยังจะมาวางมาดอีก ยายเพลง ถ้าเรายอมนายนี่นะ พี่จะไม่รับมันมาเป็นน้องเขยเด็ดขาด คนอะไรหมัดก็หนัก ปากก็เก่ง พูดแล้วยังเสียดาย ไม่น่ารีบมาห้ามเลย อีกหน่อยก็จะได้รู้อยู่แล้วว่าใครมันจะแน่กว่าใคร” ระพีพงศ์ยังไม่หายอารมณ์เสีย

“พี่พีคะ เพลงว่าอย่าไปว่าเขาเลยนะคะ เราเองก็ทำกับเขาไว้ไม่ใช่น้อย เพลงว่าให้เรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมันลบล้างกันไปก็แล้วกันนะคะ แล้วต่อไปเราก็ให้ต่างคนต่างอยู่ อย่ายุ่งเกี่ยวกันดีกว่าค่ะ”
เธอบอกพี่ชายพร้อมทั้งสีหน้าแสดงความไม่ค่อยจะสบายใจนักที่เห็น่สองคนต้องมามีเรื่องกันเพราะเธอเป็นต้นเหตุ

“พ่อว่าก็จริงอย่างยายเพลงนะเจ้าพี ต่างคนก็ต่างอยู่ก็แล้วกัน”กำพลเสริม
“อะไรกันครับคุณพ่อ ยายเพลงด้วย เราก็อยู่ของเราดี ๆ นายนั่นรนมาหาที่เองนะ แล้วดูมันพูดกับคุณพ่อสิ ใช้ได้ที่ไหน น้ำเสียงงี้ หน้าตางี้ ถ้ามันไม่เต็มใจมาแถวนี้ ก็ไม่ต้องให้มันมาสิ ใครไปเชิญให้มา”เขาไม่วายที่จะหงุดหงิดเมื่อพูดถึงอีกฝ่าย

“นะคะพี่พี เพลงขอร้องค่ะ วันหลังถ้าเขามาพี่พีก็ไม่ต้องไปสนใจนะคะ เขาคงจะมาได้อีกไม่นานหรอกค่ะ พอขี้เกียจแล้วก็คงจะเลิกไปเอง”เธอบอกด้วยแววตาที่เศร้าสร้อยเมื่อล่วงรู้ว่าจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการมาของเขาว่าอยู่ที่ไหน
“ทำไมเพลงถึงคิดอย่างนั้นล่ะลูก แล้วถ้าเกิดเขาสำนึกผิด แล้วมาตามง้อลูกจริง ๆ ล่ะ เพลงจะว่ายังไง” กำพลถาม
“นั่นสิครับคุณเพลง พ่อดำนี่ปกติเขาไม่ค่อยจะยอมเสียหน้าให้ใครง่าย ๆ นะครับ”
โป่งที่นั่งฟังอยู่รีบสมทบเพราะเห็นด้วยกับกำพล

“เขาคงไม่ได้สำนึกอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ ที่เขาทำก็เพื่อต้องการจะขัดขวางพี่ชายเขา ไม่ให้มาหาเพลงกับลูกบ่อย ๆ ก็แค่นั้น คนอย่างเขา ก็คงจะมีแต่ความแค้นที่ฝังลึกลงไปในจิตใจแล้วล่ะค่ะ”เธอบอกในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ
“หรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือว่า หวงก้างไงครับคุณพ่อ ตัวไม่ได้กิน ใคร ๆ ก็อย่าได้มาใกล้ ว่างั้น”
ระพีพงศ์อดค่อนขอดอีกฝ่ายไม่ได้

“พี่พีคะ พอได้แล้วล่ะค่ะ ไม่เอาแล้ว เพลงจะไปทำกับข้าวแล้วนะคะ แล้วนี่พี่สมจิตยังไม่เอาน้องพิงมาส่งเหรอคะ หรือว่าติดพี่จิตแจแล้ว”ระพีพรรณรีบตัดบทและก็เพิ่งจะนึกถึงลูกชายขึ้นมาได้ หลังจากที่เรื่องโกลาหลผ่านไป
“เอ้อ....พ่อก็ลืมเจ้าพิงไปเลยนะ งั้นเพลงไปทำกับข้าวเถอะ พ่อจะโทรไปบ้านเจ้าเปลวเอง ไปเจ้าพี เจ้าโป่งไปอาบน้ำอาบท่า จะได้ไปรับหลานให้หน่อย แม่จิตคงจะยุ่ง ไม่งั้นคงจะเอาตาพิงมาส่งแล้วล่ะป่านนี้”

กำพลต้องรีบไล่ลูกชายไปก่อน เพราะขืนปล่อยเอาไว้ มีหวังต้องนั่งบ่นเรื่องดนุพรทั้งเย็นแน่ ๆ แล้วทั้งสองก็ต้องทำตามที่เขาบอกอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ทั้ง ๆ ที่ระพีพงศ์ยังไม่หายโมโหเลยด้วยซ้ำ


พิสิทธิ์ยืนรอรับเพื่อนรักที่เคลื่อนรถเข้าไปในบ้านอย่างช้า ๆ เห็นหน้าเพื่อนแล้วมันทำให้เขาอดขำในเรื่องที่เขากับลัดดาและเด่นณรงค์เพิ่งจะคุยกันไม่ได้เลย
“ว่ายังไงพ่อนักมวยใหญ่ แหม ๆ เปลี่ยนอาชีพก็ไม่บอกกัน จะได้เจียดเวลาจากการดูแลลูกเมียไปเชียร์ซักหน่อย”
คำแรกที่เขาใช้ทักทายเพื่อน
“ขอบใจนะ ถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องหรอก จะเป็นพระคุณอย่างสูง”
เขาตัดพ้อเพื่อนหลังจากที่เดินนำหน้าพิสิทธิ์เข้าไปนั่งในบ้านด้วยความเคยชิน

“แล้วทำไมไม่ไปง้อเมียอีกล่ะวันนี้ หรือว่ายกธงขาวซะแล้ว”
พิสิทธิ์ถามเมื่อตามมานั่งใกล้ ๆ เขา พร้อม ๆ กับจัดแจงชงเหล้าที่โสภาให้เด็กจัดหามาให้ก่อนที่ดนุพรจะมาถึงเมื่อสักครู่นี้เอง ส่วนโสภานั้นขอหลบขึ้นไปอยู่ข้างบน ด้วยเพราะไม่อยากจะรบกวนเวลาของสามีและเพื่อนรัก และเธอก็เห็นว่ามันก็เป็นกิจกรรมของสามีและดนุพรที่ทำเป็นประจำในเวลาที่ต้องการจะปรึกษาหารือเรื่องต่าง ๆ
“ง้อ....อะไร พูดด้วยซักคำยังไม่ได้พูดเลย ไม่ต้องถึงขั้นได้พูดหรอก แค่ได้เดินเฉียดยังยากเลย”
เขาอดบ่นน้อยใจระพีพรรณไม่ได้

“เถอะน่า ตื้อเท่านั้นที่จะครองโลก ทน ๆ อีกหน่อย อย่างคุณเพลงหน่ะฉันพนันให้ไม่เกินอาทิตย์หรือสองอาทิตย์แค่นั้นล่ะ แกขี้สงสารคนจะตายไป”พิสิทธิ์ให้ความหวังเพื่อนรัก
“แกว่าเขาจะรักฉันหรือเปล่าวะ”เขาถามเพื่อนด้วยความไม่แน่ใจ
“อ้าว...แกมาถามฉัน แล้วจะให้ฉันไปถามใครล่ะ เมียตัวเองแท้ ๆ ยังไม่รู้ว่าเขารักตัวเองหรือเปล่า แล้วจะให้ใครไปรู้ล่ะทีนี้” พิสิทธิ์อดกระเซ้าไม่ได้

“พอเถอะน่า....เป็นการเป็นงานหน่อยสิ มันไม่สนุกนักนะที่จะให้ฉันไปหาเขาทุกวัน ๆ แล้วยิ่งต้องไปเจอพ่อกับพี่เขาแล้วมีแต่เรื่องกันแบบนี้ด้วย แกไม่มาเป็นฉันแกไม่รู้หรอกว่ามันรู้สึกยังไง”
เขาบอกเพื่อนด้วยสีหน้าที่ไม่ชอบใจนักที่ต้องแบกหน้าไปหาคนที่เขายังไม่พร้อมที่จะคุยด้วยสักเท่าไหร่
“ฉันเข้าใจ แล้วจะให้ฉันช่วยยังไงดีล่ะ”พิสิทธิ์ถามเขาอย่างเป็นการเป็นงานเหมือนกัน พร้อม ๆ กับยื่นแก้วเหล้าให้เพื่อน

“ไม่ต้องหรอก แกช่วยฉันมามากแล้ว ให้ฉันจัดการเรื่องของฉันเองเถอะ ให้มันรู้ไปว่าง้อเมียแค่นี้ ฉันจะทำไม่ได้ ง้อให้มันตาย ๆ กันไปข้างหนึ่งเลยดีมั้ย จะได้สะใจเขา”เขาบอกออกไปด้วยน้ำเสียงที่ตัดพ้ออีกฝ่ายยิ่งนัก
“ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งที่แกคิดอย่างนี้ แล้วว่าแต่วันนี้ไม่ไปง้อคุณเพลงเหรอ”พิสิทธิ์ถาม
“ไม่เอาหรอก เขายังไม่กลับจากออฟฟิศเลย ขี้เกียจไปมีเรื่องกับพี่ชายเขา เดี๋ยวจะอดยิงใครไม่ได้ก่อนที่จะได้เมียกลับมา”
เขาไม่วายอารมณ์เสียเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้

“แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าคุณเพลงยังไม่กลับจากออฟฟิศ เอ๊ะ....หรือว่าแกมีสายคอยตามคุณเพลง....ฮั่นแน่ ๆ ไอ้ดำแผนสูงนะแกนี่ ....เอ่อ....ว่าแต่ใครเป็นสายให้แกล่ะ”พิสิทธิ์อดสงสัยไม่ได้ แล้วก็แกล้งใช้อาชีพทนายต้อนเขาให้จนมุม
“ก็ใกล้ ๆ แถวนั้นล่ะ อะไรกัน แกเป็นทนายประสาอะไร ไม่รู้จักสังเกตสังกาเลยรึไง มิน่าล่ะว่าความทีไรแพ้เขาทุกที ถึงว่าพักนี้บริษัทไม่ค่อยมีกำไรเท่าไหร่เลย”เขาแกล้งแหย่เพื่อนกลับบ้าง

“น้อย ๆ หน่อยไอ้ดำ เอ่อ...ว่าแต่เป็นใครวะใกล้ ๆ แถวนั้น จะว่าพี่จิตก็ไม่ใช่ เพราะเป็นหลานลุงโป่ง คุณภคินก็เป็นน้องเมียฉัน แถมไม่ค่อยจะกินเส้นกับแกด้วย ลุงโป่งยิ่งตัดออกไปได้เลย เอ...แล้วเหลือใครอีกล่ะ....หรือว่าจะเป็นพี่เนตรกับพี่เปรี้ยว ใช่แล้วเพราะตอนที่ลุงโป่งไม่สบายกับตอนที่คุณเพลงคลอดลูก สองคนนี้อยู่ในเหตุการณ์และก็เป็นคนที่พวกฉันไม่รู้จักมาก่อน ฉันเดาถูกหรือเปล่าวะดำ”พิสิทธิ์เพิ่งจะนึกขึ้นได้

“ค่อยยังชั่วหน่อย อย่างน้อย ๆ สมองแกก็ไม่สนิมเกาะสักเท่าไหร่ แต่ว่าวันนี้ฉันให้พวกเขากลับบ้านไปแล้วล่ะ เพราะคิดถึงลูก ๆ กัน มาทำงานให้ฉันตั้งนานแล้ว ก็เลยให้เขากลับไป แต่เมื่อกี้ก่อนจะกลับพวกเขาโทรมาบอกฉันว่าเพลงยังไม่กลับจากออฟฟิศเลย”เขายอมรับกับเพื่อน

“เหรอ....แล้วจะให้ใครทำงานให้ต่อล่ะ”พิสิทธิ์ถามด้วยความสงสัย
“คงไม่ต้องแล้วล่ะ มันไม่ต้องมีอะไรเป็นความลับแล้วนี่ แต่ที่สำคัญก็คือ ทำยังไงเพลงถึงจะยอมพูดกับฉัน และยกโทษให้ฉัน อันนี้สิเรื่องใหญ่มาก ๆ”เขายังคงกังวล

“แกก็ไปนั่งเฝ้านอนเฝ้าที่บ้านเขาเลยสิ ให้มันรู้ไปว่าคุณเพลงจะใจดำไม่ยอมมาพูดกับแกเลย หรือถ้าทำได้คุณเพลงก็ทำได้ไม่กี่วันหรอก แต่ที่สำคัญแกต้องทำให้ถึงที่สุด นั่งเฝ้าอยู่ตรงนั้นล่ะ ฝนจะตกแดดจะออกก็อย่าไปไหนรับรอง”พิสิทธิ์บอก
“รับรองว่าเขาจะมาคุยกับฉันเหรอ”
“รับรองว่าแกจะตายก่อนหน่ะสิ”

“ไอ้เพื่อนเลว”เขาบ่นเพื่อนก่อนจะยกแก้วเหล้าเข้าปากไปด้วยความกลุ้มใจ
“หน่ะเชื่อฉันสิ รับรองวิธีนี้ได้ผล แกเริ่มไปทำตั้งแต่พรุ่งนี้เลยนะ รับรองว่าไม่เกินสองอาทิตย์ แกได้ลูกกับเมียกลับมาแน่ ๆ แต่ที่สำคัญแกอย่าท้อซะก่อนล่ะ”พิสิทธิ์แนะเพื่อน
“เอางั้นเลยเหรอ”เขาถามด้วยสีหน้าที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ใช่เอาอย่างนี้ล่ะ” พิสิทธิ์ย้ำกับเพื่อนรักด้วยสีหน้าที่จริงจัง เพราะเขาเองก็มั่นใจว่าระพีพรรณจะต้องยอมยกโทษให้เป็นแน่


แสงไฟในบ้านสวนดับไปแล้ว นั่นหมายถึงว่าคนในบ้านก็คงจะหลับไปแล้วเช่นกัน ดนุพรเหลือบมองดูเวลาที่หน้าปัดรถบอกเวลาใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่ใคร ๆ คงจะหลับกันหมดแล้ว จะมีก็เพียงแต่เขาเท่านั้น ที่หลังจากออกจากบ้านพิสิทธิ์แล้ว ก็ขับรถเตร่ไปเรื่อย จนในที่สุดก็มาหยุดที่หน้าบ้านของผู้ที่เป็นแม่ของลูกเขา

อนาคตระหว่างเขาและระพีพรรณจะออกมาในรูปไหน เขาเองก็ยากที่จะเดาออกได้ และเขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในเวลานี้ มันจะทำให้เขาได้คนที่เขารักกลับคืนมา เพราะเขาเองก็แทบจะไม่เคยวาดภาพว่าตัวเองจะต้องมานั่งชะเง้อคอมองหลังคาบ้านผู้หญิงคนไหนเลย คิด ๆ แล้วก็ให้อายตัวเอง และท้อใจเป็นที่สุด เขายังคงนั่งปักหลักอยู่ในรถอีกเป็นชั่วโมง และชั่งใจอยู่นานกว่าจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไป ด้วยคิดว่าคงจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว สำหรับการมาของเขาในเวลานี้

เวลาใกล้จะสามทุ่มของวันต่อมา ดนุพรรีบจอดรถทันทีที่มาถึงบ้านสวน แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าอีกแล้ว เพราะกว่าที่เขาจะเสร็จจากลูกค้าสำคัญและขับรถผ่าการจราจรมาถึงที่นี่ได้ ก็กินเวลาไปเกือบจะสองชั่วโมงทีเดียว แต่เขาก็ยังชื้นใจอยู่บ้างที่มองเห็นแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากบ้านหลังน้อย เพราะนั่นหมายถึงคนข้างในยังไม่ได้เข้านอน

“เพลง ๆ คุณหลับหรือยัง ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยจะได้มั้ย ขอร้องเถอะนะ”
เขาไม่รอช้ารีบเข้าไปเคาะประตูบ้านที่ปิดสนิทเอาไว้ และร้องเรียกคนที่อยู่ข้างในด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง แต่ก็ไร้วี่แววของคนที่อยู่ภายใน
“เพลงได้โปรดเถอะนะ ออกมาคุยกับผมหน่อยได้มั้ย ผมไม่กวนเวลาคุณมากหรอก ผมสัญญา”

เขาไม่ละความพยายาม มือก็เคาะประตูไป ปากก็ร้องเรียกเธอไปหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีใครส่งเสียงออกมา แล้วไม่นานแสงไฟภายในบ้านก็ถูกปิดลงไป และก็มีแต่ความเงียบเข้ามาคอบคลุมเอาไว้ เวลานี้สำหรับคนเมืองคงจะไม่ดึกมาก แต่ที่บ้านส่วนแห่งนี้และสำหรับเวลานี้ แค่สามทุ่มแค่นี้ มันก็เหมือนจะดึกเหลือเกิน บ้านผู้คนในระแวกนั้นดูเงียบเชียบเหลือเกิน

เขาไม่ละความพยายามลองเคาะประตูเรียกเธออีกครั้ง และมันก็ได้ผลแบบเดิม ๆ คือความเงียบ เขาไม่รู้จะทำยังไงได้แต่เดินไปนั่งในรถที่จอดไว้หน้าบ้านแทน แล้วเขาก็ปรับเบาะในท่านอนเพราะรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว เพราะวันนี้มีงานยุ่งแทบทั้งวัน จนเขาแทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อนเลย เขาหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย จนเผลอหลับไปในที่สุด แล้วก็ต้องตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะโทรศัพท์เจ้ากรรมดังขึ้น เขายกขึ้นมาดูแล้วก็ต้องรีบกดทิ้งไป เพราะคนที่โทรมานั้นคือนัชนินนั่นเอง

นาฬิกาที่ข้อมือบอกว่าเป็นเวลาจะเที่ยงคืนแล้ว ในที่สุดเขาก็แพ้กับความอ่อนเพลียของร่างกาย จึงค่อย ๆ ขับรถออกไปจากบริเวณบ้านไป และทันทีที่รถของเขาคล้อยหลังไปไม่นาน ไฟในบ้านสวนก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง

“ไปแล้วเหรอเจ้าโป่ง”กำพลถามเมื่อโป่งกลับเข้ามาในบ้านหลังจากที่แอบไปสำรวจดูผู้จากที่เพิ่งจากไป
“ครับคุณท่าน”โป่งตอบแค่นั้น
“ไปงั้นเราก็นอนเถอะดึกมากแล้ว”

กำพลบอกโป่งแล้วตัวเองก็หลับตาลงอีกครั้งหลังจากที่นอนคิดอะไร ๆ ไปเรื่อยเปื่อย เพราะรอดูว่าคนที่อยู่หน้าบ้านจะกลับไปเมื่อไหร่ เขาเองก็รู้สึกสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อย และไม่รู้ว่าเรื่องระหว่างเขาและคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกเขยตัวเอง จะออกมาในรูปแบบไหน

และมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากผู้ที่นอนอยู่อีกห้องหนึ่งเลย ระพีพรรณรู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่ได้ยินเสียงรถของเขาแล่นออกไป เพราะตลอดเวลาที่เขามาเฝ้าอยู่หน้าบ้านนั้น มันสร้างความวิตกให้เธอไม่น้อยเลย ด้วยไม่รู้ว่าคนอย่างเขาจะมาไม้ไหนกับเธออีก เธอไม่อาจจะปักใจเชื่อได้เลยว่า การกลับมาของเขานั้นสืบเนื่องมาจาก “ความรัก” ที่มีต่อเธอ และลูก

เพราะเวลาที่เขาทอดทิ้งเธอนั้นมันนานเกินกว่าที่จะทำให้เธอคิดว่าเขารักและต้องการเธอ มีเพียงเหตุผลเดียวที่มีในใจของเธอ นั่นก็คือ การที่เขาต้องการเอาชนะ ไม่ว่าจะเป็นชนะเธอ หรือแม้แต่ชนะพี่ชายตัวเอง คนอย่างเขายอมทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะให้ตัวเองสมหวัง เขายอมที่จะตัดเธอและลูกออกจากชีวิตเพื่อต้องการแก้แค้นแค่นั้น แล้วทำไมเขาจะไม่ยอมทนมางอนง้อเธอ เพื่อให้เธอปักใจเชื่อ แล้วเขาก็จะทำร้ายจิตใจเธออีกครั้ง







 

Create Date : 30 ตุลาคม 2551
1 comments
Last Update : 30 ตุลาคม 2551 7:27:01 น.
Counter : 803 Pageviews.

 

เย้ๆๆ มาอีกตอนแล้ว ขอบคุนค่าาาาา ^o^

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 31 ตุลาคม 2551 8:02:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.