Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
1 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๑๖ (ธัญรัตน์)




“สวัสดีครับคุณโสภา”
พิสิทธิ์รีบทักทายโสภาทันทีที่เข้าไปนั่งในห้องทำงานของเธอ หลังจากที่เปรมโทรมาแจ้งว่าจะเข้ามาหาตามนัดสายหน่อย
“เชิญค่ะ คุณทนายใหญ่” สีหน้าของโสภาบ่งบอกว่าไม่อยากจะเจอคนที่มาเยือนเลย
“ขอบคุณครับ วันนี้คุณโสภาแต่งตัวสวยจังเลยครับ” เขาแซวและทำหน้าทะเล้นใส่เธอ
“ฉันจะถือว่าเป็นคำชมที่ออกมาจากใจจริง ๆ ของคุณก็แล้วกันนะคะ” โสภาบอกอย่างรู้ทัน และค้อนใส่เขา

“แหม...ผมก็ชมจริง ๆ นะครับ ใจจริงคุณโสภาจะไม่เห็นความจริงใจของผมบ้างหรือไงครับ เจอผมทีไรคุณก็พูดประชดประชันผมทุกทีเลย” เขาอดแหย่เธอไม่ได้
“พี่เปรมจะมาช้าหน่อย รับกาแฟไหมคะ จะได้ปากไม่ว่าง” เธอรีบตัดบท
“ได้ก็ดีครับ ขอบคุณนะครับ หนึ่ง สอง สองครับ”
เขารีบรับข้อเสนอ ก่อนที่โสภาจะโทรไปแจ้งเลขาฯ หน้าห้องให้จัดการตามสูตรกาแฟที่เขาบอกไป
“เอ่อ...คุณวันนี้ฉันเจอคุณก็ดีเลย ฉันมีเรื่องจะถามคุณหน่อย” โสภาอดไม่ได้ที่จะหาทางว่าเขา
“เรื่องอะไรครับ” พิสิทธิ์ถาม
“ก็เรื่องยายเพลงน่ะสิ” คำตอบของโสภาทำให้สีหน้าของพิสิทธิ์ที่มีรอยยิ้มอยู่ แทบจะหุบลงทันที

“ทำไมครับ คุณเพลงเป็นอะไร” เขาแกล้งถามไปอย่างนั้น แต่ก็รู้ทั้งรู้ว่าโสภาหมายถึงเรื่องอะไร
“ก็เพื่อนคุณน่ะสิ ถ้าจะเป็นโรคจิตนะ อะไรกันว่างเป็นไม่ได้ หาเรื่องมาแกล้งเพื่อนฉันตลอดเลย คนอะไร ชื่อดำแล้วยังใจดำอีก ทำไมเหรอ ที่ยายเพลงต้องพบกับสภาพแบบนี้ เขายังไม่สะใจพอหรือไง ทำไมจะต้องไปเอาแฟนเก่ากับคู่อริมาเยาะเย้ยกันด้วย” โสภาต่อว่ากับพิสิทธิ์ หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวมาจากระพีพรรณเกี่ยวกับวีระกรรมที่ดนุพรทำไว้

“ผมไม่รู้เรื่องด้วยนะคุณ ผมเองก็ใช่ว่าจะเห็นด้วย ยังต่อว่ายายแยมอยู่เลย แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงครับ มันเรื่องส่วนตัวของเจ้าดำมัน ผมห้ามไม่ได้หรอก” เขาไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไง
“แต่คุณก็เป็นเพื่อนรักเขา น่าจะปราม หรือเตือนสติเขาได้บ้าง โบราณว่า ไม้ล้มข้ามได้ แต่คนล้มอย่าข้าม นายดำไม่เคยได้ยินรึยังไงคำ ๆ นี้น่ะ” โสภาบ่นอีก

“แหม...คุณโสภา ผมก็แค่เพื่อนนะ ไม่ใช่พ่อแม่เจ้าดำ จะได้บอกแล้วมันจะเชื่อ ถ้ามันเชื่อผมแต่แรก คุณเพลงก็คงไม่ต้องไปทำงานใช้หนี้อย่างนั้นหรอกครับ ไอ้ดำน่ะ เวลาโมโหแล้วใครก็เอาไม่อยู่หรอก แต่จะไปโทษมันทั้งหมดก็ไม่ถูกนะคุณ มันก็ได้รับผลกระทบที่คุณกำพลทำมามากเหมือนกัน” เขาอธิบาย

“ฉันไม่อยากรับรู้เรื่องพวกนั้น แล้วยายเพลงไปเกี่ยวข้องอะไรด้วยล่อ” โสภาไม่ยอมลดละ
“เอาล่ะ ๆ เอาเป็นว่าถ้าผมเจอเจ้าดำอีก ผมจะเตือนมันก็แล้วกันนะครับ ผมว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่านะ”
เขาพยายามเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะมองหญิงสาวด้วยแววตาที่เป็นประกาย กับความรู้สึกที่แปลก ๆ บางอย่างที่เกิดขึ้นในใจเขา

“เอ้า...นี่ รายละเอียดลูกหนี้ฉัน เดี๋ยวพี่เปรมจะมาบอกรายละเอียดเพิ่มให้ ว่าความให้ชนะนะคุณ เพราะรายนี้ เราลงทุนไปไม่น้อยเลย เก็บเงินงวดสองไม่ได้เลย แหม...ทีแรกก็อวดรวยซะไม่มี ที่ไหนได้ รวยแต่เปลือกนอก”
โสภายกเอาแฟ้มเอกสารออกมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงานตัวเอง และก็ส่งให้เขา
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องงาน ผมหมายถึงเรื่องอื่น” พิสิทธิ์บอก แต่ก็รับเอาแฟ้มเอกสารจากมือโสภามา
“อ้าว...แล้วคุณจะคุยเรื่องอะไรกันคะ” โสภาถาม แต่สายตาก็ส่อแววที่เป็นประกายไม่แพ้กับเขาเหมือนกัน

“เสร็จธุระกับคุณเปรมแล้ว ไปทานข้าวเย็นกันนะ ผมขอเป็นเจ้ามือเอง”
พิสิทธิ์รีบเสนอ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาโสภาแทบพูดอะไรไม่ออก
“ว่าไงครับ ถ้าคุณไม่ตอบผมจะถือว่าคุณตกลงนะ” เขารีบถามย้ำอีก
“ทำไมฉันจะต้องไปกินข้าวกับคุณด้วย” เธอบอกออกไป
“อ้าว...ก็ผมอยากจะเลี้ยง เราจะได้รู้จักกันให้มากขึ้นกว่านี้ไงครับ ผมน่ะเป็นทนายให้บริษัทคุณแล้วนะ จะได้คุยเรื่องงานไปด้วยไง และอีกอย่างคุณก็จะได้รู้จักผมในอีกแง่มุมอื่น ๆ นอกเหนือที่เป็นเพื่อนเจ้าดำมันด้วย” พิสิทธิ์บอกและยิ้มหวานให้เธอ

“ทำไมฉันจะต้องรู้จักคุณด้วย แค่คุณเป็นทนายให้ที่บริษัทแค่นี้ ฉันก็เบื่อหน้าคุณจะแย่แล้ว” โสภาบอก
“โธ่...คุณนี่จริง ๆ เลย จะพูดดี ๆ หวาน ๆ กับผม เหมือนคุณเพลงหน่อยก็ไม่ได้ ผมล่ะไม่เข้าใจเลยจริง จริ๊ง ว่าทำไมคุณสองคนเป็นเพื่อนรักกันได้ยังไง อายุก็ห่างกัน นิสัยใจคอก็คนละแบบเลย” เขาไม่วายที่จะแหย่เธออีก
“ถ้าเกิดฉันเป็นแบบยายเพลงน่ะเหรอ ป่านนี้คนใจร้ายอย่างนายดำก็เล่นงานได้ง่าย ๆ น่ะสิ”
เธอว่าเขา แต่ก็ยิ้มให้เขาด้วยความหมั่นไส้

“เอาล่ะ ๆ ผมไม่เถียงคุณแล้ว เอาเป็นว่าเสร็จธุระจากคุณเปรมแล้ว ผมจะรอรับคุณเลยก็แล้วนะครับ งั้นผมไปก่อนนะ คุณเปรมมาแล้ว”
เขารีบตัดบทเพื่อไม่ให้เธอปฏิเสธ และใช้เปรมมาเป็นข้ออ้างได้พอดี เพราะเขาเพิ่งจะเห็นเปรมเดินผ่านประตูกระจกห้องของโสภาไปไม่นาน แล้วเขาก็รีบลุกจากไป พร้อม ๆ กับไม่ลืมที่จะถือแฟ้มที่เธอเพิ่งจะให้เขาไปด้วย ทิ้งให้โสภาอมยิ้มตามหลังไปด้วยความหมั่นไส้เขา แต่ก็บอกตัวเองไม่ถูกว่ารู้สึกดีแค่ไหน ที่เขานัดทานข้าว



ดนุพรต้องรีบจอดรถที่กำลังจะเลี้ยวเข้าประตูบ้านเอาไว้ เพราะมองเห็นรถของธนากรที่เขาคุ้นตาจอดอยู่ใกล้ ๆ ประตูบ้านเขา และก็มีรถอีกคันที่จอดอยู่ไม่ห่างกัน ซึ่งเขาเองก็พอเดาได้ว่าเป็นรถของโสภาที่มาคอยรับระพีพรรณกลับบ้านนั่นเอง เขามองเวลาที่หน้าปัดรถก็พบว่าใกล้สามทุ่มแล้ว เขารีบลดระดับกระจกรถลงครึ่งหนึ่ง และดับเครื่องรถเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ใครสังเกตเห็น เขามองไปที่ประตูบ้าน ก็เห็นระพีพรรณกำลังเดินออกมา เธอยืนหันรีหันขวางไม่นาน ก็เดินตรงไปยังรถที่รอรับเธออยู่ แต่ไม่ทันที่เธอจะไปถึงรถ เขาก็เห็นธนากรเปิดประตูรถและเดินตรงไปหาเธอทันที

“เพลง”
เสียงธนากรทำให้ระพีพรรณที่รีบหน้าตั้งออกมาต้องหยุด และหันมาหาเจ้าของเสียงทันที แล้วเธอก็พบว่าเป็นคนที่เธอเพิ่งจะไล่ไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน แล้วเขาก็หายหน้าไปไม่ได้มากวนเธออีกเลย จนเธอคิดว่าเขาคงจะไม่มายุ่งอีกแล้ว แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะได้เจอเขาที่นี่

“ก๊อป”
เธอเรียกชื่อเขาด้วยความเคยชิน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น ก็รีบหันหลังกลับและเดินเพื่อหมายจะตรงไปที่รถของโสภาที่จอดรออยู่
“เพลงเดี๋ยวก่อนสิ คุยกับเราให้รู้เรื่องก่อน” ธนากรรีบคว้าเขาข้อมือเธอเอาไว้
“ปล่อยเรานะก๊อป เรื่องระหว่างเราสองคน ไม่มีอะไรที่จะต้องคุยแล้ว เราบอกก๊อปแล้วไง ว่าเราสองคนอยู่คนละสถานภาพกันแล้ว และตอนนี้เราก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากก๊อปอีกแล้ว มันสายไปแล้ว ทำไมเวลาเราต้องการความช่วยเหลือ ก๊อปไม่เข้ามาล่ะ”ระพีพรรณบอกพร้อม ๆ กับใช้มืออีกข้างแกะมือเขาออก แต่ก็ไม่เป็นผล
“ไม่ได้นะ เราอยากจะช่วยเพลง เราบอกแล้วไงว่าเราขอโทษ” เขาไม่ละความพยายาม

“เราบอกว่าไม่ต้อง เราช่วยตัวเองได้ ปล่อยเรานะก๊อป เราเจ็บ กลับไปซะเถอะ ขอให้เราเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันก็แล้วกัน” เธอบอกและพยายามสลัดข้อมือออกจากเขา แต่ไม่เป็นผลเขายิ่งยึดข้อมือเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม
“ไม่ปล่อย ทำไมล่ะเพลง จนถึงป่านนี้แล้วยังจะมาหยิ่งอีกรึไง มันไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วนะ ให้เราช่วยเถอะ เราอยากให้เรื่องของเรากลับมาเหมือนเดิม” เขาไม่ยอมปล่อย และรีบรวบเอาร่างเธอกอดเอาไว้
“ปล่อยนะก๊อปจะบ้ารึไง เราบอกแล้วว่าเราช่วยตัวเองได้ ปล่อย ถ้าไม่ปล่อยเราจะร้องให้คนช่วยนะ”เธอพูดเสียงแข็งใส่เขา

“ก็ร้องไปสิ ทำไมจนจะตายอยู่แล้ว ยังจะมาเล่นตัวอีก เธอไม่ใช่ลูกเศรษฐีเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะเพลง เรายินดีช่วย ไม่เอาเงินคืนสักบาทเดียวก็ได้ ขออย่างเดียวขอให้เพลงยอมเราก็พอ”
เขาบอกออกไป และมันก็ทำให้ระพีพรรณรู้ในสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง เพราะเมื่อสมัยอยู่เมืองนอกเขาก็จะพยายามที่จะมีความสัมพันที่มันเกินขอบเขตกับเธอเหมือนกับคู่เพื่อนคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้วยกันในระหว่างเรียน แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธเอาไว้ทุกครั้ง ถึงแม้ว่าบางครั้งเธอจะอ่อนไหวไปกับความอ่อนหวานที่เขาแสดงให้เห็นบ้างก็ตาม

แต่เธอก็ใจแข็งไม่ยอม และเธอก็ยังโชคดีที่มีโสภาคอยเป็นเกราะกำบังเอาไว้ให้อีกคน ซึ่งเธอก็ดีใจเหลือเกินที่มันเป็นแบบนั้น เพราะธนากรที่เธอเคยรู้จักและปันใจให้เมื่อในอดีต แท้ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้วิเศษอะไรไปกว่าผู้ชายอื่น ๆ ที่หวังเรื่องอย่างนั้นกับเพศตรงกันข้าม และที่เธอเสียใจมากในเวลานี้ก็คือเขากล้าฉวยโอกาส ในเวลาที่เธอกำลังแย่เพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่เขาต้องการ

“นี่ใช่มั้ยคือเหตุผลที่แท้จริงที่ก๊อปอยากจะช่วยเรา”
เธอถามและยิ้มด้วยความสังเวชให้เขา หลังจากที่สลัดตัวเองให้ออกห่างจากการรวบของเขาได้
“ก็แล้วทำไมล่ะ เพลง เงินตั้งห้าสิบล้าน กับอีแค่ยอมนอนกับเรา มันไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนเลย เพราะไหน ๆ เราก็เคยเป็นแฟนกันมาก่อน เราว่ามันดีกว่าที่เพลงจะต้องมาทนเป็นคนรับใช้รองมือรองตีนให้กับพี่ดำซะอีก”
เขาบอกด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเหมือนกับเป็นบทสนทนาที่ไม่มีสาระสำคัญอะไร

“แต่ฉันยินดีที่จะเป็นคนใช้มากกว่าจะขายศักดิ์ศรีตัวเอง ให้กับผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เห็นแกได้อย่างนาย ขอบคุณนะ ที่ในที่สุดนายก็เผยธาตุแท้ออกมาให้ฉันเห็น ต้องขอบคุณพี่โสภามาก ๆ เลยที่คอยเตือนสติฉันเรื่องนาย กลับไปเถอะ กลับไปหาคนที่นายเลือกเอาไว้ และหวังว่านายคงจะไม่เผลอแสดงความเห็นแก่ตัวออกไปให้เขาเห็นก่อนวันแต่งงานนะ”
เธอบอกและจ้องมองหน้าเขาด้วยความผิดหวัง
“จนแล้วยังจะหยิ่งอีกเหรอ มานี่เลย ไม่เคยมีใครปฏิเสธนายธนากรได้สักคน”
เขารีบคว้าเอาข้อมือระพีพรรณแล้วกระชากไปที่รถทันที

“ปล่อยนะ ช่วยด้วย ๆ ปล่อย”
ระพีพรรณร้องออกมาแล้วก็พยายามรั้งตัวเองให้หลุดจากแรงฉุดของธนากร แต่ก็ทานแรงเขาไม่ไหว ซึ่งทำให้ดนุพรที่เฝ้ามองและแอบฟังบทสนทนาของทั้งสองเริ่มขยับตัวเพื่อเตรียมพร้อม เพราะไม่แน่ใจว่าธนากรจะเอายังไง แต่เขาก็หยุดตัวเองเอาไว้ เมื่อมองเห็นใครบางคนวิ่งออกมาจากรถอีกคัน
“ปล่อยคุณเพลงนะ” เสียงภคินร้องเรียกธนากร
“คินช่วยเพลงด้วย” เธอร้องออกมาด้วยความดีใจที่ได้เห็นภคินออกมาจากรถแทนที่จะเป็นโสภา
“แกเป็นใคร อย่ามายุ่งเรื่องของผัวเมียนะไปให้พ้น” ธนากรร้องด่าออกไป แล้วกระชากระพีพรรณไปหารถ
“ผัวเมียเหรอ ไอ้ผู้ชายเลว ๆ อย่างแกไม่มีใครเขาโง่เอาไปทำผัวหรอก ปล่อยคุณเพลงนะ ไม่งั้นฉันจะไม่ไว้หน้าแน่”
ภคินชี้มือไปยังธนากร

“ไอ้นี่วอนซะแล้ว” ธนากรพูดด้วยความโมโห และก็ผลักร่างระพีพรรณไปจนเซไปปะทะกับรถของเขาอย่างแรง
“โอ๊ย...” ระพีพรรณร้องออกมาเพราะรู้สึกเจ็บ
“ระพีพรรณเธอเป็นยังไงบ้าง” เสียงดนุพรที่ดังมาจากด้านหลัง และรีบมาพยุงเธอให้ลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ”
เธอตกใจที่ได้เห็นเขา แต่ก็ควบคุมสติเอาไว้ และบอกเขาออกไป ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นักที่เห็นเขา ก็ไม่ใช่เพราะเขาหรอกหรือที่ชักนำให้ธนากรเข้ามายุ่งกับชีวิตของเธอ

“แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นลูกใคร” ธนากรร้องถามและเดินตรงไปหาภคิน
“ฉันไม่สนใจหรอก แต่ถ้าจะให้เดาแกมันก็คงจะเป็นไอ้พวกลูกพ่อไม่ไม่สั่งสอนมั้ง ที่เที่ยวไปรังแกผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้”
ภคินบอกไปด้วยความโกรธที่ทันได้เห็นเขากระชากลากถูระพีพรรณไปที่รถ แต่ก็ไม่ทันได้รู้เรื่องราวที่ละเอียดอะไร เพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์กับลูกค้าอยู่ในรถ จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าระพีพรรณออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“แกด่าพ่อฉันเหรอ หน๊อย ไม่รู้ซะแล้วว่าเล่นกับใครอยู่”
ธนากรพูดและตรงไปหาภคินทันที และภคินเองก็ไม่รอช้ารีบตรงรี่มาหาไม่แพ้กัน

“หยุดนะ ผมบอกให้หยุด อะไรกัน”
เสียงดนุพรดังขึ้นทันทีที่เขาช่วยให้ระพีพรรณยืนเกาะรถเอาไว้ แล้วเขาก็รีบเดินมาห้ามคนทั้งสองที่เงื้อมมือค้างเอาไว้
“พี่ดำ”
เสียงธนากรเรียกชื่อเขาแล้วก็รีบเอามือที่เงื้อมค้างเอาไว้ลงทันที และตัวเองก็รู้สึกผิดที่เผลอลืมตัวแสดงกิริยาที่ไม่ดีออกมา และมันก็ไม่ต่างกับภคินไม่น้อย ที่ค่อนข้างตกใจกับเจ้าของเสียง เขาเองก็เพิ่งจะได้มีโอกาสเห็นหน้าของดนุพรเสียที หลังจากที่ได้ฟังระพีพรรณและพี่สาวกล่าวขวัญเรื่องเขามานาน แต่ก็ไม่เคยได้เห็นหน้าคร่าตาจริง ๆ สักครั้ง

“ถ้าพวกคุณจะชกกัน ก็ไปชกที่อื่น นี่มันหน้าบ้านผม อย่ามาก่อเรื่องแถวนี้ และยิ่งเป็นเรื่องแย่งผู้หญิงด้วยแล้ว ผมยิ่งไม่ชอบ เชิญไปทะเลาะกันที่อื่น” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดุ และรู้สึกไม่ค่อยดีเอาเสียเลย
“คินพอเถอะพาเพลงกลับบ้านเถอะดึกมากแล้ว”
ระพีพรรณที่ค่อย ๆ เดินมาหาภคินและก็คว้าเอาแขนของเขาเพื่อให้ออกห่างธนากร
“เพลงไอ้นี่มันเป็นใครกัน”
ธนากรไม่วายที่จะถามด้วยความอารมณ์เสีย และกับคำถามของเขามันก็ทำให้ดนุพรอยากจะรู้ไม่แพ้กัน เพราะเขาไม่เคยเห็นภคินมาก่อนเลย

“เขาจะเป็นใครก็ช่าง แต่ที่แน่ ๆ เขาจะไม่มีวันคิดกับฉันในทางที่ไม่ดีแน่นอน กลับไปซะเถอะก๊อป และหวังว่าเราคงจะไม่ได้พบหน้ากันอีกนะ....ไปกันเถอะคิน”
ระพีพรรณบอกเขาและก็หันมาหาภคินพร้อม ๆ ทั้งรั้งแขนให้เขาเดินตามไปที่รถ โดยไม่ได้สนใจสายตาที่มองตามไปของดนุพรแม้แต่น้อย
“ผมขอโทษครับพี่ดำ ที่สร้างความวุ่นวายให้ งั้นผมของตัวก่อนนะครับ”
ธนากรบอกเขาและรีบเดินขึ้นรถไปโดยที่ไม่ได้สนใจว่าดนุพรจะพูดอะไรต่อ เพราะในใจนั้นธนากรคาดหวังจะขับรถตามรถของภคินที่ขับพาระพีพรรณออกไปก่อนแล้ว ดนุพรได้แต่มองตามรถธนากรที่วิ่งตามออกไป แล้วเขาก็กลับไปที่รถและขับเข้าบ้านไปด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่



สองแขนที่ตอนนี้เริ่มมีกล้ามเนื้อก่อตัวขึ้นมาบ้างของกำพล ค่อย ๆ เข็นรถพาตัวเองไปหาลูกสาวที่นั่งอยู่ที่ชิงช้าเล็ก ๆ ที่ตั้งไว้ในสนามใกล้ ๆ เรือนพัก สีหน้าของเขารู้สึกไม่ค่อยจะสดชื่นนักในช่วงนี้ เพราะเห็นลูกสาวที่เขารักมีอาการค่อนข้างเงียบขรึม ไม่ค่อยหาเรื่องต่าง ๆ มาเล่าให้เขาฟังเหมือนเมื่อก่อนเท่าใดนัก ซึ่งเขาเองพยายามจะถามโป่งว่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอหรือไม่ ก็ไม่ได้รับคำตอบจากโป่ง เพราะโป่งเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย จนเขาต้องตัดสินใจที่จะหาคำตอบด้วยตัวเอง

“เพลงทำไมมานั่งอยู่คนเดียวล่ะลูก เย็นนี้หนูจะทำอะไรให้พ่อกินเหรอ” เขาเลือกที่จะหาเรื่องมาพูดคุยก่อน
“คุณพ่อ จะมาทำไมไม่เรียกเพลงคะ เพลงจะได้ไปเข็นรถให้ เย็นนี้เพลงว่าจะทำปลาดุกผัดเผ็ดกับต้มจืดเต้าหู้ไข่ หมูสับค่ะ แต่ตอนนี้รอลุงโป่งกลับมาจากตลาดก่อนค่ะ”
เธอหันไปหาบิดาแล้วรีบลุกไปเข็นรถให้เข้ามาใกล้ ๆ ชิงช้า แล้วตัวเองก็นั่งลงที่เดิม

“จริงเหรอลูก ของโปรดเจ้าโป่งมันใช่มั้ย พ่อเห็นมันบ่นอยากกินมาตั้งหลายวันแล้ว บอกว่าจะรอให้หนูมาทำให้กิน สมใจมันล่ะทีนี้” เขาพูดและยิ้มออกเมื่อพูดถึงคนสนิทที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนของเขาไปแล้ว
“แล้วทำไมคุณพ่อเข็นรถมาเองด้วยคะ ทำไมไม่เรียกเพลง” เธอยังคงถามเพื่อเตือนบิดาว่าให้ระวังสุขภาพ

“พ่อไปไหนมาไหนได้เองดีกว่าเมื่อก่อนมากแล้วลูก ถ้ามัวแต่จะไปไหนมาไหนแล้วคอยเรียกให้คนมาช่วย พ่อคงไม่สบายใจเท่าไหร่หรอก เพลงเองก็ทำงานเหนื่อย กว่าจะได้พักทีก็ตั้งหลายวัน แล้วว่าแต่เพลงมีอะไรหรือเปล่าลูก พ่อเห็นหนูไม่ค่อยจะสดชื่นเลย” เขารีบตรงเข้าสิ่งที่ต้องการยอยากจะรู้
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ แค่เพลงกำลังคิดว่าเมื่อไหร่เวลาที่เหลือจะมาถึงสักทีค่ะ”
เธอบอกออกไปอย่างนั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว เรื่องของธนากรยังคงสร้างความวุ่นวายในหัวใจไม่หาย

“จริงสิลูก อีกปีกว่า ๆ เท่านั้น เราก็จะได้ทุกอย่างคืนแล้วสินะ ถ้าถึงวันนั้นเมื่อไหร่ พ่อจะให้เจ้าโป่งไปเที่ยวรอบโลกหน่อย สงสารมันจริง ๆ เลย” กำพลยังพอมีอารมณ์ขันให้ลูกสาวมีรอยยิ้มออกมาด้วย
“เพลงจะให้คุณพ่อกับลุงโป่งไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ” เธอรีบผสมโรง
“พ่อภูมิใจในตัวหนูมาก ๆ เลยนะ” กำพลพูดและก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะเธอด้วยความรัก

“ขอบคุณค่ะ อีกไม่นานพวกเราก็จะได้ทุกอย่างคืนแล้ว เพลงก็จะได้ทำในสิ่งที่เพลงอยากจะทำซักทีนะคะ”
เธอบอกออกไป เพราะตั้งแต่เรียนจบมา งานด้านตกแต่งภายในก็ยังไม่ได้เอามาทำเป็นจริงเป็นจังเสียที ได้แต่รับงานเขียนแบบมาทำเป็นครั้งคราว จากที่โสภาป้อนให้เท่านั้น และก็มีวาดรูปบ้างในเวลากลางคืนหลังจากที่เสร็จจากการทำงานแล้ว แต่ก็นาน ๆ กว่าจะเสร็จสักรูป แล้วเธอก็จะหอบเอามาเก็บไว้ที่บ้าน เพื่อว่าสักวันจะได้เอาไปเปิดเป็นแกลอรี่บ้าง
“คุณพ่อดีใจกับเพลงไหมคะที่การเดินทางของเราใกล้จะถึงที่หมายแล้ว”
เธอถามและลงมาคุกเข่าอยู่ข้างกำพลและสวมกอดเขาเอาไว้ด้วยความรัก
“ดีใจสิลูก พ่อภาวะนาให้วันนั้นมันมาถึงเร็ว ๆ ลูกพ่อจะได้สบายซักที ไม่ต้องไปคอยรับใช้ใครอีกแล้ว”
เขารีบบอกแล้วก็สวมกอดลูกด้วยความรัก

“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ เพื่อพวกเราทุกคนแล้วเพลงยินดีค่ะ พอถึงวันนั้น ครอบครัวเราจะได้อยู่ห่าง ๆ กับพวกนั้นซักที” เธอรู้สึกเศร้าใจไม่หายกับสิ่งที่ดนุพรสรรหามาสร้างความเจ็บปวดให้เธอ
“แล้วเพลงมองไว้หรือยังล่ะลูก ว่าจะให้ใครมาทำงานที่บริษัท พ่อเองก็ยังพอทำได้นะลูก แต่ต้องเคาะสนิมเยอะหน่อย ตอนนี้พ่อก็เริ่มค่อย ๆ มองลู่ทางที่จะบริหารบริษัทต่อเหมือนกัน กลัวว่าพอถึงวันแล้ว ถ้าเราไม่ฟิตเดี๋ยวจะทำให้บริษัทที่พ่ออุตส่าห์ตั้งมากับมือล่มลงไปอีก” เขายิ้มออกด้วยสีหน้าที่แจ่มใส เมื่อคิดไปถึงช่วงที่ตัวเองยังคงบริหารงานที่บริษัทอยู่

“เพลงจะรีบเรียนรู้งานเร็ว ๆ ค่ะ แล้วคุณพ่อจะได้สบายซักที เพลงกะว่าจะชวนคุณอากำธรมาช่วยอีกแรงค่ะ คุณพ่อคิดว่ายังไงคะ” เธอบอกในสิ่งที่ตัวเองได้คิดเอาไว้
“แล้วอาเรามันจะมาเหรอลูก ขนาดพ่อเป็นอย่างนั้น มันยังไม่โผ่หัวมาดูพ่อเลย”
กำพลอดที่จะบ่นไม่ได้กับความใจร้ายของน้องชายคนเดียว
“คุณพ่อคะ อย่าไปว่าคุณอาเลยค่ะ พอท่านมาแล้วคุณพ่อก็ไม่ญาติดีกับท่าน คุณอาก็ไม่อยากจะมาน่ะสิคะ”
ระพีพรรณเตือนสติผู้เป็นพ่อ

“ไอ้นั่นมันเมื่อก่อนตอนที่พ่อกำลังโกรธ แต่ถ้าเป็นตอนนี้สิ ถ้ามันมาพ่อก็คงจะไม่ทำอย่างนั้นแล้วล่ะ แต่มันก็คงจะไม่มาหรอก หลงเมียกับลูกจะตาย เห็นเราจนลงแม่เมียของมันก็คงไม่นับญาติกับเราแล้วล่ะลูก”
กำพลเดาตามความคิดของตัวเอง และเท่าที่เขารู้จักน้องสะใภ้เป็นอย่างดี
“ช่างเขาเถอะค่ะคุณพ่อ เอาไว้ให้ใกล้ ๆ ก่อนแล้วเราค่อยคิดกันอีกทีก็ได้ค่ะ”
เธอไม่อยากให้พ่อต้องอารมณ์เสียกับอาสะใภ้
“เราก็อย่างนี้ทั้งปีล่ะนะยายเพลง บางครั้งการที่เรามองคนไว้หลาย ๆ ด้านมันก็ดีเหมือนกันนะลูก เราจะไปมองเขาเฉพาะทางดี ๆ มันก็ไม่ค่อยจะปลอดภัยกับตัวเราเท่าไหร่ เพลงอย่าไปใจดีกับคนอื่นให้มันมากเกินไป”
เขาบอกลูกสาวอย่างรู้ทันว่าไม่อยากให้เขาบ่นถึงอาสะใภ้ ที่เขาไม่ค่อยจะชอบนัก

“เพลงแค่ไม่อยากให้คุณพ่ออารมณ์เสียค่ะ” เธอยิ้มบาง ๆ ให้บิดา
“เอ่อ...แล้วลูกจะไปงานเลี้ยงของลูกค้ากี่โมงล่ะ แล้วมีเสื้อผ้าสวย ๆ ใส่หรือยัง ป่านนี้ยังไม่ไปแต่งหน้าทำผมอีก เดี๋ยวลูกสาวพ่อก็สวยน้อยกว่าคนอื่น ๆ หรอก” เขาแหย่ลูกสาวพร้อม ๆ กับยิ้มให้เธอ
“เพลงจะไปประมาณทุ่มหนึ่งค่ะ แต่หกโมงพี่โสภาจะมารับไปทำผม อย่างเพลงแต่งแป๊ปเดียวก็สวยแล้วล่ะค่ะ คุณพ่อไม่รู้เหรอคะว่าคุณพ่อมีลูกสาวสวย แต่ว่าก่อนไปเพลงจะทำกับข้าวไว้ให้คุณพ่อกับลุงโป่งก่อนค่ะ” เธอบอก
“จ้าลูกสาวพ่อสวยพ่อรู้ แต่ว่าไก่ก็ต้องงามเพราะขน คนก็ต้องงามเพราะแต่งนะลูก ออกงานทีก็อย่าให้น้อยหน้าคนอื่นนะลูก เครื่องประดับของมีค่าก็ยิ่งไม่ค่อยจะมีอยู่ด้วย” เขาไม่วายห่วง

“โธ่...คุณพ่อคะ ไม่ต้องห่วงเพลงหรอกค่ะ ถึงไม่มีของพวกนั้นเพลงก็สวยได้ค่ะ แต่ว่าวันนี้พี่โสภาบอกว่าพี่เปรมหาเครื่องประดับไว้ให้เพลงแล้วค่ะ กลัวลูกน้องจะน้อยหน้า” เธอบอก
“เหรอลูกงั้นก็ดีเลย พ่อค่อยหายห่วงหน่อย” เขายิ้มให้ลูกสาว
“งั้นเพลงว่าเข้าบ้านกันก่อนนะคะ ลุงโป่งมาโน่นแล้ว เพลงจะได้ทำกับข้าว และคุณพ่อต้องไปเป็นลูกมือให้เพลง ช่วยหั่นพริกหั่นมะเขือนะคะ”
ระพีพรรณรีบบอกและลุกขึ้นไปเข็นรถพ่อเพื่อตรงไปเรือนพัก ที่มีโป่งเดินถือข้าวของเข้ามาจนเกือบจะถึงแล้ว



“ฉันไม่เข้าใจแกจริง ๆ เลยนะ ว่าทำไมแกไม่หิ้วสาว ๆ ของแกมางานนี้ ทำไมต้องเป็นฉันด้วยวะ แล้วจะบอกล่วงหน้าให้มันนาน ๆ หน่อยก็ไม่ได้ จะได้หาสาว ๆ มาควง นี่พอแกเจอคุณแนนเข้า แกก็ทิ้งฉันเหมือน ๆ ทุกครั้ง จริง ๆ นะแกนี่”
พิสิทธิ์โอดครวญทันทีที่เขาและดนุพรลงจากรถสปอร์ตหรูหน้าล๊อบบี้โรงแรม
“แกจะกลัวทำไม สาว ๆ ในงานมีให้แกควงเป็นร้อย ที่ฉันให้แกมางานนี้ก็เพราะมีว่าที่ลูกค้าเรามางานนี้หลายคนนะ หรือแกไม่อยากได้ ทำเป็นบ่น” เขาเอ็ดเพื่อน

“เอ่อ ๆ พ่อนักการตลาดใหญ่ แล้วไหนล่ะคุณแนนของแกหน่ะ”
พิสิทธิ์ถามเมื่อทั้งสองก้าวเข้ามาในงานเลี้ยงเปิดตัวโรงแรมใหม่
“คุณดำคะทางนี้ค่ะ แหม...ทำไมมาช้าจังคะ หอบเอาคุณพิสิทธิ์มาด้วยเหรอ มาเลยค่ะ คุณลุงมงคลกับคุณแม่อยู่ทางโน้นค่ะ กำลังต้อนรับท่านโฆษกฯ อยู่ค่ะ อีกหน่อยท่านรัฐมนตรีการท่องเที่ยวก็จะมานะคะ”
และไม่ทันที่เขาจะได้ตอบอะไรพิสิทธิ์ คำตอบก็รีบตรงมาหาเขา พร้อม ๆ กับใช้มือคล้องไปที่แขนของเขา ประหนึ่งจะประกาศให้คนทั้งงานรู้ว่า เขาเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น

“ครับ....พอดีเราสองคนเพิ่งจะเสร็จงานที่ออฟฟิศครับ”
เขาตอบและยิ้มให้เธอก่อนที่ทั้งสองจะเดินตามแรงดึงของหญิงสาวเข้าไปในงาน แล้วเธอก็พาเขาและพิสิทธิ์ไปแนะนำให้รู้จักคนนั้นคนนี้ ประหนึ่งจะอวดว่าเธอและครอบครัวนั้นกว้างขวางมากแค่ไหน ทำเอาทั้งพิสิทธิ์และดนุพรแทบจะไม่มีเวลาได้พูดคุยกันเลย
“เฮ้ย....ดำ...แกดูโน่นสิ เห็นมั้ยว่าใครมางานด้วย”
พิสิทธิ์เดินเข้าไปกระซิบดนุพร เมื่อสบโอกาสที่นัชนินปล่อยให้ดนุพรได้อยู่ตามลำพังบ้าง แล้วเขาก็หันไปทางประตูเข้างานตามที่เพื่อนส่งสายตาให้มองไป

“โอ้โห...ทีแรกที่เห็นฉันแทบจะจำไม่ได้แหนะว่าเป็นคุณโสภากับคุณเพลง นี่ถ้าไม่มีคุณเปรมเดินนำมาก่อนนะรับรองฉันจำไม่ได้แน่ ๆ เลย” พิสิทธิ์ทำตาโตมองตามผู้ที่ถูกกล่าวถึงอย่างไม่วางตา และมันก็ทำให้ดนุพรแทบจะไม่มีข้อโต้แย้งกับเพื่อนรักเลยแม้แต่น้อย

ว่าร่างที่เคยมีแต่ยูนิฟอร์มปกปิดเอาไว้ แล้วเปลี่ยนมาเป็นชุดราตรียาวไปถึงข้อเท้าที่เป็นผ้าไหมสีชมพูกลีบบัว ส่วนด้านบนก็จะเป็นชุดเกาะอกที่ด้านซ้ายจะมีผ้าคล้าย ๆ สไบสีเดียวกันพาดไปไว้บนไหล่ และตกไปทางด้านหลัง สร้อยมุกเม็ดเล็ก ๆ ที่คอ ตุ้มหูที่เข้าชุดกัน บวกกับทรงผมที่เกล้าไปเก็บไว้ด้านหลังแล้วปักด้วยมุกเหมือนกันกับสร้อยและต่างหู กับเครื่องแต่งกายแค่นี้ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าจะทำให้เธอดูดีและผิดหูผิดตาไปได้ถึงขนาดนี้

“เอ้ย ๆ มองตาไม่กระพริบเลยนะ เป็นไงล่ะ อึ้งล่ะสิ ใกล้เกลือกินด่างแท้ ๆ เลยนะแก”
พิสิทธิ์อดแหย่ไม่ได้ ที่เห็นอาการอึ้งของเขาไปชั่วขณะ
“ทำไมต้องอึ้ง ก็แค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่ได้สวยไปจากคนในงานนี้เท่าไหร่เลย” เขาไม่ยอมรับความจริง
“ปากแข็ง งั้นก็เชิญแกไปมองคุณแนนคนสวยของแกคนเดียวเถอะ ฉันหาคู่ควงในงานได้แล้ว ไปล่ะนะ คุณเปรมก็เป็นลูกค้าของฉันเหมือนกัน” พิสิทธิ์บอกแค่นั้น แล้วก็ผละจากเขาไปโดยไม่สนใจว่าเขาจะมองตามด้วยความขัดใจแค่ไหน

“คุยอะไรกันอยู่คะ แล้วคุณพิสิทธิ์ไปไหนคะนั่น” นัชนินเดินเข้ามาหาเขาพร้อม ๆ กับเอามือคล้องแขนเขาไว้เหมือนเดิม
“เจ้าสิทธิ์ไปทักทายลูกค้าครับ”
เขาตอบแค่นั้น แล้วก็มองตามเพื่อนแทบไม่วางตา จนทำให้นัชนินมองตาม แล้วก็สะดุดตาที่ร่างบางระหงในชุดสีชมพูไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
“เฮ้อ....ทำไมโลกมันกลมอย่างนี้นะยายเพลง พี่ล่ะเบื่ออีตาทนายนี่จริง ๆ เลย ให้ตายสิ”
โสภาบ่นอุบเมื่อเห็นพิสิทธิ์เดินตรงมาหา

“พี่โสภาก็ คุณพิสิทธิ์ออกจะน่ารักค่ะ” เธอตอบและยิ้มให้เพื่อน
“อ้าว...คุณพิสิทธิ์ สวัสดีครับ มางานนี้ด้วยเหรอ”เปรมที่เพิ่งจะเดินมาสมทบกับโสภาและระพีพรรณทักทายพิสิทธิ์
“ก็พวก ๆ ลากมาครับ ผมไม่ยักกะรู้ว่าจะมีคนรู้จักมาด้วย ได้รีบมาโดยไม่ต้องให้ใครลาก”
เขาบอกเพราะอดเสียดายไม่ได้ที่ตัวเองเกือบจะไม่มาเป็นเพื่อนดนุพรเสียแล้ว แต่ก็โชคดีที่เขาตัดสินใจมา
“แล้วคุณเปรมมางานนี้ด้วยเหรอครับ เอ...หรือว่างานตกแต่งนี่เป็นผลงานของคุณเปรม”
เขาถามและเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้

“อ๋อ...ผลงานยายเพลงกับยายโสภาซะส่วนใหญ่ครับ ผมแค่หาลูกค้าให้เท่านั้น เป็นไงครับ ฝีมือทีมงานผม”
เปรมถาม
“โอย....สำหรับนักเรียนนอกสองคนนี้ไม่ต้องถามครับ เพอร์เฟคอยู่แล้ว”พิสิทธิ์บอกยิ้ม ๆ
“สวัสดีครับคุณเพลง คุณโสภา”เขาทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณพิสิทธิ์” ระพีพรรณทักทาย แต่โสภากลับทำหน้าเซ็งและไม่พูดอะไรออกไป
“อ้าว...รู้จักกับยายเพลงด้วยเหรอครับ”เปรมถาม
“ยิ่งกว่ารู้จักอีกค่ะพี่เปรม”โสภาได้โอกาสเหน็บเขากลับ
“ดีเลย งั้นตามสบายนะครับ ผมขอไปรายงานตัวกับเจ้าของงานก่อน เผื่อจะได้ลูกค้าเพิ่มบ้าง”
เปรมบอก และก็ผละจากกลุ่มไป

“วันนี้คุณเพลงสวยมาก ๆ เลยครับ แหม...ผมแทบจำไม่ได้เลย เพื่อนผมด้วยครับ”
เขาพูดและทำท่ากระซิบไปใกล้ ๆ จนทำให้ระพีพรรณและโสภาต้องมองไปยังผู้ที่เขากล่าวถึง แล้วเธอก็ได้เห็นคนที่มีสาวหน้าสวยคอยแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้แทบไม่ห่าง
“เพื่อนใจดำของคุณ มองของสวย ๆ งาม ๆ เป็นด้วยเหรอคะ”โสภาอดพูดกระทบไม่ได้
“อ้าว...คุณ...เอาอีกแล้ว เจอหน้าผมทีไร เป็นเหน็บเจ้าดำผ่านผมประจำเลย แต่ผมไม่โกรธหรอกครับ วันนี้ผมยกให้วันหนึ่ง เพราะว่าคุณแต่งตัวสวยมาก ๆ เลย ทั้งสองคนเลยครับ แหม...ทำไมไม่แต่งแบบนี้ทุกวันครับ ผมว่ามันเจริญหูเจริญตาดีออก”
เขาพูดและส่งสายตาหวานไปหาคนทั้งสอง

“คุณก็ไปบอกให้เพื่อนคุณให้เลิกให้ยายเพลงใส่ฟอร์มสิ คุณกับเพื่อนจะได้ตาสว่างสักที”โสภาพูดกระทบอีก
“โอย....อะไรกันคุณ เอาทุกเม็ดเลย ลืม ๆ มันบ้างก็ได้หรอกเรื่องไอ้ดำหน่ะ”พิสิทธิ์พูดและยิ้มด้วยความอารมณ์ดี
“ไม่ลืม ไปยายเพลงพี่เปรมเรียกให้ไปทางโน้น วันนี้วันอาทิตย์เพลงไม่ต้องมีหน้าที่เป็นลูกจ้างของเพื่อนใคร ไม่ต้องอยู่ฝืนใจคุยด้วย กับคนที่เราไม่อยากคุยเลย”

โสภาพูดแล้วก็ดึงเอาระพีพรรณเดินห่างไปจากพิสิทธิ์ดื้อ ๆ แต่เขาก็ไม่วายเดินตาม และการกระทำของเขาก็สร้างความหนักใจให้ดนุพรไม่น้อย เพราะไม่รู้ว่าพิสิทธิ์สนใจใครมากกว่ากันระหว่างโสภาและระพีพรรณ แต่ถ้าจะให้เดา เขาก็คิดว่าน่าจะเป็นโสภามากกว่า และมันก็ทำให้เขารู้สึกโล่งใจไม่น้อยเลย




มือที่เกือบจะหมดแรงเพราะทำงานมาตั้งแต่เช้าค่อย ๆ ว่างเตารีดลงกับฐานที่รีดผ้า หลังจากที่รีดกางเกงยีนส์ตัวสุดท้ายของดอนเสร็จสิ้นไป ระพีพรรณปาดเหงื่อที่เปียกชุ่มออกจากหน้าผากด้วยความเหนื่อย เพราะทุก ๆ วันจันทร์ผ้าที่เธอจะต้องรีดนั้น จะมีมากกว่าทุกวันอยู่แล้ว
“นี่เธอน้านิดให้รีดเสื้อคุณดำเพิ่มด้วย รีดดี ๆ นะ คุณดำจะใส่ไปงานศพคืนนี้ อ้อ...แล้วก็อย่าทำให้มันไหม้ซะล่ะ เพราะเสื้อตัวนี้แพงกว่าเงินเดือนเธอทั้งเดือน”

แตนเดินหน้าหงิกเข้ามาหาเธอในห้องรีดผ้า แล้วก็โยนเสื้อเชิ้ตสีขาวให้เธอ พร้อมทั้งปั้นหน้าบอกบุญไม่รับใส่เธอ ซึ่งเธอเองก็แทบจะชินซะแล้วกับแตนที่ทำท่าไม่ชอบเธอ ตั้งแต่วันที่เธอมาอยู่ที่นี่ และจนป่านนี้แล้ว มันก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลย
“มีอะไรนังแตน มายุ่งแถวนี้ทำไม คุณท่านตื่นแล้ว ตามหาอยู่โน่น หน้าที่ตัวเองมีทำไมไม่ไปทำ”
รำพึงที่เดินมาทันได้ยินแตนพูดกับระพีพรรณ จึงอดไม่ได้ เพราะเห็นระพีพรรณเงียบและไม่ตอบโต้ใด ๆ
“รู้แล้วน่าไม่ต้องมาบอกหรอก”แตนบอกแล้วก็สะบัดหน้าออกไป
“พี่เพลงนี่ก็ไม่รู้อะไร ทำไมไม่ว่ามันกลับไปบ้าง ไปกลัวมันทำไมกับอีแค่หลานคุณแม่บ้าน”
รำพึงอดโกรธแทนเธอไม่ได้

“พี่ไม่ได้กลัว แต่พี่ไม่เห็นประโยชน์ที่จะไปต่อปากต่อคำกับเขานี่ เขาไม่ชอบเราก็ไม่พูดก็แค่นั้น อย่างมากเขาก็ทำร้ายพี่ได้แค่คำพูดเท่านั้นล่ะ แต่ถ้ามารังแกพี่ ๆ ก็ไม่ยอมเหมือนกัน คนเรามันต้องรู้จักผ่อนปรนบ้าง ถึงเวลาเอาจริงเราก็เอาจริง รู้มั้ยจ๊ะสาวรำพึง” เธอบอกรำพึงและก็ยิ้มให้
“จ๊ะแม่พระ อ้าว....นั่นเสื้อใหม่คุณดำนี่หนูเพิ่งจะซักเมื่อวานเอง นังแตนมันให้เอามารีดเหรอพี่”รำพึงถาม
“จ๊ะ จริงสิ พี่ลืมไปเลย รีดก่อน เห็นบอกว่าจะเอาใส่ไปงานศพนะ”
ระพีพรรณบอกและก็จัดแจงทาบเตารีดลงไปที่เสื้อพลางคุยกับรำพึงพลาง
“เอ่อ พี่เพลง เมื่อกี้คุณแม่บ้านบอกหนูมาว่าวันนี้ให้ไปรับคุณดอนเร็วหน่อย เพราะสอบเสร็จแล้วก็จะกลับ พี่เพลงเหลืออีกเยอะหรือเปล่า หนูรีดให้ก็ได้”รำพึงบอก

“ไม่ต้องหรอก ตัวสุดท้ายแล้ว”เธอบอกและยิ้มพร้อมกับมองไปหารำพึงด้วยความเอ็นดู
“กลิ่นอะไรพี่เพลง ว้าย.....เสื้อคุณดำ”
รำพึงบ่นขณะหอบผ้าใส่ตะกร้าเพื่อที่จะเอาไปเก็บที่เรือนใหญ่ แต่ก็ได้กลิ่นเหม็นไหม้ แล้วก็มองลงไปที่เตารีดที่อยู่ในมือระพีพรรณ
“อุ้ย....ตายแล้วรำพึง เสื้อไหม้ทำไงดีล่ะ”
ระพีพรรณหน้าซีด เพราะมัวแต่คุยจนลืมลดระดับไฟลง เพราะตั้งแต่รีดกางเกงยีนส์ที่ใช้ไว้แรงสุดแล้วก็มัวแต่คุยกับรำพึงนั่นเอง
“ทำไงดีล่ะพี่เพลง โอย...อย่าให้คุณแม่บ้านกับนังหลานมาเห็นเชียวนะ รีบเก็บออกไปก่อนเร็ว”
รำพึงหน้าซีดไม่แพ้กับเธอ

“มีอะไรกันคุณเพลง เอะอะเชียว”แพงถามเมื่อเดินมาถึง
“ป้าแพง เพลงทำเสื้อคุณดำไหม้ค่ะ จะทำยังไงดีคะ เย็นนี้จะต้องใส่ด้วยสิ”
ระพีพรรณทำสีหน้าเครียด เพราะกลัวดนุพรจะเล่นแง่บอกยกเลิกสัญญาง่าย ๆ
“อ้าว...จะทำยังไงดีคะ เอายังงี้สิคะ คุณเพลงต้องรีบไปซื้อมาแทนตัวนี้ค่ะ แต่ไม่รู้ซื้อที่ไหน และราคาเท่าไหร่สิคะ แล้วจะออกไปยังไงดี อีกหน่อยต้องไปรับคุณดอนแล้วด้วย แล้วจะกลับมาทันหรือเปล่าก็ไม่รู้”
แพงพลอยเป็นกังวลไปด้วย

“จะราคาเท่าไหร่เพลงก็ต้องไปหามาให้ได้ค่ะ งั้นเพลงจะไปเรียกสมพรนะคะ แล้วจะออกไปรับคุณดอนด้วยเลย รำพึงพี่ฝากด้วยนะ”ระพีพรรณบอกและก็รีบคว้าเอาเสื้อที่ไหม้ตรงชายแล้วก็จัดแจงหาถุงกระดาษใส่แล้วก็วิ่งไปหาสมพร

“คุณดอนกินไอติมรอพี่เพลงอยู่กับสมพรก่อนนะคะ พี่เพลงไปซื้อของแป๊บเดี๋ยวกลับมาค่ะ”
ระพีพรรณบอกดอนหลังจากที่ไปรับดอนมาจากโรงเรียนและก็ตรงมาที่ห้างสรรพสินค้า แล้วให้ดอนรอที่ร้านไอศครีม ส่วนตัวเองก็รีบวิ่งขึ้นไปหาดูร้านเสื้อที่มียีห้อติดไว้ ไม่นานหญิงสาวก็พบร้านที่หมายปอง เธอรีบเอาเสื้อตัวอย่างให้พนักงานขายดูโดยเร็ว
“ตอนนี้อยู่ที่นี่ไม่มีไซด์นี้ค่ะพี่ แต่ว่าอยู่อีกร้านที่ไม่ไกลจากที่นี่มีค่ะ หนูโทรเช็คให้แล้ว พี่จะไปซื้อเอง หรือว่าจะให้น้องที่ร้านเอามาส่งก็ได้นะคะ แต่ต้องรอหน่อยค่ะ มามอเตอร์ไซด์คงจะเร็วกว่าที่พี่ไปเอง พี่จะซื้อเลยหรือเปล่าคะ จะได้ให้เขาเอามาให้” พนักงานที่ร้านเดินออกมาบอกเธอ หลังจากที่เข้าไปเช็คของที่หลังร้าน

“ได้จ๊ะ ยังไงก็ได้ แต่ขอให้เอามาให้ด่วน ๆ นะคะ พี่ต้องรีบใช้ด่วนเลย แล้วราคาเท่าไหร่คะ”
เธอบอกและรีบเปิดกระเป๋าสตางค์
“ตัวนี้เป็นคอเลคชั่นใหม่ราคาหมื่นสองค่ะพี่”
สิ้นเสียงพนักงานขาย ทำเอาระพีพรรณแทบจะล้มพับกับราคาเสื้อ นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนราคานี้สำหรับเธอคงจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับตอนนี้มันยิ่งใหญ่เหลือเกิน โชคยังพอเข้าข้างเธอที่เพิ่งได้รับค่าจ้างงวดสุดท้ายจากการตกแต่งโรงแรมของมงคลมาเมื่อวานนี้

“งั้นน้องสั่งเลยนะคะ พี่จะไปกดเอทีเอ็มตู้หน้าร้านนี่ค่ะ เร็ว ๆ นะคะ”
เธอบอกเมื่อสำรวจเงินในกระเป๋าตัวเองพบว่ามีไม่กี่พันบาท ซึ่งก็นับว่าเยอะสำหรับเธอแล้วในเวลานี้ แล้วตัวเองก็รีบวิ่งไปที่ตู้เอทีเอ็ม ความรีบร้อนทำให้เธอไม่ทันได้สังเกตคนที่เฝ้ามองเธอตั้งแต่ก้าวแรกที่เขาจะเข้ามาในร้านแล้ว แต่ก็หลบออกไปก่อน เพราะเขาต้องการจะรู้ว่าลูกจ้างของเขาเกงานมาซื้ออะไรไปให้ใคร

“นี่ค่ะพี่ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ นี่พี่โชคดีมาก ๆ นะคะเพราะที่ร้านโน้นก็เหลือตัวเดียวค่ะ เพราะคอเล็คชั่นนี้ทำมาไว้จำนวนจำกัดค่ะ” พนักงานขายรีบรายงานหลังจากที่จัดเสื้อใส่ถุงให้เธอแล้ว
“ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ไม่รู้ว่าน้องจะรังเกียจหรือเปล่าคะถ้าพี่จะให้เอาเสื้อที่มันไหม้นิดหน่อยไปให้คนที่บ้านใส่ค่ะ” เธอยื่นถุงกระดาษที่มีเสื้อให้พนักงานขาย

“ด้วยความยินดีค่ะพี่ มันเป็นรอยแค่นี้ ใส่เสื้อนอกทับก็ไม่เห็นแล้วค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ”
พนักงานยิ้มให้เธอ หญิงสาวยิ้มตอบแล้วก็รีบวิ่งออกจากร้านโดยด่วน เพราะต้องรีบเอาเสื้อกลับไปซักรีดและให้ทันก่อนที่ดนุพรจะเรียกใช้
ร่างบางที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดเลื่อนไป ดนุพรรีบเดินตรงเข้าไปในร้านเพื่อถามพนักงานที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นลูกค้าประจำ ทันทีที่ได้รู้เรื่อง แว๊บแรกเขาก็อดสงสารเธอไม่ได้ ที่ต้องเอาเงินที่เธอจะต้องทำงานให้เขาถึงสองเดือนกว่าจะได้ค่าเสื้อเขา แล้วเขาก็รีบแอบตามเธอลงไปตามบันไดเลื่อนที่คาดสายตาเขาไปสักพัก ไม่นานเขาก็เห็นเธอเดินเข้าไปในร้านไอศครีมที่มีลูกชายกำมะลอเขานั่งกินอยู่อย่างเพลิดเพลิน ก่อนจะรีบปลีกตัวออกไปโดยที่ไม่ได้รอดูเธอต่อไป

“พากันไปทำอะไรอยู่แม่เพลง คุณดอนเลิกเรียนตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ รู้หรือเปล่าว่าฉันจะต้องใช้รถออกไปทำธุระให้คุณป้าหน่ะ”นิตยาที่ยืนรออยู่หน้าตึกรีบบ่นโดยไม่สนใจอะไร
“พี่เพลงพาดอนไปกินไอศครีมอยู่ครับ” เด็กน้อยรีบบอกด้วยความไม่ชอบนิตยาที่คอยว่าครูสาวเขาอยู่เรื่อย
“เหรอ....อ้าว....สมพร ไป๊พาฉันไปธุระได้แล้ว มัวยืนทำอะไรอยู่”
นิตยาเอ็ด จนสมพรรีบมาเปิดประตูให้แล้วเธอก็รีบก้าวขึ้นรถแล้วก็รอให้สมพรปิดประตูให้ประหนึ่งตัวเองเป็นคุณผู้หญิง
ของบ้านก็ไม่ปาน

“คุณดอนไปรอพี่ที่ห้องก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ไปทำธุระแป๊บเดียว”
หญิงสาวรีบบอกและก็รีบวิ่งไปห้องซัก อบ รีด ทันที และก็จัดแจงซักเสื้อด้วยมือแล้วก็รีบเอาไปปั่นด้วยความเร็ว
“ได้หรือเปล่าคะคุณเพลง” แพงที่ห่วงระพีพรรณรีบหนีงานครัวมาถาม
“เรียบร้อยค่ะป้าแพง นี่ไงคะกำลังปั่นอยู่ค่ะ เดี๋ยวพอรีดเสร็จเพลงจะรีบเอาไปไว้ในตู้ก่อนคุณดำจะมาเลยค่ะ ตอนนี้คงจะยังไม่กลับหรอกค่ะ เพราะเป็นวันจันทร์ งานคงจะเยอะ”เธอบอกแพงและยิ้มให้ด้วยความโล่งใจ

“เฮ้อ....ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ แล้วราคาเท่าไหร่คะ”แพงอดห่วงไม่ได้
“ห๊า.....อะไรนะคะคุณเพลง โอย ตาย ๆ ทำไมคนมีเงินเขาใช้ของแพงขนาดนี้คะนี่ อกอีแป้นจะแตกตาย แล้วคุณท่านกับตาโป่งไม่อดข้าวแย่เหรอคะ เงินเดือนคุณเพลงตั้งสองเดือนเชียวนะคะ”แพงโวยวายเมื่อรู้ราคาจากปากระพีพรรณ
“เบา ๆ ค่ะป้าแพง หรือป้าแพงจะให้เขายกเลิกสัญญาของเพลงล่ะคะ หมื่นสองแลกห้าสิบล้านไม่เอาเหรอคะ”
ระพีพรรณพูดและอดขำท่าทางที่ตกใจจนเกินเหตุของแพงไม่ได้

“ก็ถูกของคุณเพลงนะคะ งั้นป้ารีบกลับไปเข้าครัวก่อน คุณเพลงก็รีบ ๆ รีดเข้าค่ะ เดี๋ยวพวกปากหอยปากปูแถวนี้ได้ยิน แล้วคาบไปบอกคุณดำล่ะยุ่งแน่ ๆ ป้าไปนะคะ”
แพงบอกแล้วก็รีบพาร่างที่อ้วนท้วมออกไปจากห้อง ทำให้ระพีพรรณอดปลื้มใจไม่ได้ที่เธอยังพอมีเพื่อนอยู่บ้างในบ้านหลังนี้ แล้วหญิงสาวก็รีบถือเสื้อที่รีดเสร็จแล้ววิ่งขึ้นชั้นบ่นโดยเร็ว

และก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อย ที่ไม่มีใครอยู่ห้องโถง หญิงสาวตรงไปยังห้องนอนของดนุพรแล้วก็รีบเอาเสื้อไปแขวนไว้ในตู้ทันที เธอรู้สึกปลอดโป่งอย่างบอกไม่ถูก ที่เรื่องตื่นเต้นจบลงด้วยดี
แต่เธอก็รู้สึกคุ้น ๆ ตากับถุงกระดาษที่วางอยู่บนเตียงนอนเขาไม่น้อย หญิงสาวไม่รอช้ารีบเดินไปเปิดดูถุงทันที แล้วก็ต้องตกใจเพราะมันก็คือถุงที่เธอเพิ่งจะยื่นให้พนักงานที่ร้านนั่นเอง

“เธอทำผิดสัญญาแล้วนะระพีพรรณ”หญิงสาวตกใจสุดขีดเมื่อต้นเสียงดังมาจากระเบียงหน้าห้องของเขา
“ว่าไง มีอะไรจะแก้ตัวหรือเปล่า”เขาถามและเดินเข้ามาหาเธอ
“ไม่มีค่ะ ดิฉันไม่คิดว่าจะต้องแก้ตัวอะไรนี่คะ เพราะดิฉันไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด”เธอตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“แล้วนี่ล่ะคืออะไร เธอจะตอบฉันหรือทนายฉันได้หรือเปล่าว่ามันผิดหรือไม่ผิด”
เขาอดที่จะขู่เธอไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วก็ออกจะสงสารเธอด้วยซ้ำ ที่กลัวผิดสัญญาจนต้องลงทุนเจียดเงินที่มีจำนวนจำกัดไปแล้ว

“ดิฉันเชื่อว่าคุณพิสิทธิ์จะต้องเห็นด้วยกับดิฉันว่านี่ไม่เข้าข่ายเป็นการทำผิดสัญญา ถึงดิฉันจะทำให้ข้าวของคุณเสียหาย แต่ดิฉันก็หาของที่เหมือนกัน ราคาเท่ากันมาทดแทนแล้ว”
เธอพยายามทำใจดีสู้เสือเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่ในใจนั้นก็หวาดกลัวว่าเขาจะเอาเรื่องไม่น้อย
“อ้อ....ออกสังคมไม่เท่าไหร่ ทำปากเก่ง ถ้าเก่งก็เก่งให้มันตลอดนะ ฉันบอกว่าเธอทำผิดก็คือผิด ห้ามมาเถียงฉัน แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าวันนี้ฉันอารมณ์ดี ฉันจะให้โอกาสเธอได้ทำอย่างอื่นทดแทนความผิด เธออยากรู้มั้ยว่าต้องทำยังไง”
เขาตีหน้าเจ้าเล่ห์กับเธอและเดินตรงมาหาเธอ

“อะไรคะ”เธอถามด้วยความสงสัย และตัวเองก็ถอยออกห่างเขาโดยอัตโนมัติ
“ก็นี่ไง”
สิ้นเสียงของเขามือทั้งสองข้างก็รวบเอาร่างของเธอเข้ามากอดเอาไว้ แล้วก็ก้มลงจูบที่เรียวปากที่แต้มสีชมพูระเรื่อ เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงอยากจะลิ้มลองรสหวานจากเรียวปากเธอนัก แต่ที่เขารู้ก็คือ เขาอยากจะทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อคืนที่เห็นเธอในชุดผ้าไหมที่สวยงามและสะดุดตาเขายิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามบอกตัวเองว่า

“ก็งั้น ๆ ไม่เห็นสวยเท่าไหร่ แต่ถึงสวย ก็สวยแต่ภายนอก แต่ภายในก็เต็มไปด้วยเลือดชั่ว ๆ ของพ่อแม่นั่นอยู่ดี”
แต่ในที่สุดเขาก็แพ้ใจตัวเองตั้งแต่ที่เห็นเธอเดินเข้ามาในห้องแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่นานก็เหมือนเขาเรียกสติตัวเองกลับมาได้ เขารีบถอนริมฝีปากออกจากเรียวกระจับด้วยความกึ่งเสียดาย กึ่งโกรธตัวเอง และกึ่งสะใจอยู่ในที ระพีพรรณรู้สึกโกรธตัวเอง ที่ไม่มีแรงแม้แต่จะทานแรงที่แข็งแกร่งของเขาได้ในทุก ๆ ครั้งที่เขามีเจตนาจะรังแกเธอ หญิงสาวมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกที่โกรธเขาเป็นที่สุด

“แค่นี้เราก็หายกันแล้ว เธอทำผิด และฉันก็ทำผิด ตกลงมั้ย”
เขาบอกเธอแค่นั้น แล้วก็จัดแจงคว้าเอาผ้าเช็ดตัวตรงไปยังห้องน้ำ แต่ก็ไม่วายที่จะหันมาหาเธอ
“ฉันจะอาบน้ำ ถ้าฉันออกมาแล้วยังเห็นเธออยู่ตรงนี้อีก ทีนี้ฉันจะไม่แค่จูบนะ”
เขาพูดกับเธอหน้าตาเฉย จนหญิงสาวที่ยืนโกรธอยู่ ได้สติและรีบวิ่งออกไปจากห้องเขาทันที ทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้


ใบหน้าที่เข้มขรึมและเป็นกังวลกับเรื่องที่จะตัดสินใจในตอนนี้ ทำให้ดนุพรขังตัวเองอยู่ในออฟฟิศตั้งแต่บ่าย จนพนักงานเลิกงานกลับไปหมดแล้ว เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวไปไหนเลย เขาลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง ยืนเหม่อมองออกไปมองสายฝนที่เพิ่งจะตกโปรยปรายลงมา มองลงไปดูรถที่จอดติดกันเป็นสายบนถนน ผู้คนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ต่างก็พากันรีบหาที่กำบังจากฝนที่ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

แม่ค้าที่ขายของตามแผงต่างก็สาละวนกับการเก็บข้าวของ บ้างก็รีบหาร่มมากางเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวของที่เตรียมมาขายต้องเสียหาย จากภาพที่เห็นมันทำให้เขาอดคิดไปถึงเมื่อครั้งที่แม่และน้องช่วยกันขายข้าวแกงตามข้างทางไม่ได้ อาการวิ่งหนีฝนของพวกแม่ค้ามันก็ไม่ต่างอะไรกับแม่กับน้องที่เคยทำมาเลย และเขาเองก็เคยรับรู้รสชาติการหอบข้าวของหนีฝนแล้ว ว่ามันอลม่านแค่ไหน

เปลือกตาปิดลงอย่างช้า ๆ เขายืนปักหลักอยู่ตรงที่หน้าต่างนั้นได้อีกไม่นาน ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น กายเขาไม่ได้ขยับไปไหนเลย เหมือนกับจะรู้ว่าใครกำลังเคาะประตูอยู่ ไม่นานประตูก็เปิดออก แล้วพิสิทธิ์ก็เดินเข้ามาในห้อง
“ว่าไงไอ้เสือรอนานหรือเปล่า”
พิสิทธิ์ทักทายเพื่อนที่ยังยืนพิงหน้าต่างอยู่ เขาหันไปหาและเดินไปนั่งที่ชุดรับแขกอย่างเชื่องช้า โดยมีผู้มาเยือนเดินตามไปติด ๆ
“เป็นอะไรไปวะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย หรือว่าถูกสาวคนไหนหักอกมาวะ” พิสิทธิ์แซวไปอย่างนั้น

“ใครจะกล้ามาหักอกฉันกัน” เขาพูดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“ก็นั่นสิ ฉันถึงได้ถามไงว่าทำไมดูหน้าแกแล้วมันไม่ค่อยจะดี หรือว่าเสียใจที่จะไม่ได้เจอฉันอีกเป็นเดือน”
พิสิทธิ์ไม่วายที่จะแหย่เขา
“ฉันดีใจต่างหากล่ะ ว่าไงวันนี้แกนัดฉันไว้มีอะไรสำคัญหรือเปล่า หรือว่าจะพาฉันไปเลี้ยงที่ไหน”
เขาถามบ้างเพราะพิสิทธิ์โทรมานัดเขาเอาไว้ก่อนเวลาเลิกงานแล้ว
“ก็ไม่มีอะไรหรอก พักนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้าแกเท่าไหร่ก็เลยอยากจะนัดออกไปปล่อยแก่หน่อย แล้วก็จะฝากให้ช่วยดูงานที่ออฟฟิศด้วยในระหว่างที่ฉันไม่อยู่ เป็นห่วงน่ะ ยายแยมก็เพิ่งจะได้ลองทำคดีง่าย ๆ ฝากแกดูให้ด้วยนะ”
พิสิทธิ์บอกเพราะเขาจะต้องไปหาข้อมูลให้ลูกความที่ต่างประเทศหลายวันหรือาจจะเป็นเดือน

“ไม่เห็นต้องฝากอะไรเลยนี่ ยังไงฉันก็ดูให้อยู่แล้ว แล้วจะไปเมื่อไหร่กัน”
เขาถามเหมือนกับไม่ค่อยอยากจะให้วันที่เพื่อนเดินทางมาถึง
“เดือนหน้าวันที่สิบหก” พิสิทธิ์ตอบ
“เอ่อ...เกือบลืม ได้ข่าวว่าแกสร้างวีระกรรมให้คุณเพลงอีกแล้วเหรอ” พิสิทธิ์ถามเพื่อนขึ้น ในเรื่องที่ได้ยินมาจากโสภา
“เรื่องอะไร” เขาถามเพื่อนด้วยสีหน้าที่ออกอาการเซ็ง เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรพิสิทธิ์ก็จะรู้ไปแทบทุกเรื่อง

“ก็จะเรื่องอะไรซะอีก เรื่องแฟนเก่าคุณเพลงไง” พิสิทธิ์รีบเข้าประเด็น
“ทำไม แฟนแกไปรายงานอะไรอีกล่ะสิ พักนี้เอาใหญ่แล้วนี่ ไม่เห็นแกจะมาถามฉันเลย จู่ ๆ ก็ปรักปรำฉันแล้ว มีแฟนแล้วลืมเพื่อนนะแกนี่” เขาดักทางพิสิทธิ์ถูก เพราะคงไม่มีใครหรอกที่จะเอาเรื่องของเขาไปเล่าให้พิสิทธิ์ฟังนอกจากโสภา
“แฟนเฟินที่ไหน เขาเรียกว่าคนพิเศษ คุณโสภาไม่ได้รายงานอะไรฉันหรอก คุณภคินน้องชายเขาโน่น”
พิสิทธิ์บอกหลังจากที่ภคินเคยเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้โสภาฟัง และเขาเองก็อยู่ในที่นั้นด้วย

“อ๋อ...ไอ้เด็กหนุ่มนั่นน้องแฟนแกหรอกเหรอ ฉันก็ว่า ไม่เคยเห็นหน้าเลย แม่เพลงของแกนี่เสน่ห์แรงไม่เบานะ มีคนโน้นคนนี้มาคอยช่วยเหลือไม่ขาดสายเลย” เขาอดไม่ได้ที่จะประชดประชันผู้ที่ถูกกล่าวขวัญถึง
“ทำไมล่ะก็คุณเพลงทั้งสวยและก็น่ารัก เป็นใคร ๆ ก็อยากจะจีบ หรือว่าแกจะเถียงว่าคุณเพลงไม่สวย”
พิสิทธิ์แหย่เขาอีกแล้ว
“ทำไมแกไม่จีบไปเลยล่ะ จะได้ช่วยใช้หนี้ให้ฉันไปด้วยเลย” เขาประชดเพื่อน

“ตอนแรกก็ว่าจะจีบอยู่เหมือนกัน แต่เกรงใจแกกับคุณป้าหว่ะ เดี๋ยวจะหาว่าฉันเห็นศัตรูดีกว่าเพื่อน ก็เลยถอยทัพก่อน ว่าแต่แกอย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ บอกมาว่าทำไมแกไปแกล้งคุณเพลงอย่างนั้น”
เขาบอกพร้อมกับยิ้มกว้างใส่เพื่อน แต่ก็นึกขึ้นได้กับเรื่องที่ถามค้างเอาไว้
“ก็ไม่มีอะไรนี่ แค่อยากจะฉีกหน้าแม่นั่นก็เท่านั้นเอง อยากจะรู้ว่าเวลาเจอแฟนเก่าแล้วจะเป็นยังไง”
เขาบอกหน้าตาเฉย
“แล้วเป็นไงล่ะ ได้ผลมั้ย” เขาถามกลับ
“ก็ดีนี่ เห็นซึมไปหลายวันเหมือนกัน” เขาบอกตามที่สังเกตเห็น

“ก็แค่ซึม ไม่เห็นว่าคุณเพลงจะอายอะไรที่ไหนเลย แล้วเห็นยายแยมบอกว่าแม่สองสาวนั่น เอาคุณเพลงไปเม้าส์ให้เพื่อน ๆ ที่เรียนรุ่นเดียวกันฟังไม่มีชิ้นดีเลยนี่” พิสิทธิ์บอกในเรื่องที่ได้ยินมาจากน้องสาว
“ฉันจะไปรู้เหรอ ห้ามปากเขาได้ที่ไหนล่ะ โอ๊ย...ไม่เอาแล้ว ว่าไงจะพาไปเลี้ยงที่ไหนก็บอกมา เบื่อเป็นจำเลยให้แกซักแล้ว” เขาพูดและก็รีบลุกขึ้นยืนและเดินนำหน้าไปที่ประตู
“แหม...แกนี่มันจริง ๆ เลยนะเจ้าดำ เมื่อไหร่จะเลิกแกล้งคุณเพลงซักที สงสารเขาบ้างสิ แค่นี้มันก็มากพอแล้วนะ”
พิสิทธิ์ไม่วายที่จะบอกเพื่อน

“แกไม่ต้องยุ่ง เรื่องของฉัน ว่าไงจะไปหรือไม่ไป ถ้าไม่ไปจะได้กลับไปกินข้าวบ้าน”
เขาบอกและเอื้อมมือเตรียมปิดสวิทย์ไฟ
“เอ่อ ๆ ไปก็ได้” พิสิทธิ์พูดและก็ลุกแล้วก็เดินออกไปประตูที่เขาเปิดรอเอาไว้ แล้วทั้งสองก็ออกจากห้องไป







 

Create Date : 01 ตุลาคม 2551
3 comments
Last Update : 1 ตุลาคม 2551 9:13:13 น.
Counter : 856 Pageviews.

 

นายดำเนี่ย นอกจากใจแล้วตัวดำป่ะคะ?

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 1 ตุลาคม 2551 10:09:57 น.  

 



แวะเอาดอกไม้สวย ๆ มาให้กำลังใจ (อีกแล้ว) จ๊ะ

 

โดย: แพรวา (peacepair ) 1 ตุลาคม 2551 11:25:37 น.  

 

ขอบคุณค่ะ คุณแพรสุดสวย

ทำไมเราดึงรูปมาแปะไม่ได้สักทีน้า

 

โดย: ธัญรัตน์ IP: 124.157.250.50 1 ตุลาคม 2551 11:33:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.