Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
17 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๓๒ (ธัญรัตน์)




แมกไม้นานาพันธุ์ระหว่างทางไปเรือนกุหลาบแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยในสายตาของระพีพรรณ หากจะมีก็คงจะเป็นเพียงความเติบโตที่มีขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน เธอเดินตามผู้ที่อุ้มลูกชายตัวน้อยไปเงียบ ๆ แต่ในใจนั้น หาได้สงบเหมือนท่าทีและสีหน้าไม่ เพราะความกังวลที่จำต้องกลับมาที่นี่อีก เพราะเด่นณรงค์บอกว่าลัดดาดูจะไม่มีกำลังใจเอาเสียเลย เพราะต้องการอยากจะพบเธอและลูก

ความคิดที่โกรธตัวเองที่ยินยอมมากับเด่นณรงค์นั้นมีมากมายเหลือเกิน แต่เมื่อหวนคิดไปถึงคำที่พ่อได้พร่ำบอกเอาไว้ ก็ทำให้เธอคล่อย ๆ คลายความกังวลไปได้มากทีเดียว

“พ่อว่าลูกควรจะไปตามที่แม่ลัดดาเขาขอมานะเพลง เพราะอย่างน้อย ๆ เราก็จะได้รู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ เราจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ทัน แต่ถ้าแม่ลัดดากับพ่อเด่นไม่มีอะไรมากกว่าอยากจะให้เพลงไปเยี่ยม พ่อว่ามันก็ไม่เสียหายอะไรนะลูก เรื่องหลานพ่อ เราก็ทำเป็นลืม ๆ ไปซะ ก็ในเมื่อพ่อของมันยังไม่ยอมรับ เราก็ไม่เห็นจะต้องไปกลัวอะไร ลูกก็ลูกของเพลง พ่อมันเป็นใครเราก็ไม่ต้องไปสนใจมัน พ่อบอกเพลงได้แค่นี้ล่ะลูก อย่าให้พ่อพูดอะไรไปมากกว่านี้เลย อะไรที่มันร้าย ๆ ก็ลืม ๆ มันไปเถอะนะลูก ต่างคนก็ต่างอยู่แล้ว ไปแล้วก็จะได้แล้ว ๆ กันไป”

“แต่เพลงกลัวว่าจะต้องพบเขาค่ะคุณพ่อ เพลงไม่อยากจะเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขาอีก ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม แค่ลำพังที่พี่เด่นไปมาหาสู่กับเราบ่อยขึ้น แค่นี้เพลงก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร่เลยค่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตีหน้าเฉย ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าคุณพ่ออยากให้เพลงไป เพลงก็จะไปค่ะ แต่เพลงจะพาลูกไปแค่ครั้งเดียวนะคะ” เธอบอกความตั้งใจให้กับพ่อได้รู้
“คุณแม่นั่งรออยู่ระเบียงแล้วล่ะคุณเพลง”

เสียงของเด่นณรงค์เรียกความคิดที่เตลิดไปไกลของเธอกลับมาอีกครั้ง แล้วเธอก็พบลัดดาที่นั่งรอเธออยู่แล้วจริง ๆ พร้อมกับสีหน้าและท่าทีที่ดูจะตื่นเต้นไม่น้อยเลย

“มาแล้วเหรอแม่เพลง เข้ามาเลย”
ลัดดาร้องเรียกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พร้อม ๆ กับรอยยิ้มที่ดูจะแจ่มใสไม่น้อย เมื่อได้มองไปดูเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนลูกชายคนโต
ลัดดายิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อระพีพรรณคุกเข่าลงแล้วก็ค่อย ๆ คลานเข้าไปไหว้เธอด้วยความเคยชินและนอบน้อมที่ตัก มือที่เหี่ยวแห้งไปตามกาลเวลาค่อย ๆ เอื้อมไปลูบผมยาวสลวยของระพีพรรณด้วยความสงสาร
“ลุกขึ้นนั่งข้างบนเถอะแม่เพลง” ลัดดาบอก

“ขอบพระคุณค่ะ คุณท่าน”เธอยังคงเรียกลัดดาเหมือนเมื่อก่อน แล้วตัวเองก็ลุกไปนั่งที่ชุดรับแขก
“ไหนขอฉันอุ้มลูกชายเธอจะได้มั้ย”
ลัดดาพูดและหันไปหาเด่นณรงค์ที่เพิ่งจะทรุดตัวลงนั่งที่ชุดรับแขกข้าง ๆ เธอ พร้อม ๆ กับอุ้มหนูน้อยไว้บนตัก แล้วเขาก็ลุกขึ้นและอุ้มไปหามารดา
“กี่เดือนแล้วแม่เพลง แล้วชื่ออะไรล่ะนี่ หน้าตาน่าชังเหลือเกิน ดูสิจั้มมั้มจังเลย”
คำถามนั้นเหมือนจะไม่ต้องการคำตอบ เมื่อลัดดาอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขน แล้วก็ก้มลงหอมแก้มเด็กน้อยหนึ่งฟอด

“สิบเอ็ดเดือนแล้วค่ะคุณท่าน ชื่อเต็ม ๆ คือ “เด็กชายดนุพันธ์” ค่ะ ส่วนชื่อเล่นคุณพ่อท่านตั้งว่า “พิง” ค่ะ แต่ไป ๆ มา ๆ ทุกคนในบ้านก็จะเรียก “คุณพิง ๆ” ตามลุงโป่งและพี่จิตค่ะ”
เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและนอบน้อมไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ลัดดาหันมาหาแล้วยิ้มให้เธอด้วยความรู้สึกที่หลากหลายในท่าทีที่เธอถือปฏิบัติเหมือนเมื่อครั้งที่เธอเคยทำงานที่นี่
“ดนุพันธุ์ ชื่อนี้มีความหมายดีนะ แล้วใครตั้งให้ล่ะแม่เพลง” ลัดดาทวนชื่อแล้วหยุดคิดก่อนจะถามเธอต่อ

“คุณพ่อค่ะ แต่ส่วนความหมายเพลงไม่ได้ถามคุณพ่อค่ะ ท่านตั้งให้ เพลงก็ใช้ชื่อนี้เลยค่ะ” ระพีพรรณเลือกที่จะไม่พูดถึงที่มา ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า ชื่อลูกชายที่พ่อตั้งให้นั้น เกี่ยวข้องกับผู้เป็นพ่อโดยตรง ถึงแม้ระพีพรรณจะไม่เห็นด้วยกับพ่อ แต่ก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไร เพราะคิดว่าพ่อคงจะคิดดีแล้ว

“เด็กชาย ดนุพันธุ์ พ่อชอบชื่อนี้นะลูก มันมีความหมายดี ส่วนชื่อเล่นพ่อจะตั้งชื่อว่าเจ้าพิง เพราะโตขึ้น ลูกของเพลงจะต้องเป็นที่พึ่งพิงให้ทั้งตา แม่ ลุง และก็ตาโป่งด้วย แล้วอีกอย่างก็คล้องกับเพลงและพีด้วย ไหน ๆ บ้านเราก็มี พอพาน กันทั้งบ้านแล้ว มีหลานมาอีกคนก็ให้มันมีให้หมดเลยก็แล้วกันนะ เพลงเห็นด้วยกับพ่อหรือเปล่าลูก”
กำพลถามลูกสาวที่ยังคงนั้งอยู่บนเตียงผู้ป่วย พร้อม ๆ กับในอ้อมแขนมีลูกน้อยอยู่ด้วย

“คุณพ่อคิดีแล้วเหรอคะ แล้วทำไมเราจะต้องเอาชื่อของเขา....เอ่อ..” เธอหยุดแค่นั้น
“ช่างมันประไรยายเพลง เราก็ต่างคนต่างอยู่กันแล้ว และอีกอย่างเขาก็ไม่ได้รับนี่ว่าเขาเป็นพ่อของลูกเรา พ่อจะตั้งชื่อนี้ล่ะ เผื่อวันข้างหน้า ถ้าคนที่เป็นพ่อของลูกเรามันได้รับรู้บ้าง มันจะได้รู้สึกละอายใจหรืออย่างน้อยก็ให้มันได้คิดว่า มันทำอะไรไว้กับเพลงบ้าง”

กำพลบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่ จนทำให้ระพีพรรณที่อยากจะแย้ง เก็บความไม่สบายใจเอาไว้แค่นั้น เพราะรู้ดีว่าพ่อเองก็ไม่ได้เจ็บน้อยไปกว่าเธอเลย


“คุณเพลงเหรอคะ คุณเพลงจริง ๆ ด้วย”
เสียงของแพงดังมาจากทางเดินแล้วก็หยุดยืนอยู่แค่หน้าระเบียงเรือนกุหลาบ เพราะไม่กล้าที่จะเข้าไปหา ด้วยเกรงเจ้านายจะตำหนิ

“เข้ามาสิแม่เพลง รำพึง อ้าว...คุณยุพินด้วย คงจะดีใจสิที่ได้เจอเพื่อนเก่า”
ลัดดาเอ่ยปากอนุญาตเมื่อเห็นคนทั้งสามเดินตามกันมา แล้วก็หยุดหยั่งเชิงอยู่ด้านหลังของแพงนั่นเอง และเมื่อได้รับคำอนุญาตจากเจ้านายแล้ว ทุก ๆ คนก็รีบตรงไปหาระพีพรรณด้วยความคิดถึง แล้วก็ไตร่ถามสารทุกข์สุกดิบต่าง ๆ นานา จนทำให้เด่นณรงค์และลัดดาถึงกับยิ้มให้กันด้วยความขำ

เพราะไป ๆ มา ๆ แล้วก็โดนบริวารมาแย่งเวลาที่ทั้งสองจะได้คุยกับระพีพรรณเอาดื้อ ๆ แต่ทั้งสองก็ไม่ได้กังวลอะไรมากนัก เพราะเด่นณรงค์มีเวลาที่จะอยู่ใกล้ชิดระพีพรรณอีกนาน ส่วนลัดดาเองก็กระจ่างดีแล้วว่า หนูน้อยก็คงจะเป็นลูกใครไปไม่ได้นอกเสียจากจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของลูกชายคนเล็ก ด้วยเพราะใบหน้าหนูน้อยนั้นเมื่อใคร ๆ ที่ได้เห็น ต่างก็พากันลงความเห็นว่าถอดแบบผู้เป็นพ่อมาแทบจะเป็นคน ๆ เดียวกันเลย

ดวงตาที่แทบจะแข็งกร้าวและสีหน้าที่ดูจะไม่สบอารมณ์เอามาก ๆ ของนิตยา ที่ได้เห็นคู่แข่งที่เธอแทบจะไม่มีอาวุธร้ายแรงใด ๆ มาสู้ได้ พร้อม ๆ กับความไม่เข้าใจว่าทำไมลัดดาถึงได้ยอมให้ระพีพรรณเข้ามาในบ้านนี้อีก ทั้ง ๆ ที่หนีหายไปนานสองนาน จนทำให้เธอเบาใจว่าระพีพรรณได้หลุดพ้นไปจากวงจรชีวิตของเธอแล้ว

แต่แล้วเธอก็ต้องผิดหวังเมื่อได้เห็นเด่นณรงค์พาระพีพรรณเข้ามาในบ้าน แล้วเธอเองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่เรือนกุหลาบเลย เหมือนกับลัดดาจะล่วงรู้ว่าเธอกับระพีพรรณไม่ได้มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมานานแล้ว
“ได้เรื่องยังไงบ้างนังแตน มันกลับมาทำไม แล้วเด็กนั่นเป็นใคร”
เสียงถามที่ห้วนและไม่มีความไพเราะ เมื่อแตนที่เธอใช้ให้ไปดูลาดเลา เดินผ่านประตูห้องที่เปิดแง้มเอาไว้

“เด็กนั่นเป็นลูกมันจริง ๆ ด้วยน้านิด แต่หนูไม่รู้ว่าพ่อมันเป็นใคร หนูได้ยินไม่ถนัด แต่ก็จับใจความจากพวกป้าแพงกับพี่รำพึงที่คุยกันในครัวมาได้” แตนรีบรายงานน้าสาวตามที่รู้มา
“แกนี่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ เลย แล้วรู้หรือเปล่าว่ามันทำไม จะกลับมาอยู่นี่ หรือว่ามาทำอะไร”
นิตยาบ่นที่หลานสาวใช้ไม่ได้เรื่อง

“อ้าว น้า ก็หนูรู้มาได้แค่นี้เองนี่ เอ...หรือว่าจะเป็นลูกคุณเด่น เพราะตอนที่มันหายไป คุณเด่นก็กลับมาได้ไม่เท่าไหร่นะน้า แล้วนี่คุณเด่นยังจะเป็นคนพามันมาหาคุณท่านอีก หรือว่าจะพามาขอขมาที่ทำผิดไปแล้ว ต้องเป็นอย่างนี้แน่ ๆ เลยน้า พักนี้คุณเด่นอยู่ไม่ค่อยติดบ้าน พอวันหยุดก็หายไปครึ่งค่อนวัน ต้องไปอยู่กับนังเพลงแน่ ๆ เลย แล้วไหนจะคุณดำอีกล่ะ ที่พักนี้หนูเห็นว่าไม่ค่อยจะได้พูดคุยกับคุณเด่นเท่าไหร่เลย เจอหน้ากันก็พูดคำสองคำ คุณดำอาจจะรู้เรื่องนี้แล้วก็เลยโกรธคุณเด่น นี่บ้านช่องก็ไม่ค่อยจะอยู่เลย น้าว่าจริงมั้ย” แตนรายงานน้าสาวด้วยความคะนองปาก

“แกอย่าพูดเรื่อยเปื่อยนะนังแตน เอ้า...นี่ฉันให้ แล้วก็ออกจากห้องฉันได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน อ้อ...บอกพวกในครัวให้ยกข้าวกลางวันมาให้ฉันที่นี่ด้วย ฉันไม่ลงไป” นิตยาดุหลานสาวแล้วก็ยื่นธนบัตรสีเทาให้ไปหนึ่งใบ

“ค่ะ”
แตนรีบรับเงินแล้วก็เผ่นออกนอกห้องทันทีด้วยสีหน้าที่กระหยิ่มยิ้มย่องกับรางวัลที่ได้รับ เพราะในใจนั้นคิดว่าได้โชคสองชั้น คือได้รู้เรื่องของศัตรูหัวใจ สองได้ค่าจ้าง และแตนก็ภาวนาให้ลูกของระพีพรรณอย่าเป็นลูกของลูกชายบ้านนี้เลย

ส่วนน้าสาวก็มีความคิดที่ไม่ต่างไปจากหลานนัก ถึงแม้จะทำท่าดุหลานสาวเพื่อหลบซ่อนความคิดตัวเองเอาไว้ แต่ในใจนั้นรู้สึกปรีดาเป็นที่สุดถ้าหากเรื่องที่แตนสันนิษฐานเป็นจริงขึ้นมา แต่เธอก็ไม่วางใจเพราะถือคติ

“ตีงูต้องตีให้หลังหัก”
เธอจึงไม่รอช้าที่จะกดโทรศัพท์มือถือไปหาใครบางคนที่เธอคิดว่าเขาจะต้องไม่พอใจที่ได้รู้เห็นเรื่องนี้เป็นแน่ และอยากจะให้ดนุพรได้รู้สึกที ว่าผู้หญิงที่นิตยาแอบเห็นความห่วงใยในแววตาเขานั้น บัดนี้ไม่ได้อยู่ในสถานภาพที่เขาจะต้องเอื้ออาทรได้อีกต่อไปแล้ว


“พี่ต้องขอโทษคุณเพลงด้วยนะ ที่คุณแม่ไม่ยอมปล่อยหลานตั้งแต่มาถึง เลยพลอยได้กลับบ้านช้ากว่าที่ตั้งใจเอาไว้”

เด่นณรงค์กล่าวคำขอโทษเธอ ที่ตั้งแต่มาถึงมารดาและคนที่บ้าน รวมทั้งดอนที่เพิ่งจะกลับจากโรงเรียนต่างก็ไปขลุกอยู่กับหนูน้อยที่เรือนกุหลาบ จนยุพินต้องพาดรุณีมานั่งอยู่ที่ข้าง ๆ สระว่ายน้ำในเวลาบ่ายแก่ ๆ แทน เพราะเสียงหยอกล้อเด็กน้อยนั้น ยุพินเกรงว่าจะทำลายสมาธิของดรุณีจนเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมา ถึงแม้ว่าอาการเหล่านี้จะไม่ได้เกิดขึ้นมานานนับปีแล้วก็ตาม แต่ทั้งหมดก็ไม่วางใจเท่าใดนัก ส่วนเด่นณรงค์ก็พาเธอเดินมาดูพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ที่ตั้งแต่ไม่มีเธอช่วย สมพรกับเขาก็ช่วยกันเพาะไว้ที่เรือนเพาะชำต่อนั่นเอง

“ไม่เป็นไรค่ะ นาน ๆ คุณท่านจะได้เห็นเพลงซักที เพลงเองก็ยังไม่อยากจะทำให้ท่านหมดสนุก เพลงโทรบอกคุณพ่อแล้วว่าจะกลับช้าหน่อยค่ะ”
ระพีพรรณบอกออกไปอย่างนั้น แต่ในใจก็ไม่ได้รู้สึกโป่งโล่งเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าคนที่เธอไม่ปรารถนาจะได้เห็นจะกลับก่อน ถึงแม้เด่นณรงค์จะบอกว่าเขาไปต่างจังหวัดและยังไม่กลับวันนี้ก็ตาม แต่เธอก็ยังคงกลัวอยู่ดี

“ขอบคุณ คุณเพลงมาก ๆ ครับที่เข้าใจคุณแม่ แล้วงานแต่งงานของนายสิทธิ์กับคุณโสภา คุณเพลงจะพาลูกไปด้วยหรือเปล่าครับ คุณแม่ท่านอยากจะรู้ ถ้าคุณเพลงพาไป ท่านคงจะดีใจแน่ ๆ เลย”

เขาบอกเล่าเหมือนเป็นเรื่องปกติ เปรียบประหนึ่งรู้กันแล้วว่าลูกชายเธอนั้นก็คือเครือญาติของพวกเขาแล้ว และก็เป็นปกติวิสัยที่ผู้ที่อยู่ในฐานะย่า ย่อมอยากจะเห็นหลานบ่อยครั้ง จนทำให้เธอไม่อยากต่อบทสนทนาเลย จึงได้แต่นิ่งเงียบ จนอีกฝ่ายเริ่มรู้สึกว่าเผยความนัยให้เธอระแคะระคายเข้าไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้แก้ต่างอะไรมากนัก เพราะไม่ใช่นิสัยของเขานั่นเอง
“เพลงขอดูก่อนนะคะ ถ้าไม่ติดขัดอะไรก็คงจะต้องไปค่ะ” เธอบอกออกไปในที่สุด เพื่อทำลายความเงียบ

“คุณเพลงครับ พี่กับคุณแม่ต่างก็มีความเห็นเดียวกันก็คือ ไม่อยากจะเก็บเรื่องเก่า ๆ เอามาคิดอีกแล้ว แต่ทำไมคุณเพลงถึงยังไม่ลืมครับ คุณท่านเองก็ดูจะไม่ได้คิดอะไรในเรื่องที่แล้วมาแล้วนะ” เขาถามในที่สุด เพราะเห็นเธอรู้สึกอึดอัดที่จะพบกับคนในครอบครัวของเขา

“พี่เด่นคะ เพลงเองก็ไม่ได้เก็บเอาเรื่องเก่า ๆ มาคิดนะคะ แต่จะให้เพลงลืมให้หมด เพลงเองก็คงจะทำไม่ได้ค่ะ แต่เพลงก็กำลังพยายามอยู่ค่ะ ที่เพลงไม่สบายใจมาก ๆ ก็คือ การที่เพลงจะต้องพาลูกมาที่นี่อีกครั้ง เพลงไม่อยากจะทำให้ใครคิดว่า การกลับมาของเพลง คาดหวังอะไรนอกเหนือแค่จากการมาเยี่ยมคุณท่านค่ะ เพลงอยากจะอยู่ในที่ ๆ ของเพลง แค่ที่พี่เด่นไปเยี่ยมบ่อย ๆ เพลงก็รู้สึกดีมากพอแล้ว ไหนจะคุณท่านกรุณาให้เพลงมาเยี่ยมอีก แค่นี้ก็เกินที่เพลงหวังเอาไว้แล้วล่ะค่ะ”
เธอบอกสิ่งที่ค้างอยู่ในใจให้เขาได้รู้

“แล้ว “ใคร” ของคุณเพลงนี่ หมายถึง ดำหรือเปล่าครับ” เขารีบดักทาง จนทำให้สีหน้าของอีกฝ่ายถึงกับเปลี่ยนสี
“เพลงว่าเรากลับไปเรือนกุหลาบดีกว่านะคะ เพลงจะเตรียมอาหารเย็นให้ลูกค่ะ”
เธอรีบเบนความสนใจไปเรื่องอื่น แล้วก็รีบเดินออกจากเรือนเพาะชำทันที แต่เด่นณรงค์ก็รั้งข้อมือเธอเอาไว้ก่อน
“คุณเพลงครับ พี่ขอโทษ ถ้าเกิดพี่พูดอะไรผิดออกไป แต่พี่แค่อยากจะให้คุณเพลงลืมเรื่องร้าย ๆ ก็เท่านั้น”
เขาบอกเธอพร้อมทั้งยกมือเธอขึ้นมากุมเอาไว้

“พี่อยากจะให้คุณเพลงเห็นพี่ เป็นเหมือนพี่ชายอีกคนต่อจากคุณพี เพราะพี่เองก็เห็นคุณเพลงมาตั้งแต่เล็ก ๆ พี่ไม่อยากให้เรื่องไม่เข้าใจกันมาทำลายความสัมพันธ์ของเราสองคน คุณเพลงเข้าใจพี่นะครับ”
เขารีบบอกสิ่งที่เขาตั้งใจอยากจะบอกเธอมาแสนนาน
“ค่ะ เพลงจะพยายาม งั้นเรากลับกันเถอะค่ะ คุณท่านอาจจะรอแล้ว” เธอบอกและรีบดึงมือกลับแล้วเดินนำเขาออกไปทันที

มือที่ใช้แง้มผ้าม่านหน้าต่างบนห้องนอนของเขารู้สึกอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด แล้วเขาก็ปล่อยให้ม่านหลุดออกจากมือกลับไปปิดหน้าต่างเอาไว้ดังเดิม ความกระวนกระวายที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของดนุพรกับภาพที่ได้เห็นระหว่างคนที่เขารักยิ่งทั้งสองคน พร้อม ๆ กับความไม่เข้าใจความต้องการของมารดาว่าต้องการอะไร หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากการรายงานของนิตยา

หลังจากที่เขากลับจากประจวบฯ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ก็ตั้งใจว่าจะขลุกตัวอยู่ที่โน่นสักสองสามวันก่อนถึงจะกลับมาบ้าน แต่เมื่อได้รับโทรศัพท์จากนิตยา ทำให้เขาถึงกับอยู่ไม่ติดห้อง ต้องรีบมาดูให้เห็นกับตาตัวเอง
แล้วเขาก็รู้สึกไม่สบายใจกับภาพที่ได้เห็นแม้แต่น้อย ที่พี่ชายได้พัฒนาความสัมพันธ์กับแม่ของลูกตัวเองรวดเร็วมากกว่าที่เขาคิด จากแค่อยู่พูดคุยกันที่บ้านสวนในยามค่ำคืน จนมาเป็นจับมือถือแขนในบ้านของเขากลางวันแสก ๆ

“นี่แม่ตั้งใจจะยกเมียกับลูกเขาให้พี่ชายหรือยังไงกัน” คำถามที่ผุดขึ้นมาในใจเขา

พร้อม ๆ กับความกลัวหลาย ๆ อย่างก็ตามมา แต่ก็ไม่มีความกลัวไหนจะมีเท่าการกลัวที่จะต้องเสียสิ่งที่เขารักไปเป็นแน่ แล้วเขาจะทำยังไงดี แม่ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สมว่าเด็กน้อยคนนั้นเป็นสายเลือดใคร ถึงแม้ว่าแม่จะนิ่งเฉยในเรื่องระหว่างเขากับระพีพรรณ แต่เขาเองก็เดาได้ไม่ยาก ว่าแม่กับพี่ชายจะต้องรู้อยู่แกใจว่าหนูน้อยคนนั้น จะเป็นลูกใครไปไม่ได้นอกจากลูกเขา

เขาค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งที่เตียงนอน มือสองข้างกุมขมับอย่างคนคิดหนัก เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่านอกจากเขาจะต้องรบกับหัวใจตัวเองแล้ว เขาก็จะต้องมารบกับแม่และพี่ชายอยู่เงียบ ๆ เพื่อที่จะไม่ต้องสูญเสียคนที่เขารักไป
“แกจะทำยังไงดีไอ้ดำ แกจะทำยังไงดี” เป็นคำถามที่ถามตัวเองขึ้นมาในใจอีกครั้ง



ผู้คนมากหน้าหลายตาที่พากันหลั่งใหลเข้ามาในงานแต่งงานของพิสิทธิ์และโสภา ที่จัดขึ้นที่สนามหญ้าที่กว้างใหญ่ของบ้านเจ้าบ่าว เพราะอยากจะให้งานออกมามีบรรยากาศเป็นกันเองและไม่ใหญ่มากนัก แต่จนแล้วจนรอดก็ดูเป็นงานใหญ่ขึ้นมาด้วยความไม่ได้ตั้งใจของทั้งบ่าว-สาว ที่พอเชิญคนนั้นก็นึกถึงคนนี้ ไป ๆ มา ๆ ก็เลยได้งานที่ออกมาใหญ่โตไม่น้อย สนามหญ้าจึงดูจะคับแคบไปถนัดตาไปด้วยคนรู้จักและสนิทชิดเชื้อทั้งนั้น

แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาของกำพลเลย ส่วนระพีพรรณก็ต้องหอบลูกชายมาร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ด้วย เพราะขัดโสภากับพิสิทธิ์ที่จะไม่มาไม่ได้ ถึงแม้ว่าเธอจะอ้างว่าไม่อยากจะเอาลูกมากวนในงานก็ตามที แต่โสภาก็บอกว่าจะจัดหาห้องส่วนตัวไว้ให้เธอได้ดูแลลูกเป็นสัดส่วน แต่ระพีพรรณบอกว่าไม่อยากจะรบกวนมาก จะมาเหมือน ๆ แขกคนอื่น ๆ เธอจึงหอบเอาสมจิตมาด้วย เพราะต้องช่วยดูแลลูกชายที่อยู่ในวัยที่ไม่อยู่นิ่ง

และก็ดูเหมือนว่าความคิดที่เธอเลือกมางานเลี้ยงนั้นเป็นความคิดที่ถูกต้อง เพราะไม่มีใครสนใจเธอมากไปกว่าแขกคนหนึ่งเท่านั้น เพราะทุกคนมุ่งความสนใจไปที่คู่บ่าว-สาว ที่ต้องคอยเดินไปรับแขกโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ตั้งแต่งานเริ่มจนงานเลี้ยงใกล้จะเลิกลา ระพีพรรณเลือกนั่งโต๊ะเดียวกับภคินกับแฟนสาวของเขาและเพื่อนอีกสองคนเท่านั้น และดูเหมือนว่าภคินจะรู้ใจเธอจึงเลือกโต๊ะที่ไกลไปจากโต๊ะของลัดดา ที่ควงลูกชายทั้งสองคนมาร่วมงานตั้งแต่หัวค่ำก่อนหน้าเธอด้วยซ้ำ

ระหว่างงานดำเนินไประพีพรรณเลือกเวลาที่ดนุพรไม่อยู่ที่โต๊ะเข้าไปไหว้ลัดดาและเด่นณรงค์ แล้วก็รีบปลีกตัวออกมาเพื่อไม่ให้เสียมารยาท ส่วนเด่นณรงค์นั้น ก็ผละจากโต๊ะมารดามานั่งร่วมโต๊ะกับเธอตั้งแต่นั้นมา เพราะลัดดาจะนั่งรวมกับแขกผู้ใหญ่คนอื่น ๆ เด่นณรงค์สังเกตเห็นว่าระพีพรรณพยายามเหลือเกินที่จะไม่ต้องเผชิญหน้ากับน้องชายเขา ที่ตอนนี้ถูกนัชนินลูกสาวของคุณนินทกาลลากตัวไปนั่งร่วมวงกับเพื่อน ๆ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เธอและมารดามาถึงในงาน

เขาสังเกตเห็นว่าสายตาของน้องชายนั้นจับจ้องมาที่ระพีพรรณอย่างไม่วางตา เขาได้แต่ถอนหายใจลึก ๆ กับสถานะการที่เป็นอยู่เพียงลำพัง

“ตายจริง เพลงมากับเขาด้วยเหรอจ๊ะ”
เสียงของยดาที่อุตส่าห์อุ้มท้องโย้มาทักทายเธอถึงโต๊ะ พร้อม ๆ กับมือก็เกี่ยวแขนธนากรที่บัดนี้กลายเป็นสามียดาไปแล้ว ส่วนคนที่ตามหลังยดามานั้นก็คือเปรมสิณีเพื่อนรักนั่นเอง ส่วนไปรยายึดถือเอาคำสอนของพี่ชายเรื่องไม่ให้มองระพีพรรณในแง่ร้าย จึงไม่ขอมาร่วมขบวนด้วย ได้แต่นั่งอยู่ที่โต๊ะกับเพื่อนคนอื่น ๆ แทน เพราะไปรยารู้ดีว่ายดาและเปรมสิณีนั้น ตั้งใจจะมาสร้างความไม่สบายใจให้กับระพีพรรณ

“มานานแล้ว แล้วเธอล่ะมานานหรือยัง”
ระพีพรรณถามไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เห็นคนทั้งสามนานแล้ว แต่ไม่ได้เข้าไปทักทาย เพราะเธอมองไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะเข้าไปทำแบบนั้น ด้วยรู้ดีว่าคนทั้งสาม แทบจะไม่ใช่เพื่อนของเธออีกต่อไปแล้ว นับตั้งแต่ครั้งที่เปรมสิณีหอบเอาแฟนหนุ่มไปเยาะเย้ยถึงความต่ำต้อยของเธอที่บ้านของลัดดา

และเธอเองก็เดาได้ไม่ยากว่าคนทั้งสองคงจะมาหาเรื่องเยาะเย้ยเธออีกเป็นแน่ ถึงแม้ธนากรจะไม่ได้มีส่วนรู้เห็น แต่เขาก็คงจะไม่ห้ามภรรยาอีกต่อไปแล้ว เพราะระหว่างเธอกับเขาหมดความสัมพันธ์กันตั้งแต่วันที่เธออุ้มท้องไปขอความช่วยเหลือจากเขาเรื่องโป่ง แล้วไม่ได้รับการเห็นใจ เธอก็ตั้งใจแน่วแน่ไว้แล้วว่าจะไม่ขอเดินเฉียดกับคนกลุ่มนี้อีกเลย

“โอยมาตั้งนานแล้ว...เอ่อ...จริงสิ ได้ข่าวว่าเธอท้องเหรอจ๊ะเพลง นี่ใจจริงเธอไม่คิดจะเชิญเพื่อน ๆ ไปร่วมแสดงความยินดีที่ตัวเองสละโสดบ้างเหรอจ๊ะเพลง แล้ว...” ยดาหยุดพูดและหันซ้ายแลขวา ก่อนจะถามเธอต่อ
“นี่ใช่ไหมลูกเธอ ว่าแต่พ่อเด็กไปไหนแล้วล่ะถึงไม่เห็นมาด้วยเลย หรือว่า....”
ยดาหยุดไว้แค่นั้น แล้วก็หันไปหาเปรมสิณีแล้วก็ยิ้มให้อย่างรู้กัน

“หรือว่าเธอหาพ่อให้ลูกตัวเองไม่ได้จ๊ะเพลง คนเรามันก็อย่างนี้ล่ะนะ แข่งเรือแข่งพายมันแข่งกันได้ แต่แข่งบุญวาสนานี่ เห็นทีจะยากหน่อยนะ ว่ามั้ยมิ้น” เปรมสิณีรับช่วงต่อจากยดาแล้วเยาะเย้ยเธออย่างออกรส
“อ้าวคุณ พูดให้มันดี ๆ นะ ใครหาพ่อไม่ได้ อย่างคุณเพลงน่ะไม่ต้องวิ่งหาหรอกผู้ชายน่ะ มีแต่จะต้องวิ่งหนี”
ภคินที่นั่งฟังอยู่นานทนไม่ได้

“อุ๊ย...เพลงเธอเอาชาวป่าชาวเขาที่ไหนมาร่วมงานด้วยยะ ดูสิแต่งตัวยังกะจะไปงานวัด เดี๋ยวนี้เธอคบคนพวกนี้แล้วเหรอ เฮ้อ...ก็อย่างที่ว่าล่ะนะ คนเราถ้าได้ลองตกต่ำจนต้องได้ไปทำงานเป็นคนรับใช้คนอื่นแล้ว มันก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะหาคนระดับเดียวกันคบไม่ได้ เราเข้าใจเธอนะ” เปรมสิณีไม่ยอมหยุด

“อ้าว...พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็สวยหรอก ทำไมเหรอ คนอย่างผมมันเป็นยังไง ผมอยู่ชั้นไหน แล้วพวกคุณอยู่ชั้นไหนกัน ระวังจะตกมาตายนะ เพราะอยู่ชั้นสูง ๆ น่ะ” เขาไม่ยอมหยุด
“มีอะไรกันน่ะเพลง”
โสภาที่มองเห็นเหตุการณ์ทั้งแต่ต้นรีบเดินผละจากเจ้าบ่าวมา เพราะคิดว่าคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่โสภา เพลงว่าไปต้อนรับแขกเถอะค่ะ”
ระพีพรรณรีบบอก แต่โสภาก็ไม่เชื่ออยู่ดี จึงหันไปมองหน้าน้องชายและเด่นณรงค์ที่นั่งร่วมโต๊ะด้วย แต่ไม่มีใครพูดอะไร

“ใช่ไม่มีอะไรหรอกพี่โสภา มิ้นกับเป๊กกี้ก็แค่มาทักทายเพื่อนเก่า ว่าทำไมแต่งการแต่งงานจนลูกโตป่านนี้ ไม่ยอมเชิญเพื่อนไปงาน แล้วก็ไม่ยอมแนะนำให้เรารู้จักว่าพ่อของเด็กเป็นใคร ก็แค่นั้นค่ะ” ยดาบอก

“พอเถอะมิ้น กลับโต๊ะได้แล้ว ดูสิคนมองมาทางนี้แล้ว” ธนากรรีบห้าม
“ไม่กลับ มิ้นถามดี ๆ แต่นายนี่มาว่ามิ้นก่อนทำไมกัน คนอะไรไม่ดูตัวเอง แค่ยายเพลงห้อยมางานด้วยเท่านั้นทำเป็นมาปากดีกับมิ้น เธอต้องให้เพื่อนเธอขอโทษฉันนะเพลง” ยดาไม่ยอมหยุด

“เห็นจะไม่ได้หรอกนะมิ้น ก็เพราะนายคนนี้ของเธอน่ะเขาเป็นน้องชายฉันเอง และการที่ยายเพลงจะมีสามีหรือไม่มีมันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเธอเลยนี่ ฉันว่าเธออย่ามาหาเรื่องดีกว่า งานนี้เป็นงานแต่งงานของฉัน อย่าก่อกวนเลยนะฉันขอร้อง”
โสภาเหลืออดแทนเพื่อน

“มีอะไรกันน่ะคุณ” พิสิทธิ์ที่เดินตามมาดูพร้อมมีดนุพรและนัชนิน
“ไม่มีอะไรหรอกนะนายสิทธิ์ เพื่อน ๆ คุณเพลงมาทักทายกันเท่านั้นเอง ไปต้อนรับแขกเถอะ”
เด่นณรงค์เห็นท่าไม่ดีก็เลยรีบห้ามทัพไว้ก่อน
“แล้วคุณเป็นใครไม่ทราบถ้าไม่เกี่ยวก็กรุณาเงียบไปเลย ไม่รู้ล่ะค่ะพี่โสภา น้องพี่จะต้องขอโทษที่แช่งให้ฉันตายไม่งั้นฉันไม่ยอม” ยดายังไม่ลดละ

“ผมคือพี่ชายของนายดำครับ ชื่อเด่นณรงค์ และที่สำคัญผมเป็นพ่อของลูกคุณเพลง หรือจะเรียกให้ถูกก็คือผมเป็นสามีของคุณเพลง ต้องขอโทษด้วยที่เราแต่งงานโดยไม่ได้บอกใคร เราจัดแบบเงียบ ๆ และผมก็ต้องขอโทษแทนภคินด้วยก็แล้วกันนะครับ ที่เผลอไปทำให้คุณไม่พอใจ”
จบคำพูดของเด่นณรงค์แค่นั้น สีหน้าของแต่ละคนต่างเปลี่ยนไปในคนละความหมาย แต่คงจะไม่มีใครที่จะเจ็บไปยิ่งกว่าระพีพรรณและดนุพรเป็นแน่ที่ต่างเจ็บปวดไปในคนละความหมายกันเช่นกัน

“เอ่อ....ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ ผมว่าแยกย้ายกันกลับโต๊ะดีกว่า...ไปเถอะนะมิ้นกำลังท้องยืนนาน ๆ เมื่อยเปล่า ๆ”
ธนากรรู้ว่าภรรยาถูกตอกกลับจนหน้าหงาย จึงต้องรีบแก้สถานะการแทน ส่วนยดาและเปรมสิณีนั้นก็อายแทบจะแทรกแผ่นดินหนีไม่ทัน ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยได้แต่ยอมกลับออกไปแต่โดยดี

“พี่เด่นคะ....”ระพีพรรณจะพูดกับเขา แต่เขาก็เอื้อมมือเธอมากุมเอาไว้แทน
“เอาไว้เรากลับบ้านค่อยพูดกันดีกว่านะคุณเพลง แต่ตอนนี้ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวไปรับแขกต่อเถอะ”
เด่นณรงค์ชิงพูดก่อน

“งั้นไม่มีอะไรแล้ว เราไปส่งแขกผู้ใหญ่ทางโน้นเถอะคุณ เห็นบอกจะกลับแล้ว ไปเถอะดำ คุณป้าให้ตามนายไปหาแน่ะ”
พิสิทธิ์บอกภรรยาและรีบดึงเอาเพื่อนรักที่ได้แต่เงียบไม่พูดอะไรไปด้วย โดยมีนัชนินที่ยังคงเกาะแขนเขาไปไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งไปนั่งที่โต๊ะรวมกับผู้ใหญ่

“มีอะไรกันเหรอยายแนน” คุณนินทกาลถามลูกสาว
“อ๋อ...คุณแม่จำช่างตกแต่งบ้านพี่หนึ่งได้หรือเปล่าคะ ชื่อคุณเพลงน่ะค่ะ” นัชนินเริ่ม
“จำได้สิลูก แล้วทำไมเหรอ แม่เห็นแต่ไกล ๆ แล้ว ว่าจะเดินไปทักทายตอนจะกลับบ้านน่ะลูก” นินทกาลบอก
“แล้วมีอะไรล่ะจ๊ะหนูแนน” ลัดดาถามด้วยความสงสัย

“ก็คงจะเข้าใจผิดอะไรกันกับเพื่อนมั้งคะ แนนกับคุณดำก็ไปไม่ทัน แต่พอรู้ว่าคุณเพลงเป็นลูกสะใภ้คุณป้าเท่านั้นล่ะค่ะ เพื่อน ๆ เดินกลับโต๊ะแทบไม่ทันเลย นี่แนนก็เพิ่งจะรู้นะคะ ว่าคุณป้ามีลูกชายอีกคนนอกจากคุณดำ แถมยังแต่งงานมีลูกโตป่านนี้แล้ว คุณดำน่ะไม่ยอมแนะนำให้แนนรู้จักเลย อายจริง ๆ เลยค่ะ” นัชนินต่อว่าเขานิด ๆ

“ลูกสะใภ้ป้าเหรอคะ ใครกัน” ลัดดางง
“คุณแนนเขาหมายถึง เพลงกับพี่เด่นน่ะครับคุณแม่”
ดนุพรบอกแค่นั้น ทำให้ลัดดาเหมือนจะรู้ว่ามีอะไรมากไปกว่านั้น จึงหยุดซักถามเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่อยากจะรู้เรื่องจริง ๆ แทบใจจะขาด


สีหน้าที่ดูจะเป็นกังวลกับเรื่องที่ได้ยินที่งานแต่งของพิสิทธิ์ ทำให้ลัดดานั้นหาความสุขแทบจะไม่ได้เลยในหลายวันที่ผ่านมา เธอนั่งเหม่อคิดเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย และก็รู้สึกโกรธตัวเองไม่น้อยเลย ที่เก็บเอาความแค้นไปสุมไปที่ลูก จนต้องเกิดเรื่องราวใหญ่โตมาทุกวันนี้

แล้วไหนจะเรื่องที่เพิ่งจะได้ยินดี อีกซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับเธอ
เพราะเธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น จนกระทั่งได้ยินเรื่องนี้ และก็ทำให้เธอได้คิดอะไร ๆ หลาย ๆ อย่างในหลาย ๆ ครั้ง เกี่ยวกับตัวลูกชายคนโตที่วนเวียนทำตัวให้เข้าไปเกี่ยวข้องอยู่กับระพีพรรณตั้งแต่วันที่เขาเป็นอิสระ หัวอกผู้เป็นแม่นั้นรู้สึกสงสารลูกชายเหลือเกิน คิด ๆ แล้วก็ดูเหมือนว่าลูกเธอคนนี้จะคอยรองรับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในครอบครัวมาโดยตลอด

จนเขานั้นแทบจะหาความสุขกาย สุขใจไม่ได้เลย ครั้นหากเขาจะมีความรัก ก็เปรียบเสมือนรักที่จะไม่มีวันสมหวังเอาเสียเลย เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มให้กับผู้ที่เข้ามาเยือน

“เด่นเหรอลูก เข้ามาก่อนสิ” เธอเรียกเขาให้เข้ามาหาที่เก้าอี้ใกล้ ๆ เตียง ขณะที่ตัวเองยังคงนั่งพิงหัวเตียงอยู่
“คุณแม่ให้แตนไปตามผมมาหาแต่เช้า มีอะไรหรือเปล่าครับ แล้วทำไมคุณแม่ไม่ออกไปนั่งข้างนอกครับ อากาศกำลังดีเลย” เขาถามมารดาแล้วตัวเองก็นั่งลงที่เก้าอี้
“อีกหน่อยค่อยไปลูก แล้วดำล่ะตื่นหรือยัง เมื่อคืนนึกยังไงถึงมานอนบ้านได้ล่ะ ปกติจะไปขลุกที่คอนโดมากกว่า”
เธอถามถึงเจ้าของต้นเหตุของเรื่อง

“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่เห็นรถยังอยู่ ผมว่าเราปล่อย ๆ ดำบ้างก็ดีนะครับ รับภาระมามากแล้ว ตอนนี้ผมก็พยายามจะช่วยน้องให้ได้มากที่สุด เท่าที่ตัวเองจะทำได้ครับ” เขาบอกออกไปด้วยความจริงใจ และนึกขอบคุณน้องชายมาโดยตลอด
“แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกลูก เขาจะอยู่ไหนกับใครก็เป็นเรื่องของเขา ว่าแต่เด่นเถอะ มีเรื่องอะไรจะบอกแม่หรือเปล่าลูก” ลัดดาเริ่มเข้าเรื่องที่ต้องการจะพูด

“เรื่องอะไรครับแม่” เขาถามออกไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้แน่แล้วว่า มารดาอยากจะคุยเรื่องอะไร
“ก็แม่ได้ยินเรื่องลูกกับแม่เพลงในวันแต่งงานพ่อสิทธิ์น่ะลูก เรื่องมันเป็นยังไง แล้วทำไมเด่นถึงได้ไปบอกใคร ๆ อย่างนั้นล่ะ” เธอรีบบอกตามเรื่องที่ยิน
“อ๋อ...ก็ไม่มีอะไรนี่ครับแม่ พอดีคุณเพลงถูกเพื่อน ๆ สมัยเรียนเมืองนอกด้วยกัน ไปถามว่าทำไมแต่งงานจนมีลูกแล้วไม่เชิญเพื่อน ๆ เลย แล้วก็ถามหาพ่อเด็ก ผมก็เลย....เอ่อ” เขาหยุดไว้แค่นั้น

“รับเป็นพ่อเด็กให้แม่เพลง....ทำไมล่ะเด่น” มารดาต่อให้และถามด้วยความสงสัย
“ผม...เอ่อ...ผมสงสารคุณเพลงครับแม่ ถ้าเพื่อน ๆ เขาไปถามธรรมดา ผมก็คงจะไม่ทำอะไรหรอกครับ แต่นี่เพื่อนคุณเพลงไม่ใช่เล่น มีท่าทีที่ดูถูก พูดกระทบกระทั่ง เหมือนจะทำให้คุณเพลงขายหน้าน่ะครับ” เขาบอกออกไป
“แล้วเด่นรู้สึกยังไงกับแม่เพลงล่ะ” ลัดดาถามคำถามที่อยากรู้

“ผม...เอ่อ...ผมกับคุณเพลงรู้จักกันมาตั้งแต่คุณเพลงยังเล็ก ๆ นะครับแม่ เธอเคยช่วยผมไว้หลายเรื่อง แม่จำได้หรือเปล่าครับ ว่าทุก ๆ ครั้งที่เราไม่มีเงินเหลือติดบ้าน แล้วผมก็หอบเอาข้าวของพร้อมกับเงินกลับมาบ้าน จริง ๆ แล้วไม่มีลูกค้าที่ไหนให้มาหรอกครับ ผมได้มาจากคุณเพลงทั้งนั้น เธอไปขอข้าวจากป้าแพงที่ครัวมาให้ครับ แล้วเงินที่ให้ผมก็เป็นเงินค่าขนมของเธอที่ไม่ได้ใช้ แต่จะไปเบียดเงินค่าขนมนายพีให้ซื้อแบ่งน้องแทนครับ อันนี้ผมแอบได้ยินโดยบังเอิญ คุณเพลงไม่ได้บอกผมหรอก” เขาบอกในเรื่องที่เขาไม่เคยบอกใครมาก่อน

“จริงเหรอลูก แล้วทำไมเด่นไม่เคยเล่าให้แม่ฟังเลยล่ะลูก” ลัดดาถามด้วยความสงสัย
“ผมไม่อยากเล่าครับ กลัวแม่กับน้องจะไม่รับของ ๆ ทางโน้น ผมถึงมีความรู้สึกดี ๆ กับคุณเพลงมาโดยตลอดไงครับแม่ พอถึงเวลาที่เธอลำบาก ผมก็อยากจะช่วยเธอบ้าง” เขาบอกมารดา
“แล้วเด่นรักแม่เพลงหรือเปล่าล่ะลูก” มารดาถามในสิ่งที่เขาปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิดมานานหลายปี จนเขาทำหน้าไม่ถูก

“แม่ครับ ผมจะรู้สึกยังไงมันไม่สำคัญเท่าความรู้สึกคุณเพลง ที่มีต่อพวกเราหรอกนะครับ ผมว่าเธอกับคุณท่าน...เอ่อ...นายกำพลน่ะครับ พวกเขาคงอยากจะอยู่ห่าง ๆ พวกเรามากกว่า มันคงจะเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่เธอจะมามีความรู้สึกแบบนี้กับผม” เขาฉลาดที่จะได้ตอบรับและปฏิเสธมารดา
“แต่ถ้าแม่เพลงรักเด่น มันก็ไม่แน่ใช่มั้ยที่เด่นจะรักและรับผิดชอบแทน...เอ่อ..”ลัดดาเองก็พูดไม่ออก

“ผมว่าเอาไว้ให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่ามั้ยครับแม่ แต่ผมอยากจะถามคุณแม่ก่อนว่า ถ้าคุณเพลงจะมาเป็นสะใภ้ของบ้านเรา คุณแม่คิดว่ายังไงครับ” เขาถามในสิ่งที่เขาอยากจะรู้เหมือนกัน
“เด่นถามทำไม หรือว่าเด่นจะ...เอ่อ...” ลัดดาพูดไม่ออกอีกครั้ง

“ก็อย่างที่ผมบอกล่ะครับแม่ว่าเอาไว้ให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า แต่ถ้าคุณแม่ไม่รังเกียจเธอ ผมก็ดีใจ”
เขาสรุปความคิดของมารดาเอาเอง เพราะดูจากสีหน้าของมารดาแล้ว เขาก็รู้ว่าไม่ได้รังเกียจระพีพรรณแต่อย่างใด ทำให้เขารู้สึกโล่งใจออกมา และดีใจที่เขาได้มีโอกาสคุยกับมารดาในเรื่องนี้

“ผมว่าไปกินข้าวดีกว่าครับ ตาดอนคงจะรอแล้วล่ะครับ และสงสัยดำก็คงจะตื่นแล้วมั้ง”
เขาบอกมารดา พร้อม ๆ กับลุกเดินไปเข็นรถเข็นมาหามารดา และอุ้มร่างที่ผอมจากเตียงไปที่รถ แล้วก็ออกมาจากห้อง ตรงไปยังห้องอาหาร ก็พบว่ามีดอน นิตยา และดนุพรนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“อ้าว...วันนี้อยู่บ้านติดเหรอลูกชายแม่” ลัดดาทักทายเขา


“ครับ”
เขาตอบมารดาแค่นั้น แล้วก็ไม่ได้มองหน้าใครอีกเลย นอกจากนั่งกินข้าว สองสามคำ แล้วก็รู้สึกอิ่ม และเขาก็ลุกจากเก้าอี้
“อิ่มแล้วเหรอลูก” ลัดดาถามด้วยความสงสัย
“ครับ”
“แล้วจะไปไหนล่ะดำ วันนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอ” เด่นณรงค์ถามน้องชาย
“ผมนัดกับเพื่อนไว้ครับ จะไปออกรอบ”
เขาตอบไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่มีโปรแกรมจะไปไหน เพราะตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะมาอยู่บ้านกับแม่และทุก ๆ คน

“ใครกัน เจ้าสิทธิ์ก็ยังไม่กลับจากฮันนี่มูนนี่ลูก” ลัดดาถาม
“นั่นสิคะ เดี๋ยวนี้คุณดำแทบจะไม่อยู่บ้านเลยนะคะ คุณดอนบ่นถึงแต่พ่อ”
นิตยาช่วยเสริม เพราะรู้สึกหงุดหงิดที่จู่ ๆ ความดีใจที่คิดว่าเขาจะอยู่บ้านวันนี้ก็พังทลายลงเอาง่าย ๆ

“ไม่เป็นไรครับคุณพ่อ วันนี้ดอนนัดกับพี่สมพรจะไปปลูกผักกันครับ”
ดอนที่นั่งกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยบอกอย่างไม่สนใจผู้เป็นพ่อ เพราะเริ่มจะชินกับความห่างเหินที่เขามอบให้ แต่เด็กน้อยก็ไม่รู้สึกอะไรมาก เพราะเป็นช่วงที่ลุงเด่นเข้ามาดูแลต่อพอดี

“เอาไว้วันหลังพ่อจะพาไปเที่ยวนะลูก ผมไปนะครับแม่”
เขาบอกแค่นั้นแล้วก็รีบไปคว้ากุญแจรถและก็เดินออกจากบ้านท่ามกลางสายตาของทุก ๆ คนที่มองตามในความหมายที่แตกต่างกันออกไป แต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจอีกต่อไปแล้ว







 

Create Date : 17 ตุลาคม 2551
5 comments
Last Update : 17 ตุลาคม 2551 9:39:52 น.
Counter : 693 Pageviews.

 

ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ แต่ว่ามาเม้นท์ให้ก่อนนะคะ ขอบคุณคนเขียนนะคะ ที่ไม่ว่ายุ่งแค่ไหนก็ยังมาลงให้ ดึกดื่นยังไงก็มาลงให้ตามสัญญาว่าวันละตอน จะรออ่านทุกวันค่าา

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 17 ตุลาคม 2551 9:44:40 น.  

 

หวัดดีคับมีข้อมูลมาเตือนให้ระวังคับ

เตือน!!! ใครใช้ password แบบนี้ เปลี่ยนซะ


 

โดย: พลังชีวิต 17 ตุลาคม 2551 10:13:38 น.  

 

ขอบคุณค่ะที่ส่งซิกค่ะ

 

โดย: ธัญรัตน์ IP: 61.7.136.66 17 ตุลาคม 2551 14:57:30 น.  

 

ขอบคุณนะคะ ที่มาลงให้อ่านทุกวัน เมื่อไรจะพิมพ์รวมเล่ม ติดตามตั้งแต่อยู่ เวปเลิฟ ถ้ารวมเล่มเมื่อไร จะสอยมาเก็บไว้

ระวังพวกชอบขโมย และก๊อป ด้วยนะคะ

 

โดย: finn IP: 88.195.240.139 17 ตุลาคม 2551 16:46:16 น.  

 

ขอบคุณค่ะคุณfinn

อันที่จริงก็กลัว ๆ อยู่ค่ะ มีทางป้องกันบ้างไหมคะ

 

โดย: ธัญญะ 18 ตุลาคม 2551 10:37:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.