Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๑๘ (ธัญรัตน์)




สีหน้าของดนุพรที่เดินเข้ามาออฟฟิศดูเหมือนจะแปลกไปกว่าหลาย ๆ วัน สำหรับเมธิตา ซึ่งทำงานกับเขามานานหลายปีแล้ว แต่เธอก็ไม่คิดที่จะไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเลย เพราะรู้ดีว่า เจ้านายไม่ชอบให้ใครไปซักไซ้หรือถามอะไรมาก

“ผมขอกาแฟแก้วนะคุณเมย์ วันนี้ผมจะเคลียร์งานเอกสาร คุณเอาเข้าไปให้ผมด้วย”
เขาบอกก่อนจะเดินเข้าห้องไป ไม่นานกาแฟหอมกรุ่นก็ถูกยกมาพร้อมกับแฟ้มเอกสารที่มืออีกข้างของเมธิตา
“ขอบคุณครับ วันนี้ผมไม่รับโทรศัพท์นะ จะรีบทำงาน และจะไปทำธุระสำคัญ ผมฝากโทรไปบอกคุณแม่ให้ด้วยว่าผมจะไปกินของว่างที่บ้าน” เขาสั่ง
“ค่ะ คุณดำ นี่ค่ะเอกสารที่คุณดำต้องดู” เมธิตาวางแฟ้มงานไว้ที่โต๊ะ และก็หันหลังกลับ
“อ้อ...คุณเมย์ ผมรบกวนช่วยไปซื้อข้าวของพวกนี้ให้ผมหน่อยครับ”
เขาเรียกเมธิตาอีกครั้ง พร้อมทั้งจดรายการที่ต้องการลงในกระดาษแล้วยื่นให้เธอ

“อะไรคะคุณดำ แล้วขนาดอะไรคะ”
เมธิตาต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่เจ้านายสั่งนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ก็ตัวจะเท่า ๆ กับ ลินดาเลขาเจ้าพิสิทธิ์นั่นแล่ะ แต่ไม่ตรงเป๊ะก็ได้ไม่เป็นไร เดี๋ยวคุณช่วยซื้อเยอะ ๆ หน่อยก็แล้วกัน เอาให้ใช้ได้สักสองสามอาทิตย์นะ แค่นี้ล่ะ และก็รีบกลับนะ ผมจะรอ”
เขาบอกแค่นั้น แล้วก็ก้มหน้าทำงานตรงหน้า ทำให้เมธิตาที่สงสัยอยู่มาก ไม่กล้าจะสอบถามอะไร ได้แต่เดินออกจากห้องและก็ไปจัดการตามที่เจ้านายสั่งการให้เท่านั้น


ใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของลัดดา ที่พึงพอใจกับอาการของดรุณี ที่กำลังนั่งบรรจงเอาภู่กันขีด ๆ เขียน ๆ ไปบนผืนผ้าใบด้วยความอารมณ์ดี ถึงแม้ว่ารูปที่ได้ออกมาจะเป็นแค่เส้น ๆ หรือ จุด ๆ ก็ตาม
“คุณท่านยิ้มอะไรคะ” ยุพินที่นั่งอยู่ด้วยถาม และยิ้มให้เหมือนจะรู้คำตอบแล้ว
“ดูสิคุณยุพิน ลูกสาวฉัน อีกไม่นานฉันคงจะได้ลูกสาวกลับมาแล้วใช่ไหมคะ” ลัดดาถาม
“คุณหมอก็ตั้งความหวังเอาไว้อย่างนั้นค่ะคุณท่าน” ยุพินตอบตามที่ได้รับฟังมาจากหมออีกที

“แต่เพลงก็มีส่วนช่วยพวกเราเยอะนะคะ”
ยุพินไม่วายที่จะยกความดีให้กับระพีพรรณ และก็ดูเหมือนว่า ลัดดาจะเห็นด้วยไม่น้อย แต่ก็ไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มออกมาเท่านั้น
“อ้าว....มาแล้วเหรอลูก พอดีเลย ของว่างเพิ่งจะตั้งเสร็จ วันนี้จะกลับมานอนบ้านหรือเปล่าลูก”
ลัดดาถาม เมื่อเห็นดนุพรย่างกายเข้ามาในเรือนกุหลาบเงียบ ๆ
“คงยังไม่ครับแม่ เพราะตอนนี้มีงานสำคัญจะต้องสะสาง แต่ผมจะแวะมาหาคุณแม่กับยายดาทุกวันช่วงนี้ครับ แล้วก็จะกลับไปทำงานต่อ แล้วก็ค้างที่คอนโดเลย” เขาบอกและทรุดตัวลงนั่ง

“เอ่อ...จริงสิลูกเห็นแม่นิดเขาบอกว่า แม่เพลงขอลากลับไปดูพ่อ เพราะอาการไม่ค่อยดี”
ลัดดานึกขึ้นได้ เพราะนิตยาเข้ามารายงานตั้งแต่สาย ๆ แล้ว
“ครับแม่ เขาขอผมเอง และผมก็เป็นคนโทรมาบอกนิตยาเองครับ คงจะอาการไม่ค่อยดี ก็เลยลงทุนขอผม”

เขาบอกมารดาด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะไม่อยากให้มารดารู้ถึงแผนการของเขา ถึงแม้เมื่อก่อนมารดาจะไม่ค่อยชอบหน้าระพีพรรณนัก แต่เดี๋ยวนี้ เขามีความรู้สึกว่ามารดามีน้ำเสียงที่อ่อนลงและยิ้มรับบางครั้ง ที่มีคนพูดถึงระพีพรรณ มันทำให้เขารับรู้ว่า ความโกรธแค้นของแม่เริ่มจะคลายลงไปแล้ว ถึงแม้มารดาจะไม่พูดก็ตาม เขาจึงไม่อยากให้มารดารู้เรื่องนี้ เพราะอาจจะห้ามหรือขัดขวางเขาก็เป็นได้

“ก็ดีเหมือนกันล่ะลูก ให้เขาได้ดูแลพ่อเขาบ้าง เราก็ใช้เขามาหลายปีแล้วนะ อีกแค่ปีกว่า ๆ เขาก็จะหมด...เอ่อ...”
ลัดดาต้องหยุดไว้แค่นั้น เพราะเพิ่งนึกได้ว่ายุพินนั่งอยู่ด้วย
“แล้วเพลงลานานหรือเปล่าคะคุณดำ” ยุพินถาม
“ก็ไม่รู้ครับ อาจจะสองหรือสามอาทิตย์ หรืออาจจะเป็นเดือนครับ แล้วแต่อาการ” เขาตอบไปอย่างนั้น

“เอ่อ....แม่ครับ ผมให้แก้วกลับมาช่วยงานที่บ้านแล้วนะครับ บอกนิตยาไว้แล้ว จะได้ไม่ต้องวุ่น” เขาบอก
“จ๊ะ แม่นิดบอกแม่แล้ว มาเหนื่อย ๆ กินของว่างก่อนเถอะลูก ดูสิน้องกำลังวาดรูปอยู่แหนะ อีกหน่อยตาดอนก็จะกลับจากโรงเรียนแล้วล่ะ ดำจะรอลูกก่อนไหม” ลัดดาถาม
“ครับแม่”
เขาตอบแค่นั้น แล้วก็จัดการกับของว่างโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่ยิ้มรับเมื่อเห็นพฤติกรรมในทางบวกของน้องสาว


ประตูห้องถูกเปิดออกช้า ๆ ข้าวของที่มีสมพงศ์ ขนมาวางกองไว้ให้ที่หน้าห้อง ถูกเขาหอบเข้ามาเก็บเอง และเขาก็สั่งให้สมพงศ์กลับไปนอนที่บ้าน ไม่ต้องรอเขาเรียกอีก สิ่งที่สมพงศ์เห็นเขาจัดหามานั้น ถูกสั่งห้ามไม่ให้แพ่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาด ดูเหมือนว่าสมพงศ์ จะทำตามที่เจ้านายสั่งอย่างเคร่งครัด ซึ่งทำให้ดนุพรชอบใจกับคนขับคนนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ข้าวของถูกกองไว้ เขาเห็นแต่โต๊ะอาหารที่ว่างเปล่าซึ่งผิดคาด เพราะเขาหวังว่าระพีพรรณจะต้องจัดหาอาหารเอาไว้ แต่ก็ไม่มี

เขารีบเดินไปเปิดประตูห้องนอน แต่ก็พบกับความว่างเปล่า ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกแต่ไม่มีวี่แววของคนที่เขากำลังหา แล้วห้องว่าง ๆ อีก สองห้องก็ถูกสำรวจโดยเขา แต่ก็ไม่มีร่างนั้นเลย เขากลับมาทรุดตัวลงนั่งที่ชุดรับแขก ด้วยความรู้สึกที่ผิดหวังไม่น้อย กับทางเลือกที่ระพีพรรณเลือก เพราะเขาคาดเดาเอาว่าความรักที่เธอมีต่อพ่อ และความห่วงความรู้สึกของพ่อและพี่ชายน่าจะมาเหนือสิ่งอื่นใด

นี่เธอเลือกวิธีที่จะประจานตัวเอง แลกกับทรัพย์สินเงินทอง มากกว่าความรู้สึกของคนที่เธอรักหรอกหรือ เขาไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่า เขาจะดูเธอผิดไป และเขาก็รู้สึกโกรธตัวเองเป็นที่สุด กับแผนการที่วางเอาไว้ ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เขาไม่แน่ใจนักว่าเธอผ่านหูผ่านตา รปภ. ข้างล่างไปได้ยังไง แต่ก็นั่นล่ะคนคิดจะหนียังไงก็ต้องหนีให้ได้ เขาผิดเองที่ตัดสินใจไม่ล็อคประตูด้านนอกเอาไว้เอง ด้วยเพราะคิดว่าเธอคงจะไม่เลือกทางออกทางนี้แน่นอน

นี่เขาจะทำยังไงดีล่ะ หรือว่าเธอจะรู้ว่า แท้ที่จริงแล้วไอ้กล้องวีดีโอที่เขาขู่เธอเมื่อเช้า เป็นเพียงแค่เรื่องที่เขากุขึ้นมา แต่ไม่ว่าเธอจะคิดอะไรก็ตาม เขาก็ไม่อยากจะคาดเอาอีกแล้ว
สีหน้าครุ่นคิดกับวิธีที่จะรับมือกับเธอปรากฏขึ้นอีกครั้ง แล้วเขาก็หวนคิดไปถึงรสสัมผัสที่เขาได้รับเมื่อเช้านี้ โดยสัญชาตญาณแล้ว เขาสามารถรับรู้ได้ไม่ยากกับความเสียใจที่เธอได้รับจากการกระทำของเขา และสีหน้าของเขาก็ไม่ได้บ่งบอกกับการมีความสุขในสิ่งตัวเองได้ตัดสินใจทำลงไปเลยแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าเธอจะรู้สึกยังไง เพราะดรุณีคือคนที่สื่อความรู้สึกนั้นไว้ให้เขาเห็นเมื่อหลายปีก่อน และเขาก็เจ็บปวดเรื่อยมาแทบทุกครั้งที่เห็นน้องสาวแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน

เหล้าถูกรินใส่แก้วอย่างช้า ๆ และมันก็เป็นวิธีคลายเคลียดที่ดีของเขายิ่งนัก เมื่อเวลามีเรื่องต้องให้คิดและตัดสินใจอะไร เน็คไท ถูกปลดออกและเหวี่ยงไปโดยไม่สนใจ ทั้ง ๆ ที่ในมือยังมีแก้วเหล้าอยู่ด้วย เขาเดินไปเปิดประตูระเบียงที่ทอดยาวและโค้งไปรับกับห้องต่าง ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้มองทิวทัศน์ได้ทั่วทุกห้อง

เขายืนเพื่อรับลมเย็น ๆ และดูทิวทัศน์ในมหานคร ที่เป็นเมืองสวรรค์ของผู้คน เหล้าถูกจิบช้า ๆ แล้วเขาก็เหลือบไปมองที่เก้าอี้หวายที่ถูกจัดเอาไว้เป็นชุดอยู่ด้านหน้าของแต่ละห้อง ซึ่งมีทั้งหมดสามห้อง และมันก็รวมไปถึงห้องนอนของเขาด้วย ความสงสัยทำให้เขาไม่รอช้ารีบสาวเท้าไปดูใกล้ ๆ แล้วใบหน้าเขาก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาด้วยความดีใจอย่างบอกไม่ถูก จะด้วยเหตุผลอะไรเขาก็ไม่อาจจะรู้ได้

ร่างบางที่นอนขดอยู่กับเก้าอี้หวายก็เรียกความมีชีวิตชีวากลับมาให้ได้อีกไม่น้อย เขายิ้มออกมาด้วยความดีใจ และค่อย ๆ เดินผละออกมา และกลับเข้าไปในห้อง จัดแจงหอบข้าวของที่หิ้วมาแต่แรก ไปเก็บไว้ในห้องนอน และก็จัดการเป็นพ่อครัวจำเป็น กับอาหารง่าย ๆ โดยที่ไม่คิดจะไปรบกวนผู้ที่หลับกำลังได้ที่อยู่เลยแม้แต่น้อย เขาอยากจะทำอะไรเพื่อเป็นการลบล้างกับสิ่งที่เขาทำกับเธอบ้าง

ถึงแม้ว่ามันจะน้อยนิดก็ตาม คิด ๆ ไปแล้ว เขาก็นึกขำตัวเองอยู่ไม่น้อย กับสิ่งต่าง ๆ ที่เขาจัดแจงให้เธอในวันนี้ และเขาก็คงจะเดาได้ไม่ยาก ว่าเลขาหน้าห้อง จะขำและแปลกใจเจ้านายมากแค่ไหน ที่สั่งให้ไปหาซื้อของใช้ผู้หญิงมาให้ แล้วไหนจะเรื่องอาหารวันนี้ เขาจำไม่ได้แล้วว่า ครั้งสุดท้ายที่เขาเข้าครัวทำอาหารนั้น มันนานกี่สิบปีแล้ว รอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมปากปรากฏขึ้นขณะที่อาหารง่าย ๆ คือสปาเก็ตตี้ผัดกุ้งกำลังถูกปรุงอยู่ในกะทะ

ระพีพรรณเดินเข้ามาในห้อง เมื่อเสียงจานชามจากครัวดังไปปลุกให้ตื่น ไม่ต้องเดาเธอก็รู้ได้ว่าไม่มีใครนอกจากเขา ความโกรธ เกลียดกับการกระทำของเขาเมื่อเช้ายังมีอยู่ล้นเปี่ยม ถึงแม้ว่าการเข้าครัวของเขาจะทำให้เธอแปลกใจไม่น้อยก็ตาม แต่เธอก็ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอพยายามจะเข้าใจเขาว่า ที่เขาทำกับเธอนั้น ก็เพราะเขาเจ็บปวดมาจากเรื่องในอดีตแต่สำหรับเรื่องที่เพิ่งจะผ่านไปนี้มันทำให้เธอ ทำใจลำบากเหลือเกินที่จะเข้าใจเขา ความเกลียดชังที่เขามีต่อตระกูลของเธอคงจะมีมาก ๆ จนเธอแทบจะมองไม่เห็นทางที่จะลบล้างมันออกไปได้
“ตื่นแล้วเหรอ....สงสัยเมื่อเช้าเธอคงจะไม่ได้ฟังเรื่องที่ฉันสั่งกระมัง ว่าให้ตั้งอาหารเย็นรอ....เอ....หรือว่าดีใจที่ได้นอนกับฉันจนลืมคำสั่งไปแล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ ฉันอนุโลมให้ อาหารเสร็จพอดี มากินข้าวได้แล้ว” เขาไม่วายที่จะยั่วเธอ

“ฉันไม่หิว” เธอบอกแค่นั้น แล้วก็เดินหนีตรงเข้าไปในห้องเพื่อให้พ้น ๆ จากหน้าเขา
“ไม่หิวก็ต้องมากิน นี่เป็นคำสั่ง เธอจะมาดี ๆ หรือจะให้ฉันไปอุ้มมาก็เลือกเอานะ ฉันไม่ได้ใจดีกับใครบ่อย ๆ หรอกนะระพีพรรณ” เสียงเขาดังและดุขึ้นมาทันที จนทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง มือที่กำลังจะบิดลูกบิดถึงกับชะงักเอาไว้แค่นั้น
“ฉันบอกแล้วไง ว่าเธอจะไม่ได้รับอภิสิทธิ์ใด ๆ จากเรื่องเมื่อเช้านี้ แต่ถ้าเธอไม่ทำก็ตามใจนะ ฉันก็อยากเห็นตัวเองบนหน้าจอเหมือนกัน ว่าเวลาอยู่บนเตียงหนะมันเป็นยังไง”
เขารีบพูดขึ้นอีกเมื่อเห็นเธอหยุดอยู่ที่หน้าประตู แล้วไม่นานเขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง ที่เห็นเธอเดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร

“ต้องอย่างนี้สิ ว่าง่าย ๆ จะได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ”
ยิ้มของคนมีชัยของเขา มันทำให้เธอไม่อยากจะมองหน้าเขาแม้แต่น้อย
“คุณต้องการอะไรอีก ทำไมคุณไม่ปล่อยให้ฉันกลับซักที ในเมื่อแผนการของคุณสำเร็จผลแล้ว”
เธอสุดที่จะปิดปากเงียบเอาไว้ได้ จึงถามเขาไปในที่สุดหลังจากนั่งลงที่เก้าอี้ ที่มีจานสปาเก็ตตี้อยู่ตรงหน้า

“กินข้าวก่อน ฉันไม่ชอบคุยเวลากินข้าว เธอนี่โชคดีกว่าใครทั้งหมดในบรรดาที่ผู้หญิงที่ฉันคบอยู่นะ จะบอกให้ว่าฉันไม่เคยทำอาหารให้ใครกินเลย นอกจากคุณแม่กับยายดา” เขาบอก และใช้ส้อมตักอาหารเข้าปาก
“ถ้าต้องแลกกับอาหารที่คุณทำให้กินเพียงมื้อเดียว ด้วยสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของฉัน คุณยังจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่โชคดีอีกยังงั้นเหรอ” เธอตอกกลับ และมันก็ทำให้มือที่กำลังจะตักอาหารคำแรกของวันเข้าปากถึงกับหมดแรง
เมื่อภาพต่าง ๆ ระหว่างเขาและเธอตามมาหลอกหลอน น้ำตามันก็ไหลออกมาจนยากที่จะห้ามมันได้ ไม่มีคำพูดจากดนุพรนอกจากมองไปที่ดวงหน้าที่ขาวซีด และหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้วขาวออกมา

“ฉันไม่หิว ขอตัวค่ะ”

เธอรีบลุกออกไปให้พ้นหน้าเขา และตรงไปยังห้องโดยไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกยังไง น้ำตาแห่งความเสียใจที่เพิ่งจะเหือดแห้งไปก่อนที่เธอจะหลับเมื่อบ่ายแก่ ๆ นั้น มันกลับมาตอกย้ำความเจ็บปวดให้เธออีกระลอก หญิงสาวรู้สึกเกลียดชังร่างที่สกปรกของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก จนต้องหอบตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ รีบชำระล้างความสกปรกออกโดยเร็ว เสียงสายน้ำที่ไหลจากฝักบัวตกลงพื้น ไม่ได้กลบเสียงร่ำไห้ของเธอเลยแม้แต่น้อย

แก้วนมอุ่น ๆ ในมือของเขา แทบจะหลุดลงไปที่พื้น เมื่อเสียงสะอื้นจากห้องน้ำดังออกมา มันช่างไม่ต่างไปจากเสียงของน้องสาวที่ประสบกับเหตุการณ์เดียวกันนี้เมื่อหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่อยากจะถามตัวเองว่า การกระทำของเขามันรุนแรงเกินไปหรือเปล่า สำหรับเธอ ถึงแม้ว่าเขาหาคำตอบได้ แต่มันก็มีภาพความหลังต่าง ๆ ที่เขากับคนรอบค้างได้รับ จากการกระทำของผู้ที่ให้กำเนิดเธอนั่นเอง

เขาพร่ำบอกตัวเองอยู่เสมอว่า จะใจอ่อนไม่ได้ เขาจะต้องเอาคืน และเอาคืนให้เท่า ๆ กับที่เขาเคขได้รับมา แก้วถูกวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง แล้วเขาก็ทิ้งร่างลงไปนั่งที่เตียง พร้อมกุมขมับด้วยความเหนื่อยอ่อน และมันก็เป็นอาการที่เขาทำบ่อย ๆ เมื่อที่จะต้องการต่อสู้กับความอ่อนแอในใจตัวเอง

“แค่นี้มันยังไม่พอหรอกนะระพีพรรณ เธอไม่เห็นเหรอว่าน้องฉัน ต้องได้รับผลกรรมอะไรบ้างจากการกระทำของพี่เธอ ที่ฉันทำกับเธอมันยังน้อยไปมากนัก”

และนั่นคือคำพูดที่เปล่งอยู่ภายในใจเขา ร่างสูงยาวต้องรีบลุกจากเตียงเดินออกไปที่ระเบียงห้องทันที เพื่อหลบซ่อนความอ่อนแอ เมื่อได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำหยุดไหล เขาคิดว่าเธอคงกำลังจะออกมา และก็เป็นจริงอย่างที่เขาคิดเอาไว้ ผ้าขนหนูผืนใหญ่หุ้มร่างเธอเอาไว้ และผืนเล็กอีกผืนถูกนำมาปกปิดช่วงไหล่และเนินอก

เธอพยายามสำรวจดูว่า มีร่างเขาอยู่ในห้องนี้หรือไม่
แล้วก็รู้สึกโล่งใจที่ในห้องปลอดโปร่ง หญิงสาวเดินตรงไปล็อคลูกบิดประตูห้องเอาไว้ก่อนเรื่องอื่น แล้วก็เดินไปสำรวจดูที่ถุงต่าง ๆ ที่เขาหอบเข้ามาเก็บเอาไว้ เพราะคิดว่าของพวกนี้คงจะจัดหามาให้เธอ ดูแค่ยี่ห้อของถุงก็พอเดาได้ว่ามันเป็นข้าวของเครื่องใช้ของผู้หญิง และมันก็เป็นไปตามที่เธอคาดเดาเอาไว้ ทุกอย่างมีครบ

ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ชุดชั้นใน เครื่องสำอางค์และเครื่องบำรุงผิวต่าง ๆ และก็ล้วนแล้วแต่ราคาแพง ๆ ทั้งนั้น เพราะเมื่อก่อนข้าวของพวกนี้ เธอจะมีใช้ไม่ขาด แต่เธอก็ต้องตัดออกไป ด้วยฐานะการเงินไม่อำนวยนั่นเอง ระพีพรรณไม่แปลกใจเลย ว่าเขารู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงจำเป็นต้องใช้ข้าวของพวกนี้

“ก็คงจะรู้มาจากแม่ผู้หญิงหลาย ๆ คนของเขากระมังที่ใช้ให้เขาเห็น เธออดคิดตำหนิเขาไม่ได้ว่า ในเมื่อเขาก็มีผู้หญิงเรียงแถวมาให้เลือกเป็นโหล ๆ อย่างนี้ ทำไมไม่แต่งงานไปเสียที เพราะถ้เขามีใครสักคนไปแล้ว คงไม่มีเวลาที่จะมารังแกเธอแบบนี้เป็นแน่ หรือจะเป็นเพราะว่าเขารอทำเรื่องพวกนี้เสร็จสิ้นก่อน แล้วค่อยแต่งงานทีหลัง”

หญิงสาวต้องหยุดความคิดที่ฟุ้งซ่านของตัวเองเอาไว้แค่นั้น แล้วก็รีบเลือกเสื้อผ้าออกมาหนึ่งชุด และนำเครื่องสำอางค์เอาไปจัดไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อรีบแต่งตัวให้เรียบร้อย เพราะถึงแม้ประตูห้องจะล็อคเอาไว้ แต่เธอก็ไม่ลืมว่าที่นี่ เป็นบ้านของเขา และห้องของเขา โอกาสที่เขาจะเข้าออกอย่างสบายมีสูงมาก ไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น ก็ต้องตกใจถึงกับสะดุ้ง

เมื่อเห็นเขากำลังใช้มือเลื่อนประตูกระจกที่ระเบียงเข้ามาทันที เธอรีบตรงไปคว้าเอาผ้าขนหนูที่ทำตกไว้ที่เตียงมาคลุมไหล่เอาไว้โดยเร็ว
“เธอจะปิดไปทำไม ก็ในเมื่อฉันก็เห็นจนหมดแล้ว”
เขาบอกและเดินตรงมาที่เธอ และก็รวบร่างเธอเอาเข้ามากอดเอาไว้ ก่อนที่เธอจะทันได้ก้าวขาหนีไป
“ปล่อยนะ คุณจะทำอะไรฉันอีก ปล่อย บอกให้ปล่อย” เธอร้องและดิ้นรนให้ตัวเองพ้นจากอ้อมแขนของเขา

“อ้าว...เธอนี่เป็นนักเรียนนอกเสียเปล่านะ จนป่านนี้เธอยังไม่รู้อีกเหรอว่าฉันจะทำอะไร มันจะไม่เดียงสาไปหน่อยเหรอแม่คุณ ถึงแม้เรื่องเมื่อเช้ามันจะเป็นแค่ครั้งแรกของเธอก็เถอะ แต่ที่เมืองนอกนี่เขาไม่สอนเรื่องเพศศึกษาให้เธอบ้างหรือไง....เอ....หรือว่ามัวแต่เล่นตัวกับไอ้แฟนหน้าตี๋ของเธอมากไป เธอไม่รู้ว่าสังคมที่โน่นหนะ ถ้าใครยังเวอร์จิ้นอยู่เขาเรียกว่าเชย....น่าจะขอบใจฉันนะ ที่ช่วยเปิดบริสุทธิ์ให้เธอ”เขาพูดเยาะเย้ยเธอและวงแขนยังคงรวบร่างเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“เรื่องของฉัน ปล่อยนะ บอกให้ปล่อย”
เธอดิ้นรนเพื่อหนีการกอดรัดของเขา ไม่นานใบหน้าที่ขาวซีดก็เปลี่ยนเป็นแดงกร่ำจนแทบจะเห็นเส้นเลือดด้วยความอาย เพราะผ้าขนหนูเจ้ากรรมทีหุ้มร่างเอาไว้ หลุดออกลงไปกองที่พื้นด้วยความเร็ว คงจะเป็นเพราะแรงการดิ้นรนและขัดขืนเขานั่นเอง

ความอายทำให้เธอต้องรีบพาร่างของตัวเองเข้าไปแนบไว้กับตัวเขา แล้วก็ซบหน้าลงไปหลบที่อกกว้างของเขา แขนเรียวทั้งสองข้างรีบโอบตัวเขาเอาไว้ เพื่อไม่ให้เขามองลงมาที่เรือนร่างเธอได้ถนัด จนเขาต้องยิ้มออกมาด้วยความขำ แล้วมืออีกข้างก็เชยคางเธอให้มองหน้าเขาตรง ๆ
“ทำไม กอดฉันทำไม ทีเมื่อกี้เห็นอยากหนีไม่ใช่เหรอ เอ้า...ปล่อยแล้ว ไปสิ”

เขาพูดและปล่อยมือทั้งสองข้างออกจากร่างเธอ และก็ก้าวถอยหลังออกจากเธอไปหนึ่งก้าว เธอต้องก้าวตามเขาโดยไม่รอช้าและคว้าเอาร่างเขาเป็นที่กำบังเอาไว้อีกครั้ง เพราะรู้สึกอายเกินกว่าที่จะก้มไปเก็บผ้าขนหนูที่ตกห่างตัวออกไปไม่น้อยกว่าสองก้าว และผืนที่คลุมไหลเธอก็ไม่รู้ว่าหล่นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่

แล้วเขาก็รวบร่างเธอเอาไว้อีกครั้งเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งอายมากจริง ๆ เขาก้มลงไปครอบครองเรียวปากเธอเอาไว้อย่างง่ายดาย ร่างเปล่าเปลือยถูกเขาเคล้าคลึง ลูบไล้ไปแทบจะทั่วทุกอณูขุมขน ในที่สุดเขาก็อุ้มเธอไปไว้บนเตียงและนำร่างที่กำยำตามลงไปหาติด ๆ ด้วยความโหยหา เขาเองต้องยอมรับโดยดุษฎีว่า เขารู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ห่างจากร่างที่อบอุ่นของเธอเมื่อเช้า ความปรารถนาที่จะได้แนบชิดกับร่างนี้ คอยบัญชาให้เขารีบนำตัวเองกลับมาหาเธอโดยเร็ว

หญิงสาวหลับตารับกับสัมผัสที่เขากำลังจะมอบให้ มันช่างนุ่มนวล และอ่อนโยนยิ่งนัก ผิดจากเมื่อเช้านี้โดยสิ้นเชิง ร่างที่เปล่าเปลือยของเธอปล่อยให้เขาครอบครอง โดยที่เธอไม่คิดจะขัดขืดใด ๆ อีกแล้ว เพราะเธอรู้ดีว่ามันหาประโยชน์ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และตัวเธอเองก็ไม่สามารถต่อต้านต่อแรงปรารถนาของเขาได้เลย แล้วธรรมชาติมันก็เรียกร้องให้เธอต้องตอบสนองความต้องการของเขาและเธออีกครั้ง ถึงแม้ในใจนั้นจะรู้สึกโกรธตัวเองก็ตาม แต่ความต้องการในเวลานี้ มันทำให้ไม่อาจจะขัดขืนเขาได้เลย



ข้าวต้มกุ้งที่เขาโปรดปราน ถูกจัดไว้ที่โต๊ะเสร็จพอดีที่เขาแต่งตัวและเดินออกมาจากห้อง ระพีพรรณแปลกใจที่เขาอยู่ในชุดง่าย ๆ คือกางเกงผ้าฝ้ายสีดำกับเสื้อกล้ามสีขาว ที่เผยให้เห็นกล้ามหน้าอกและต้นแขนได้ไม่ยาก
“วันนี้มีอะไรกิน หิวจังเลย สงสัยเมื่อคืนจะใช้แรงเยอะไปหน่อย”
เขาอดที่จะแหย่เธอไม่ได้ ได้ผลไม่น้อยเพราะความอายของเธอ ฟ้องออกมาที่ใบหน้าให้เขาเห็นอีกครั้ง ไม่มีคำโต้ตอบใด ๆ จากเธอ นอกจากจะเดินไปรินน้ำส้มจากกล่องในตู้เย็นเอามาให้เขาแทน

“แล้วเธอไม่กินเหรอ ฉันว่าเธอไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อเช้าวานแล้วนะ จะรอให้เป็นลมเป็นแล้งไปก่อนหรือไง เอะ...หรือว่าจะเป็นแผนที่จะทำให้ฉันต้องพาเธอออกไปหาหมอ แล้วก็ถือโอกาสหนีไป” เขายังคงสนุกกับการแหย่เธอ
“ฉันไม่หิว...และถ้าฉันจะหนีคุณ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีนี้ เพราะฉันรู้ดีว่า ฉันไม่มีวันหนีคุณพ้นไปได้หรอก คุณลืมไปแล้วเหรอ ว่าคุณยังมีของสำคัญเอาไว้ต่อรองฉันอยู่”
เธอต่อคำเขาในที่สุด และมันก็ทำให้เขานึกขึ้นได้ในเรื่องกล้องที่เอามาขู่เธอ

“ก็ดีนี่ แต่ยังไงเธอก็ต้องกินข้าว ถ้าไม่กินฉันจะป้อนเธอเอง แต่....เอ....ไม่ป้อนดีกว่า เอาใหม่ ถ้าเธอไม่กินฉันจะทำแบบเมื่อคืนอีก ให้มันได้สามเวลาเลยดีไหม” เขาพูดและเดินตรงมาหาเธอ จนเธอต้องรีบวิ่งไปที่ครัว
“ก็ได้ ๆ ฉันจะกิน คุณไปนั่งที่โต๊ะได้แล้ว”
เธอรีบไปหยิบถ้วย มาตักข้าวต้มทันที และมันก็ทำให้เขาได้ใจอีกแล้ว ที่ยกเอาเรื่องนี้มาขู่เธอได้สำเร็จ

หลังอาหารเช้าได้ไม่นานเสียงออดก็ดังขึ้น เขาเป็นคนเดินไปเปิดประตู โดยที่ปล่อยให้เธอเก็บล้างเครื่องครัวอยู่ แล้วเมธิตาก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับในมือก็หอบเอาแฟ้มเอกสารต่าง ๆ เข้ามาด้วย และก็มีสมพงศ์ที่หอบข้าวของตามมาติด ๆ ทั้งสองคนไม่ได้สนใจจะมองมายังเธอเลย โดยเฉพาะสมพงศ์นั้น เหมือนจะหลบหน้าเธอด้วยซ้ำ

ทำให้เธอรู้สึกผิดหวังจริง ๆ ที่จะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ แล้วมันก็ทำให้เธอนึกขึ้นได้ว่า คนพวกนี้ ล้วนแต่เป็นคนของเขาทั้งนั้น แล้วเธอจะไปหวังขอความช่วยเหลืออะไรได้อีก เธอหันกลับมาสนใจกับงานล้างตรงหน้าโดยที่ไม่หันกลับไปมองคนพวกนั้นอีกเลย

“ฉันให้คนเอาของมาให้เธอแหนะ กลัวว่าจะเหงา เธอมาดูสิ ว่าข้าวของครบหรือเปล่า วันนี้ฉันจะทำงานอยู่ที่นี่”
เขาเดินมาบอก เมื่องานล้างเสร็จสิ้นลง และเธอก็เดินตามเขาไปดู ก็พบว่าเป็นอุปกรณ์วาดเขียนที่เธอมักจะใช้ทำในเวลาว่าง แต่ตั้งแต่ที่เข้าไปทำงานบ้านเขา งานวาดของเธอก็แทบจะไม่ได้จับอีกเลย จะมีทำบ้างก็ตอนที่สอนให้ดรุณีวาดรูปเท่านั้น และก็อาจจะมีบางคืนที่เธอนอนไม่หลับ ก็ลุกขึ้นมาวาดบ้าง แต่ก็กว่าจะเสร็จแต่ละรูปก็กินเวลานานเหลือเกิน และรูปที่เธอวาดเอาไว้ ก็ยังค้างอยู่ที่ห้องนอนที่เรือนกุหลาบนั่นเอง

“คุณจะให้ฉันอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน แล้วคุณไม่กลับไปหาคุณท่านเหรอคะ”
เธออดสงสัยไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเขาจะกักขังเธอเอาไว้ทำไม และดูจากข้าวของที่เขาจัดหามาให้เธอ มันก็เหมือนจะฟ้องว่า เธอจะต้องอยู่กับเขาไปอีกหลายวัน
“เธอถามทำไม” อารมณ์ที่ดูจะดีเมื่อสักครู่ของเขา กลับขุ่นมัวขึ้นมาได้ไม่ยาก เมื่อได้ยินคำถามจากเธอ
“ก็ฉันอยากจะรู้นี่คะ หรือว่าคนอย่างฉัน จะไม่มีโอกาสที่จะได้รับรู้ว่าชะตาชีวิตตัวเองว่าจะเป็นยังไง”
เธอให้เหตุผลกับเขา

“ใช่ เธอไม่มีโอกาสที่จะได้รู้ เพราะชีวิตเธออยู่ในกำมือของฉัน ส่วนชีวิตพ่อกับพี่ชายเธอ มันก็อยู่ในกำมือเธอเหมือนกัน เธอจะเป็นคนเลือก ว่าจะให้ฉันทำยังไงกับพวกเขา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สูงขึ้นกว่าปกติ
“แล้วคุณไม่คิดว่า ที่บ้านคุณจะยุ่งบ้างหรือไงคะ คุณอย่าลืมนะ ว่าฉันมีหน้าที่ ๆ จะต้องทำอะไรบ้างที่บ้านคุณ”
เธอพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ และหาเหตุผลมาหว่านล้อมเขา

“เธอไม่ต้องห่วงหรอกนะ คนอย่างฉันรอบคอบมากพอ บ้านฉันอยู่มาได้โดยไม่มีเธอมาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องมาถามมาก เอาเป็นว่าเธอจะต้องอยู่กับฉัน จนกว่าฉันจะพอใจ และอนุญาตให้เธอกลับเอง เอาข้าวของไปเก็บได้แล้ว ฉันจะทำงาน ห้ามมารบกวนอีก เธอคงพอจะเดาได้นะ ว่าเวลาฉันโกรธแล้วเป็นยังไง”
เขารีบตัดบท และเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานโดยเร็ว ทิ้งให้เธอมองตามหลังเขาไป ด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง ที่การหว่านล้อมเขาไม่เป็นผล จนตัวเองต้องหอบเอาข้าวของ หลบเข้าไปในห้องนอน และทะลุออกไปที่ระเบียง เพื่อหามุมสงบ ๆ วาดรูป เพื่อเป็นการฆ่าเวลา


ภาพร่างจากจินตนาการดูเป็นรูปเป็นร่างหลังจากเวลาสามสี่ชั่วโมงผ่านไป ระพีพรรณลุกขึ้นยืนปิดตัวไปมา เพื่อไล่ความเมื่อยล้า เธอค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้อง และตรงไปยังประตูที่เปิดแง้มเอาไว้ ไม่มีความเคลื่อนไหวจากภายนอก จะมีก็แต่เสียงนิ้วกับแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ที่กระทบกันตามจังหวะ แสดงว่าเขายังคงทำงานอยู่

แล้วเธอก็เหมือนคิดอะไรได้ขึ้นมา หญิงสาวไม่รอช้า เท้าสองข้างรีบสาวไปโต๊ะที่หัวเตียง ลิ้นชักถูกเปิดออก เพื่อหากล้องที่เขาถ่ายเอาไว้ เพราะถ้าเธอได้ข้อมูลจากกล้องไป แล้วรีบทำลาย หรือเก็บเอาไว้เองทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น พ่อกับพี่ก็จะไม่ต้องเห็นภาพที่สะเทือนใจ แล้วมันก็จะเป็นหลักฐานสำคัญเอาไปยืนยันได้ว่า เขาทำผิดสัญญา

ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับเธอ ว่าเธอจะตัดสินใจยังไง จะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้ แล้วก็ก้มหน้าทำงานกับเขาให้ครบสัญญา หรือถ้าเธอจะเอาข้อมูลไปเป็นหลักฐาน เธอก็คิดว่าคนที่จะได้ดูคงจะมีไม่กี่คน หญิงสาวมีสีหน้าที่ผิดหวัง เมื่อลิ้นชักทั้งหมดมีแต่ความว่างเปล่า เธอไม่ละความพยายามตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า เปิดดูแทบทุกตารางนิ้วก็ไม่มีวี่แววของกล้อง หรือเขาจะเอาไปเก็บไว้ที่โต๊ะทำงานข้างนอก

แล้วเธอก็เหมือนได้ยินเสียงประตูห้องน้ำด้านนอกปิดเข้า เธอไม่รอช้ารีบย่องออกมาดู ก็ปรากฏว่าโต๊ะทำงานไม่มีเขานั่งอยู่ เท้าสองข้างถูกสั่งให้ตรงไปค้นหาสิ่งที่ต้องการโดยไม่รอช้า กุญแจลิ้นชักยังคงเสียบเอาไว้ เธอรีบค้นหาไปตามลิ้นชักแต่ละชั้นด้วยความรีบร้อน แล้วเธอก็เจอกล้องที่ถูกเก็บเอาไว้ที่ลิ้นชักสุดท้าย รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปรีดาปรากฏที่ใบหน้าสวยอย่างเห็นได้ชัด

“เธอมาทำอะไรที่โต๊ะฉัน ระพีพรรณ”
เสียงดุดันของเขาดังขึ้นข้าง ๆ ตัวเธอ มือที่เอื้อมไปคว้าเอากล้องถึงกับชะงักด้วยความตกใจ แล้วก็ทิ้งกล้องลงไว้ที่เดิม เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงประตูเปิดออก
“เปล่าค่ะ” เธอรีบปฏิเสธและลุกจากที่นั่นทันที แต่ก็มีมือของเขาคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน
“ฉันถามว่าเธอมาหาอะไรห๊า หรือเธอจะหากล้องฉากรักของเรา” สีหน้าเธอซีดเมื่อเขาจับได้
“เปล่า ปล่อยนะ ฉันเจ็บ” เธอสะบัดแขนให้หลุดจากมือของเขา แต่ก็ไม่เป็นผล

“เธอคิดว่าฉันจะเก็บข้อมูลสำคัญ ๆ เอาไว้ใกล้ ๆ มือศัตรูเหรอ ต่อให้เธอหาจนทั่วห้องนี้ เธอก็ไม่มีวันหาเจอหรอก ฉันผิดหวังในตัวเธอจริง ๆ เลยนะ ที่อุตส่าห์ให้อิสระกับเธอ หรืออยากจะให้ฉันจับเธอมัดเอาไว้ห๊า สายเลือดชั่ว ๆ ในตัวเธอมันคงจะมีมากสินะ ถึงได้คอยคิดคดทรยศคนรอบข้างตลอดเวลา แม้กระทั่งกับฉันที่ได้ชื่อว่าเป็นผัวเธอ สันดานงูพิษ ไว้ใจไม่ได้ เธอมันก็เหมือนพ่อเธอไม่มีผิด” เขาด่าเธอด้วยความโกรธ
“หยุดว่าพ่อฉันนะ มันเป็นความคิดของฉัน ทำไมคุณต้องเอาท่านมาเกี่ยวข้องด้วย พ่อใคร ๆ ก็รัก”
เธอเถียงเขากลับด้วยอารมณ์โกรธไม่แพ้กัน

“ทำไมฉันจะว่าไม่ได้ ถ้าพ่อเธอมันดีจริง มันไม่ต้องนอนรับกรรมที่มันก่อไว้กับคนอื่นอย่างนั้นหรอก แล้วอีกหน่อยมันก็จะได้รับรู้รสชาตของการสูญเสียสิ่งที่มันรัก มันก็จะยิ่งทรมานเพิ่มขึ้นไปอีก เธอได้ยินไหม”
สิ้นเสียงตะคอกใส่เธอ ใบหน้าคมสันก็ถูกมือเรียวฟาดลงไปด้วยความโกรธจนลืมตัวของเธอ
“คุณจะด่าจะว่า หรือจะทำอะไรฉันก็ได้ แต่อย่ามาว่าพ่อฉัน คุณพ่อท่านไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
น้ำตาไหลอาบแก้มลงมา เพราะความคับแค้นใจจากการด่าทอของเขา
“เธอกล้าตบฉันเหรอ ระพีพรรณ เธอกล้าทำให้ฉันโกรธเหรอ แล้วเธอจำได้ไหมว่าฉันบอกไว้ว่ายังไง เวลาที่ฉันโกรธ มานี่” สิ้นเสียงของเขา ข้อมือเธอก็ถูกเขาลากตรงไปที่ห้องด้วยความโกรธ แล้วเหวี่ยงร่างเธอไปที่เตียงอย่างแรง

“คุณจะทำอะไรฉัน ไปให้พ้นนะ ฉันเกลียดคุณ ออกไปให้พ้น”
เธอร้องด่าเขา เมื่อเห็นเขาเดินตรงมาที่เตียงช้า ๆ ด้วยสีหน้าที่บึ้นตึงไม่มีความเป็นมิตรหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
“ผัวอยู่บนเตียงเดียวกับเมีย เขาจะทำอะไรกัน นอกจากเรื่องนี้”
เขาไม่รอช้ารีบโหมตัวลงไปทับร่างเธอเอาไว้และก้มลงจูบที่เรียวปากเธออย่างดุดัน และรุนแรง ประหนึ่งจะเป็นการสั่งสอนให้เธอรู้ว่า อย่าทำให้เขาโกรธ มือหนานุ่มเคล้าคลึงลงไปบนเรือนร่างเธออย่างไม่ปราณี เขาละจากเรียวปากลงมาที่ซอกคอระหง ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมที่เขาจัดสรรมาให้

“ปล่อยนะคุณดำ ฉันเกลียดคุณ ปล่อย โอย...ฉันเจ็บ ปล่อย”
เธอร้องขอเขา พร้อมกับมือทั้งสองข้างก็ทุบไปที่ต้นแขนและหัวไหล่ของเขา บวกกับใช้เล็บจิกลงไปที่แผ่นหลังด้วยความโกรธ
“โอ๊ย....เธอนี่ฤทธิ์มากจริง ๆ นะ ฉันบอกแล้ว ว่าอย่าทำให้ฉันโกรธ เธอรู้ไหม ไม่มีผู้หญิงคนไหน กล้าทำกับฉันอย่างนี้มาก่อนเลย เธอไม่รู้หรอกว่า พลังงานของฉันน่ะมีเหลือเฟือที่จะทำอะไร ๆ กับเธอได้มากกว่าอาหารสามมื้อต่อวันด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจำเอาไว้ นี่คือบทเรียนที่เธอคิดไม่ซื่อกับฉัน และทำให้ฉันต้องโกรธ”

เขาทำเสียงดุดันใส่เธอ แล้วมือสองข้างก็ฉีกเสื้อที่เธอสวมใส่เอาไว้ ซึ่งเป็นแค่ผ้าเนื้อบาง ๆ กระดุมหลุดออกตามแรงของเขา แล้วความโกรธที่เธอสร้างให้กับเขา บวกกับความเกลียดชังในสายเลือดของลูกศัตรู ที่มีเต็มเปี่ยมในตัวเธอ ก็ถูกเขาแสดงออกให้เธอเห็นผ่านรสรักที่เร้าร้อน และดุดัน โดยไม่คิดจะใส่ใจความรู้สึก ของผู้ที่ถูกกระทำแม้แต่น้อย น้ำตาแห่งความเสียใจไหลออกมาอีกครั้ง

หลังจากที่เธอพยายามจะลืมเรื่องที่ผ่านมา แต่เขาก็กลับเอามันมาใส่ให้กับเธออีก สัมผัสจากเขาในเวลานี้ มันช่างต่างจากเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง ประหนึ่งว่าเป็นคนละคนกัน คิดแล้วเธอก็โกรธตัวเองเป็นที่สุด ที่ไม่น่าหลงคิดทำอะไรโง่ ๆ เธอน่าจะฉลาดคิดสักนิดว่า คนระดับเขาคงจะไม่โง่ที่จะเก็บของมีค่าเอาไว้ใกล้มือศัตรูอย่างที่เขาบอกเป็นแน่

“โอ๊ย...ปล่อยนะ ฉันเจ็บ” เธอร้องขอเมื่อรู้สึกถึงความรุนแรงที่เขามอบให้
“ทีหน้าทีหลังจะทำอะไร เธอต้องคิดให้ดี ๆ กว่านี้ นี่เป็นบทลงโทษสำหรับเธอ”
เขายังคงพูดด้วยความดุดัน และมอบรสสัมผัสที่ปราศจาก ความปราณีให้กับเธอจนสาแกใจของเขา







 

Create Date : 03 ตุลาคม 2551
0 comments
Last Update : 3 ตุลาคม 2551 7:37:56 น.
Counter : 697 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.