Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
7 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๒๒ (ธัญรัตน์)




สมพงศ์นำรถที่มีดนุพรนั่งมาด้วยเข้ามาจอดที่หน้าตึก แล้วร่างของหนุ่มใหญ่กับทรงผมที่สั้นเตียน กับชุดที่เขาสวมใส่ ส่งให้เขาดูดีและสง่างามได้ไม่น้อย ถึงแม้ว่าร่างของเขาค่อนข้างจะผอมก็ตาม สายตาของลัดดาและทุกคนในบ้านที่ยืนรอคอยการกลับมาของเขา จ้องมองไปที่ลูกชายคนโต ที่เธอไม่ได้พานพบหน้ามาแล้วหลายปี น้ำตาแห่งความเสียใจ ดีใจ และโล่งใจ มันไหลออกมาโดยที่ลัดดาไม่อาจจะหักห้ามใจได้

“ตาเด่นลูกแม่” ลัดดาร้องเรียกชื่อเขา
“คุณแม่”

เขาก็เรียกมารดาที่ไม่ได้พบหน้ามาไม่น้อยไปกว่ากัน แล้วก็ก้มลงกราบแทบเท้าของมารดาด้วยความรักใคร่ ทั้งสองสวมกอดซึ่งกันและกันเอาไว้ น้ำตาแห่งความดีใจของเด่นณรงค์ก็ไหลออกมาให้มารดาได้เห็น โดยที่เขาไม่คิดจะอายผู้คนในบ้านที่ยืนรอต้อนรับอยู่เลยแม้แต่น้อย

ภาพสองแม่ลูกที่แสดงความรักและสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นต่อกันได้สร้างความซาบซึ้งใจให้กับบรรดาคนในบ้านที่ยืนดูอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะระพีพรรณซึ่งรู้เรื่องราวความเป็นไปของครอบครัวนี้เป็นอย่างดี ทำให้เธอเริ่มรู้สึกโล่งใจไปไม่น้อย เพราะอย่างน้อย ๆ เธอก็ได้มีโอกาสได้เห็นครอบครัวของคนที่ตราหน้าผู้ให้กำเนิดและพี่ชายเธอ เป็นศัตรูและเป็นคนที่ทำให้ครอบครัว
เขาต้องพบกับความเจ็บปวดกับการสูญเสียมานานนับปี ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง และมันก็พลอยทำให้เธออดคิดไปถึงพี่ชายตัวเองไม่ได้ ว่าเมื่อไหร่จะได้พบกับอิสระอย่างเด่นณรงค์เสียที

“แม่ว่าพาพี่เข้าบ้านกันดีเถอะลูก มาเหนื่อย ๆ แม่แพงทำอาหารที่เด่นชอบไว้เยอะเลยลูก”
ลัดดาบอกลูกชายด้วยสายแต่ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ที่เวลาที่เธอรอคอยการกลับมาของลูกชายคนโตได้มาถึงเสียที
“ครับแม่”เด่นณรงค์รับคำมารดาด้วยความรู้สึกที่ไม่แพ้กันเลย
“นิตยา ช่วยให้คนเอาข้าวของพี่เด่นไปเก็บไว้บนห้องเลย” ดนุพรสั่งนิตยา ที่เดินตามเข้ามาในบ้าน

“ทุก ๆ คน ฉันอยากจะแนะนำให้รู้จักลูกชายคนโตของฉัน คือคุณเด่นณรงค์ หรือจะเรียกว่าคุณเด่นเฉย ๆ ก็ได้ และต่อไปนี้ คุณเด่นก็คือเจ้านายทุกคน”
ลัดดาบอกกับคนในบ้าน หลังจากที่มานั่งที่ชุดรับแขกแล้ว ทุกคนก็ยกมือไหว้เขา รวมทั้งระพีพรรณด้วย ซึ่งทำให้เด่นณรงค์รู้สึกเหมือนเคยรู้จักมาก่อน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากรับไหว้เท่านั้น
“เอาล่ะฉันมีเรื่องจะบอกแค่นี้ล่ะ ทุกคนกลับไปทำงานได้ ขอบใจมาก ๆ นะ ที่มารอต้อนรับลูกชายฉัน”
ลัดดาบอก และทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำงานตามที่ตัวเองมี

“เด่นจะไปอาบน้ำก่อนไหมลูก จะได้สบายตัว แม่กับน้องตั้งใจว่า จะทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน จะได้ให้พระท่านรดน้ำมนต์ให้ด้วย เด่นว่าดีไหมลูก” ลัดดาถาม
“แล้วแต่คุณแม่ครับ ผมยังไงก็ได้” เขาบอกมารดา
“พี่เด่นจะไปดูห้องหรือเปล่าครับ เพิ่งจะจัดให้ใหม่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ไม่รู้พี่เด่นจะชอบหรือเปล่าครับ”
ดนุพรถามพี่ชาย
“ยังไงก็ได้นะดำ พี่ขอบใจมาก แต่พี่อยากจะไปหายายดามากกว่า”
เด่นณรงค์บอก เพราะรู้สึกอยากจะเห็นหน้าน้องสาว ที่เขาไม่ได้เห็นหน้ามานานพอ ๆ กับหน้ามารดานั่นเอง

“เอาไว้ช่วงบ่าย ๆ ดีกว่านะเด่น ตอนนี้ยายดายังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ลูก ตอนบ่าย ๆ จะอารมณ์ดีหน่อย” ลัดดาบอกเขา
“ผมเห็นด้วยครับพี่เด่น เอาไว้ตอนบ่ายดีกว่า งั้นผมจะไปทำงานก่อนนะครับ แล้วเย็น ๆ จะกลับ” ดนุพรบอก
“มีงานด่วนเหรอลูก” ลัดดาถามเพื่อเป็นเชิงบอกว่าไม่ค่อยอยากจะให้เขาไปสักเท่าไหร่
“ครับแม่ พอดีมีนัดกับลูกค้าสำคัญเอาไว้ แล้วเย็น ๆ ผมจะรีบกลับมานะครับ” เขาบอกมารดา
“ให้ดำไปเถอะครับแม่” เด่นณรงค์รีบบอกมารดา เพราะรู้ดีว่ามารดามีความหมายเช่นไร

“งั้นก็รีบกลับนะลูก” ลัดดาไม่วายที่จะย้ำ
“ครับแม่” แล้วเขาก็เดินไปขึ้นรถที่มีสมพงศ์รออยู่ก่อนแล้ว
“ดูสิ พี่เชื้อเพิ่งจะมาแท้ ๆ ก็ยังต้องกลับไปทำงาน พ่อดำนี่จริง ๆ เลย”
ลัดดาบ่นเขา แต่น้ำเสียงนั้น ออกจะชื่นชมมากกว่าจะตำหนิด้วยซ้ำ
“โธ่...คุณแม่ครับ ให้ดำไปเถอะครับ ถ้าพวกเราไม่ได้เขา ป่านนี้ก็ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”
เด่นณรงค์อดที่จะสำนึกในบุญคุณที่น้องชายมีกับครอบครัวไม่ได้
“แม่แค่ไม่อยากให้ดำทำงานหนักมากเกินไปก็เท่านั้นล่ะลูก พักนี้นะ บ้านช่องไม่ค่อยจะอยู่หรอก ไปขลุกอยู่ที่คอนโดโน่น จะเป็นเดือนอยู่แล้ว เหมือนจะหนีใครก็ไม่รู้” ลัดดาบอกเด่นณรงค์

“เอ้า...กินน้ำก่อนเถอะลูก” ลัดดาบอก เมื่อเห็นระพีพรรณยกน้ำเข้ามาเสิร์ฟให้ แล้วก็กลับออกไป
“แม่ครับ ใครกันครับ ผมรู้สึกว่าคุ้น ๆ หน้ามากเลย” เด่นณรงค์ถามมารดาด้วยความสงสัย
“ก็แม่เพลง ลูกนายกำพลไงลูก” ลัดดาบอก
“ลูกสาวนายกำพล คุณเพลงหนะเหรอครับ แล้วมาทำอะไรที่บ้านเราครับแม่” เขาถามด้วยความสงสัย
“อ้าว...เด่นไม่รู้เรื่องเหรอลูก”
ลัดดาถามด้วยความสงสัยไม่น้อย เพราะคิดว่าแผนการทั้งหมดนี้ ดนุพรได้ถ่ายทอดให้เขาเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะลงมือปฏิบัติ

“ไม่รู้ครับ มันเรื่องอะไรครับแม่” เขาถามกลับ
“ก็ดำกับแม่ตกลงกันว่า......” ลัดดาเล่าทุกอย่างให้เขาฟังโดยละเอียด
“ที่แท้ที่ดำบอกผมว่า นายกำพลกำลังจะได้รับผลกรรมจากแผนการของเรา ก็คือการเอาคุณเพลงมาทำงานใช้หนี้ นี่เหรอครับคุณแม่” เขาถามมารดาเมื่อรับรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
“ใช่ลูก...แล้วทำไมเด่นไม่รู้เรื่องล่ะลูก เห็นดำบอกแม่ว่าบอกเด่นแล้ว”
“ดำบอกว่าจะแก้แค้นนายกำพลให้ผมฟังครับ แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำยังไง กับใคร”

เขาบอกมารดาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสบายใจนัก เมื่อได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดกับมารดา แท้ที่จริงแล้ว คนที่เขาเฝ้าแต่ดูรูป ก็อยู่ใกล้ เขาแค่เอื้อมนี่เอง เขาบอกตัวเองไม่ได้ ว่าจะดีใจหรือจะเสียใจที่ได้รับรู้เรื่องพวกนี้ และที่สำคัญเขาคาดเดาความรู้สึกที่ระพีพรรณจะมีต่อเขาและครอบครับไม่ได้ ว่าเป็นเช่นไร

“แล้วทำไมเด่นทำหน้าอย่างนั้นล่ะลูก มันเหมือนกับว่า น้องกับแม่กำลังทำความผิดอย่างนั้นล่ะ” ลัดดาถามเขา
“ไม่ใช่ครับแม่ ผมแค่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นวิธีนี้ แล้วได้ผลเหรอครับ นายกำพลสำนึกเหรอครับ ว่าเขาเคยทำอะไรกับเราไว้บ้าง”
“แม่ก็คิดว่าได้ผลนะลูก เพราะเขารักลูกเขาจะตายไป แค่ต้องมารับใช้เราแค่นั้น คนเป็นพ่อแม่ก็หัวใจแทบสลายแล้วล่ะลูก เหมือน ๆ กับที่แม่เคยรู้สึกเมื่อครั้งที่เด่นต้องไปทำงานกับเขาไง”
ลัดดาบอก ซึ่งทำให้เด่นณรงค์ค่อนข้างจะเห็นด้วย และก็หวนคิดไปถึงเรื่องราวเก่า ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเขามาด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างจะหดหู่ใจไม่น้อย


“คุณเพลง”
เสียงเด่นณรงค์เรียกชื่อเธอด้วยความคุ้นเคย หลังจากที่เขาพยายามหาโอกาสที่จะพูดคุยกับเธอตามลำพังมาแทบจะทั้งอาทิตย์ ก็เพิ่งจะมีโอกาสได้อยู่กับเธอวันนี้นี่เอง ทำให้หญิงสาวที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องลัดดาหลังจากที่อ่านหนังสือให้ฟังจนหลับไปแล้ว
“พี่เด่น....เอ่อ...คุณเด่น มีอะไรจะให้ดิฉันรับใช้คะ” เธอเผลอเรียกชื่อเขาด้วยความเคยชินไม่แม้กัน
“คุณเพลงเรียกพี่เด่นเหมือนเดิมเถอะนะ สำหรับพี่กับคุณเพลง พี่อยากจะให้ทุกอย่างเหมือนเดิมมากที่สุด” เขาบอก

“คงจะไม่ได้หรอกค่ะ เมื่อก่อนกับวันนี้มันไม่เหมือนกัน ถ้าดิฉันเผลอลืมตัวไป คุณดำอาจจะเพิกถอนสัญญาได้ค่ะ”
เธอบอกเขาด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ แล้วความรู้สึกที่ค่อนข้างจะเจ็บปวด
“เถอะนะ ถือว่าพี่เด่นขอก็แล้วกัน พี่ขอคุยอะไรกับคุณเพลงหน่อยได้ไหมครับ เราไม่เจอกันมานานเท่าไหร่แล้ว พี่ก็จำแทบไม่ได้ คุณเพลงทำอะไรค้างอยู่หรือเปล่าครับ”
เขาถามอย่างสุภาพ ทำให้เธออดดีใจไม่ได้กับความเป็นตัวของเขาเองไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย

“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ให้เกียรติเพลง เอ่อ....พอดีเพลงจะไปช่วยพี่ยุพินดูแลคุณดาค่ะ พี่เด่นจะคุยกับเพลงไปแล้วก็เดินไปที่เรือนกุหลาบก็ได้นะคะ” เธอบอกและยิ้มบาง ๆ ให้เขา
“ได้ พี่ก็กำลังจะไปดูยายดาเหมือนกัน งั้นเราไปกันเถอะนะ”

เขาบอกและเดินไปพร้อม ๆ กับเธอ แล้วทั้งสองก็พูดคุยแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุขดิบ กับชีวิตที่ผ่านมาให้กันฟัง และมันก็ทำให้ระพีพรรณนั้น ค่อนข้างสบายใจไม่น้อยที่ได้คุยกับเขา เธอก็รู้สึกว่าเด่นณรงค์แทบจะไม่ได้แสดงให้เธอได้เห็นเลยว่า เขาโกรธแค้นพ่อและพี่ของเธอ หรือหากเขาจะโกรธ เธอก็ไม่เห็นว่าเขาจะดึงเอาความรู้สึกเกลียดชังแบบน้องชายเขามาถ่ายทอดให้กับเธอซึ่งเป็นสายเลือดต้นเหตุแห่งเรื่องเลยแม้แต่น้อย

แววตาที่เขาเคยมองเธอเมื่อก่อนเป็นยังไง วันนี้เธอก็ยังเห็นเป็นแบบนั้นอยู่ ทำให้เธออดคิดเปรียบเทียบกับน้องชายของเขาไม่ได้ อะไรที่ทำให้ทั้งสองคนแตกต่างกันได้ถึงเพียงนี้นะ หรืออาจจะเป็นเพราะดนุพรนั้นต้องดิ้นรนสู้ชีวิตอยู่กับโลกภายนอกที่ดูจะโหดร้ายกว่าสลับซับซ้อนกว่า ต้องคอยรับรู้และสัมผัสปัญหาต่าง ๆ ที่พ่อและพี่ชายเธอเป็นคนก่อขึ้นในหลาย ๆ ครั้ง
ผิดกับส่วนเด่นณรงค์นั้นตั้งแต่ตัวเขาเองต้องเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว เขาก็ไม่ได้พบปะกับพ่อของเธออีกเลยตั้งแต่นั้นมา ระพีพรรณพยายามเดาเรื่องต่าง ๆ นานา แต่ก็หาคำตอบที่แท้จริงให้กับตัวเองไม่ได้เลย



แสงนวลผ่องแห่งจันทราสาดส่องลงมายังพื้นดิน ส่งให้มองเห็นสุมทุมพุ่มไม้ที่ปลูกรายล้อมเอาไว้บริเวณเรือนกุหลาบได้อย่างชัดเจน ระพีพรรณที่ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้มาจะเป็นแรมเดือนแล้ว เธอจึงลุกมาเดินดูอะไรรอบ ๆ บ้าน ความเงียบเหงาของราตรีกาล ความรู้สึกที่โดดเดี่ยวและเดียวดายมีในใจเธอไม่น้อยในเวลานี้

หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ ที่สนามแล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ ตัว คืนนี้เดือนหงายเหลือเกิน และเธอเองก็เพิ่งจะมีเวลาได้สังเกตุเห็นต้นไม้หลาย ๆ ต้น ที่เธอและสมพรลงมือปลูกเอาไว้ ตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามาทำงานที่นี่ ต้นไม้พวกนี้ ต่างก็เติบโตขึ้นไม่น้อย ทำให้เธอรู้สึกว่าอายุของพืชพันธุ์เหล่านี้ จะเติบโตไปพร้อม ๆ กับเวลาแห่งอิสระภาพที่เธอรอคอยด้วยความทรมานนั่นเอง

หญิงสาวยิ้มบาง ๆ ให้ตัวเอง เมื่อคิดได้ว่า หนทางที่เดินมาใกล้จะถึงเส้นชัยแล้ว แต่รอยยิ้มก็ค่อย ๆ จางหายไปจากใบหน้า เพราะความคิดล่องลอยไปถึงวันที่หมอได้ประกาศก้องว่าตัวเองกำลังจะเป็นแม่คนในเวลาอีกไม่กี่เดือนนี้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไประหว่างเธอและเขา ระพีพรรณเอามือกุมขมับด้วยไม่รู้ว่าจะบอกดนุพรอย่างไร และเธอก็แทบจะไม่เคยสบโอกาส ที่จะได้พูดคุยกับเขาเลยด้วยซ้ำ

นับตั้งแต่วันที่เธอรับรู้ว่าตัวเองตั้งท้องกับเขา เธอก็แทบจะไม่เคยเห็นเขากลับมาพักที่บ้านเลย นอกจากจะแวะมาหามารดาในช่วงหลังเลิกงาน แล้วก็กลับไปนอนที่คอนโดเหมือนเดิม หรือแม้แต่วันที่ทำบุญบ้านที่เขาจำเป็นจะต้องอยู่ร่วมด้วย แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ เขาทำเหมือนกับเธอไม่มีตัวตนในสายตาของเขา มันจึงทำให้เธอรู้สึกลังเลที่จะเปิดบทสนทนากับเขา

เธอก็รู้สึกชื้นใจอยู่บ้าง ที่ช่วงนี้อาจจะมีโอกาสให้พบเขาบ้าง
เพราะเขากลับมานอนที่บ้านเป็นบางวัน ตั้งแต่วันที่เด่นณรงค์กลับมาอยู่ที่บ้านนี้ได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยมีโอกาสได้อยู่กับเขาสองต่อสองเลย ความกังวลมีในใจไม่น้อย เมื่อเธอจินตนาการไปถึงความรู้สึกของคนรอบ ๆ ข้างว่าจะรู้สึกอย่างไร หากทุกคนได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างเขาและเธอ พ่อจะรู้สึกอย่างไร ลัดดาจะรู้สึกอย่างไร น้ำตาแห่งความอ่อนแอเริ่มไหลรินออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อจินตนาการเรื่องต่าง ๆ ก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง



ประตูห้องของคอนโดถูกเปิดออกหลังจากที่คนข้างในพบว่า ใครมายืนรออยู่หน้าห้อง ระพีพรรณจ้องมองใบหน้าเจ้าของห้องด้วยความรู้สึกที่กระดากอาย บวกกับความกล้า ๆ กลัว ๆ กับคำตอบที่จะได้รับ แต่เธอก็คิดว่าในเมื่อตัวเองตัดสินใจที่จะมาที่นี่ เธอก็จะต้องรวบรวมความกล้าให้ได้มากที่สุด
“เข้ามาก่อนสิ” เขาบอกแล้วก็เดินนำเธอไปในห้องโดยที่ไม่ได้สนใจว่าผู้มาเยือนนั้นจะมาด้วยเรื่องอะไร
“เธอมีอะไร ถึงได้มาหาฉันเอาป่านนี้”เขาถามเธอในที่สุด หลังจากที่ยกข้อมือดูเวลาก็พบว่าใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว

“ขอโทษค่ะ ที่มารบกวนเวลาของคุณ” เธอบอกเขา
“มีอะไรก็รีบว่ามา ฉันไม่ค่อยมีเวลา จะไปทำธุระข้างนอก” เขาบอกอย่างนั้น
“ฉันจะมาถามเรื่องสัญญาระหว่างฉันกับคุณ” เธอเริ่มรวบรวมความกล้า
“สัญญาอะไร” เขาถามทั้ง ๆ ที่พอจะเดาเรื่องได้
“สัญญาเรื่องคุณจะคืนทุกอย่างให้ฉันเมื่อครบสัญญา หรือถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดสัญญา”
“แล้วไง”
เขาถามออกไปโดยไม่สนใจ พร้อม ๆ กับเดินไปที่หน้าต่าง และหันหลังให้เธอ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายได้เห็นแววตาที่เจ็บปวดของเขา

“คุณก็รู้ว่าคุณเป็นคนทำผิดสัญญา ฉันต้องการทุกอย่างที่เป็นของคุณพ่อคืน ตามที่เราตกลงกันเอาไว้”
“นี่มันอะไรกัน เธอทำให้ฉันเข้าใจว่า เธอจะไม่เอาเรื่องนี้มาพูดอีกไม่ใช่เหรอ แล้วก็จะทำงานให้ครบสัญญา แล้วนี่มันอะไรกัน ฉันนอนกับเธอไปตั้งหลายเดือนแล้ว ทำไมจู่ ๆ เธอถึงเพิ่งจะมาเรียกร้องสิทธิ์อะไรตอนนี้ไม่ทราบ”
เขายังคงยืนหันหลังให้เธอ
“ใช่ค่ะ เมื่อก่อนฉันตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ฉันทำไม่ได้แล้ว” เธอพยายามสงบอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
“แล้วทำไมเปลี่ยนใจซะล่ะ เอ๊ะ...หรือว่าขี้เกียจทำงานแล้ว” เขาหันมาหาเธอ

“ฉันกำลังท้องค่ะ” เธอตัดสินใจบอกออกไปด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ
“เธอท้อง....แล้วมาบอกฉันทำไม ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย”
เขาหันมาถามเธอด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย เพราะคาดเดาได้ดีว่าจุดประสงค์ของเธอที่มาหาเขาก็คือเรื่องนี้นั่นเอง และมันก็สร้างความกังวลใจให้กับระพีพรรณขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียวกับท่าทางของเขาในเวลานี้
“ที่ฉันมาบอกคุณ ก็เพราะว่า ลูกในท้องของฉัน คือลูกของคุณ” เธอบอกเขาไป
“เธอว่าอะไรนะ ลูกเธอจะมาเป็นลูกฉันได้ยังไง เธอเอาอะไรมาพูด” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คุณหมายความว่ายังไง คุณเองก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างฉันกับคุณ”
ระพีพรรณบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่ปกติ เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินสิ่งที่เขาบอกออกมา

“เรื่องระหว่างฉันกับเธอเหรอ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นล่ะระพีพรรณ เท่าที่ฉันรู้ก็คือ เราไม่เคยมีอะไรกันเลย แล้วเธอจะมาบอกว่าท้องกับฉันได้ยังไง เธอมีหลักฐาน หรือพยานหรือเปล่า จู่ ๆ จะมากล่าวหาฉันแบบนี้ มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ”
เขาบอกพร้อม ๆ กับยิ้มเยาะเย้ยเธออย่างคนมีชัย
“คุณกำลังจะบอกฉันว่าคุณไม่เคยมีอะไรกับฉันอย่างนั้นเหรอคุณดำ”
เธอถามเขากลับพร้อม ๆ กับใบหน้าที่มีน้ำตาไหลรินออกมาด้วยความรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่ได้ยิน
“มันไม่เกี่ยวกับคำตอบของฉัน ว่าจะใช่หรือไม่ใช่หรอกนะ มันสำคัญอยู่ที่ว่าเธอมีหลักฐานอะไรที่จู่ ๆ จะมาบอกว่าฉันเป็นพ่อของลูกเธอต่างหาก” เขาถามเธอกลับพร้อม ๆ กับใบหน้าที่เฉยเมย

“คุณเป็นคนบอกฉันเองว่าคุณอัดวีดีโอเอาไว้ แล้วคุณยังจะมาถามหาหลักฐานจากฉันเหรอ”
เธอนึกขึ้นได้เรื่องที่เขาเอามาขู่เธอ
“วีดีโอ เหรอ ฮ่า ๆ เธอนี่ช่างไม่สมกับเป็นนักเรียนนอกเลยนะ ขโมยที่ไหน มันจะทำหลักฐานเอาไว้มัดตัวเอง เธอไม่รู้เหรอ ว่าฉันยกเมฆเธอ มันไม่มีวีดีโออะไรทั้งนั้นล่ะ”
“คุณหลอกฉันเหรอ” เธอถามด้วยความโกรธ
“ฉันไม่เรียกว่าหลอก แต่ฉันเรียกว่าฉันฉลาดกว่าเธอ หมดเรื่องแล้วใช่ไหม ฉันจะได้ไป”
เขาถามเป็นเชิงไล่เธอทางอ้อม

“ถ้าคุณไม่ยอมรับลูกในท้องฉันก็ไม่เป็นไร เพราะฉันก็ไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบอะไรจากคุณ แต่คุณต้องคืนทุกอย่างให้ฉัน เพราะคุณทำผิดสัญญา” เธอบอกเขาด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง
“ผิดสัญญาอะไร แล้วเธอจะเอาหลักฐานที่ไหน ถ้าฉันไม่ยอมรับซะอย่าง” เขาบอกเธอ
“คุณหมายความว่ายังไง”เธอถามเขาด้วยความไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

“หมายความว่า ฉันจะไม่คืนอะไรให้เธอทั้งนั้น เพราะว่าฉันไม่ได้ทำอะไรที่ผิดไปจากสัญญาที่เธอทำไว้กับฉันเลย วิธีเดียวที่เธอจะได้สมบัติพ่อเลว ๆ ของเธอคืน นั่นก็คือ ก้มหน้าทำงานให้มันครบสัญญา แล้วฉันจะคืนให้ อ้อ..ไอ้ที่บอกว่าทำงานให้ครบสัญญา ฉันจะไม่สนใจหรอกนะ ว่าเธอจะท้องหรือไม่ท้อง แต่เธอจะต้องมาทำงานให้ฉันจนครบ ฉันไม่อนุญาตให้เธอลาคลอด ลาไปฝากท้อง หรือลาไปไล่ล่าหาพ่อของลูกในท้องเธอเป็นอันขาด ถ้าเธอลางานกับฉันอีกแม้แต่วันเดียว สัญญาที่ฉันทำกับเธอไว้ จะเป็นโมฆะทันที เธอจะไม่ได้อะไรจากฉันเลยสักแดงเดียว”
เขาบอกเธอด้วยสายตาที่เคียดแค้น เกลียดชังยิ่งนัก ในสายตาของธอ

“คุณก็รู้ว่าฉันทำไม่ได้ และคุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าลูกของฉันเป็นสายเลือดของคุณ แล้วคุณจะมากำหนดกฎเกณฑ์ให้ฉันทำในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ คุณคิดได้ยังไงคุณดำ”
เธอถามและจ้องมองใบหน้าเขาด้วยหัวใจที่เจ็บปวด น้ำตาแห่งความเสียใจก็ยังไหลรินออกมาไม่ขาดสาย
“แล้วแต่เธอจะคิด” เขายักไหล่ แล้วก็หันหลังให้เพื่อหลบหนีความอ่อนแอของตัวเอง
“มันคงจะเป็นแผนการที่คุณวางเอาไว้แล้วแต่แรกใช่ไหม คุณไม่เคยคิดที่จะคืนอะไรให้กับพวกเราเลย คุณตั้งใจที่จะให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น คุณตั้งใจจะทำให้ฉันท้อง แล้วปล่อยให้ฉันเป็นเหมือนคุณดาใช่ไหม” เธอถามเขาด้วยแววตาแห่งความผิดหวัง

“ฉันบอกแล้วไง ว่าแล้วแต่เธอจะคิด”เขายังคงหันหลังให้เธอ
“ที่ผ่านมาฉันพยายามจะเข้าใจพวกคุณมาโดยตลอด และสำนึกผิดแทนคุณพ่อและพี่พีมาโดยตลอด แล้วฉันก็หวังเอาไว้ว่า สักวันหนึ่ง พวกคุณจะยกโทษให้กับความผิดพลาดของพวกเรา แต่ฉันก็คิดผิด คุณมันใจร้าย คุณมันเลือดเย็น ทำไม ทำไมคะคุณดำ คุณเกลียดพวกเรามากขนาดนี้เลยหรือคะ มันมากพอที่จะทำให้คุณลงทุนทำเรื่องแบบนี้เลยใช่ไหม คุณเห็นฉันเป็นอะไร ทำไมคุณถึงทำกับฉันอย่างนี้ ทำไม ๆ” เธอร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ

“เห็นเป็นอะไรน่ะเหรอ เธอนี่ท่าจะความจำไม่ดีนะ ก็ฉันบอกเธอแล้วไง ว่าเธอจะต้องเป็นสารให้ฉัน แล้วส่งไปหาพ่อกับพี่ของเธอไง เธออยากจะรู้มากใช่มั้ย ก็ได้ฉันจะบอกให้เธอรู้” เขาหันมาหาเธอ

“ใช่ เรื่องทั้งหมดมันเป็นแผนการที่ฉันวางเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เธอรู้มั้ย ว่าฉันไม่เคยคิดที่จะคืนอะไรให้พวกเธอเลย เพราะนั่นมันเป็นของ ๆ ฉัน และฉันก็ซื้อมันมาด้วยเงินมหาศาลสำหรับฉัน แล้วทำไมฉันจะต้องคืนให้พวกเธอง่าย ๆ กับอีแค่เธอมาทำงานให้ฉันแค่ห้าปี เธอไม่เอะใจบ้างเหรอ ว่าทำไมมันดูง่าย ๆ สำหรับการชดใช้หนี้สินขนาดนี้ จริง ๆ แล้ว ฉันไม่คิดว่าเธอจะทนให้ฉันกดขี่ได้นานขนาดหรอกนะ เพราะไอ้พวกลูกคนรวย ๆ น่ะ มันทำงานไม่ค่อยจะทน ฉันคิดว่าไม่กี่วันเธอก็คงจะหอบผ้าหนีไปแล้ว แต่เธอก็อยู่ได้นานเกิดคาด” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่เคียดแค้น

“แล้วคุณก็เลยใช้วิธีนี้ เพื่อที่จะหยุดฉันใช่มั้ย” เธอดักคอเขา
“ใช่ เพราะวิธีนี้เป็นวิธีสุดท้าย ที่ฉันคิดว่าจะหยุดเธอได้โดยไม่ต้องคืนอะไรให้เธอยังไงล่ะ ทีนี้เธอเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว ก็ช่วยออกไปจากชีวิตของพวกฉันได้แล้ว ไปให้พ้น ๆ หน้าฉัน เอาพ่อและคนของเธอออกจากบ้านฉันไปด้วย ฉันไม่อยากให้เลือดชั่ว ๆ ของพวกเธอไปแปดเปื้อนบนแผ่นดินฉันอีก” เขาส่งเสียงดังด้วยความเกลียดชังในสายเลือดของกำพลที่มันรวมอยู่ในตัวเธอ

“คุณรู้มั้ย ตั้งแต่ฉันเกิดมาจนถึงทุกวันนี้ ฉันไม่เคยเกลียดใครเท่ากับเกลียดคุณเลย คุณมันใจร้าย คุณเที่ยวประณาม คุณพ่อกับพี่พีว่าเป็นคนเลว แต่อย่างน้อย ๆ พ่อกับพี่ของฉันก็ทำลงไปเพราะความจำเป็น และความรู้เท่าไม่ถึงการ แต่สำหรับคุณ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเกิดจากความตั้งใจของคุณ เพราะฉะนั้น ถ้าพ่อกับพี่ฉันจะเลว คุณเองก็คงจะไม่ต่างอะไรไปจากคนที่คุณกล่าวหาเลย หรืออาจจะยิ่งกว่าด้วยซ้ำ ฉันเกลียดคุณ ๆ ได้ยินมั้ย ฉันเกลียดคุณ”
เธอด่าทอเขาด้วยความเจ็บปวด แล้วก็หันหลังเดินตรงไปยังประตูด้วยความผิดหวัง และเสียใจเป็นที่สุดที่ตัดสินใจมาพบเขาในวันนี้

“ยิ่งเธอเกลียดฉันมากเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งรู้ว่าฉันเองก็เกลียดพวกเธอไม่แพ้ไปกว่ากันเท่านั้น เธอโชคดีเท่าไหร่แล้ว ที่ฉันไม่ทำให้เธอบ้าตามยายดาไป”

เขาพูดตามหลังเธอ และก็มองร่างบอบบางที่หยุดยืน ฟังสิ่งที่เขาบอกออกไป แล้วร่างเธอก็ค่อย ๆ หันมาหาเขา และจ้องมองใบหน้าเขา น้ำตาที่ไหลอาบแก้มขาวเนียนยังคงไหลออกมาไม่ขาด ระพีพรรณเพ่งมองไปที่ใบหน้าที่คมเข้มของเขาด้วยความไม่อยากเชื่อ ว่าเขาจะมีความเกลียดชังและเคียดแค้นในการกระทำของพ่อและพี่ชายตัวเองได้มากขนาดนี้ ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากเธอแม้แต่คำเดียว ไม่นานเธอก็ค่อย ๆ หันหลังกลับแล้วตรงไปที่ประตูในที่สุด

เข่าสองข้างของดนุพรทรุดลงกับพื้นทันทีที่ร่างระพีพรรณลับประตูไป มือสองข้างถูกยกขึ้นมาปิดใบหน้าเอาไว้ น้ำตาของลูกผู้ชายค่อย ๆ ไหลออกมาฟ้องให้เห็นความอ่อนแอที่เขามีในที่สุด

“แกจะต้องไม่ใจอ่อนนะไอ้ดำ จำเอาไว้ แกจำไม่ได้เหรอ ว่าพวกมันทำอะไรไว้กับคนรอบข้างของแกบ้าง แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ได้ยินมั้ย มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
เขาพร่ำบอกกับตัวเอง เพื่อเรียกความเข้มแข็งให้กลับมาหาตัว แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปคว้าเอาขวดเหล้ายกกรอกเข้าปากเพื่อดับความเครียดที่มี แล้วก็แบกร่างที่รู้สึกจะหนักกว่าทุก ๆ วัน เข้าไปเก็บตัวเองอยู่ในห้อง ขังตัวเองอยู่ในนั้นพร้อม ๆ กับขวดเหล้าที่ติดมือไป







 

Create Date : 07 ตุลาคม 2551
3 comments
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 9:31:22 น.
Counter : 694 Pageviews.

 

เม้นเม้น

นายดำเลวจิงๆๆๆ

อ่านทีไร

เกลียดนายดำมากขึ้นทุกที


ย้ากกกกก

 

โดย: ออย IP: 58.147.37.248 7 ตุลาคม 2551 18:39:16 น.  

 

ไม่มีคำบรรยายใดๆให้นายดำอีกแล้วค่ะ รู้สึกช่วงนี้คนเขียนจะเรียกน้ำตาจากคนอ่านเหลือเกินเน่อ
เห็นใจคนอ่านบ้างนะค๊าา สงสารเพลงใจจะขาดแล้ว

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 7 ตุลาคม 2551 22:38:26 น.  

 

หึ หึ หึ

น้ำตาท่วมจอแล้วคราวนี้

 

โดย: ธัญญะ 8 ตุลาคม 2551 9:53:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.