Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
18 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๓๓ (ธัญรัตน์)




เลขาฯ หน้าห้องรีบลุกไปรับข้าวของที่ระพีพรรณหอบกลับมาจากไปดูไซด์งานกับลูกค้าตั้งแต่เช้าจนบ่ายแก่ ๆ เธอยิ้มให้ผู้ที่มีน้ำใจก่อนจะยื่นข้าวของให้ช่วยถือ และเดินตรงไปยังห้องทำงานของตัวเองด้วยอาการของคนหมดแรง เพราะนับตั้งแต่ที่โสภาตกลงใจหมั้นกับพิสิทธิ์จนกระทั่งแต่งงานกัน ระพีพรรณก็ต้องเข้ามาทำงานแบบเต็มเวลาและรับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปแทนโสภา ทั้งโสภาและเปรมก็ตกลงกันว่าให้เธอเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในบริษัท ได้รับเงินปันผลจากผลประกอบการประจำปีด้วย

ถึงแม้ระพีพรรณจะอยากปฏิเสธมากแค่ไหน เพราะไม่มีเงินมาลงหุ้นด้วย มีแต่แรงงาน แต่เธอก็ทำไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าพิสิทธิ์อยากจะให้ภรรยาพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวมีทายาทให้เขา เพราะทั้งคู่ก็อยู่ในวัยที่สมควรแล้ว และอีกอย่างหนึ่งระพีพรรณก็อยากจะช่วยโสภาเพราะความดีที่เคยช่วยเหลือเธอมานับครั้งไม่ถ้วนนั่นเอง

“พี่เพลงคะ พี่โสภาโทรมาค่ะ บอกว่าให้พี่เพลงโทรกลับด้วยค่ะ” เลขาฯ บอกหลังจากที่บางข้าวของไว้ที่ห้องให้เธอแล้ว
“ขอบคุณมากนะจ๊ะจู พี่ขอน้ำเย็น ๆ ด้วยจ๊ะ”

เธอบอกก่อนที่เลขาฯ จะออกจากห้องไป แล้วตัวเองก็รีบกดโทรศัพท์ไปให้เพื่อนต่างวัยด้วยความคิดถึงทันที ตั้งแต่แต่งงานแล้วเธอก็ไม่ได้เห็นโสภามาจะร่วมเดือนแล้ว เพราะทั้งคู่ตระเวนไปฮันนี่มูนในหลายประเทศด้วยกัน
“ได้ค่ะพี่โสภา ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ที่นึกถึงเพลงกับหลาน เดี๋ยวอีกสักพัก
เพลงจะไปหาค่ะ และจะเอาแบบงานของคุณนิธิไปปรึกษาด้วยค่ะ”

เธอบอกไปตามสายก่อนจะวางโทรศัพท์ลง และพยักหน้าเป็นการขอบคุณให้เลขาฯ ที่ยกน้ำมาให้แล้วก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้เจ้านายคนที่สองถัดจากโสภาอยู่ในห้องทำงานคนเดียว และมันก็ทำให้ระพีพรรณไม่ชอบใจเอาเสียเลยที่เวลาได้มีโอกาสอยู่คนเดียว เพราะมันคอยจะทำให้ความคิดตัวเองนั้นล่องลอยไปไกลแสนไกล คิดไปถึงเรื่องต่าง ๆ นานา แต่ไม่ว่าความคิดจะไปอยู่ ณ แห่งหนใด ท้ายที่สุด มันก็จะต้องมาจบลงที่ใบหน้าของคนที่เธออยากจะลืม แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่เคยทำได้เลย

ภาพของเขาที่มีสาวสวยหน้าใสคอยเดินคล้องแขนเดินไปทั่วงาน ทักทายคนโน้นคนนี้ ประหนึ่งว่าเขาและเธอเป็นเจ้าภาพงานเสียเองนั้น มันเรียกน้ำตาให้เธอได้แทบทุกครั้ง เหมือนกับเวลานี้ที่เจ้าตัวต้องนั่งพิงพนักเข้าอี้แล้วหันหลังให้ประตูห้องด้วยความเจ็บปวด สภาพของตัวเองที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดของเธอเลยแม้แต่น้อย

เพราะเมื่อสมัยเรียนอยู่เมืองนอก เธอวาดฝันว่าหากกลับเมืองไทยแล้วก็คงจะได้ทำงานที่ตัวเองรัก ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก นั่นคือธนากร แต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่หวังเอาไว้เมื่อกลับมาถึงบ้าน แต่เธอก็วาดความฝันขึ้นใหม่อีกครั้งเพื่อให้เข้ากับสภาพสิ่งแวดล้อมรอบตัว นั่นก็คือตั้งใจทำงานและเอาทุกอย่างคืนมาให้ได้ แล้วก็ตั้งใจจะสานต่อธุรกิจของพ่อให้เจริญรุ่งเรือง แล้วก็ลงเอยกับใครสักคน ที่เขาพร้อมที่จะเดินไปข้าง ๆ เธอ

แต่ความฝันนั้นมันก็มลายหายไปอีกแล้ว พร้อม ๆ กับสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบันผุดขึ้นมาแทนที่ เธอปรารถนาอยากจะให้เรื่องต่าง ๆ ณ ปัจจุบันกลับกลายไปเป็นความฝันเหลือเกิน แต่มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับเธออีกเธอเองก็ยังสงสัย และก็ยิ่งสงสัยเป็นทวีคูณ เมื่อนึกถึงคำพูดของเด่นณรงค์ที่ไปหาเธอเมื่อคืนก่อนขึ้นมา

“คุณเพลงพี่ขอยืนยันคำเดิมนะครับ ว่าพี่ยินดีจะช่วยคุณเพลงและอยู่ข้างคุณเพลงเสมอ”
เขาเอื้อมมือไปกุมมือเธอเอาไว้ทันทีที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง เมื่อเธอเดินมาส่งเขาที่รถ
“ขอบคุณพี่เด่นค่ะ” เธอตอบแค่นั้น

“พี่จะช่วยคุณเพลงทุก ๆ เรื่อง แม้กระทั่งเรื่องนั้น ถ้าคุณเพลงอนุญาต”
เขาย้ำในเรื่องที่เขาได้เคยพูดออกไปแล้วที่งานแต่งงานโสภา และมันก็ทำให้ระพีพรรณนั้นจ้องมองใบหน้าเขาด้วยความสลดใจยิ่งนัก

พลอยทำให้เธอหวนคิดไปถึงวันคืนเก่า ๆ กับภาพของชายหนุ่มที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง โอบอ้อมอารีย์ต่อแม่และน้องที่ไม่ประสาเอาแต่วิ่งเล่น ภาพเขาปฏิเสธที่จะรับข้าวของและเงินจากเธอในทุก ๆ ครั้ง เหตุการณ์มันช่างกลับกันจากหน้ามือเป็นหลังมือเหลือเกินกับวันนี้ เพราะเธอต้องตกมาเป็นเหมือนคนที่ต้องการ การช่วยเหลือจากเขาแทน

น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาจนยากที่จะหักห้ามเอาไว้ได้อีกต่อไป เพราะรู้สึกสงสารเด่นณรงค์และสงสารตัวเองในเวลาเดียวกัน เธอภาวนาขอให้เด่นณรงค์มีความรู้สึกกับเธอแค่สงสารและอยากช่วยเธอเท่านั้น อย่าให้เขามีความรู้สึกอื่นใดอีกเลย เพราะเธอรู้ดีว่า มันไม่มีวันจะเป็นไปได้เลย

“คุณเพลงร้องไห้ทำไมครับ หรือว่าพี่พูดอะไรผิดไป”
เขาตกใจที่ใบหน้าขาวเนียนนั้น เปื้อนไปด้วยน้ำตา จนเขาต้องปล่อยมือเธอ แล้วล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วซับไปที่แก้มให้เธอด้วยความอ่อนโยน
“อย่าร้องไห้นะครับคุณเพลง เด็ก ๆ ร้องไห้ดูจะน่ารักนะครับ แต่คนโต ๆ แล้วมันไม่น่ารักเลย”
เขาบอกขณะยังคงซับน้ำตาให้เธอ จนทำให้เธอเผลอยิ้มออกมาทั้งน้ำตานั่นเอง

“ต้องอย่างนี้สิครับ เวลาคุณเพลงยิ้มดูน่ารักกว่าร้องไห้ตั้งเยอะนะครับ”
เขาบอกขณะที่ละมือจากใบหน้าเธอและเก็บผ้าเช็ดหน้าไว้ที่เก่า
“เพลงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะ พี่เด่นกลับบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณท่านจะรอ” เธอบอก
“ครับ แต่คุณเพลงอย่าลืมที่พี่พูดนะครับ ไม่ว่าคุณเพลงจะอยู่ที่ไหน ขอให้จำเอาไว้ว่าคุณเพลงยังมีพี่อยู่ข้าง ๆ เสมอนะครับ” เขาไม่ลืมที่จะย้ำสิ่งที่เขาได้พูดไว้อีก
“ค่ะ” เธอตอบแค่นั้น แล้วเขาก็ขึ้นรถและขับออกไป


น้ำตาที่หักห้ามไม่ให้ไหลออกไปให้เด่นณรงค์เห็นวันนั้น ประหนึ่งกับต้องการจะชดเชย มันจึงหลั่งไหลออกมาเพื่อเป็นเครื่องคอยระบายความคับแค้นที่มีอยู่ในใจเธอเรื่อยมา คิด ๆ แล้วก็ให้โกรธตัวเองเป็นที่สุด ที่ยอมไปงาแต่งของโสภา ทำให้เรื่องที่เธอต้องการจะลืม สังคมเพื่อน ๆ ที่เธอทิ้งไว้ข้างหลังเมื่อหลายปี ภาพร่างที่แข็งแรงกำยำที่เคยยึดครองเธอไว้ให้อยู่กับอกเขา สิ่งเหล่านี้มันกลับมาเป็นหอกคอยทิ่มแทงหัวใจให้เจ็บปวดอีกครั้ง

หญิงสาวต้องรีบสลัดทุก ๆ อย่างออกไปให้ไกลจากความคิด เพราะนึกขึ้นได้ว่าจะต้องรีบไปหาโสภาและรีบกลับไปดูลูก ที่เธอมีเวลาให้แค่ในช่วงเย็น ๆ หลังเลิกงานเท่านั้น เธอจึงรีบเก็บข้าวของและออกไปจากห้องทันที


“คุณผู้หญิงบอกว่า ถ้าคุณเพลงมาถึงแล้วรบกวนไปรอที่ห้องนั่งเล่นเลยค่ะ”
เด็กรับใช้บอกเธอหลังจากที่ไปรับเธอถึงรถ แล้วคนบอกก็เดินนำไปที่ห้องนั่งเล่นและเลี่ยงออกไป ไม่นานก็ยกน้ำมาต้อนรับแขกของนายหญิงของบ้าน
“คุณผู้หญิงอาบน้ำอยู่ค่ะ แต่คุณสิทธิ์เดี๋ยวจะลงมาหาคุณเพลง แล้วจะออกไปข้างนอกค่ะ” เด็กรับใช้รายงาน

“จ๊ะ ขอบคุณมาก”
ระพีพรรณรับคำและทรุดตัวลงนั่งชุดรับแขก แล้วก็รีบกางแบบตกแต่งที่จะมาปรึกษาโสภาออกเพื่อดูและทบทวนอีกครั้ง เพื่อเป็นการฆ่าเวลา ด้วยรู้ดีว่าตัวเองมาถึงก่อนเวลานัดไว้เกือบครึ่งชั่วโมง เพราะการจราจรไม่ติดเท่าที่คิดเอาไว้ ไม่นานเธอก็รู้สึกเหมือนว่ามีคนเดินมาในห้อง เธอจึงทักออกไปทั้ง ๆ ที่ไม่ได้หันไปมองเพราะมัวแต่ก้มดูแบบนั่นเอง

“คุณสิทธิ์จะออกไปข้างนอกเหรอคะ”
หญิงสาวละสายตาจากแบบ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจากอีกฝ่าย แต่แล้วก็ต้องตกใจกับคนที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องนั่งเล่น
“ผิดหวังมากเหรอที่เป็นผมแทนที่จะเป็นคนอื่น”

ดนุพรถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่หมางเมินและเฉยเมยเป็นที่สุด เพราะขุ่นเคืองการกระทำของเธอและพี่ชายไว้หลายเรื่อง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย เขาจึงเดินตรงมาหาเธอ จนเธอต้องรีบลุกหนีให้ห่าง ๆ จากเขา

“ทำไมเหรอ เธอ...เอ่อ...คุณรังเกียจที่จะอยู่ใกล้ ๆ กับผมขนาดนั้นเลยเหรอ”
เขาเรียกเธอด้วยความเคยชิน แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ใช่เด็กในบ้านของเขาอีกต่อไปแล้ว
“ฉันไม่เคยมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับใครก่อน ถ้าฉันจะรังเกียจคุณ ก็คงจะเป็นเพราะว่าคุณรังเกียจฉันก่อนกระมังคะ”
เธอพูดกับเขาอย่างเสียไม่ได้

“แล้วถ้าเกิดมีคนรักคุณ คุณก็คงจะรักเขาตอบงั้นสิ”
เขาเริ่มที่จะพูดกระทบเธอในเรื่องที่มันบั่นทอนจิตใจเขามาหลายวัน แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับจากเธออีก ระพีพรรณรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะไปต่อล้อต่อเถียงกับเขา และเธอก็ภาวนาขอให้โสภาหรือพิสิทธิ์ลงมาเร็ว ๆ เพื่อจะได้ลากลับไป เพราะไม่อยากจะอยู่ใกล้ ๆ กับเขาแม้แต่เสี้ยววินาที

“เงียบ แปลว่ายอมรับ” เขาสรุป แต่ก็ไม่มีเสียงจากอีกฝ่ายเช่นเคย ทำให้เขาเริ่มโมโหที่น้ำคำทำอะไรเธอไม่ได้
“หรือว่าเป็นผมที่ยืนอยู่ตรงนี้คุณถึงได้เงียบ แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นพี่เด่นล่ะ คุณจะทำยังไง จะเอาน้ำตาเข้าแลกให้พี่ผมใจอ่อน จนต้องแอ่นอกรับเป็นพ่อของลูกคุณเลยงั้นเหรอ” เขาไม่ยอมลดละ
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด” เธอตอบออกไปแค่นั้น แล้วก็ค่อย ๆ เดินให้ห่างจากเขาอีก เมื่อเขาเริ่มก้าวเข้ามาหาเธอ

“ก็ถ้าผมคิดว่าใช่ล่ะ มันก็ต้องใช่อย่างงั้นเหรอ ใจจริงคุณจะให้ลูกผมเรียกลุงว่าพ่อแทนรึไง”
เขาคว้าต้นแขนเธอให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาด้วยความโมโห
“ปล่อยฉันนะ ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน ลูกของฉัน”
เธอพยายามดึงแขนกลับแต่ไม่เป็นผลเมื่อเขาเริ่มบีบมือแน่นขึ้นกว่าเดิม

“ลูกของคุณ แล้วเป็นลูกผมด้วยหรือเปล่า คุณก็รู้อยู่แก่ใจนะว่าเรื่องมันเป็น
ยังไง คุณจะแก้แค้นผมคืนด้วยวิธีนี้เหรอเพลง ตกลงคุณจะไม่ยอมให้เรื่องมันยุติเลยใช่มั้ย” เขาเอะอะและอ้างไปเรื่อย ๆ เท่าที่จะคิดออกในตอนนี้

“คนอย่างฉันจะทำอะไรก็ไม่คิดจะทำเพราะความแค้นหรอกนะ เพราะฉันรู้ดีว่าความแค้นมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ทุกวันนี้คุณยังมีความสุขดีอยู่เหรอคุณดำ คนที่วัน ๆ เอาแต่สั่งสมความแค้นไว้เต็มอกอย่างคุณยังอยู่ดีสบายอยู่เหรอคะ”
เธออดที่จะว่าเขาไม่ได้

“ใครจะไปมีความสุขเหมือนคุณล่ะ มีแต่คนมารุมรัก และก็ดูเหมือนว่าคุณจะพอใจและดีใจเหลือเกินนะ ที่วัน ๆ เอาแต่โปรยเสน่ห์ใส่ผู้ชาย จนทำให้พี่ผมลืมว่าคุณน่ะมีเรือพ่วงอยู่แล้วทั้งลำ” เขาว่าด้วยความโมโห
“ปล่อยฉันนะ มีคนรักก็ดีกว่ามีคนเกลียด และถ้าเขารักฉันมาก ๆ ฉันก็อาจจะลงเอยกับเขาก็ได้ เพราะฉันควรจะเห็นค่าความรักของเขาที่มอบให้ฉันไง ปล่อยฉันนะ”
เธอพูดใส่หน้าเขาและตัวเองก็พยายามที่จะสลัดแขนให้หลุดจากอุ้งมือเขาแต่ก็ไม่เป็นผล

“คุณจะรักเขาได้เหรอ ก็ในเมื่อคุณได้ชื่อว่าเป็นเมียผม และเป็นแม่ของลูกผม คุณอย่าลืมนะ”เขาย้ำเตือนเธอ
“แต่ฉันก็ไม่ได้รักคุณ และคุณรู้ดีว่าคุณข่มเหงฉันยังไง คุณไม่มีวันได้หัวใจฉันไปได้หรอก เพราะฉันเกลียดคุณ ได้ยินไหมว่าฉันเกลียดคุณ ปล่อย”
เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ชาเย็น และสบัดแขนออกจากมือเขาได้สำเร็จ จึงรีบเดินหนีเขาออกไปจากห้อง แต่ก็ไม่ทันเพราะเขารีบย่างขาที่ยาวเพียงไม่กี่ก้าวก็ตามเธอมาได้

“คุณหนะเหรอเกลียดผม ไม่มีทาง และถ้ามี ผมก็จะทำให้คุณรักผม แบบนี้”

เขารวบร่างเธอมากอดเอาไว้ และระดมจูบไปที่เรียวปากงามด้วยความถวิลหาอยู่ในที ระพีพรรณไม่ทันได้ระวังตัวเอง และไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้ในบ้านของคนอื่น เธอได้แต่ใช้กำปั้นทุบและใช้นิ้วหยิกไปที่ไหล่เขา แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขารวบร่างเอาไว้แน่นกว่าเดิม ปากก็บดขยี้เรียวปากเธอเพื่อเป็นการเตือนว่าไม่ได้ดิ้นรนหนีเขา

จนร่างเธอนั้นแทบจะอ่อนแรงเพราะสัมผัสจากเขา แล้ววงแขนเขาก็คลายออกเป็นแค่โอบร่างเธอไว้หลวม ๆ จุมพิตที่รุนแรงแต่แรกเปลี่ยนเป็นนิ่มนวลแผ่วเบา หญิงสาวรู้สึกสับสนและเจ็บปวดใจเป็นที่สุดกับผู้ที่ครอบครองร่างเธอเอาไว้ แล้วไม่นานน้ำตาแห่งความเจ็บปวดมันก็ไหลออกมา

“เพลง”
เขาเรียกเธออย่างแผ่วเบา และรู้สึกตกใจที่ได้เห็นน้ำตาเธอไหลอาบแก้มออกมาอีกครั้ง หลังจากที่เขาไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว
“คุณพอใจหรือยังคะ คุณทำให้ฉันเจ็บพอหรือยัง คุณแก้แค้นพอหรือยัง ที่ฉันเป็นอยู่ทุกวันนี้มันยังไม่สาแกใจคุณใช่มั้ย”
เธอประชดเขาพร้อม ๆ น้ำตาก็หลั่งไหลออกมา

“เพลง”
เขาเรียกชื่อเธอได้แค่นั้น ก็ต้องหยุดเมื่อฝ่ามือน้อย ๆ ฟาดลงไปบนแก้มเขา ความเจ็บปวดไม่ได้ระคายผิวเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ภายในหัวใจของเขานั้นเจ็บยิ่งกว่า เจ็บที่เผลอทำให้เธอต้องร้องไห้อีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ทำอีก

“เพลงอยู่ไหนน่ะ”
ไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น เสียงโสภาก็ดังมาจากอีกฟากหนึ่งของบ้าน ระพีพรรณรีบเช็ดน้ำตาให้แห้งไปจากใบหน้า ก่อนจะยิ้มรับเพื่อนและสามีที่เดินเคียงคู่กันเข้ามาในห้องนั่งเล่น โสภายิ้มให้เธอด้วยความดีใจที่ได้เห็น แต่ก็มีสีหน้าที่เรียบเฉย เมื่อหันไปหาดนุพร

“ขอโทษนะที่ให้รอ” โสภาบอกขณะเดินไปหาเธอ
“อ้าว...ดำไหนบอกว่าจะเจอกันข้างนอกไง”
พิสิทธิ์ทักเพื่อนด้วยความแปลกใจ เพราะเขาเลือกที่จะนัดดนุพรให้ไปเจอกันที่ร้านอาหารข้างนอก เมื่อเขารู้ว่าภรรยานัดระพีพรรณให้มาหาบ้าน เพราะรู้ดีว่าทั้งเพื่อนและภรรยาไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่


“พอดีขับรถออกมาเร็วหน่อย ไม่รู้จะไปไหนก็เลยมาหาแกก่อน แล้วกะว่าจะไปด้วยกัน”
เขาบอกไปตามจริง เพราะไม่คิดว่าจะได้มาเจอระพีพรรณที่นี่เหมือนกัน
“เหรอ...งั้นไปกันเลยนะ คุณผมไปแล้วนะ คุณเพลงครับไปก่อนนะครับ เอาไว้ว่าง ๆ จะพาภรรยาไปเยี่ยมหลานที่บ้านนะครับ” พิสิทธิ์รีบตัดบท
“ค่ะ” ระพีพรรณรับคำแค่นั้น แล้วทั้งพิสิทธิ์และดนุพรก็ออกไปจากห้อง
“เพลงมีอะไรจะบอกพี่หรือเปล่า” โสภารีบถามเมื่อสามีและเพื่อนคล้อยหลังไป

“ไม่มีค่ะ เพลงเอางานมาให้พี่โสภาช่วยดูหน่อย ก่อนเอาไปเสนอคุณนิธิค่ะ กลัวจะไม่ถูกใจแก”

ระพีพรรณบอกไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ สีหน้ายังไม่ดีขึ้นเลย และก็เหมือนว่าโสภาจะไม่อยากกวนใจเธอให้มากไปกว่านั้น เพราะเข้าใจเพื่อนรักดี แล้วอีกอย่างทั้งเธอและพิสิทธิ์ก็ได้ยินและได้เห็นการกระทำของดนุพรเมื่อสักครู่จนหมดแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไง แต่ในใจนั้นโสภายิ่งหมั่นไส้ดนุพรมากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ ที่เฝ้าแต่จะรังแกเพื่อนรักเธอไม่ว่างเว้น



รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของผู้ที่ยืนรอนาทีอันระทึกใจ นาทีที่เขารอคอยมานานแสนนาน นาทีที่ประตูแห่งอิสระภาพของเขาจะเปิดออก แล้วเขาก็ได้พบกับใบหน้าคนใกล้ชิดที่ยืนยิ้มรอให้เขาก้าวออกจากประตูนั้นอย่างใจจดใจจ่อ ระพีพงศ์ค่อย ๆ เดินไปหาบิดาที่นั่งอยู่รถเข็นรอลูกด้วยความดีใจ ปล่อยให้น้ำตาแห่งความปีติยินดีไหลอาบแก้มออกมา โดยที่เขาไม่คิดจะอายใครเลย เพราะทุก ๆ คนที่ในนั้น ก็มีสภาพไม่ได้แตกต่างกันเลย

“คุณพ่อ” ระพีพงศ์ก้มลงกราบแทบเท้าบิดา ก่อนจะจูบไปหลังเท้าที่ไม่ได้ใช้งานมาหลายปีของผู้ที่ให้กำเนิดเขามา
“พีลูกพ่อ”
กำพลก้มตัวลงไปลูบศีรษะลูกชายสุดที่รักด้วยความดีใจ แล้วทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกันแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ระพีพรรณที่ยืนอยู่ด้านหลังรถเข็นบิดานั้นกลั้นน้ำตาแห่งความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ จนต้องร้องไห้ออกมา โป่งเองก็มีสภาพที่ไม่ต้องกันเลยแม้แต่น้อย

“ยายเพลง” เสียงพี่ชายเรียก และโผเข้ากอดน้องสาวที่เขารัก
“พี่พี เพลงคิดถึงพี่พีที่สุดเลยค่ะ”
“พี่ก็คิดถึงเพลงเหมือนกัน” สองพี่น้องแสดงความรักและความผูกพันที่มีต่อกันผ่านหยดน้ำตาที่ไหลรินออกมา
“ลุงโป่ง” ระพีพงศ์ทักหลังจากที่ผละจากอ้อมกอดน้องสาว
“คุณพีของลุง ดูสิตัวสูงขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยครับ” โป่งอ้าแขนรับร่างของเขาด้วยความดีใจ

“เรากลับบ้านกันเถอะลูก จะได้พักผ่อนบ้าง ยายเพลงทำอาหารอร่อย ๆ รอพีตั้งหลายอย่าง” กำพลตั้งสติได้

“ครับคุณพ่อ”
ลูกชายรับคำ แล้วทั้งหมดก็ตรงไปที่รถโดยมีระพีพรรณเป็นคนขับ ไม่นานสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเมื่อคิดถึงนาทีที่พี่ชายไปถึงบ้าน ซึ่งไม่ใช่บ้านที่เขาคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก เธอเองก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่าพี่ชายจะมีความรู้สึกอย่างไร แต่ถ้าจะให้เธอเดา ก็คงไม่ต่างจากวันที่เธอได้รับรู้ว่าความจริงเมื่อครั้งกลับมาถึงบ้านใหม่ ๆ เป็นแน่ และความกังวลนี้ก็ไม่มีละเว้นจากใจของกำพลกับโป่งไปได้ด้วยเลย

พิสิทธิ์ยืนมองท่าทีของภรรยาที่ดูเหมือนจะเป็นกังวลกับเรื่องอะไรบางเรื่อง ที่เธอก็ยังไม่ได้บอกให้เขารู้มาตั้งแต่เช้า เขาเห็นเธอเดินผุดเข้าออกระหว่างม้านั่งที่จัดวางไว้ที่เทอเรสที่ทำไว้ข้าง ๆ บ้านเพื่อเป็นที่พักผ่อนของคนในบ้าน กับห้องทำงานที่เขาทนการรบเร้าจากเธอไม่ได้จึงต้องยอมให้ทำงาน แต่จะต้องทำที่บ้าน เพราะเขาไม่ให้เธอไปทำที่ออฟฟิศอีกแล้ว

เขารู้ดีว่าโสภาก็ใช้ชีวิตที่ไม่ได้สุขสบายนักมาตั้งแต่เกิดแล้ว ดีที่เธอนั้นเป็นคนมีมานะพยายามจึงดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองและครอบครัวมาได้ และเบื้องหลังความสำเร็จนั้น ระพีพรรณก็มีส่วนช่วยเธอมากในช่วงที่อยู่เมืองนอกตามคำบอกเล่าของเธอ ที่เขาเคยได้ไตร่ถามว่าทำไมถึงรักและห่วงระพีพรรณมากนัก

และเขาก็รู้สึกดีใจที่ทั้งเขาและเธอมีโอกาสได้รู้จักระพีพรรณ เพราะคนดี ๆ ที่จะช่วยกันอย่างจริงจัง และจริงใจเป็นเวลาติดต่อกันนานหลายปีนั้น หายากเต็มทีในสมัยที่มีแต่การแข็งขันสูงเช่นนี้ พลอยทำให้เขาคิดถึงเพื่อนยากของเขา ที่เคยได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสืออย่างช่วยไม่ได้ วิถีชีวิตระหว่างเขากับดนุพร และระพีพรรณกับโสภาในความคิดของเขานั้น ไม่ได้แตกต่างกันตรงไหนเลย มันเหมือนกับพรหมลิขิตที่ดลบันดาลให้คนทั้งหมดมาพบกัน และผูกพันกันเอาไว้

เขาอยากจะให้เพื่อนยากลงเอยกับระพีพรรณสักที เรื่องยุ่ง ๆ จะได้ไม่ต้องเกิดขึ้นอีก แต่เขาก็ไม่อยากจะไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเพื่อนมาก เพราะรู้ดีว่าเพื่อนเป็นคนยังไง ความทิฐิของเพื่อนมีติดตัวมาแทบจะตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ และความเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้นก็แก้ไม่ได้เช่นกัน

รักก็คือรัก เกลียดก็คือเกลียด ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา เพื่อนทำอย่างที่เคยบอกเขาไว้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการสร้างฐานะที่มั่นคง หรือการแก้แค้นให้กำพลต้องเจ็บปวดแสนสาหัส คิดถึงข้อนี้แล้ว เขาก็ได้แต่ถอนหายใจเข้าปอดลึก ๆ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย

“กินกาแฟมาก ๆ ไม่ดีนะคุณ” เขาบอกภรรยาขณะเดินมาหาที่เทอเรส
“เพิ่งจะสองแก้วเองค่ะ ก็ฉันกลุ้มใจนี่คะ” โสภาบอกสามี
“เรื่องอะไรล่ะคุณ” เขาถามในที่สุด
“ก็พี่พี...เอ่อ...คุณระพีพงศ์น่ะค่ะ พ้นโทษวันนี้แล้ว” โสภาบอก
“ก็ดีสิ แล้วคุณจะมานั่งกลุ้มใจทำไม เป็นเรื่องน่าจะดีใจออก” เขาบอก

“ดีมันก็ดีอยู่หรอกค่ะ แต่ว่าเรื่องของเรื่องก็คือ คุณลุงกับยายเพลงไม่ได้บอกความจริงเรื่อง...เอ่อ...เรื่องเพื่อนสนิทของคุณที่ก่อวีระกรรมเอาไว้น่ะสิ ไม่รู้ป่านนี้ พี่พีจะเป็นยังไง ฉันขอภาวนาว่าอย่าให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นเลยค่ะ สงสารยายเพลง นี่ก็รอโทรศัพท์อยู่นะคะ ป่านนี้แล้วยังไม่โทรมาเลย” เธอบอก

“คงไม่มีอะไรหรอกมั้งคุณ อย่างมากเขาก็คงจะเสียใจแทนพ่อและน้อง แต่ก็คงจะไม่ถึงขั้นเอะอะโวยวายหรอก เมื่อก่อนคุณพีจะเป็นคนยังไงผมไม่รู้ แต่คุณเชื่อเถอะว่า ชีวิตในคุกจะเปลี่ยนเขาให้เป็นคนละคนเลยทีเดียว ผมเห็นมาเยอะแล้ว เชื่อผมสิ อย่าลืมนะว่าผมน่ะ เป็นทนายมีส่วนทำให้คนไม่ดีเข้าคุกและออกมาเป็นคนดีมากแล้ว” เขาบอกภรรยา

“ค่ะ พ่อคุณทนายใหญ่ แล้วไหนลองบอกมาซิคะ ว่าทำไมคราวก่อนจึงปล่อยให้เพื่อนรักคุณ มาทำร้ายเพื่อนรักฉันได้”
โสภาพูดด้วยความหมั่นไส้สามี แต่ก็มีน้ำเสียงที่อ่อนโยนอยู่มาก
“เอาอีกแล้ว บอกกี่ทีแล้วว่าผมไม่รู้ มันเป็นเรื่องบังเอิญ คุณก็ไม่เชื่อผัวตัวเองเอาซะเลย” เขาทำท่าโวยวาย

“เอาล่ะ ๆ ฉันเชื่อคุณก็ได้ แต่ทีหลังอย่าให้เขามาทำร้ายยายเพลงอีกนะคะ แค่ลำพังพี่ชายของเพื่อนคุณทำท่าว่าจะรักยายเพลงเข้าแล้ว ฉันก็กลุ้มใจแทนจะแย่ นายดำนี่จริง ๆ เลย ขยันสร้างเรื่องไม่มีเว้นวัน” โสภาบ่นไปทั่ว
“คุณว่าอะไรนะ ใครบอกคุณเรื่องพี่เด่น” พิสิทธิ์ถามเพื่อความแน่ใจ
“ก็ยายเพลงน่ะสิคะ มาปรึกษาเรื่องพี่เด่น มีคนมารักยายเพลงฉันเองก็ดีใจด้วยล่ะนะคะ แต่ทำไมต้องเป็นพี่เด่นด้วยก็ไม่รู้ แล้วจะทำยังไงกันล่ะนี่” โสภาบ่นอีก

“แล้วคุณเพลงรักพี่เด่นหรือเปล่าคุณ” พิสิทธิ์ถามด้วยความอยากรู้

“ฉันดูไม่ออกหรอกค่ะ ยายเพลงไม่ได้บอก แต่ว่าก็คงจะมีความรู้สึกดี ๆ กับพี่เด่นมากเหมือนกัน นี่ถ้าฉันไม่ได้ยินเรื่องที่เพื่อนคุณรับกับยายเพลงว่าเป็นพ่อตาพิงวันนั้นนะ ฉันจะเชียร์พี่เด่นจริง ๆ ด้วย ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าเขาเป็นพ่อลูกกัน แต่ฉันก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพราะเขาไม่ยอมรับเองนี่”

โสภาพูดด้วยความโมโหและนึกสนุกอยู่ในที แต่ตรงกันข้ามกับพิสิทธิ์ที่เพิ่งจะได้ยินเรื่องนี้มันทำให้เขาห่วงเพื่อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างนั้น เพราะจนด้วยเกล้าจริง ๆ

“ผมว่าหยุดเรื่องเพื่อนของเราเอาไว้ก่อนนะคุณ ว่าแต่คุณเถอะมัวมานั่งกลุ้มอยู่นี่ เมื่อไหร่จะมีลูกให้ผมได้สักทีล่ะ คุณพ่อกับยายแยมน่ะอยากจะอุ้มหลานเต็มทีแล้วนะ ว่าแล้วผมว่าเราไปฮันนี่มูนรอบสองดีกว่ามั้ย เอาให้ท้องก่อนแล้วค่อยกลับมา”
เขาพูดและยิ้มให้ภรรยา

“บ้าคุณนี่ พูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่เอาแล้ว ไปดีกว่า”
โสภาค้อนสามีด้วยความเขินอาย ก่อนจะวิ่งเข้าบ้านขึ้นไปชั้นบน ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่พิสิทธิ์เห็นว่าดีที่สุดในเวลานี้ แล้วเขาก็รีบวิ่งตามไปอย่างไม่รอช้า



ระพีพรรณจอดรถไว้ที่บ้านแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีเลย ที่เห็นรถของเด่นณรงค์จอดอยู่ก่อนแล้ว เพราะเธอไม่แน่ใจว่าการมาของเขา จะทำให้พี่ชายที่เพิ่งจะมีสีหน้าและท่าทีที่ดีขึ้นได้ไม่กี่วัน หลังจากรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากเธอและพ่อจะมีอาการยังไงที่ได้เห็นเขา แต่อย่างน้อยเธอก็ดีใจที่พี่ชายไม่ได้เอะอะโวยวายเหมือนที่เธอและคนอื่น ๆ กลัว

ตรงกันข้ามพี่ชายกลับเงียบ แต่ก็เสียน้ำตาด้วยความสงสารพ่อและน้อง แต่ตอนนี้พี่ชายเธอก็เหมือนไม่ได้คิดอะไรมากแล้ว จะเห็นได้จากการที่เขาเข้าสวนกับโป่งไปทำโน่นนี่ และก็ช่วยเลี้ยงหลานในวันที่เธอไปทำงาน ซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระคนที่บ้านไปได้เยอะเลย

“กลับมาแล้วเหรอลูก ได้ของอะไรเต็มมือเลย” กำพลเข็นรถออกมาทักทายเพราะได้ยินเสียงรถลูกสาว
“พวกปู พวกกุ้งค่ะคุณพ่อ เพลงจะเอามาทำให้พี่พีกินค่ะ อยู่ในโน้นคงไม่ค่อยได้กินของพวกนี้ พี่จิตคะเพลงฝากไปขนของที่หลังรถด้วยนะคะ” เธอบอกขณะที่วางของไว้ที่แคร่หน้าบ้าน
“เหรอลูก ดีเลยพ่อก็นึกอยากกินเหมือนกัน” กำพลบอก

“เอ่อ...แล้วพี่เด่นอยู่ไหนคะคุณพ่อ มานานหรือยัง แล้วเจอพี่พีหรือยังคะ” เธอถามออกไปด้วยความกังวล
“อยู่ในส่วนน่ะลูก มานานแล้วตั้งแต่บ่าย และก็เจอกันแล้ว”
เขาตอบลูกสาวทุกคำถาม และก็ยิ้มที่มุมปาก ด้วยอ่านความคิดลูกสาวออก
“ไม่มีอะไรหรอกยายเพลง ตอนแรกพ่อก็กลัว ๆ เจ้าพีเหมือนกันนะ ตอนที่เจอพ่อเด่นทีแรกน่ะ แต่ก็ไม่มีอะไรมาก นี่ดีนะที่เราปูทางเรื่องพ่อเด่นเอาไว้ดี เจ้าพีมันก็เลยไม่ค่อยมีอะไร” กำพลรีบบอกเพื่อให้ลูกสาวลดความกังวลลง

“เหรอคะคุณพ่อ เพลงค่อยหายห่วงหน่อยค่ะ” ระพีพรรณบอก
“แต่ถ้าเป็นอีกคนพ่อก็ไม่รับรองหรอกนะ”
กำพลรีบบอกตามความรู้สึกที่แท้จริงของเขา และมันก็ทำให้สีหน้าของลูกสาวเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย

“เขาคงไม่มาแถวนี้หรอกค่ะคุณพ่อ อืม...เพลงว่าวันนี้เราทำบาร์บีคิวที่หน้าบ้านดีหรือเปล่าคะ เพลงซื้อมาเยอะเลย อีกหน่อยพี่โสภากับคุณพิสิทธิ์ก็จะมา เดี๋ยวเพลงจะโทรไปบอกให้ซื้อของมาเพิ่มอีก จะได้สังสรรค์เวลาที่อยู่พร้อมหน้ากันหน่อย”
ระพีพรรณเอาเรื่องอื่นมากลบและเลือกที่จะไม่พูดถึงพ่อของลูก ด้วยการเดินเข้าครัวพร้อมทั้งหิ้วข้าวของไปเก็บ และก็จัดการโทรศัพท์ไปให้โสภา ส่วนกำพลนั้นก็เข้าใจความรู้สึกลูกสาวได้ไม่น้อยเลย

“เอ่อ...คุณพ่อคะแล้วน้องพิงไปไหนคะ” ระพีพรรณนึกถึงลูกจึงเดินมาถามอีกรอบ
“โน่นแหนะ” เขาเบ้ปากไปทางที่เด่นณรงค์เดินมา โดยมีระพีพงค์และโป่งเดินตามออกมาด้วย
“น้องพิง กวนคุณลุงหรือเปล่าลูก มาให้แม่หอมแก้มทีค่ะ คิดถึงจังเลยลูก”
ระพีพรรณรีบเดินไปรับหนูน้อยจากวงแขนของเด่นณรงค์แล้วก็กอดและหอมแก้มลูกชายด้วยความรัก ทำให้ทุก ๆ คนยิ้มให้กันอย่างสุขใจ

“ไม่กวนหรอกครับ แต่มอมแมมหน่อย เพราะลงไปเดินเล่นบนดินครับ อุ้มไว้ก็ไม่ฟัง งอแงพี่ก็เลยปล่อยให้เล่นเลย คุณเพลงไม่ว่านะครับ” เขาบอกและยิ้มให้เธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ เด็ก ๆ ปล่อยให้เล่นกับดินบ้างจะได้มีภูมิต้านทาน แล้วไปทำอะไรกันมาคะ พี่พีลุงโป่ง มอมแมมเชียว”
เธอถามพี่ชายที่เพิ่งจะวางจอบ เสียมพร้อม ๆ กันกับโป่ง และก็พากันนั่งลงที่แคร่โดยเอาหมวกใบกว้าง ๆ พัดไปมาเพื่อไล่เหงื่อ
“อ๋อ...พี่จะปลูกพริกน่ะ” ระพีพงศ์ตอบ

“ตรงไหนคะ ไม่เห็นจะมีที่ว่างเลย” เธอถามเพราะในสวนนั้นเต็มไปด้วยต้นมะม่วงและพืชอื่นจนแทบจะหมดสวนแล้ว
“ก็ใต้ต้นมะม่วงไงยายเพลง ที่เยอะแยะเลย แล้วเปรี้ยวกับเนตรก็บอกให้พี่ไปปลูกในสวนของเขาด้วยนะ ถ้าที่ไม่พอ”
เขาบอกและอ้างไปถึงเพื่อนบ้านที่จะรู้จักกันตั้งแต่เขามาอยู่นี่
“พี่เปรี้ยวใจดีจังค่ะ แล้วปลูกได้ด้วยเหรอคะ มันไม่โดนบังแดดเหรอใต้ต้นมะม่วงน่ะ” เธอถามด้วยความสงสัย

“ปลูกได้สิ พริกตอนนี้ราคาดีจะตาย แป๊ป ๆ ก็ได้เงินแล้ว จะได้เอามาช่วยเป็นค่าอาหารไง พี่ไม่อยากเกาะน้องกินหรอกนะ” เขาบอกและก็ยิ้มให้
“โธ่พี่พีก็ เลี้ยงพี่พีเพิ่มอีกคนเพลงก็ไหวค่ะ แต่เพลงจะคิดเงินย้อนหลังเวลาพี่พีรวยแล้วค่ะ” เธอบอกและยิ้มให้พี่ชาย

“ดูสิพี่น้อง อยู่กันไม่เท่าไหร่ก็เริ่มแล้วไม่ไหวเลย เอ่อ...พ่อเด่นวันนี้กินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับนะ พ่อสิทธิ์กับหนูโสภากำลังจะมา ว่าจะทำบาร์บีคิวกันน่ะ นาน ๆ จะได้มีเจ้ามือที่ใจปั้มเลี้ยงซักที กินแต่แกงหม้อก็เริ่มเบื่อ ๆ แล้วล่ะ”
กำพลพูดและยิ้มออกมาด้วยความเบิกบานที่ได้เห็นคนรอบข้างพูดจากันดี มีมิตรไมตรีให้กัน

“ครับคุณท่าน” เขาตอบและยิ้มให้
“ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ไปเถอะลุงโป่ง เหนียวตัวจะแย่ จะได้มาช่วยยายเพลงทำกับข้าว พี่เด่นจะอาบด้วยกันมั้ยครับ เอาผ้าผมเปลี่ยนก็ได้”

เขาบอกพร้อม ๆ กับลุกขึ้น และก็ไม่ลืมที่จะชวนเด่นณรงค์ ซึ่งเป็นคนที่เขาพอจะคุ้นเคยเมื่อสมัยเด่นณรงค์อยู่กับพ่อเขา ถึงแม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พูดคุยกันบ่อยครั้ง ด้วยเพราะระพีพงศ์ก็จะอยู่ในส่วนของตัวเองเปรียบเป็นลูกเจ้านาย ส่วนเด่นณรงค์ก็อยู่ส่วนของเขา ในฐานะลูกจ้าง แต่ระพีพงศ์เองก็เห็นเขามานาน และก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่คนทั้งคู่จะสร้างไมตรีกันขึ้นมาอีกในปัจจุบัน







 

Create Date : 18 ตุลาคม 2551
7 comments
Last Update : 18 ตุลาคม 2551 9:13:17 น.
Counter : 868 Pageviews.

 

แล้วนายดำจะทำยังไงต่อไปเนี่ยยยยยย

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 19 ตุลาคม 2551 10:53:52 น.  

 


อ่านไปก็ลุ้นไปว่า
ทั้งคู่จะเป็นไงต่อไป
และนายดำนี่จิ เค้าจะเอาไงหว่า
จะทำไงต่อไปเนี้ย

 

โดย: hiro IP: 125.25.181.22 20 ตุลาคม 2551 20:02:17 น.  

 

คนเขียนหายปายหนายคะ รีบๆกลับมาเน่อ รออ่านอยู่ค่ะ
^_^

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 21 ตุลาคม 2551 9:42:26 น.  

 

ฮาโหล ทำไมหายไปหลายวันจังคะ
เข้ามาทุกวันเลย ไม่เห็นอัพเลย
รีบๆมานะคะรออยู่ค่ะ

 

โดย: noognig IP: 202.136.14.9 21 ตุลาคม 2551 17:46:19 น.  

 

ไปทำบุญวันอออกพรรษาหรอค่ะ

หายไปเลย
เเต่งัยก้อขอให้มีเเต่เรื่องดีในวันดีดีน่ะค่ะ

รออยุ่
เเก้ตัวลงห้าตอนเลยค่ะเท่ากับจำนวนวันที่หายไป

นี้คือการลงโทดที่คนอ่านชอบมากที่สุด

 

โดย: ออย IP: 222.123.53.202 22 ตุลาคม 2551 9:18:47 น.  

 

แอบซุ่มไปแต่งเรื่องใหม่เหรอคะ? แวะมาร้อยครั้งแล้วค่าา
แต่คิดว่าพี่คงจะมีเรื่องไม่สะดวก เลยทำให้มาอัพให้ไม่ได้
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ยังไงก็จะรอต่อไปคะ

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 26 ตุลาคม 2551 0:52:23 น.  

 

ยังไม่เห็น up เลย รออยู่ทุกวันนะคะ

 

โดย: noognig IP: 202.136.14.9 27 ตุลาคม 2551 14:41:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.