Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
27 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๓๕ (ธัญรัตน์)




“ฉันนัดลูกค้าเอาไว้ กรุณาหลีกทางด้วยค่ะ”
เธอบอกด้วยใบหน้าที่ไม่สบายใจนักที่ได้เจอเขาวันนี้ และไม่เข้าใจว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่เธอก็ไม่คิดจะไตร่ถามอะไรนอกจาก อยากจะหนีไปให้พ้น ๆ จากเขาเท่านั้น
“ลูกค้าที่ชื่อสมพงษ์น่ะเหรอ” เขายักไหล่ยิ้มให้เธออย่างรู้ทัน
“คุณเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ใช่มั้ย คุณทำยังงี้ทำไม คุณต้องการอะไร” ระพีพรรณเหมือนคิดอะไรออก

“ผมต้องการให้คุณปฏิเสธการหมั้นกับพี่เด่นซะ”
เขารีบบอกความต้องการซึ่งเป็นเหตุให้เขาต้องคิดวิธีที่จะได้พบเธอด้วยการให้เลขาฯ ไปจัดการนัดเธอให้ตั้งแต่เมื่อเช้า
“ทำไมฉันจะต้องเชื่อคุณด้วย” เธอบอกออกไปด้วยใบหน้าเฉยชา
“ทำไมคุณจะต้องให้ผมบอกด้วยเหรอว่าเพราะอะไร ปฏิเสธพี่เด่นไปซะ” เขาบอกเสียงหนักแน่น
“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ชีวิตเป็นของฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะตกลงอะไรกับใครก็ได้” เธอเถียงเขาอย่างไม่ลดละ

“เพลง...คุณก็รู้ว่าเพราะอะไร คุณต้องการอะไร ต้องการให้ผมทำยังไงคุณถึงจะยอมทำตามที่ผมบอก”
เขาเริ่มอารมณ์เสียเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอม
“ฉันต้องการให้คุณอยู่ห่าง ๆ พวกเรา ต่างคนต่างอยู่ สำหรับเรื่องพี่เด่นฉันก็ห้ามให้เขามารักฉันไม่ได้”
“แล้วคุณจะยอมมีอะไรกับพี่เด่น ทั้ง ๆ ที่คุณเป็นเมียผมยังงั้นเหรอเพลง ทำไม ๆ คุณอยู่โดยไม่มีใครไม่ได้เหรอ”
เขาถามด้วยความหวงแม้แต่ในจินตนาการณ์ว่าเธอจะต้องไปเป็นของใคร เขาก็แทบจะคลั่งแล้ว

“ฉันคงจะอยู่โดยไม่มีคนที่ฉันรักและเขารักฉันไม่ได้หรอกค่ะคุณดำ” เธอบอกแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก
“คุณหมายความว่ายังไง คุณจะบอกผมเหรอว่าคุณรักพี่เด่น” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อ
“คุณเข้าใจไม่ผิดหรอกค่ะ ใช่เรารักกัน รักมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ฉันยังไม่ได้ไปเรียนเมืองนอกด้วยซ้ำ”
คำบอกเล่าของเธอทำให้เขาคิดถึงบันทึกของพี่ชายวันนั้น
“ไม่จริง ผมไม่เชื่อ แล้วที่คุณยอมผมล่ะ คุณจะยอมนอนกับคนที่คุณไม่ได้รักอย่างงั้นเหรอ แล้วถ้าพี่เด่นรู้เรื่องผมกับคุณ พี่เด่นก็จะต้องไม่หมั้นกับคุณแน่” เขาปฏิเสธและบอกเสียงแข็ง

“เท่าที่ฉันจำได้ ฉันไม่เคยยอมคุณ และฉันก็ไม่เคยยอมนอนกับคนที่ฉันไม่ได้รักด้วย” เธอย้อนด้วยน้ำเสียงที่เรียบ
“งั้นผมจะไปบอกพี่เด่นว่าคุณเป็นเมียผม แค่นี้พี่ชายผมก็จะไม่มีทางหมั้นกับคุณเด็ดขาด”
เขาบอกในสิ่งที่เขาคิดเอาไว้แล้ว

“ฉันจะบอกให้คุณรู้ไว้ด้วยนะว่า พี่ชายคุณไม่ใช่คนโง่ ที่จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เขาก็ไม่แคร์ เพราะเรารักกัน เขารอฉันมาตลอดเวลาตั้งแต่ที่เราจากกัน เขาเคยบอกกับฉัน ว่าถ้าคุณไม่ก่อเรื่องเอาไว้ ทุกอย่างมันก็คงจะง่ายขึ้นสำหรับเรา คุณรู้มั้ยว่าคุณเป็นคนทำร้ายพี่ชายคุณ ไม่ใช่คุณพ่อ ไม่ใช่พี่พี คุณต่างหากที่ทำลายความฝันของเรา คุณไม่รู้หรอกว่าเรารอเวลาที่จะอยู่ด้วยกันมานานแค่ไหน แต่มันก็มาพังลง เพราะการกระทำของคุณ เพราะความแค้นของคุณ ได้ยินมั้ย คุณเป็นคนทำร้ายพี่ชายตัวเอง”

เธอบอกเขาออกไปด้วยความสะใจที่ได้มีโอกาสต่อปากต่อคำกับเขาได้สะดวกกว่าเมื่อก่อน และสนุกที่ได้สร้างเรื่องมาทำให้เขารู้สึกเจ็บใจและเสียใจในการกระทำของตัวเอง

“ไม่จริง ผมไม่เชื่อ อย่างมากพี่เด่นก็แค่สงสัย พวกเขาไม่มีทางรู้ถ้าผมไม่ยอมรับด้วยตัวผมเอง” เขาบอก
“แล้วคุณไม่กลัวเหรอคะ ว่าถ้าคุณยอมรับออกมาแล้วคุณจะต้องคืนทุกอย่างให้ฉัน คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณซื้อมันมาด้วยเงินมหาศาล คุณไม่กลัวว่าฉันจะฟ้องคุณกลับเหรอ” เธอถามออกไปเพราะคิดได้ในเรื่องที่เขาวางแผนเอาไว้
“ผมไม่สนใจหรอก ในเมื่อพ่อกับพี่คุณต่างก็ได้รับรู้รสชาติความเจ็บปวดไปเหมือนผมกับคุณแม่แล้ว กับเงินแค่นี้ผมไม่สนใจหรอก” เขาบอกหน้าตาเฉย
“คุณยอมเสียเงินมากมาย เพื่อที่คุณจะให้พวกเราเจ็บช้ำแค่นี้เหรอคะ” เธอถามเขาด้วยความไม่เข้าใจ

“ใช่ และผมก็จะยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คุณหมั้นและแต่งงานกับพี่เด่น ผมไม่มีวันยอมเด็ดขาด ผมจะขัดขวางทุกวิธี คุณไม่ได้รักพี่เด่น และผมก็รู้ด้วยว่าคุณรักผม คุณจะมีคนอื่นอีกไม่ได้เด็ดขาด ได้ยินมั้ยว่าคุณรักผม ไม่ใช่พี่เด่น” เขาบอก
“คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันไม่เคยรักคุณ ตรงกันข้ามฉันกลับเกลียดคุณเกลียดที่สุด ฉันไม่เคยรักคุณเลย คุณทำลายทุกอย่างในชีวิตฉัน ความฝันฉัน ความหวังฉัน ฉันเกลียดคุณได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดคุณ ได้โปรดไปให้พ้น ๆ จากชีวิตฉันสักที แล้วฉันจะได้อยู่กับคนที่ฉันรักอย่างมีความสุข” เธอบอกออกไปแล้วน้ำตาก็ไหลรินออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“แต่ผมยอมไม่ได้ ผมจะยอมให้ลูกผมเรียกผู้ชายคนอื่นว่าพ่อไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นพี่เด่น หรือว่าไอ้หน้าไหนทั้งนั้น เอาสิถ้าคุณจะหมั้นกับพี่เด่น ผมก็จะหมั้นเหมือนกัน เอาให้มันตรงวันเดียวกันด้วย และเมื่อไหร่ที่คุณแต่ง ผมก็จะแต่งด้วย”
เขาไม่รู้ว่าจะหาอะไรมาเป็นเรื่องต่อรองกับเธอ
“งั้นสงสัยคุณคงจะได้หมั้นพร้อมฉันแล้วล่ะค่ะ ขอตัวนะคะ” เธอบอกและรีบเดินตรงไปหาประตู
“ไม่มีทาง ผมไม่ยอมเด็ดขาด” เขาตวัดแขนเพียงข้างเดียวก็ได้ร่างบาง ๆ ของเธอติดมือมาอยู่ในอ้อมอกแล้ว

“ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อย” เธอร้องเสียงดังกว่าปกติ
“ไม่ปล่อยและก็จะ....”

เขาใช้แขนอีกข้างตวัดเข้าหากัน แล้วก็โอบรัดร่างเธอเอาไว้ แล้วก็ก้มลงจูบเรียวกระจับนั้นด้วยความคิดถึง มือสองข้างที่ได้อิสระของระพีพรรณกระหน่ำทุบไปที่ไหล่ของเขา แต่ก็ไม่เป็นผล แล้วเรี่ยวแรงของเธอก็หมดลง เมื่อเขาใช้แขนรัดร่างเธอให้แน่นขึ้นกว่าเดิม จูบที่ดูจะรุนแรงแต่แรกเปลี่ยนมาเป็นนุ่มนวล อ่อนละมุลอย่างง่ายดาย

ดนุพรบอกตัวเองไม่ได้ว่าเขาสุขใจแค่ไหนที่ได้มีร่างของเธออยู่ในอ้อมกอดในเวลานี้ นานเท่าไหนแล้วที่เขาห่างหายจากร่างนี้ เมื่อละจากเรียวปากเขาค่อย ๆ ยื่นจมูกไปสูดดแก้วขาวเนียนของเจ้าของที่ตอนนี้จากมือที่กระหน่ำทุบเขาตั้งแต่แรก เปลี่ยนมาเป็นโอบไหล่เขาไว้แทน คองามระหงถูกเขาก้มลงไปสำรวจ

มืออีกข้างยกขึ้นมาสัมผัสอกที่ยังคงเต่งตึงเหมือนเมื่อก่อนไม่มีเปลี่ยนแปลง แม้เขาจะรู้ว่าลูกชายตัวน้อยของเขาคอยจะแย่งหาสัมผัสที่อ่อนนุ่มมานานแรมปีแล้วก็ตาม มือที่พอจะมีแรงของระพีพรรณละจากไหล่เขาลงมาป้องกันมือของเขาที่กำลังจะล้วงล้ำไปในที่ ๆ เธอไม่ปรารถนานัก

“ปล่อยค่ะ ปล่อย”เธอร้องห้ามเขา
“ฉันเกลียดคุณ คุณได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดคุณ ไปให้พ้น ๆ ฉันกับลูกได้แล้ว ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าคุณ”
เธอฟาดมือลงไปที่ใบหน้าขาวของเขาแล้วก็วิ่งหนีลงมาชั้นล่างอย่างไม่คิดชีวิต ทั้ง ๆ ที่น้ำตายังคงอาบแก้มอยู่



ร่างสูงใหญ่ของลูกคนเล็กที่ยังคงนอนทอดร่างอยู่กับโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่นสร้างความแปลกใจให้กับลัดดาไม่น้อย เธอเข็นรถไปใกล้ ๆ ก็ต้องเบือนหน้าหนีเมื่อกลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้งไปไปหมด จนลัดดาต้องกลั้นหายใจและรีบเข็นรถออกมาให้ห่างค่อยปล่อยลมหายใจออกมา ลูกชายคนโตเดินลงมาจากชั้นบนเห็นอาการของมารดาเข้า เขาไม่รอช้ารีบเดินไปดูน้องชายใกล้ ๆ แล้วก็กลับออกมาด้วยอาการที่ไม่ต่างจากมารดาเมื่อสักครู่นัก

“มานานหรือยังครับแม่” เด่นณรงค์ถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน วันนี้แม่ตื่นสายแต่พอออกมาก็เป็นแบบนี้แล้วล่ะ” มารดาตอบ
“แม่นิด ๆ ตาดำมานอนอยู่นี่นานหรือยัง” ลัดดาถามเมื่อเห็นนิตยาเดินออกมาจากหลังบ้าน
“ตีสองค่ะคุณป้า นิดจะพยุงให้ขึ้นข้างบนก็ไม่ยอมท่าเดียวบอกว่าจะนอนอยู่ที่นี่ นิดไม่มีแรงหอบขึ้นไป ก็เลยต้องปล่อยให้นอนตรงนี้เลยค่ะ”

นิตยาตอบแล้วก็เกิดอาการเสียดายโอกาสสำคัญที่จะได้อยู่กับเขาตามลำพังไม่น้อย ลัดดายิ้มออกมาด้วยความขำกับสีหน้าของหลานสาว และก็อดคิดขอบใจลูกชายไม่ได้ ที่เมามายขนาดไหนก็ยังพอมีสติคิดป้องกันตัวเองโดยการปักหลักนอนอยู่ข้างล่างซึ่งเป็นที่โล่งแจ้ง เป็นการตัดโอกาสของหลานสาวที่คอยตะคุบลูกชายเธอมานานข้ามปี

“เป็นไงดำ” พี่ชายร้องเรียกเมื่อเห็นเขาขยับตัว
“กี่โมงแล้วครับ”
เขาถามแค่นั้น ก่อนจะพยายามพยุงตัวให้ลุกนั่งอย่างลำบาก ผมเผ้านั้นไม่ต้องพูดถึง เขารู้สึกเหม็นตัวเองขึ้นมาได้โดยง่ายหลังจากที่เมื่อคืนนั้นแทบจะนั่งหลับอยู่ในบาร์แห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่นี่ได้ยังไง ถ้าให้เดาก็คงไม่พ้นสมพงศ์เป็นแน่
“จะสิบโมงอยู่แล้ว พี่ว่าไปอาบน้ำเถอะแล้วก็ลงมากินอะไรหน่อย แต่ต้องกินคนเดียวนะ เพราะพี่กับคุณแม่จะไม่อยู่ กว่าจะกลับก็คงจะถึงเย็นโน่นล่ะ” พี่ชายบอก

“จะไปไหนกัน” เขาถามพลางกำกำปั้นไปทุบที่ท้ายทอยสองสามที
“อ้าว...วันนี้พี่ก็จะพาแม่ไปบ้านคุณเพลงไง พี่บอกดำไปแล้วนะ จำไม่ได้เหรอ”
พี่ชายบอกแล้วก็ยิ้มให้เขา ซึ่งกับคำตอบที่เขาได้นั้น มันแทบจะทำให้เขาที่กำลังเมาค้างอยู่เกือบจะหายสร่างเมาเลยทีเดียว แต่เขาก็ไม่คิดที่จะตอบอะไรกับพี่ชายอีกได้แต่เงียบอยู่อย่างนั้น
“ไปเถอะครับแม่ คุณเพลงคงทำอาหารเที่ยงรอเราแล้วล่ะครับ พี่ไปนะดำ”

เขาเดินเข้าไปเข็นรถมารดาแล้วก็หันมาบอกน้องชายพร้อมกับยิ้มให้ก่อนจะเข็นรถมารดาลงทางลาดหน้าบ้านไป ทันทีที่รถของพี่ชายกับมารดาเคลื่อนออกไป เขาก็ตรงไปคว้าเอาเหล้าอีกขวดที่อยู่บนเค้าเตอร์แล้วก็เดินหายออกไปจากบ้านโดยไม่สนใจนิตยาที่มองตามเขาด้วยความเป็นห่วง ไม่นานรถสปอร์ตก็ถูกเขาควบออกไปโดยเร็ว

“ข้าวยังไม่ทันจะได้ตกถึงท้องก็หอบเหล้าขึ้นไปกอดอีกขวดแล้ว ฉันล่ะเบื่อจริง ๆ เลย”
นิตยาพึมพำกับตัวแล้วก็ส่ายหน้าให้กับผู้ชายที่เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองหลงรักเขาเข้าไปได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยใยดีเธอเลยแม้แต่น้อย


ลัดดารู้สึกว่าตัวเองกำลังเผชิญกับสภาพวะที่ค่อนข้างจะอึดอัดไม่น้อย ที่เห็นระพีพงศ์กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าพร้อมกับพานดอกไม้ ธูปเทียนที่เตรียมเอาไว้ เขาก้มลงกราบแทบเท้าลัดดาเพื่อขอขมาลาโทษในสิ่งที่เขาได้ทำผิดเอาไว้กับเธอและดรุณี ลัดดาตอบตัวเองไม่ได้ว่าลูกสาวทั้งคนรวมไปถึงหลานที่ต้องขาดแม่ กับการขอโทษแค่นี้มันจะทำให้เธอหายแค้นเคืองได้มากน้อยแค่ไหน แต่เธอก็ได้บอกตัวเองและลูกแล้ว ว่าจะลืมเรื่องร้าย ๆ ให้หมด

เพราะไหน ๆ ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอนี้ ก็ได้รับผลกรรมมาอย่างสาสมแล้ว
และเหตุผลที่เธอมาที่นี่ก็เพื่อที่จะทำให้เรื่องระหว่างสองครอบครัวเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะอยากจะให้ทั้งระพีพรรณและลูกชายที่เธอรักได้พบกับความสุขเสียที

“ผมกราบขอโทษคุณท่านในเรื่องที่ผมได้เคยล่วงเกินเอาไว้ครับ ขอคุณท่านได้โปรดจงยกโทษให้ผมด้วยครับ”
ระพีพงศ์บอกแล้วก็เงยหน้าไปมองหญิงสูงวัยด้วยหัวใจที่สับสนเพราะคาดเดาไม่ได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ค่อย ๆ คลายความกังวลลงไปบ้าง เมื่อรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าลัดดา

“ฉันยกโทษให้เธอนายพี แต่ถ้าเธอจะถามฉันว่าฉันหายโกรธหรือว่าหายเจ็บปวดจากการกระทำของเธอหรือยังนั้น ฉันเองก็ตอบไม่ได้ในตอนนี้ มันก็แล้วแต่เธอแล้วศรีษะของเขา ยังผลให้ทั้งระพีพรรณและเด่นณรงค์พร้อมกำพลยิ้มให้กันด้วยความโล่งอกไม่แพ้กับระพีพงศ์เลย

“คุณลัดดาหิวหรือยังครับ ผมจะให้ตั้งโต๊ะเลย เที่ยงกว่าแล้ว”
กำพลเอ่ยถามแขกแต่ก็รู้สึกไม่ค่อยจะสะดวกใจนักเพราะเขาไม่ค่อยจะชินกับการเรียกลัดดาว่าคุณเลย
“เรียกฉันว่าแม่ลัดดาเหมือนเมื่อก่อนก็ได้ค่ะ คุณกำพล” เหมือนลัดดาจะรู้ใจอีกฝ่าย จนกำพลยิ้มออกมา
“งั้นเพลงไปดูเรื่องอาหารก่อนนะคะคุณพ่อ” ระพีพรรณบอก
“พี่ไปช่วยด้วยดีกว่า”
ระพีพงศ์เอ่ยด้วยความดีใจที่แอบซ่อนเอาไว้ภายใน เพราะไม่ค่อยชอบที่จะนั่งอยู่กับผู้ใหญ่เท่าไหร่นัก

“เดี๋ยวพี่จะช่วยด้วยอีกคนครับคุณเพลง”
เด่นณรงค์ก็เหมือนจะต้องการเปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่ทั้งสองได้มีเวลาอยู่พูดคุยกันเป็นการส่วนตัวสักพัก
“งั้นตามเพลงมาเลยค่ะ พี่จิตคงจะเหนื่อยกับตาพิงแล้วล่ะค่ะป่านนี้ เพลงจะโทรไปบอกให้พาตาพิงกลับมาได้แล้วค่ะ”
ระพีพรรณห่วงสมจิตที่อาสาเป็นพี่เลี้ยงพาลูกชายเธอไปอยู่ที่บ้านสักพัก เพราะไม่อยากจะให้มารบกวนขณะที่กำลังเป็นการเป็นงาน
“ไม่ต้องกลัวนะคุณเพลง คุณแม่ท่านเตรียมตัวมาดี”

เด่นณรงค์บอกเธอหลังจากที่เธอเสร็จจากโทรศัพท์หาสมจิตแล้ว ก็ตามมาในครัว แต่ก็ไม่วายยืนชะเง้อคอดูผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งคุยกันอยู่ตรงแคร่หน้าบ้านด้วยความเป็นห่วง

“เพลงจะพยายามเชื่อค่ะพี่เด่น” เธอรับคำแค่นั้น แล้วก็หันมาหาอาหารที่จะต้องเตรียมเพราะเลยเวลามาสักพักแล้ว


การ์ดในมือถูกเสียบเข้าไป เมื่อผู้มาเยือนด้วยความรีบร้อนยืนรอผู้ที่อยู่ด้านในให้มาเปิดประตูไม่ไหว เพราะเคาะประตูก็แล้ว กดออดก็แล้ว เขาจึงตัดสินใจเปิดเข้าไปเอง ห้องทั้งห้องดูเงียบเชียบเหมือนไม่มีคนอยู่ด้านในเลย เมื่อเขาเข้าไปสำรวจดูอะไร ๆ ในห้อง พร้อมในมือก็จูงเอาภรรยาที่จำใจต้องตามมาด้วยเพราะเสียไม่ได้

“มันไปอยู่ไหนของมันวะเจ้านี่” พิสิทธิ์บ่นเมื่อกวาดสายตามองหาเพื่อนแทบจะทั้งห้องแล้วแต่ก็ไม่พบ
“เขาไม่อยู่หรือเปล่าคะสิทธิ์ ฉันว่ากลับกันดีกว่าค่ะ”
โสภาเปรย ๆ แต่สายตาก็ช่วยสามีมองกวาดหาคู่อริไปรอบ ๆ ห้อง พร้อมทั้งเธอก็ค่อย ๆ ช่วยสามีเดินไปเปิดดูแต่ละห้องแต่ก็ไม่พบเลย และเธอก็มายืนอยู่หน้าห้องนอนที่ล็อคเอาไว้
“สิทธิ์คะห้องนี้ล็อคค่ะ ไม่รู้จะอยู่ในนี้หรือเปล่า คุณมีกุญแจหรือเปล่าคะ”
เธอบอกพิสิทธ์ที่เพิ่งจะกลับออกมาจากอีกห้องรีบตรงมาหาแล้วบิดลูกบิดเพื่อเป็นการยืนยัน

“กุญแจเหรอ ไม่รู้ว่ามันเก็บไว้ไหน ปกติมันจะไม่ล็อคหรอกนะ เดี๋ยวน่าจะอยู่โต๊ะทำงานของมัน”
เขาบอกและเดินตรงไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของเพื่อน แล้วก็ยิ้มออกมาเพราะเห็นกุญแจพวงใหญ่อยู่ในลิ้นชักพอดี เขาไม่รอช้าไม่นานประตูห้องก็เปิดออก แล้วทั้งคู่ก็ต้องตกตลึงกับสิ่งที่วางเรียงรายอยู่ตามพื้นห้อง บ้างก็ตั้งพิงกับผนังเอาไว้ บ้างก็วางนอนไว้กับพื้นที่พอจะมีพื้นที่เหลือให้ได้ใช้งาน
“นี่มันรูปยายเพลงนี่คะคุณ” โสภาบอกเพราะจำได้ว่าเป็นภาพที่เพื่อนรักตัดใจเอาไปฝากขายที่แกลลอรี่ไว้เมื่อครั้งก่อน

“หมายความว่ายังไงคุณ”
พิสิทธิ์ถามด้วยความสงสัย แล้วเขาก็หวนคิดไปถึงสิ่งที่ตั้งอยู่ที่บ้านพักตากอากาศซึ่งถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าขาว ที่เขาได้มีโอกาสไปเปิดดู
“ก็รูปที่ยายเพลงวาดเอาไว้ตั้งแต่อยู่เมืองนอกแล้วก็เอาไปขายตอนที่จะย้ายไปอยู่บ้านสวนน่ะคุณ”
โสภาบอกแล้วเขาก็เหมือนได้คิดอะไร ๆ เกี่ยวกับเพื่อนรัก ก่อนจะเดินออกมาหาเพื่อนรักอีกครั้ง เขาเหลือบไปเห็นรูปที่กองอยู่โต๊ะกลางของชุดรับแขกที่ไร้วี่แววของเจ้าของห้อง

“คุณมาดูนี่สิ นี่มันรูปคุณเพลงตอนท้องนี่”

เขาบอกให้ภรรยาที่ค่อย ๆ เดินตามเขาออกมาจากห้องให้มาหาที่โต๊ะ แล้วทั้งสองก็เห็นรูปถ่ายตั้งแต่ที่ระพีพรรณอยู่ในชุดคลุมท้องไปจนถึงรูปของเด็กน้อยหลาย ๆ ใบ ที่อยู่ในอิริยาบทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในอ้อมกอดของแม่ที่มีร่างกายที่ไม่แตกต่างจากก่อนจะตั้งท้องเท่าไหร่นัก หรือรูปที่หนูน้อยนั้นอยู่ในอ้อมกอดของคุณตาที่ต้องนั่งอยู่รถเข็น แล้วพาหนูน้อยชมไม้ดอกไม้ผลในสวยอยู่นั้น รูปเหล่านี้ตกเกลื่อนกลาดอยู่ตามโซฟาห้อง

สองสามีภรรยามองหน้ากันด้วยความแปลกใจไม่น้อย พิสิทธิ์เดินไปที่ระเบียงอีกครั้งเพื่อหาร่างของเพื่อน แล้วเขาก็ไม่ผิดหวังที่เห็นเพื่อนรักนอนขดตัวอยู่เก้าอี้หวายซึ่งตอนแรกที่เขาวิ่งมาหาคงจะเพราะความรีบร้อนจึงไม่เห็นเพื่อนที่หลับฟุบอยู่ เขาหันมาหาภรรยาที่เดินตามมาดูด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลไม่น้อย

“ผมว่าคุณลงไปรอผมที่ล๊อบบี้ดีกว่า จะคุยอะไรกับเจ้าดำมันหน่อย”

เขาบอกภรรยาอย่างเป็นการเป็นงานกว่าหลาย ๆ ครั้ง จนโสภาต้องพยักหน้ารับ แล้วก็เดินไปหยิบเอากระเป๋าถือที่วางไว้ที่โต๊ะ เดินออกจากห้องไปทิ้งให้สามีที่มองไปยังเพื่อนรักด้วยความเหนื่อยใจ นี่กระมังที่เป็นเหตุผลให้เด่นณรงค์โทรไปบอกให้เขามาดูน้องชายให้หน่อย เพราะห่วงกลัวจะเอาแต่กินเหล้าจนเมาไม่ได้สติ

พิสิทธิ์เดินไปใกล้ ๆ เพื่อนรักแล้วก็เขย่าร่างเขาแรง ๆ ปากก็ร้องเรียกเพื่อปลุกให้เขาตื่น แต่ก็ไม่เป็นผล เขาไม่ละความพยายามคราวนี้เขาจับร่างทั้งร่างของเพื่อนที่หลับอยู่ให้ลุกขึ้นนั่ง

“ดำ ๆ ๆ แกได้ยินฉันมั้ย ตื่นสิ จะกินไปถึงไหนเหล้านี่ กินแล้วมันจะทำให้อะไรดีขึ้นมา”
เขาบ่นพลางเขย่าร่างเพื่อนพลาง รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนคงจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดหรอก แต่เขาก็อยากจะบ่นเพราะเหลืออดกับสภาพของเพื่อนรักตอนนี้เหลือเกิน แล้วผู้ที่เมามายก็ลืมตาขึ้นทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังนั่งหลังพิงพนักเก้าอี้อยู่ เขาจ้องมองหน้าเพื่อนด้วยความแปลกใจ

“แกมาทำไมไอ้สิทธิ์ เดี๋ยวนี้แกมีเวลาให้ฉันด้วยเหรอ”
เขาถามเพื่อน แต่อีกฝ่ายต้องรีบหันหน้าหนีด้วยทนกลิ่นเหม็นคลุ้งไม่ไหว
“แกไปอาบน้ำก่อนไปดำ เรามีเรื่องจะต้องคุยกัน นะฉันขอร้อง ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่ ไปอาบน้ำก่อน”

พิสิทธิ์มีสีหน้าที่จริงจัง จนอีกฝ่ายมองหน้าแล้วก็นิ่งไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจทำตามเพื่อน เพราะสภาพตัวเองในตอนนี้เขาเองก็วาดภาพไม่ออกว่าเป็นเช่นไร


“แกดูอะไรอยู่ เอามานี่”
ดนุพรที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมาทันได้เห็นเพื่อนรักนั่งดูรูปที่เขากองทิ้งให้เกลื่อนไปทั่ว เขารีบตรงเข้าไปแย่งรูปจากมือเพื่อนและก็เก็บรูปอื่น ๆ ขึ้นมาด้วย
“แกตามดูคุณเพลงกับลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ดำ ตั้งแต่ที่คุณเพลงยังไม่ได้ย้ายไปบ้านสวนใช่มั้ย” พิสิทธิ์ถามออกมาตรง ๆ

“แกหมายความว่ายังไง พูดอะไรฉันไม่รู้เรื่อง” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง
“แกอย่ามาโกหกฉันนะดำ ฉันรู้หมดแล้ว รวมทั้งรูปที่แกเก็บไว้ในห้องนั้นด้วย แกตามไปซื้อมาเก็บไว้เพื่อช่วยคุณเพลงใช่มั้ย ถ้าแกรักเขาห่วงเขามากขนาดนี้ แล้วแกจะมานั่งเสียใจอยู่ทำไมล่ะ ทำไมแกไม่ไปขอโทษคุณเพลง ฉันเชื่อว่าคุณเพลงจะต้องยกโทษให้แก” พิสิทธิ์พูดแทงใจดำ แต่เขาก็ยังตีหน้าตายไม่ตอบโต้อะไร

“เงียบทำไมดำ แกรักคุณเพลงหรือเปล่า มันยังไม่สายนะที่จะกลับไปเปลี่ยนอะไร ๆ ให้มันเป็นอย่างที่มันควรจะเป็น คุณเพลงเป็นเมียแกนะ แล้วแกจะปล่อยให้ลูกเมียลำบากไปถึงไหน” เขาบอกอีก
“แกคิดว่ากับอีแค่ฉันคอยตามดูเขาแค่นี้ แล้วจะทำให้เขาหายโกรธฉันเหรอ เขาเกลียดฉันยังกับอะไรดี เขาไม่ได้รักฉัน และไม่เคยรักฉันด้วย” เขาบอกออกไปเพราะคงจะปิดบังเพื่อนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

“มันไม่ใช่แค่นั้นนะ แกยังได้ช่วยเหลือคุณเพลงโดยที่แกไม่รู้ตัวอีก ฉันเชื่อว่าคุณเพลงจะต้องยกโทษให้แก...แกจำได้มั้ยที่ฉันเคย...”
“แกหมายถึงเงินล้านคราวที่ช่วยลุงโป่งไว้ กับเลือดที่ฉันบริจาคให้เขาน่ะเหรอที่จะทำให้เขายกโทษให้ฉัน”
ไม่ทันที่พิสิทธิ์จะพูดจบเขาก็พูดดักทางเพื่อนเอาไว้
“แกรู้เหรอดำ แล้วทำไมแกถึงไม่บอกฉัน แล้วแกรู้ได้ยังไงกัน” พิสิทธิ์ถามด้วยความงง

“การที่ฉันสร้างตัวมาได้จนทุกวันนี้มันก็น่าจะทำให้แกรู้ว่าฉันไม่ใช่คนโง่ที่แกจะตบตาฉันได้นะ และฉันก็ไม่โง่พอที่จะคิดว่าเรื่องแค่นี้มันจะไปลบล้างกับความผิดของฉันที่ทำไว้กับเขาได้หรอกนะ ถึงฉันอยากจะไปบอกเขาแค่ไหน แต่ตอนนี้มันก็สายไปแล้วล่ะ” เขาบอกตามที่เขาคิด
“แกหมายความว่ายังไงวะ มันสายไปแล้ว” พิสิทธิ์ถามด้วยความงง
“วันนี้คุณแม่ไปขอเขาให้พี่เด่นตั้งแต่เช้าแล้ว แล้วเขาก็บอกฉันว่าเขาจะรับหมั้นพี่เด่น ”
เขาบอกด้วยหัวใจที่เจ็บปวด

“อะไรนะ วันนี้น่ะเหรอ แล้วทำไมฉันกับคุณโสภาถึงไม่รู้เรื่องเลยล่ะ แล้วมันกี่โมงแล้วล่ะนี่”
พิสิทธิ์ถามอย่างงง ๆ อีกครั้ง แล้วก็ยกข้อมือดูนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมงแล้ว
“ดำมันยังไม่สายหรอก และก็ไม่มีอะไรจะสายเกินไปถ้าแกจะรีบไปแก้ไขมันตอนนี้ แต่แกบอกฉันมาก่อนว่าแกรักคุณเพลงและต้องการที่จะดูแลเธอและลูกไปตลอดชีวิตหรือเปล่า แล้วแกจะลืมเรื่องเก่า ๆ ได้ไหม”
พิสิทธิ์ถามและมองหน้าเพื่อนรักเขม็งเพื่อหาคำตอบ ดนุพรคิดอะไรสักครู่และแทนคำตอบเขาก็พยักหน้ารับกับเพื่อน

“งั้นแกต้องไปหยุดแม่กับพี่แก และไปบอกว่าแกรู้สึกยังไงกับคุณเพลง แกต้องไปเดี๋ยวนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินที่แกจะแก้ไขได้ ไปเร็วกุญแจรถอยู่ไหน” พิสิทธิ์บอกและหันรีหันขวางหากุญแจรถของเขา
“แกคิดว่าเขาจะยกโทษให้ฉันเหรอสิทธิ์ ที่ฉันทำมันร้ายแรงมากนะ” เขาไม่วายกังวล
“โดยอาชีพของทนาย ฉันแนะนำให้แกลองดูก่อน ไปเร็วเข้านี่กุญแจรถ”
พิสิทธิ์บอกและคว้ากุญแจส่งให้เพื่อนและลากเขาลุกเดินออกจากห้องทันที แล้วเขาก็เหมือนจะเชื่อเพื่อนอยู่บ้างจึงรีบทำตามด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย


“แกขับให้มันช้า ๆ กว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอไอ้ดำ เมียฉันกำลังท้องอยู่นะ”
พิสิทธิ์ร้องทักเมื่อมองดูเข็มไมค์แตะไปเลขร้อยสามสิบแล้ว
“โทษทีหว่ะลืมไป แล้วแกติดต่อพี่เด่นได้หรือยัง”
เขาถามเพื่อนที่ตั้งแต่ขึ้นรถมาก็ถูกเขาสั่งให้โทรไปหาพี่ชายแต่ก็ติดต่อไม่ได้ พิสิทธิ์เสนอที่จะโทรไปเข้ามือถือระพีพรรณ แต่เขาเลือกที่จะไม่ให้โทรเพราะยังไม่แน่ใจว่าคนที่พร่ำบอกว่าเกลียดเขานักหนาจะทำยังไงเมื่อรู้ว่าเขากำลังจะไปหา

“แล้วจะไปบ้านยายเพลงทำไมคะคุณ”
โสภาถามด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่นั่งมาในรถรวมกับสามีและคู่อริก็ยังไม่มีใครให้ความกระจ่างกับเธอสักคน เอาแต่พากันใจจดใจจ่ออยู่กับการเดินทางไปบ้านสวนอยู่ท่าเดียว
“พาเจ้าดำมันไปทวงลูกเมียมันคืนจากพี่มัน”

สามีตอบหน้าตาเฉย ส่วนอีกคนก็ขอไม่พูดอะไรนอกจากตั้งใจขับรถอย่างระมัดระวัง ห่วงทางโน้นก็ห่วงเพราะกลัวจะไปไม่ทัน และเขาก็ห่วงผู้ที่กำลังจะเป็นแม่คนในอีกไม่นานนี้ที่ติดรถมาด้วยไม่น้อย ถึงแม้ว่าเขากับโสภาไม่ใคร่จะญาติดีกันมาแต่ไหนแต่ไร แต่เขาก็รู้และซาบซึ้งที่ภรรยาเพื่อนคอยยืนเคียงข้างเมียและลูกตัวเองมาโดยตลอด ซึ่งเขาจะไม่มีวันลืมเลย

“ไอ้ดำนี่มันไม่ใช่ทางไปบ้านคุณเพลงนะ แกเลี้ยวผิดหรือเปล่า” พิสิทธิ์แย้ง
“เฉยเถอะน่า ทางเส้นนี้เป็นทางลัด ฉันไปไม่รู้จะกี่ร้อยรอบแล้ว”
เขาตอบหน้าตาเฉย แต่โสภาที่นั่งอยู่ด้านหลังไม่เฉยตาม เพราะแอบยิ้มที่มุมปากด้วยความขำ ปนหมั่นไส้เพื่อนสามีไม่น้อยแต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้


ดนุพรดีใจเป็นที่สุดที่เห็นรถพี่ชายยังคงจอดอยู่ในบริเวณบ้านสวน นั่นหมายถึงว่าเขาอาจจะมาช้าหรือยังพอมีเวลาทันอยู่นั่นเอง เขาจอดรถไว้นอกรั้วใกล้ ๆ ประตูทางเข้าบ้าน แล้วก็หันไปหาเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คล้าย ๆ จะขอกำลังใจจากเพื่อน เพราะเริ่มไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำอยู่ในเวลานี้

“ไปเถอะดำ ถ้าแกคิดว่าชีวิตนี้แกจะอยู่โดยไม่มีเขาไม่ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแกก็ต้องยอมรับและทำมันให้สำเร็จ โชคดีหว่ะเพื่อน”
พิสิทธิ์รีบบอกออกไปเหมือนจะรู้ใจว่าเพื่อนต้องการกำลังใจ แล้วดนุพรก็รีบลงจากรถแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านเขาตรงไปหาแม่และพี่ชายที่นั่งอยู่กับกำพลที่แคร่ ไม่มีใครสงสัยและแปลกใจที่ได้เห็นเขาปรากฏตัวไปมากกว่ากำพลอีกแล้ว
“อ้าว...ดำมาถึงนี่ได้ มีอะไรเหรอ” พี่ชายเป็นฝ่ายทักทายและยิ้มให้เขา
“พี่เด่นเพลงอยู่ไหน เมียผมอยู่ไหนพี่เด่น” เขาถามด้วยความอยากรู้
“คู่หมั้นของพี่อยู่ในห้องเอาลูกนอนอยู่ แต่ส่วนเมียของดำพี่ไม่เห็น และก็ไม่รู้ว่าเป็นใครด้วย” พี่ชายเล่นแง่

“พี่เด่นอย่าบอกนะว่าเพลงรับหมั้นพี่ไปแล้ว แม่ครับ แม่จะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ ผมไม่ยอมให้เมียผมไปหมั้นกับใครทั้งนั้น แม้แต่กับพี่เด่น ผมจะเอาเมียผมคืน เพลง ๆ คุณอยู่ไหน”
เสียงเขาดังกว่าปกติและชะเง้อหน้ามองเข้าไปในบ้าน แต่ก็ไร้วี่แววของคนที่เขาอยากจะเห็น สีหน้ากำพลบอกว่างงกับคำพูดของเขา ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน
“ดำหมายความว่ายังไง ใครเป็นลูกใครเมียใครแม่ไม่รู้เรื่อง” มารดาตีรวนเขาอีกคน
“แม่ครับ แม่รู้ดีว่าผมหมายถึงอะไร แม่ก็รู้ว่าเพลงเป็นเมียผม ผมมาตามเมียผมครับ” เขาอ้อนมารดา

“ประกาศปาว ๆ ว่าเขาเป็นเมียตัวเอง ขอพ่อเขาหรือยังล่ะดำ”
พี่ชายเขาแซวแล้วก็หันหน้าไปหากำพล แต่ดนุพรก็ยังไม่พร้อมที่จะพูดคุยกับพ่อตาได้ในตอนนี้ ได้แต่วิ่งผ่านคนทั้งสามเข้าไปในบ้านแล้วเคาะประตูห้องนั้นห้องนี้ เพราะไม่แน่ใจว่าเมียตัวเองนั้นอยู่ห้องไหน

“เพลง ๆ คุณอยู่ไหน เพลงออกมาหาผมหน่อย” เขาร้องหาแทบจะลั่นบ้าน
“คุณมาทำไม” ระพีพรรณเปิดประตูห้องออกมาเมื่อได้ยินเสียงดังจากด้านนอก
“เพลงคุณอย่าหมั้นกับพี่เด่นเลยนะ ผมรักคุณ ผมต้องการคุณ ผมขอโทษ ยกโทษให้ผมด้วย”
เขาถลาเข้าไปกอดร่างของอีกฝ่ายด้วยความดีใจ







 

Create Date : 27 ตุลาคม 2551
4 comments
Last Update : 27 ตุลาคม 2551 16:09:48 น.
Counter : 827 Pageviews.

 

สวัสดียามสาย ๆ ค่ะ

ช่วงที่หายหน้าไปต้องขออภัยอย่างแรงค่ะ

พอดีมีมรสุมเข้ามาในชีวิตนิดหน่อย จนต้องหายหน้าไป และก็คงจะได้ไป ๆ มา ๆ แบบนี้

แต่จะพยายามเข้ามาอัพให้อ่านกันบ่อยที่สุด
เท่าที่จะสามารถเจียดเวลามาได้นะคะ

ขอโทษอย่างแรง ๆ อีกครั้งค่ะ

 

โดย: ธัญญะ 27 ตุลาคม 2551 16:17:24 น.  

 

โห...จังอุตส่าห์มาลงให้อีก รู้สึกจะทุกข์ทั้งในเรื่องนอกเรื่องเลยเนอะ ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ กลับมาสดใส สมองปลอดโปร่งโล่งเหมือนเดิมเน่อ จะได้เขียนเรื่องดีๆให้พวกเราอ่านกันอีกนะคะ อิอิ หวังผลเห็นๆ
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 27 ตุลาคม 2551 19:07:26 น.  

 

ดีใจที่สุดเลยค่ะ ในที่สุดก็มา upแล้ว
เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้ผ่านไปให้ได้ค่ะ

 

โดย: noognig IP: 202.136.14.9 28 ตุลาคม 2551 9:51:01 น.  

 

สนุกมากค่ะ จะจบยังไงค่ะนี่ หมั่นไส้พระเอกจัง
อย่าลืมมา up เร็ว ๆ นะต่ะ รออ่านทุกวันเลย

 

โดย: เป็นกำลังใจให้นะค่ะ IP: 203.121.167.243 28 ตุลาคม 2551 15:13:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.