Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
11 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

รอยอาญา ๒๖ (ธัญรัตน์)




“คุณพิสิทธิ์กลับไปแล้วเหรอคะพี่โสภา”
ระพีพรรณถามหลังจากที่หลบออกไปข้างนอกตั้งแต่ที่พิสิทธิ์มาถึงบริษัท เพื่อพบโสภาและเปรมเพื่อหารือเรื่องลูกค้าที่ไม่ยอมจ่ายเงิน
“ไปแล้วจ๊ะ” โสภาตอบแค่นั้น แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีนัก
“แล้วตกลงเป็นยังไงคะ เรื่องงานของคุณพิเชษฐ์” เธอถามเพราะรู้จักลูกค้ารายนี้ดีในระดับหนึ่ง

“จะเป็นยังไงล่ะ มันก็ไม่ยอมจ่ายท่าเดียวน่ะสิ บอกว่าถ้าเราอยากจะได้เงินก็ให้ฟ้องศาลเอา หรือถ้าไม่อย่างนั้นมันก็บอกว่าให้เราไปรื้องานที่ทำให้มันกลับมาเลย มันไม่มีเงินจ่าย เพราะบอกว่าถูกลูกค้าเบี้ยวมาอีกทีหนึ่ง พี่ล่ะกลุ้มใจจริง ๆ เลย”
โสภานั่งพิกพนักเก้าอี้เหมือนคนหมดแรง ทำให้ระพีพรรณนึกสงสารขึ้นมาไม่น้อย แต่ก็จนด้วยปัญญาที่จะช่วยเหลือได้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หากเป็นเมื่อก่อนเธอก็คงจะไม่อยู่นิ่ง คงจะต้องหาทางช่วยเหลือเพื่อนไปแล้ว
“แล้วพี่เปรมกับคุณพิสิทธิ์ว่ายังไงบ้างคะ” เธอถาม แล้วก็นั่งลงเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานโสภา

“พี่เปรมขอไปตั้งหลักที่บ้านก่อน เพราะเงินหลายล้านเหมือนกัน ส่วนคุณพิสิทธิ์ก็บอกว่าจะหาทางออกให้ดีที่สุด แต่ก็ไม่อยากจะใช้วิธีที่รุนแรงจนถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลหรอก เพราะกว่าจะได้เงินก็ใช้เวลานานพอสมควร แต่เขาก็บอกว่าจะหาทางช่วยให้ได้” โสภาบอกและก็อดประทับใจในตัวพิสิทธิ์ไม่ได้ ที่พยายามช่วยเหลือเกินหน้าที่ของทนายบริษัท ทำให้โสภาค่อยลดความขุ่นเคืองที่ทำไว้กับระพีพรรณลงมาได้บ้าง
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน เพลงก็คงจะพอช่วยพี่โสภาได้บ้าง พี่โสภาคงไม่ต้องกลุ้มใจคนเดียวอย่างนี้”
เธอบอกออกไปในที่สุด

“โธ่...เพลง อย่าไปคิดมากเลยนะ มันเรื่องของพี่กับพี่เปรม อีกไม่นานเราก็คงจะหาทางออกได้ เพลงอย่าคิดมากเลย ใช่ว่าลูกค้ารายนี้ไม่จ่ายเงิน แล้วบริษัทพี่จะล่มซะที่ไหน มันก็ต้องมีทางออกของมันนั่นล่ะ พี่เชื่อมือพี่เปรมนะ เพลงไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวจะทำให้น้อง ๆ ข้างนอกต้องพลอยไม่สบายใจไปด้วย เอาเป็นว่า เรื่องนี้ให้เรารู้กันแค่นี้ก็พอนะ พี่ไม่อยากให้เด็ก ๆ ตกใจ”
โสภาบอกพร้อมทั้งมองหน้าระพีพรรณด้วยความดีใจ ที่ตัวเองลำบากขนาดนี้ ก็ยังมีกระจิตกระใจห่วงเพื่อน

“แต่เพลงก็อดคิดไม่ได้ค่ะ” เธอบอกอีกครั้ง
“ไม่เอาเพลง ห้ามคิดแบบนี้นะ เอ่อ...จริงสิ พี่เปรมกับพี่คิดว่าเพลงไม่ต้องมาทำงานประจำที่ออฟฟิศแล้วล่ะ ดูสิท้องก็เริ่มโตขึ้นแล้ว พี่ว่าเพลงทำงานที่บ้านก็พอ เดี๋ยวมีอะไรก็จะให้เด็กวิ่งรับส่งงานให้ จะได้ไม่ต้องขับรถไปมา เราน่ะไม่ใช่คนตัวเปล่าแล้วนะ ต้องระวังเอาไว้ อีกไม่กี่เดือนก็จะคลอดแล้ว อยู่บ้านดูแลคุณลุงกับลุงโป่งเถอะ พักนี้เห็นไม่ค่อยสบายบ่อยไม่ใช่เหรอ” โสภาบอกด้วยความห่วงใย

“ค่ะ ลุงโป่งบอกว่าปวดหัวบ่อย ๆ ไม่รู้เป็นอะไรมากหรือเปล่า จะพาไปหาหมอก็ไม่ยอม” เธอบอก
“นั่นล่ะ อยู่บ้านดูแลแกก็ดีเหมือนกันนะเพลง หาชุดคลุมมาใส่ได้แล้ว เดี๋ยวหลานพี่จะอึดอัดเอา ใส่แต่กระโปรง ถึงมันจะยืดก็เถอะ งั้นก็ไม่ต้องเข้าออฟฟิศตั้งแต่เดือนหน้าเลยนะเพลง แต่พี่กับพี่เปรมก็จะให้เงินเดือนประจำกับเพลงนะ ไม่ต้องห่วง” โสภารีบบอกออกไป

“แต่เพลงไม่ค่อยสบายใจที่จะรับค่ะ เอาเป็นว่าเพลงขอรับเงินเฉพาะงานที่เพลงทำได้ไหมคะ พี่เองก็กำลังมีปัญหา ช่วงนี้เพลงก็พอจะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว เงินเก็บก็พอมี แล้วอีกอย่างจะได้ไม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับพนักงานคนอื่นด้วย เดี๋ยวจะเอาเยี่ยงอย่างกันไปหมด” เธอรีบออกความเห็น
“เอ่อ...จริงสิ พี่ลืมไปเลย แต่เอาเป็นว่าพี่ยังไม่ตกลงนะ ขอไปปรึกษาพี่เปรมดูก่อน งั้นเรากลับก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน พี่ก็จะกลับเหมือนกัน รู้สึกเหนื่อย ๆ”
โสภาพูดแล้วก็จัดการเก็บข้าวของที่โต๊ะ ทำให้ระพีพรรณเองก็ลุกเพื่อเตรียมตัวกลับเหมือนกัน

“งั้นเอาไว้เจอกันนะคะ” ระพีพรรณบอกแล้วก็กลับออกมาจากห้องของโสภา

กำพลมองลูกสาวที่กำลังจอดรถไว้ที่หน้าบ้าน แล้วก็เดินไปหอบข้าวของมาจากกระโปรงหลังรถ
“จิตเอ้ย คุณเพลงมาแล้วมาช่วยถือของหน่อยเร็ว”
กำพลร้องเรียกสมจิตที่วุ่นอยู่ในครัว ไม่นานสมจิตก็ออกมาและตรงไปรับข้าวของมาจากมือระพีพรรณ
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะเชียวลูก” เขาทักลูกสาวพร้อม ๆ กับเข็นรถไปใกล้ ๆ แคร่ที่ระพีพรรณทรุดตัวลงนั่ง

“ข้าวของเครื่องใช้ประจำค่ะคุณพ่อ แล้วก็ของจากออฟฟิศด้วย พี่โสภาให้เพลงกลับมาทำงานที่บ้านแล้วค่ะ ไม่ต้องไปทำที่ออฟฟิศอีกบอกว่ามันลำบาก แล้ว...เอ่อ...”
เธอบอก แต่ในใจก็สงสัยกับแขกสองคนที่นั่งอยู่กับพ่อ เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แล้วมือก็รับแก้วน้ำจากสมจิตที่เอามาให้ หลังจากที่ข้าวของถูกเก็บไปหมดแล้ว

“ก็ดีสิลูก พ่อก็เห็นด้วยนะ ท้องเราน่ะโตขึ้นมากแล้ว จะได้อยู่กับบ้านซักที นี่เจ้าโป่งก็ไม่ค่อยสบายมาตั้งแต่บ่ายแล้ว บ่นว่าปวดหัว พ่อก็เลยไล่ให้ไปนอนพัก ยังไม่ลุกเลย ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง พ่อว่าหนูไปดูหน่อยก็ดีนะ ถ้ามีอะไรจะได้พาไปหาหมอได้ทัน อ้อ...นี่พ่อเนตรกับแม่เปรี้ยวที่มาซื้อที่ตรงข้างบ้านเราไงลูก ส่วนนี่ก็แม่เพลงลูกสาวคนเล็กของฉัน”
กำพลบอกและสีหน้าที่ไม่ค่อยดีกับอาการของโป่งนัก แต่ก็ไม่ลืมที่จะแนะนำเพื่อนบ้านใหม่ ที่พากันย้ายมาอยู่ได้สักพักแล้ว แต่ก็เพิ่งจะมาทำความรู้จักกับเขาวันนี้ พร้อมกับแกงชามใหญ่ติดมือมาด้วย

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เห็นพี่จิตบอกเหมือนกันค่ะว่ามีคนมาอยู่ใกล้ ๆ บ้านเรา แต่ก็ยังไม่เจอกันซักที”
ระพีพรรณยกมือไหว้คนทั้งสอง ที่ดู ๆ แล้วจะอายุห่างเธออยู่หลายปี
“สวัสดีค่ะคุณเพลง เรียกพี่ว่าพี่เปรี้ยวกับพี่เนตรก็ได้นะคะ พี่ขอเรียกคุณเพลงตามจิตก็แล้วกัน”
แขกกล่าวหลังจากที่รู้จักครอบครัวนี้จากจิต

“มาอยู่หลายวันแล้ว แต่ก็มัวยุ่ง ๆ อยู่ก็เลยไม่มีเวลามาทำความรู้จักกันครับคุณเพลง มีอะไรที่จะให้เราสองคนช่วยก็บอกได้นะครับเพื่อนบ้านกัน” เนตรที่นั่งข้าง ๆ ภรรยาเปรย ๆ เพื่อเป็นการแก้ตัว
“ค่ะ งั้นเพลงขอตัวไปดูลุงโป่งก่อนนะคะ ตามสบายนะคะพี่เปรี้ยวพี่เนตร”
ระพีพรรณบอกแล้วก็รีบตรงไปยังห้องของโป่งทันทีเพราะห่วงอาการของเขา

“ลุงโป่งเป็นยังไงบ้างคะ”
เธอถามเมื่อเห็นโป่งนอนนิ่งอยู่กับที่นอนห่มผ้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อได้ยินเสียงเจ้านายสาวเขาก็ค่อย ๆ ลืมตามาหาเจ้าของเสียง เขายิ้มจาง ๆ ให้เธอแต่สีหน้าแสดงอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
“ลุงไม่เป็นอะไรมากหรอกครับคุณเพลง กินยาลดไข้กับยาแก้ปวดไปแล้ว อีกหน่อยก็คงจะหาย”
เขาบอกเพื่อไม่ให้ระพีพรรณห่วงมากไปกว่านี้
“เพลงว่าไปหาหมอดีกว่านะคะ อย่ารอเลย ไม่รู้เป็นอะไรมากหรือเปล่า เพลงไม่สบายใจเลยค่ะ”
ระพีพรรณรีบบอกสิ่งที่เธอพร่ำบอกเขามาหลายเดือนแล้ว

“เอาไว้ก่อนก็ได้ครับ ลุงยังไม่เป็นอะไรมาก คุณเพลงกลับมาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนเถอะครับ ลุงสงสารหลานในท้อง”
เขาบอก
“ลุงโป่งแน่ใจนะคะ ว่าจะไม่ไปหาหมอ” เธอถามย้ำ
“แน่ใจสิครับ ลุงไม่เป็นอะไรมากจริง ๆ ครับ” เขายังยืนยัน
“งั้นเดี๋ยวเพลงไปอาบน้ำก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะทำกับข้าวเลยจะได้เอามาให้ลุงโป่ง”
เธอบอกแล้วก็ลุกเดินไปชั้นบน ทิ้งให้โป่งมองตามเจ้านาด้วยความปลาบปลื้มใจไม่น้อยกับความห่วงใย ที่เธอมีให้เขามาโดยตลอด


เสียงเรียกจากด้านล่างทำให้ผู้ที่กำลังหลับได้ที่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก เธอจำได้ว่าเป็นเสียงของพ่อที่ร้องเรียกมาจากด้านล่าง เธอพยุงร่างกายที่มีความอ่อนเพลีย เพราะเพิ่งจะเขียนแบบเสร็จเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ แต่เธอก็ไม่รอช้ารีบลงมาตามเสียงของผู้เป็นพ่อ แล้วเธอต้องตกใจสุดขีดเมื่อเปิดประตูห้องนอนพ่อเข้าไป ก็พบว่าคนที่ที่นอนกองอยู่ที่พื้นนั้น ไม่ใช่พ่อตัวเอง แต่กลับเป็นโป่งต่างหาก

“ลุงโป่ง ๆ เป็นอะไรไปคะ” เสียงเธอร้องถามด้วยความตกใจ
“เจ้าโป่งมันไปเข้าห้องน้ำ แล้วกลับออกมาก็เลยแวะดูพ่อที่ห้อง จู่ ๆ มันก็บอกว่ารู้สึกชา ๆ ที่ขาข้างซ้ายแล้วก็ล้มฟุบลง สงสัยหัวจะฟาดพื้นนะลูก”
กำพลบอกเธอขณะที่พยุงตัวเองให้ลุกนั่งแต่ก็ยังคงนั่งอยู่ที่เตียงนั่นเอง ระพีพรรณรีบตรงไปเพื่อช่วยพยุงโป่งให้ลุกขึ้น แต่เพียงแค่มือแตะไปที่ลำตัวของโป่งเธอก็รับรู้ว่าโป่งตัวร้อนมาก
“ลุงโป่งคะ ลุงโป่ง ๆ ได้ยินเพลงหรือเปล่าคะ” เธอเรียกไม่นานโป่งก็ค่อย ๆ ขยับตัวและมองมาหาต้นเสียงที่เรียกเขา

“คุณเพลงลุงหนาวจังเลยครับ”
โป่งบอกและพยายามใช้มือดันตัวเองให้ลุกนั่ง เพราะห่วงระพีพรรณที่ท้องโตขึ้นมาก ที่พยายามจะพยุงเขา
“จะไม่หนาวยังไงไหวคะ ก็ลุงโป่งตัวร้อนจี๋เลย เพลงจะโทรไปตามลุงเปลวกับพี่จิตนะคะ จะได้พาลุงโป่งไปโรงพยาบาล”

ระพีพรรณบอก แล้วก็รีบไปโทรศัพท์โดยไม่รอช้า ไม่นานเปลวและสมจิตที่อยู่บ้านไม่ไกลมากก็มาถึง ความห่วงโป่งที่มีมากจนทำให้ระพีพรรณลืมห่วงตัวเอง เธอรีบขับรถพาโป่งไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอย่างไม่คิดชีวิต โดยมีเปลวนั่งไปเป็นเพื่อนด้วย ส่วนสมจิตอยู่เป็นเพื่อนกำพลและรอฟังข่าวที่บ้าน
ความโกลาหลที่เกิดขึ้นที่บ้านเมื่อสักครู่ได้ปลุกให้เพื่อนบ้านใหม่ของเธอ ตื่นขึ้นมาดูความเคลื่อนไหวด้วยความอยากรู้ ว่าเกิดอะไรขึ้น

และก็ทันได้เห็นเปลวและสมจิตที่ช่วยพยุงโป่งให้เข้าไปนั่งในรถแล้วก็เคลื่อนตัวออกไปโดยเร็ว เพื่อนบ้านไม่รอช้ารีบถือไฟฉายแล้วออกมาจากบ้านเดินเลาะหลังสวนแล้วก็ข้ามสะพานไม้ที่พาดไปกับคลองที่กั้นเขตแดนของทั้งสองเอาไว้ด้วยไม้แค่สามแผ่นพอให้ใช้เดินไปมาได้สะดวก

แล้วทั้งคู่ก็ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากสมจิตและจากเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่ที่รถเข็นด้วยสีหน้าที่กังวลไม่น้อย กับอาการของคนสนิทที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายสิบปี กำพลบอกตัวเองไม่ได้เลยว่าทำไมเขาถึงห่วงลูกน้องคนนี้มากมายนัก มันก็คงจะเพราะความเอื้ออาทรของลูกน้องเขานั่นเอง แล้วภาพที่โป่งคอยช่วยเหลือเขาในหลาย ๆ ครั้งที่ลำบากด้วยกันมาตั้งแต่ลูกสาวยังไม่กลับจากเมืองนอก จนไปถึงภาพที่โป่งดูแลเขาแทนลูกสาวตลอดระยะเวลาเกือบจะสี่ปี กำพลเฝ้าภาวนาว่าอย่าให้โป่งเป็นอะไรไปในตอนนี้เลย เพราะเขายังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณที่โป่งมีกับเขาและลูกเลยด้วยซ้ำ

ไม่นานทุกคนก็มาถึงโรงพยาบาล โป่งถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินทันที ระพีพรรณได้รับแจ้งจากแพทย์เวรเกี่ยวกับอาการของโป่งจากขบวนการตรวจเบื้องต้น ด้วยเครื่องมือที่โรงพยาบาลมี ก็พบว่ามีอาการผิดปกติทางสมอง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ ไม่นานระพีพรรณก็ได้รับแจ้งจากแพทย์ว่าจะต้องส่งตัวโป่งเข้าโรงพยาบาลที่กรุงเทพเพราะเครื่องมือที่นี่ไม่เพียงพอ

“หมอจะส่งคนไข้เข้าโรงพยาบาลใหญ่ในกรุงเทพฯ ครับ เพราะอาการคนไข้ยังไม่แน่ชัด จะต้องใช้เครื่องซีทีสแกนเพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงจะได้ผลที่ชัดเจนมากกว่า แต่ว่าเครื่องที่มีที่โรงพยาบาลของเราไม่มี จะมีก็แต่ในสาขาใหญ่ที่กรุงเทพฯ เท่านั้น” แพทย์แจ้งเธอและเปลว

โป่งถูกนำตัวมาที่โรงพยาบาลเอกชนสาขาใหญ่ในเวลาอีกไม่นานนักโดยรถของโรงพยาบาล ระพีพรรณและเปลวขับรถตามมาด้วย หลังจากที่นำร่างโป่งเข้าเครื่องซีทีสแกนแล้ว แพทย์เวรก็ยังไม่ลงความเห็นแน่ชัด ต้องรอให้ทีมผู้เชี่ยวชาญประจำทางด้านสมองมาพร้อม ๆ กันก่อน แพทย์จึงให้พักที่ห้องพักเพื่อสังเกตอาการก่อน

“คุณเพลงไม่ต้องห่วงลุงนะครับ กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะครับ ลุงไม่เป็นอะไรมากแล้ว”

โป่งที่พอจะฝืนร่างกายจากพิษไข้บอกเธอ หลังจากที่ถูกเข็นไปไว้ที่ห้องคนไข้พิเศษ ที่ระพีพรรณจองเอาไว้ แล้วทั้งระพีพรรณกับเปลวนั่งดูเฝ้าโป่งจนเขาหลับไปอีกรอบ ทั้งคู่จึงตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่บ้านก่อนเพื่อจะได้ปรึกษากำพลด้วย แต่กว่าจะมาถึงก็เป็นเวลาใกล้รุ่งสางแล้ว กำพลกับสมจิตนั้นหลับอยู่ เธอจึงไม่อยากจะปลุก จึงแยกย้ายกับเปลวไปพักผ่อน เพื่อจะได้ไปดูอาการโป่งพรุ่งนี้แต่เช้า

ระพีพรรณและเปลวพร้อมกับเพื่อนบ้านที่มีน้ำใจมาถามอาการโป่งตั้งแต่เช้าตรู่ และอาสามาเป็นเพื่อนคนทั้งสองที่โรงพยาบาลด้วย เผื่อจะได้ช่วยเหลืออะไรบ้าง ทั้งหมดนั่งรอหมอที่ตรวจอาการโป่งโดยละเอียดตั้งแต่ช่วงเช้าด้วยความวิตกไปต่าง ๆ นานา

“คนไข้มีฝีในสมองทางซีกขวาครับ และจะต้องรักษาด้วยการเจาะกระโหลกแล้วดูดน้ำหนองออกมาครับ”
แพทย์แจ้งระพีพรรณและเปลวในเวลาต่อมา
“แล้วจะหายหรือเปล่าคะคุณหมอ” เธอถามหมอทันที
“หมอเองก็รับรองไม่ได้ ต้องดูคนไข้ด้วยว่ามีกำลังใจมากแค่ไหน และที่สำคัญญาติคนไข้จะต้องอนุญาตให้หมอผ่าตัดด่วน แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ มันแค่การผ่าจุดเล็ก ๆ คงไม่มีปัญหาอะไร” หมอให้ความกระจ่างกับเธอ

“แล้วค่าใช้จ่ายล่ะครับคุณหมอ” เปลวไม่วายจะกังวลกับเรื่องเงิน
“น่าจะอยู่ที่แสนห้าหรือสองแสนครับ แต่หมอจะให้พยาบาลแจ้งตัวเลขที่แน่นอนให้ครับ ถ้าญาติไม่มีปัญหาอะไร หมอรบกวนช่วยเซ็นต์เอกสารด้วยครับ หมอจะได้เตรียมเรื่องผ่าตัดเลย”
แพทย์บอกแล้วแยกไปจากห้อง ระพีพรรณเดินไปหาโป่งที่นอนอยู่ในห้อง และก็จ้องมองไปที่โป่ง และโป่งเองก็ดูเหมือนจะได้ยินบทสนทนาเมื่อสักครู่แล้ว
“คุณเพลง” โป่งเรียกเธอ

“ลุงโป่งรออีกหน่อยนะคะ อีกไม่นานหมอก็จะรักษาลุงโป่งให้หายได้แล้วค่ะ” เธอปลอบใจเขา
“คุณเพลงต้องมาเสียเงินเพราะลุงแท้ ๆ เลย ลุงขอโทษนะครับ” เขาบอกด้วยความรู้สึกที่ผิด
“อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ ลุงโป่งก็เหมือนคนในครอบครัวของเพลง ทำใจให้สบายนะคะ เพลงจะไปเซ็นต์เอกสารกับลุงเปลวก่อน ลุงโป่งต้องรีบผ่าตัดค่ะ”

ระพีพรรณบีบมือเขาแล้วก็รีบออกจากห้องไปพร้อม ๆ กับเปลว ทีมแพทย์ไม่รอช้ารีบนำโป่งเข้าห้องผ่าตัดทันที โดยมีทุกคนเฝ้ารอผลอยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างกระวนกระวาย เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง แพทย์ก็ออกมาแจ้งกับระพีพรรณว่าของเหลวในสมองนั้นไม่สามารถดูดออกได้ เพราะมีความข้นมากเกินไป จึงจำเป็นจะต้องผ่าตัดใหญ่เพื่อเปิดกระโหลกเอาของเหลวออกมาให้หมด

และที่แย่ไปกว่านั้นสำหรับระพีพรรณก็คือค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้เงินหลายแสนบาท ซึ่งเธอไม่มีเงินจำนวนมากมายขนาดนั้น แต่ก็ต้องรีบรักษาโป่งให้ทันท่วงที ความกังวลในหลาย ๆ เรื่องแล่นเข้ามาที่หัวของเธอ เพราะไม่รู้ว่าจะไปหาเงินที่ไหนมารักษาโป่ง และนั่นคือคำถามเดียวที่มีในความคิดเธอตอนนี้

ระพีพรรณจ้องมองโป่งที่เพิ่งจะมีสติหลังจากหลับเพราะฤทธิ์ยาสลบเมื่อไม่นานมานี้ แล้วก็ถูกนำตัวมาพักไว้ที่ห้องพักระหว่างที่รอการเตรียมการผ่าตัดใหญ่อีกรอบ ซึ่งระพีพรรณจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบว่าจะตัดสินใจอย่างไรกับค่าใช้จ่าย ที่ตัวเองก็รู้สึกมืดแปดด้าน เพราะไม่รู้จะหาค่าใช้จ่ายมาจากไหนภายในเวลาอันรวดเร็วนี้
ครั้นจะโทรไปบอกโสภาเธอก็รู้สึกระอายใจเหลือเกินที่เอาแต่ปัญหาไปให้ และอีกอย่างโสภาเองก็มีปัญหาด้านการเงินไม่น้อยในช่วงนี้ น้ำตาแห่งความสงสารโป่งเริ่มไหลรินออกมา

“คุณเพลง คุณเพลงร้องไห้ทำไมครับ”
โป่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ไม่นานถามพร้อมกับตกใจที่เห็นสีหน้าของเจ้านายสาวไม่ค่อยจะดี
“เพลงไม่เป็นอะไรมากค่ะ แต่ลุงโป่งจะต้องผ่าตัดอีกรอบนะคะ เดี๋ยวจะได้หาย”
ระพีพรรณบอกให้เขารู้

“ทำไมครับ แล้วค่าใช้จ่ายแพงหรือเปล่า ลุงไม่เป็นอะไรมากแล้ว ไม่ผ่าได้ไหมครับคุณเพลง ลุงอยากจะกลับบ้าน มีอะไรก็ไปคุยกันที่บ้านครับ ถ้าลุงจะตายลุงก็ขอตายที่บ้านใกล้ ๆ กับคุณท่าน คุณเพลงพาลุงกลับบ้านเถอะนะครับ ลุงไม่อยากผ่าอะไรอีกแล้ว” โป่งพูดด้วยน้ำเสียงที่ท้อแท้เหลือเกินเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของระพีพรรณ

“ไม่ได้ค่ะ ลุงโป่งจะต้องรักษาตัวให้หายก่อน เพลงจะไม่ปล่อยให้ลุงโป่งตายไปต่อหน้าต่อตาเด็ดขาด มันไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ หมอแค่จะผ่าเปิดกระโหลกแล้วเอาหนองออกเท่านั้น ถ้าปล่อยไว้ลุงโป่งจะมีอันตรายอาจจะถึงชีวิตก็ได้ ไม่ต้องห่วงนะคะ เท่าไหร่เพลงก็จะหาเงินมารักษาลุงโป่งให้หายให้ได้” เธอบอก

“แล้วคุณเพลงจะเอาเงินมาจากที่ไหนครับ มันไม่ใช่น้อยเลย ให้ลุงกลับบ้านเถอะนะครับ ถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้ลุงอยู่ที่บ้านลุงดีกว่านะครับคุณเพลง” โป่งบอกพร้อม ๆ กับน้ำตาที่ระพีพรรณแทบจะไม่เคยได้เห็นไหลออกมา

“ลุงโป่งจะตายไม่ได้ค่ะ เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานมากแล้ว พอเพลงกำลังจะได้สบายลุงโป่งก็จะมาจากเพลงกับคุณพ่อไปเหรอคะ เพลงไม่ยอมค่ะ เพลงกำลังจะมีลูกลุงโป่งจำไม่ได้เหรอคะ แล้วลุงโป่งไม่อยากจะเห็นหน้าหลานเหรอคะ อีกไม่กี่วันเพลงก็จะคลอดแล้ว ลุงโป่งจะต้องรอดูหน้าลูกเพลงก่อน ลุงโป่งจะยอมแพ้ไม่ได้ เพลงจะไปหาเงินมาให้หมอรักษาลุงโป่งเดี๋ยวนี้ค่ะ” ระพีพรรณบอกพร้อม ๆ กับน้ำตาที่ไหลรินออกมาฟ้องให้โป่งได้เห็นความอ่อนแอ

“คุณเพลง ลุงไม่อยากจะเป็นภาระคุณเพลงกับคุณท่านครับ แค่ลำพังเรื่องยุ่ง ๆ ที่เกิดขึ้นคุณเพลงก็เหนื่อยมากพอแล้ว ไหนจะมีเรื่องลุงอีก คนแก่ไม่ตายวันก็จะตายพรุ่ง อย่าเอาเงินมาเสียกับการรักษาลุงเลยนะครับ วันข้างหน้าคุณเพลงจะต้องพบกับปัญหาอีกมากมาย และก็จะต้องใช้เงินอีกมาก พาลุงกลับบ้านเถอะนะครับ ลุงขอร้อง”
โป่งบอกทั้ง ๆ น้ำตายังไหลออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจที่มีลูกสาวเจ้านายที่รักเขาขนาดนี้

“ไม่ต้องห่วงค่ะ เพลงจะไปหาเงินมารักษาลุงโป่งให้ได้ ลุงโป่งเตรียมตัวนะคะ เพลงจะไปแป๊ปเดียว ลุงเปลวรออยู่ข้างนอก แล้วจะอยู่เป็นเพื่อนลุงโป่ง อีกหน่อยเพลงจะกลับมาค่ะ นะคะเชื่อเพลง ทำใจสบาย ๆ ไว้นะคะ”
ระพีพรรณปาดน้ำตาออกจากแก้ม แล้วก็กลับออกมาจากห้อง แต่พอเห็นเปลวที่นั่งอยู่หน้าห้อง และมองมาที่เธอด้วยสีหน้าที่กังวลไม่น้อย น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอีกได้ไม่ยากเลย

“แล้วเราจะทำยังไงครับคุณเพลง”
เปลวถามหลังจากที่พากันออกมานอกห้องคนเจ็บที่หลับไปอีกเพราะไข้เริ่มขึ้น ส่วนเพื่อนบ้านใหม่นั้นก็มีสีหน้าที่กังวลร่วมไปด้วย เพราะจำนวนเงินค่อนข้างมากทีเดียว
“เพลงจะไปหาเงินมาให้หมอรักษาลุงโป่งค่ะ งั้นลุงเปลวอยู่ดูแลลุงโป่งเอาไว้นะคะ อีกไม่นานเพลงจะกลับมา”
ระพีพรรณบอกเปลว
“คุณเพลงจะไปหาที่ไหนครับ เงินที่ต้องใช้อีกตั้งหลายแสนแล้วมันจะทันเหรอครับ”
เปลวถามด้วยความกังวล

“ไม่ต้องห่วงค่ะ งั้นเพลงไปก่อนนะคะ” ระพีพรรณบอกเพื่อให้ความมั่นใจแก่เปลว
“ลุงต้องกราบขอบพระคุณมาก ๆ นะครับ เจ้าโป่งมันมีบุญจริง ๆ เลย ที่ได้รับใช้คุณเพลงกับคุณท่าน งั้นลุงจะรออยู่จนกว่าคุณเพลงจะกลับมานะครับ”
เปลวยกมือไหว้ด้วยความปลาบปลื้มในน้ำใจของเธอ มันยิ่งทำให้เธอยั้งความรู้สึกสงสารโป่งขึ้นมาได้ไม่ยาก พร้อม ๆ กับในใจกังวลว่าจะไปหาเงินที่ไหนมาได้ภายในวันนี้ น้ำตาแห่งความเสียใจเมื่อคิดไปถึงความผิดหวังที่ตัวเองและเปลวอาจจะพบในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า หากเธอหาเงินมาไม่ได้

“คุณเพลงจะให้พี่กับพี่เนตรไปด้วยหรือเปล่าคะ คุณเพลงก็กำลังท้อง” เปรี้ยวถามด้วยความห่วง
“ขอบคุณค่ะพี่เปรี้ยว แต่ไม่เป็นไรค่ะไม่ต้องห่วงค่ะ เพลงฝากโทรไปบอกคุณพ่อด้วยนะคะ ท่านรอฟังคำตอบเรื่องอาการลุงโป่งอยู่ แล้วเพลงจะรีบมา”

ระพีพรรณปาดน้ำตาออกจากแก้มแล้วรีบพาร่างกายที่ไม่ค่อยจะสะดวกและไม่ชินกับชุดคลุมท้องที่เพิ่งจะจัดหามาใส่เดินออกไปจากหน้าห้องทันที และความรีบของระพีพรรณที่ห่วงโป่งจนไม่ทันได้เห็นใครบางคนที่ยืนหลบอยู่ที่หัวมุมของวอร์ดผู้ป่วยนั่นเอง พิสิทธิ์รอจนระพีพรรณหายเข้าไปในลิฟท์จึงค่อย ๆ ออกมาจากที่กำบัง ความอยากรู้ทำให้เขาต้องรีบเข้าไปสอบถามพยาบาลที่มาฉีดยาให้ลูกค้าที่เขามาเยี่ยมอาการที่โรงพยาบาลพอดี

แล้วไม่นานเขาก็รับรู้เรื่องทั้งหมด แรกทีเดียวเขาตั้งใจจะกดโทรศัพท์บอกโสภา แต่คิดอีกทีเขาก็ไม่อยากจะเอาเรื่องที่หนัก ๆ ไปให้โสภาอีก เพราะเขารู้ดีว่า โสภามีเรื่องที่จะต้องคิดอีกหลายเรื่อง

“คุณเพลง ทำไมคุณเพลงจะต้องเจอแต่เรื่องที่ร้าย ๆ ด้วยนะ”
เขาพึมพำกับตัวเอง และสีหน้าก็แสดงถึงความไม่สบายใจเอามาก ๆ

“คุณกำธรไม่อยู่หรอกจ๊ะ ไปดูงานที่จีนอีกสองอาทิตย์ถึงจะกลับ มีอะไรหรือเปล่า”
เสียงของพริ้งเพราดังมาจากทางเข้าห้องรับแขก หลังจากที่ปล่อยให้ระพีพรรณรอเกือบจะชั่วโมง
“สวัสดีค่ะคุณอาพริ้ง”
เธอรีบลุกขึ้นไหว้อาสะใภ้อย่างนอบน้อม ซึ่งพริ้งเพราก็รับไหว้แบบไม่ใคร่จะเต็มใจนัก

“เพลงต้องขอโทษนะคะที่มารบกวน ไม่ทราบว่าอากำธรไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ แล้วเพลงพอจะติดต่อได้ไหมคะ พอดีมีเรื่องด่วนมากที่จะต้องเรียนปรึกษาคุณอาค่ะ” เธอบอกด้วยอาการสำรวม เพราะรู้ดีว่าพริ้งเพรานั้นไม่ใคร่จะเต็มใจต้อนรับเธอนัก

“คงจะไม่ได้หรอกเพราะคุณกำธรไปประชุมห้ามใครติดต่อ อาเป็นเมียแท้ ๆ ยังต้องรอให้คุณกำธรโทรกลับมาเองเลย ว่าแต่ที่แม่เพลงมานี่จะมาขออะไรอีกล่ะจ๊ะ เห็นคราวที่แล้วก็ทำเอาคุณกำธรวิ่งวุ่นหาเงินเป็นจ้าละวั่นเชียว โชคยังดีที่หาได้ไม่ครบก็เลยรอดตัวไป แล้ววันนี้จะเอาอีกเท่าไหร่ล่ะ”

พริ้งพราวพูดดักทางพร้อม ๆ กับนั่งลงที่ชุดรับแขก ขาไขว้ห้างพร้อมทั้งกระดิกข้อเท้าโดยไม่คิดจะเกรงใจระพีพรรณเลย แล้วพริ้งเพราก็ทำสีหน้าเหมือนมีคำถามที่ได้เห็นระพีพรรณที่มาในชุดคลุมท้อง แล้วก็ยิ้มเยาะใส่อย่างดูถูก แต่ระพีพรรณก็ต้องผืนทนเพราะจุดมุ่งหมายที่ใหญ่ที่สุดคือต้องช่วยโป่งให้ได้ก่อน

“พอดีเพลงมีเรื่องเดือดร้อนค่ะคุณอาพริ้ง ลุงโป่งกำลังไม่สบายหนัก ต้องการเงินไปรักษาด่วน เพลงมองไม่เห็นใครแล้ว ก็เลยจะมาขอความกรุณาจากคุณอาก่อนค่ะ แล้วเพลงจะหามาใช้ให้วันหลังค่ะ” เธอรีบบอกความจำนงไป
“หามาคืนเหรอ เธอกับพ่อของเธอแทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว ยังจะมาบอกว่าจะหามาคืนให้เหรอจ๊ะ แล้วเมื่อไหร่กัน ฉันไม่มีให้หรอก ถึงมีฉันก็ไม่ให้ พ่อเธอทำกับฉันและคุณกำธรมาเท่าไหร่แล้ว มองฉันยังกะเศษมนุษย์ แล้วทีนี้จะมาขอความกรุณาเหรอ ไม่มีวันหรอก กลับไปซะเถอะ ฉันคงจะช่วยเธอไม่ได้หรอก” พริ้งเพราบอกอย่างไม่แยแส

“คุณอาคะ เพลงต้องกราบขอโทษแทนคุณพ่อด้วยนะคะ ที่ท่านอาจจะทำไม่ดีในอดีต แต่ตอนนี้เพลงอยากจะขอความกรุณาจริง ๆ ค่ะ ลุงโป่งป่วยหนักมาก อย่างน้อย เพลงก็ขอให้เห็นแก่ชีวิตลุงโป่งด้วยนะคะ เพลงกราบล่ะค่ะ ถ้าเพลงหาเงินได้เพลงจะเอามาคืนทันที นะคะคุณอา” ระพีพรรณยกมือไหว้พริ้งเพราด้วยหัวใจที่เจ็บปวดกับสภาพที่ตัวเองเป็นอยู่

“ก็ไหนเห็นบอกว่าเธอจะทำงานไถ่หนี้ อีกหน่อยก็จะได้สมบัติคืนแล้วนี่ ทำไมไม่ไปขอเจ้านายเธอล่ะ หรือว่าเอาตัวไปเข้าแลกจนได้ของแถมติดตัวมาด้วย ฉันไม่มีให้หรอกนะ เธอมีเรื่องแค่นี้ใช่ไหม ฉันจะรีบไปทำธุระเชิญ”

พริ้งเพราบอกพร้อม ๆ กับลุกออกจากห้องทันที ทิ้งให้ระพีพรรณมองตามด้วยความคับแค้นใจ และไม่นึกมาก่อนว่าพริ้งเพราจะใจร้ายและไม่มีเหตุผลมากถึงเพียงนี้ น้ำตาแห่งความเสียใจไหลออกมาได้ไม่ยากเลย แล้วระพีพรรณก็ค่อย ๆ พยุงตัวเองให้ออกมาจากที่นั่น

และทันทีที่มาถึงรถเธอก็ไม่ละความพยายาม รีบกดโทรศัพท์หากำธรทันที แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะดูเหมือนว่า กำธรจะปิดมือถือเอาไว้ เธอพยายามอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล หญิงสาวรีบขับรถออกจากบ้านกำธรด้วยความมืดมน ทันทีที่รถพ้นจากประตูรั้ว เธอจอดรถและก้มหน้าฟุบกับพวงมาลัยให้น้ำตามันไหลออกมาด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย

รถของระพีพรรณมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่ของผู้มีอันจะกินที่เธอคิดว่าน่าจะขอความช่วยเหลือได้ในเวลาคับขันขนาดนี้ หลังจากกดออดไม่นาน เธอก็ได้รับคำบอกเล่าจากคนรับใช้ที่มาดูที่ประตูหน้าบ้าน ว่าให้รออยู่นอกรั้ว จะไปแจ้งให้ผู้ที่อยู่ด้านในทราบ จึงจะอนุญาตให้เธอเข้าไปรอในบ้านได้ ไม่นานผู้ที่เธอฝากความหวังเอาไว้ก็ออกมาหาที่หน้าประตู
สายตาที่ธนากรมองมายังผู้หญิงที่เขาเคยคิดว่าเหมาะสมกับเขาในทุก ๆ ด้าน สร้างความแปลกใจที่เห็นเธอมาหาในวันนี้ เขาเปิดประตูออกมาหาเธอด้านนอกรั้ว แล้วก็มองเธอด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถามกับสภาพของเธอที่เขาเห็น

“มีอะไรเหรอ ถึงมาหาที่นี่” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะประทับใจนักที่ได้เห็นเธอ
“ก๊อปเพลงมีเรื่องอยากจะรบกวนหน่อย มันสำคัญมาก” เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อที่จะบอกเขาไป
“มีอะไรก็รีบพูดมา เราไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่” เขาบอก
“เพลงอยากจะขอยืมเงินก๊อปสักล้าน พอดีคนสนิทคุณพ่อป่วยหนักรอเงินไปเป็นค่าผ่าตัดอยู่”
เธอรีบบอกจุดประสงค์เพื่อไม่ให้เสียเวลา

“แล้วทำไมไม่ไปขอกับ...เอ่อ...”
เขาบอกพร้อมทั้งชำเลืองมองไปยังแขกที่มีชุดคลุมท้องหุ้มร่างเอาไว้ และก็ส่งสายตาที่ไม่ค่อยจะแยแสในตัวเธออีกต่อไปแล้ว ซึ่เธอเองก็รู้สึกได้ แต่ด้วยความอยากจะช่วยโป่งและพอ ๆ กับไม่อยากจะไปรบกวนโสภาเธอจึงต้องอดทน กับสายตาที่คนที่เธอเคยหวังว่าจะให้เขาเป็นผู้นำของชีวิตมองเธอด้วยสายตาที่แปลก

“เพลงไม่มีหลักประกันอะไรหรอกนะก๊อป แต่ถ้าเพลงขายรูปหรือเก็บเงินได้เมื่อไหร่ จะรีบเอามาคืนเลย เพลงขอร้องเถอะนะ เพลงไม่รู้จะไปพึ่งใครอีกแล้ว” เธอพยายามอ้อนวอนเขา
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน มันก็คงจะไม่ยากหรอกนะ แต่ว่าตอนนี้เราคงจะช่วยอะไรไม่ได้หรอก ขอโทษด้วยก็แล้วกัน มีธุระแค่นี้ใช่มั้ย เราต้องออกไปข้างนอกน่ะ” ธนากรรีบบอกปัด

“ก๊อป เพลงรู้ว่าก๊อปกำลังโกรธ แต่เพลงอยากจะขอร้องเถอะนะ ชีวิตคนสำคัญกว่าอารมณ์โกรธแค้น ก๊อปอย่าทำอย่างนี้กับเพลงเลยนะ เพลงขอร้อง” เธอไม่ละความพยายาม
“นั่นมันเป็นเรื่องของเพลง คนของเพลง ๆ ก็ต้องหาทางช่วยเหลือสิ วันนี้คุณพ่อไม่อยู่ เราขอเงินท่านไม่ได้หรอกนะ หมดธุระแล้วก็เชิญเราจะเข้าบ้านแล้ว”

ธนากรบอกพร้อม ๆ กับเดินหันหลังและเข้าบ้านไปในที่สุด ทิ้งให้เธอมองตามเขาที่กำลังปิดประตูรั้วไปด้วยความสลดใจ ประตูที่เขาเพิ่งจะปิดไปนั้น ทำให้เธอมีความรู้สึกว่า มันช่างเหมือนประตูของความสัมพันระหว่างเธอและเขาที่กำลังจะปิดไปด้วยพร้อม ๆ กัน น้ำตาแห่งความอัดอั้นตันใจกับคนที่อยู่ตรงหน้านั้นไหลรินออกมาอย่างไม่อาย สายตาของเธอจ้องมองไปที่เขาที่เดินหันหลังให้เธอไปแล้ว







 

Create Date : 11 ตุลาคม 2551
1 comments
Last Update : 11 ตุลาคม 2551 12:33:16 น.
Counter : 757 Pageviews.

 

เพลงจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไงเนี่ย ชีวิตบัตรทรบจิงๆเล้ยย
รออ่านอยู่นะคะ รีบๆมาเน่อ ยังไม่นอนๆ

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 12 ตุลาคม 2551 8:04:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.