ริชชี่ในรายการสัมภาษณ์ทางวิทยุที่ฮ่องกง
วันที่ 20-03-2008
Clip โดย Shirley : //mymedia.yam.com/m/1973679
แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Happy
เพื่อนเค้าว่าสัมภาษณ์มันยาวมาก เลยขอสรุปใจความหลักๆ แทน
จริงๆ ตอนแรกเฮียคิดว่าจะเล่น concert ที่โคลอสเซียมได้คงต้องเป็นช่วงปลายปี แต่กองทุน Ren Qi ก็เชิญเฮียไปเล่น concert ทำให้เฮียดีใจที่จะได้เล่นก่อนที่เวทีจะปิดปรับปรุง แม้ว่าจะเล่นเดือนพฤษภา แต่เฮียก็เตรียมตัวไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว วิธีการทำงานของเค้าก็เหมือนนกที่เพิ่งหัดบิน ทุกครั้งที่มี concert เค้าก็เตรียมคิดไว้ว่าจะทำอะไรบ้างใน concert ครั้งต่อไปแล้ว พอมีเวลาว่างเฮียก็จะมาปรึกษากับทีมงาน
ครั้งนี้ concert ของเฮียจะแบ่งเป็นหลายรูปแบบ เพราะเป็นสไตล์ของทางฮ่องกงที่ทั้งภาพทั้งเสียงจะต้องดีทั้งคู่ (ประมาณว่าต้องมีการแสดงด้วย ไม่ใช่ยืนหรือนั่งร้องเพลงให้ฟังอย่างเดียว..) ซึ่งเฮียก็จะทำตามนั้น แม้ว่าเฮียจะเริ่มต้นจากการเป็นนักร้อง แต่งานนี้มันก็ยากเอาการทีเดียว ครั้งนี้ต้องมีการเต้นที่มากขึ้นด้วย อย่างเพลงสมัยใหม่ agogo แล้วก็อย่างเพลงของ Beegees การเต้นอย่างแนวของมาดอนน่าที่เต้นกับแวมไพร์ (พูดมาถึงตรงนี้นึกภาพไม่ออกเลยว่าเฮียจะเต้นแบบไหน ดูไม่เข้ากันไปหมด...) ชุดที่ใส่ก็ต้องให้เข้ากันกับอารมณ์ จะได้สร้างอารมณ์ได้มากขึ้น ถัดมาก็จะมีชุดของจีนโบราณ ก็จะเป็นเพลงในส่วนของเกมส์ออนไลน์ นอกจากนี้มันก็ใกล้ช่วงโอลิมปิกแล้ว เฮียเลยอยากได้บรรยากาศในส่วนนี้มากขึ้น
และเพราะว่าเป็นงานการกุศล เลยต้องใส่ความอ่อนโยนให้เยอะหน่อย ก็เลยจะมีช่วงที่เป็นเพลงซึ้งๆ หวานๆ ด้วย แม้ว่ามันจะดีแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเพลงเหล่านั้นจะสามารถเข้าไปจับใจคนฟังได้รึเปล่า ถ้าได้มันก็จะเป็น concert ที่สมบูรณ์แบบ ทั้งหมดก็จะแบ่งเป็น 5-6 รูปแบบ เฮียเผยมาแค่นิดหน่อย เฮียว่า อยากทำ concert ที่เหมือนกับทุกคนเป็นเจ้าของ concert เอง เหมือนมาร้องคาราโอเกะกัน ครั้งนี้เวทีจะเป็นแบบ 3 ด้าน (ครั้งก่อนเป็น 4 ด้าน) จะเป็นรูปแบบของไต้หวัน ที่ไม่ต้องกลัวใครเห็นก้น
หลัง concert นี้ เฮียก็จะไปเล่นที่อเมริกา แคนาดา แล้วตามด้วย ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และมากกว่า 10 เมืองในจีน เจ้านายคนใหม่ (Mr. Lam Kin Ngok) ดูแลเฮียดีมากๆ เค้าให้เฮียใช้เครื่องบินส่วนตัวด้วย แล้วก็ไม่กดดันเฮียว่าต้องทำเงินเยอะๆ (ดีเจออกความเห็นว่า เพราะเค้ามีเยอะแล้วหน่ะสิ) ให้อิสระเฮียเยอะมาก เค้าเหมือนเป็นครอบครัวมากกว่าเจ้านาย เฮียยังไปร่วมงานของครองครัวเค้าด้วย เค้าให้เฮียมีอิสระที่จะเลือกว่าอยากจะทำงานกับใคร อยากจะร่วมงานกับผู้กำกับหรือศิลปินคนไหน แม้แต่ดีเจยังประหลาดใจที่เฮียได้สิทธิพิเศษขนาดนี้
ดีเจถามเฮียเรื่องลูก เฮียว่าเพราะคลอดก่อนกำหนด ตอนนี้ยังตัวเล็กอยู่เลย ก็เลยไม่ได้เชิญใครมางานฉลองไหว้พระจันทร์ให้ (คนไต้หวันปกติจะฉลองให้หลังเด็กครบ 2 เดือน) เฮียต้องขอผู้กำกับไม่ก็โปรดิวเซอร์กลับบ้านก่อนเพราะช่วงนี้ถ่ายหนังกับซ้อม concert อยู่ แล้วก็เฮียยังไม่ได้ตั้งชื่อลูกเลย เฮียถามราติว่าจะให้ชื่ออะไรดี ราติเลยว่าทำไมไม่ตั้งว่า Rain หล่ะ เพราะราติชอบเพลงนี้มาก (เฮียเลยฮัมเพลงนี้ออกมาหน่อยนึง เป็นเพลงที่เนื้อเพลงมีคำว่า ฝน อยู่เยอะ) แต่เฮียว่าตัวเองก็เป็นแฟนเพลงของ Rain เหมือนกัน คงไม่ดีแน่ถ้าตั้งชื่อนี้ (ก็คิดดูสิ ถ้าลูกดื้อ ลูกซน เวลาเรียกดุคงจิกเรียกได้ไม่เต็มที่...) แม่อุปถัมภ์ยังเรียกว่า Masa (มาจาก Maserati) เพราะลูกสาวชื่อ Rati (ถ้าเรียกพร้อมๆ กันก็เป็นชื่อรถได้เลย..) เฮียหัวเราะแล้วบอกว่า งั้นถ้ามีอีกคนจะทำไงหล่ะ ไม่ต้องให้ชื่อ Omaga เรอะ
พูดถึงหนังเรื่องใหม่ของเฮีย ผู้กำกับขอให้เฮียเดินไปตามถนนให้มากขึ้น จะได้ดูกลมกลืน เพราะบทใหม่ที่ได้รับต้องเป็นคนที่ดูธรรมดาๆ ไม่ใช่ superstar เฮียต้องไม่เดินให้ดูเป็นศิลปิน (แล้วมันจะต้องเดินยังไงหว่า...) แต่เฮียว่ามันยากที่จะเดินไปตามถนนแล้วไม่ให้ใครจำได้ เฮียว่าเค้าลองมาหลายวิธีแล้ว ทั้งใส่เสื้อโทรมๆ ไม่หวีผม แต่ก็ยังไม่ได้ กระทั่งใส่หน้ากากก็ยังไม่มีประโยชน์เลย (หน้ากากปิดครึ่งหน้ายังจำได้ งั้นตุ้งว่าเฮียใส่ไอ้โม่งไปเลยดีกว่า ปิดมันทั้งหน้า...) ยิ่งสำเนียงเค้ายิ่งไปกันใหญ่ (ก็เฮียไม่ใช่คนฮ่องกงอ่ะ แต่นี่สำเนียงก็ดีขึ้นเยอะแล้วนะ) ดีเจเลยล้อว่า งี้เฮียก็ทำตัวแย่ๆ ที่ฮ่องกงไม่ได้เลยสินะ (เพราะคนจำได้กันหมดแล้ว)
เกี่ยวกับเพลงใหม่ (เพลงที่เปิดอยู่เนี่ยแหล่ะ )เป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง Sniper มันเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับภาระทางจิตใจของผู้ชาย เฮียจะร้องเพลงนี้ใน concert ด้วย เฮียอธิบายธีมของ concert คราวนี้ว่า Love and Be Loved หมายถึงการรักกันและกัน เฮียจะใช้เพลงนี้แสดงถึงความแข็งแกร่งของผู้ชายที่ต้องดูแลครอบครัว แม้ว่าจะต้องเผชิญกับเจ็บปวดแต่ก็ยังพยายามต่อไป นี่เป็นจุดที่เฮียเองก็ถูกสอนโดยพ่อมาก่อนตั้งแต่เด็ก เฮียว่าเค้าไม่ค่อยจะร้องไห้แม้แต่ตอนที่ลูกสาวเกิด แต่สิ่งนึงที่แน่ๆ คือ (ตอนที่ลูกสาวคลอด) เฮียรู้สึกท่วมท้นเพราะนี่คือคนที่เค้าจะต้องดูแลไปจนชั่วชีวิต แต่ตอนที่ลูกชายคลอด เฮียว่าสมองว่างเปล่าไปหมด เฮียเป็นห่วงว่าโตขึ้นแล้ว ลูกอาจจะทิ้งเค้าไปหาสาวๆ (น่า....มันก็คงเหมือนที่เฮียทำไงหล่ะ...)
เกี่ยวกับการออกฉายของหนังเรื่อง Sniper น่าจะฉายได้ในเดือนพฤษภาคม ดีเจถามว่าเป็นเพราะเอดิสันรึเปล่าหนังถึงได้ถูกเลื่อนฉาย เฮียว่านั่นไม่ใช่เหตุผลหลัก หลักๆ ก็คือมีมีฉากรุนแรงและฉากยิงปืนเยอะ (เลยต้องเช็คให้ผ่านกองเซ็นเซ่อร์กัน) เฮียพูดถึงเอดิสันในด้านดี พอรู้ว่าเฮียลงทุนกับ Adidas เอดินสันก็มักมาขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องแฟชั่น เค้าเอาจริงเอาจังเรื่องธุรกิจ พอได้ยินว่าเฮียเดินทางไปตามเล้นทางสายแม่น้ำเหลือง เอดิสันก็บอกว่าคราวหน้าอยากขอร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เฮียและคนที่รู้จักเอดิสันหวังว่าทุกคนจะให้โอกาสเค้าอีกครั้ง และลืมเรื่องที่ผ่านมาโดยเร็ว
พูดถึงแขกรับเชิญใน concert เฮียพยายามจะเชิญคนที่ไม่คาดคิดมาก่อนให้มา อย่าง เหลียงเฉาเหว่ย กับ ซูฉี แต่พวกเค้าก็ยังไม่ได้ให้คำตอบ
เฮียว่าเค้าและกู่เทียนเล่อรอที่จะถ่ายหนังของผู้กำกับตู้ฉีฟงนานจนผมจะขาวแล้ว หลายวันนี้เค้าย้อมผมกลับไปเป็นสีดำเพราะต้องถ่ายโฆษณาแชมพู เฮียกลัวว่าผมจะร่วงหมดซะก่อน (เพราะต้องโกรกไปโกรกมาหลายรอบจัด...)
เฮียว่าอยากจะฉลองวันเกิดให้ราติในวัน concert แต่กลัวว่าเสียงมันจะดังไปสำหรับเด็ก แล้วช่วงนี้ราติก็ยังถามเค้าบ่อยๆ ว่า ทำไมพ่อยุ่งจัง? (ก็ยุ่งเพราะทำงานหาค่านมให้นู๋ไงจ๊ะ....)
|
Create Date : 24 มีนาคม 2551 |
|
35 comments |
Last Update : 24 มีนาคม 2551 21:17:01 น. |
Counter : 1259 Pageviews. |
|
|
|
เพลงที่เปิดไว้หน้าที่แล้วเป็นเพลงที่ใช้ในงานการกุศลของ Ren Ji หน่ะ ไม่รู้ว่าจะเอามารวมอัลบั้มรึเปล่า ช่วงนี้เฮียยุ่งกะถ่ายหนัง ยังไม่มีวี่แววอัลบั้มเลยยังดีที่มีเพลงประกอบหนังออกมาให้ฟังพลางๆ