ใกล้จะถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่งแล้วค่ะ นั่นก็คือ "วันมาฆบูชา"
วันที่มีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งมาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
แต่วันนี้เราจะพาไปร่วมงานประเพณีตักบาตรสองแผ่นดิน ไทย-ลาว
ที่พระสงฆ์ และประชาชนทั้งไทยและลาว ได้นัดหมายกันนะคะ อิอิ
ประเพณีตักบาตรสองแผ่นดิน ไทย-ลาว จัดขึ้นทุกๆ ปีค่ะ 1 ปีจะจัดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น คือ 30 ธันวาคม ของทุกปี
ณ บริเวณ จุดรอยต่อชายแดน ไทย-ลาว โดยงานนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง แขวงไชยบุลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.)
กับ อ.ภูซาง จ.พะเยา ประเทศไทย
กับอีก 1 โบราณสถาน ที่เราอยากพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกันมากขึ้น
โบราณสถานเวียงลอ อ.จุน จ.พะเยา ที่พบหลักฐานการตั้งเมืองมากกว่า 900 ปี มีอะไรหลงเหลือให้เราเห็นกันบ้างนะ
มาติดตามชมการเดินทาง ในครั้งนี้ของเรากันได้เลยค่าาาา
การเดินทางในครั้งนี้เราเดินทางในช่วงเทศกาลหยุดยาวช่วงวันสิ้นปีค่ะ มีสองทางเลือกคือ ชับรถยนต์ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 10-12 ชั่วโมงจาก กทม. นานมากเหนื่อยมากด้วยฝ่าดงรถติดต่างๆ อีก เราเจอมาหมดล่ะ 555 กับอีกทางเลือกที่ใช้เวลาน้อยกว่ามากไม่เหนื่อยด้วย นั่นคือเดินทางด้วยเครื่องบิน 1 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น การเดินทางด้วยเครื่องบินในครั้งนี้จึงเป็นตัวเลือกของเราที่ต้องจองกันล่วงหน้า เลือกวันและเวลาที่เราสะดวกที่สุด
ในครั้งนี้เราเลือกใช้บริการของสายการบิน "นกแอร์" ค่ะ
ระหว่างที่ลอยฟ้าอยู่บนเครื่องบินแล้ว ตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่นั้นมือก็ไปค้นหนังสือที่เสียบตรงเบาะนั่งมาอ่าน
เห็นใบกระดาษหนึ่งบอกวิธีการเข้า Wi-Fi บนนกแอร์ลำนี้ด้วย แหม.. ตาตื่นทันทีค่ะ 555 เพราะเคยรู้มาว่า เครื่องบินนกแอร์บางลำมีฟรี Wi-Fi บนเครื่องด้วย ซึ่งเราก็ไม่เคยเจอมาก่อน วิธีการง่ายมากปรับสู่โหมดเครื่องบินและเปิดหา Wi-Fi ก็เจอค่่า เริดเลยยย
ได้ขนมทานบนเครื่องด้วย ได้เล่นเฟสบุ๊คบนเครื่องด้วย มันเริดดีอ่ะ 555
พอถึงสนามบินเชียงรายปุ๊ป เตรียมตัวออกหากินร้านโปรดของเรากันก่อนเลยค่า นี่เลยๆ บ่อกุ้งลุงสุบรรณ์ อยู่ อ.เทิง จ.เชียงราย
ซึ่งเป็นบ่อกุ้งและร้านอาหารในตัว ด้วยการนำกุ้งสดๆ จากบ่อมาย่างหอมๆ หรือจะสั่งเมนูอื่นด้วยก็ได้ เรากลับมาทุกครั้ง ต้องได้แวะทุกครั้ง
ร้านนี้ดูดเงินในกระเป๋าเราไปทุกครั้งที่มาพะเยา-เชียงราย
นอกจากกุ้งเผาจากเตาใหม่ๆ จะหอมแล้ว น้ำจิ้มของบ่อกุ้งลุงสุบรรณ์ก็อร่อยไม่แพ้กันค่า
ใครมาเที่ยวเชียงราย-พะเยา ลองแวะทานกันดูนะคะ เราแวะตลอด ราคากุ้งเผาก็ขึ้นตลอดด้วยเช่นกัน 555
ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2558 ซึ่งเป็นวันเริ่มงานประเพณีตักบาตรสองแผ่นดิน ไทย-ลาว
เราขับรถมุ่งเข้ามายังบ้านฮวก อำเภอภูซางกันแต่เช้าตรู่ ตื่นตั้งแต่ตี 5 ในหน้าหนาวเชียวนะคะ บรื้อออ
ใกล้ๆ กับโรงเรียนบ้านฮวกจะมีที่ฝากรถยนต์ และมีบริการรถสองแถวไปยังด่านชายแดนบ้านฮวก ซึ่งเป็นบริเวณที่ตักบาตรในเช้าวันนี้ค่ะ
บริการฝากรถฟรี และรถสองแถวที่มาบริการร่วมด้วยนั้น ก็ฟรีเช่นเดียวกัน
พอมาถึงช่วงรอยต่อด่านชายแดนไทย-ลาวจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมารออยู่กันก่อนแล้ว จำนวนมาก และมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งแต่ละคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันเพื่อร่วมประเพณีตักบาตรสองแผ่นดิน ไทย-ลาว ซึ่งเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ
และร่วมสืบสานประเพณีการทำบุญตักบาตร ให้คงคู่พระพุทธศาสนาและสังคมตลอดไป
ระหว่างที่นั่งรอและทำพิธีทางศาสนา ก็ชมวิวหมอกไหลกันไปเพลินๆ อย่างไม่รู้สึกเบื่อ
มันเพลินตามันสบายตา อย่างที่สุดแล้ว ณ เวลานี้
ได้มองหนุ่มๆ ให้เพลินตาอีกต่างหาก 555 หนุ่มๆทหารเขามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับงานอีกหลายนาย
พร้อมกับธรรมชาติตรงหน้า ฝั่งซ้ายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ และฝั่งขวาเป็นทมอกไหลบางๆ จากจางไป รวมทั้งผู้คนที่ยังคงหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย
พร้อมกับสิ่งของที่นำมาจากบ้าน ของตักบาตร หรือแม้ หากใครไมไ่ด้เตรียมมาตรงจุดนี้
ก็ยังมีร้านค้ามาขายของเพื่อใส่บาตรให้กับนักท่องเที่ยว ในราคามิตรภาพอีกด้วยนะคะ ขอบอกว่า เราเองก็เป็นคนหนึ่ง
ที่ไม่ได้เตรียมมา แต่อยากร่วมงานด้วย เราก็หาซื้อเอากับร้านค้าแถวๆ นี้ ถือว่าเป็นการช่วยกระจายรายได้ให้กับชาวบ้านได้อีกทางหนึ่ง ^^
ราวๆ ช่วง 8.00 น. หลังจากทำพิธีเสร็จแล้ว จะมีพระสงฆ์จำนวนสองร้อยกว่ารูปเดินเรียงมารับบาตรกันอย่างเนืองแน่น รวมทั้งประชาชน
และนักท่องเที่ยวที่อยู่บริเวณนั้น ลุกขึ้นมาร่วมภารกิจนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พร้อมด้วยความสุขใจ และสบายใจ
สำหรับตัวเราเอง นี่เป็นครั้งแรกค่ะ ครั้งแรกที่ได้มาร่วมงานประเพณีตักบาตรสองแผ่นดิน ไทย-ลาว ในครั้งนี้
กับความรู้สึกใหม่ๆ ทีก่อเกิดขึ้นมาคือ แน่นอนว่า เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ของสองประเทศไม่พอ
ได้เห็นความน่ารัก ความมีน้ำใจของคนไทยด้วยกันเองด้วย ทั้งที่บางคนก็ไมรู้จักกันมาก่อนแต่กลับมารอ
มาแบ่งปันพื้นที่ให้นั่ง มานั่งฝากเฝ้าของให้ระหว่างไปทำธุระส่วนตัวต่างๆ
ก่อนสิ้นสุดกิจกรรมประเพณนี้ ก็ยังมีภาพประทับใจ ระหว่างงานมาฝากกันด้วย
รวมทั้งภาพน่ารักๆ หลังสิ้นสุดงานตักบาตรฯ ที่เราเห็นแล้วอมยิ้ม และอดที่จะไม่กดชัตเตอร์มาฝากกันไม่ได้เชียวแหละค่ะ อิอิ
ถัดจากงานตักบาตรสองแผ่นดินไทย-ลาวมาแล้ว งานยังไม่ได้สิ้นสุดเพียงเท่านี้นะคะ ประมาณช่วงเวลา 11 .00 น. จะมีจัดงานต่อกันที่
บริเวณน้ำตกภูซาง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ น้ำตกที่สวยอีกแห่งหนึ่งของพะเยา
ที่มีบ่อน้ำซับอุ่นธรรมชาติผุดขึ้นที่นี่ เราจำไม่ได้แล้วล่ะว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงอายุขนาดนี้ เรามาเที่ยวน้ำตกแห่งนี้เกิน 10 ครั้งหรือยัง ^^
แต่สิ่งที่เราตั้งใจมาเที่ยวบริเวณน้ำตกในวันนี้คือแปลกกว่าทุกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ เพราะบริเวณสนามหญ้ารอบๆ น้ำตก
ถูกเนรมิตรให้เป็นงานแสดง การละเล่น และขายสินค้าของชนเผ่าชาวเขาต่างๆ รวมทั้งขนม และอาหาร ที่หากินยากจากพื้นบ้านอีกด้วย
ฝ้ายขาว ฝ้ายตุ่น ฝ้ายตุ่นนั้นไม่ต้องย้อมสีเป็นสีที่ได้จากธรรมชาติอยู่ในตัวฝ้ายเอง คือ เป็นสีกากีอ่อน ๆ หรือสีโอวัลติน
ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมวิธีทอผ้าไทลื้อ ที่เริ่มต้นแต่กระบวนการ ปลูกฝ่าย และผลิตเส้นใยกันเอง
ชาวไทลื้อในอดีตส่วนใหญ่นิยมปลูกฝ้ายไว้ทอใส่เอง ฝ้ายเป็นเส้นใยที่มีเสน่ห์ด้วยด้วยความงามที่เรียบง่าย
ปัจจุบันนี้มีการปลูกฝ้ายได้ลดลงบ้าง เพราะสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยแต่ก็ไม่ถึงกับหมดไปในหมู่บ้านไทลื้อยังมีใช้กันอยู่
ต่อมาได้จัดตั้งเครือข่ายขยายการปลูกฝ้าย ผลิตเส้นใย บางหมู่บ้านก็ทอผ้าและย้อมสีด้วยวัสดุธรรมชาติที่เหลือใช้ในท้องถิ่นซึ่ง
ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด
ถัดจากดูแสดงสาธิตทอผ้าไทลื้อแล้วต้องมาดูของกินกันค่ะ คือเพียบเลย แต่เราถ่ายรูปมาให้นิดเดียว 555
ภาพบนคือ ข้าวควบ ภาษาพื้นเมืองเหนือ ซึ่งเป็นหนึ่งในขนมพื้นบ้านล้านนา ที่ภาษากลาง เรียกว่า ข้าวเกรียบว่าว หรือ ข้าวปอง
เป็นขนมพื้นบ้านที่มีมานานมากตั้งแต่เราจำความได้ล่ะ ย่างไฟกันสดๆ ให้กินเลยค่ะยิ่งออกจากเตาใหม่ๆ นี่จะหอม กรอบมาก
ด้านล่างก็จะเป็นข้าวเกรียวว่าวงาดำ ความอร่อยสำหรับเราที่บอกได้คือ ยิ่งกรอบใหม่ ยิ่งอร่อยนะคะ
เมื่อเดินสายกินขนมมาเยอะแล้วคอแห้งล่ะคราวนี้มาที่ซุ้มขายกาแฟบ้าง เป็นกาแฟชาวดอย พะเยา เห็นชื่อเรียกงี้นะคะ
แต่ตอนนี้เราไมไ่ด้สนกาแฟ เราสนสาวชาวเขาแก้มใสๆ เหล่านี้มากกว่า ยิ่งทำให้เราการันตีได้ว่า สาวพะเยาหน้าตาดีจริงๆนะเออ 555
น้องคะๆ พี่ของถ่ายภาพด้วยหน่อยนะ อิอิ ต้องเสียเงินด้วยไหมเนี่ยถ่ายกับชาวเขา สำหรับเราน่ะไม่รู้แหละ
แต่เราเสียเงินค่า คาปูชิโน่ 1 แก้วมาดื่มแทน
งานนี้มีโต้โผใหญ่อย่าง คุณศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาและภริยา มาเป็นประธานในการเปิดงาน
ประจำปีในครั้งนี้ด้วยค่ะ ถูกต้อนรับด้วยการให้นั่งรถล้อลาก กันอย่างครื้นเครง เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มกันไปทุกๆคน ^^
คราวนี้ก็มาช่วงสำคัญของงานนั่นคือการแสดง ฟ้อนรำของชาวเขาเผ่าต่างๆ
ของพี่้น้องชาวอำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ในชุดพื้นเมืองและชุดเผ่าหลากสีสัน
เวทีไม่มี เต้นกันมันส์ๆ ให้ดูตรงสนามหญ้าเขียวๆ นั่นเลยค่า
ชุดนี้ป้าๆ รุ่นดึกเค้ายังแรงดีไม่มีตกเต้นกันอย่างครื้นเครง น่าจะเป็นนักเต้นประจำหมู่บ้านนะคะ
ดูเอาเหอะ ขนาดเด็กๆ ยังมองตาค้างกันเลย อิอิ
แต่สิ่งที่เราชอบมองที่สุด คืออะไรรู้มั้ย... เครื่องประดับที่ชุดของชาวเขาเผ่าต่างๆ ค่ะ เป็นเงินสีงามมาก
ห้อยอยู่ตามตัว ของชุดแบบต่างๆ
สักครั้งในชีวิตนะ ที่เราเชื่อว่า สาวๆ หลายคนที่มาเยือนถึงถิ่น อยากแต่งชุดแบบนี้เหมือนกัน
ด้วยความสวยและมีเสน่ห์ของชุดชาวเขาแล้ว ยังเป็นชุดที่ใครๆ อยากถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันอีกด้วย
เมื่อมาเยือนถึงถิ่นแล้ว ขอบอกว่าชุดพื้นเมืองและชาวเขาจะมีที่ศูนย์จำหน่ายของที่ระลึกบริเวณตลาดบ้านฮวกก็มีนะคะ
รู้อย่างนี้แล้ว ครั้งหน้าวางแผนเตรียมตัวกันแน่เนิ่นๆ เล้ยยยย
พิกัดต่อไป เราจะพาทุกๆคนไปรู้้จักกับ โบราณสถานเวียงลอ
เมืองโบราณที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เมืองหนึ่งในเขตภาคเหนือ
ที่หลายคนอาจยังไม่รู้จัก หรือไม่คุ้นเคย
โบราณสถานเวียงลอ พบหลักฐานการตั้งเมืองมากว่า 900 ปี หรือ ตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 17
ในฐานะเมืองหน้าด่านหนึ่งของอาณาจักรภูกามยาวหรือเมืองพะเยา
โบราณสถานเวียงลอที่เราพามาชมในวันนี้ตั้งอยู่ที่บ่้านลอ ต.ลอ อ.จุน จ.พะเยา
ซึ่งภายในตัวเมืองและนอกเมืองจะมีวัดร้าง ซากปรักหักพังกระจายอยู่มาก ที่ๆ เราขับรถไปเห็น
ตามคำบอกทางของชาวบ้านนั่นคือซากเก่าๆ แทบติดดิน หญ้าป่ารก กระจายตัวตั้งอยุ่ระหว่างหมู่บ้าน
เราก็ไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วยนะ คือตามไปดูไปเห็นด้วยตาตัวเองมาจริงๆ ค่ะ และเชื่อว่าสภาพแบบนั้นยังไม่ได้ผ่านการบูรณะมาอย่างแน่นอน
ยกเว้นภายในวัดแห่งนี้นะคะ น่าจะผ่านการบูรณะมาแล้วก็ได้ แต่ยังคงรักษารูปแบบเดิมไว้
ปัจจุบันที่ยังมีความเกี่ยวโยงกับอาณาจักรล้านนา ในฐานะเมืองกันชนของล้านนากับสุโขทัย
ดังนั้นสถาปัตยกรรมของวัดวาอาราม และโบราณสถานในเมืองเวียงลอนี้จึงมีลักษณะร่วมของทั้งสองอาณาจักร
ช่วงที่เราไปเยือนโบราณสถานแห่งนี้เป็นช่วงสิ้นปีค่ะ เห็นว่าจะมีการจัดงานบุญอะไรสักอย่าง คล้ายๆสืบชะตา
จึงมี สายสิญจน์ระโยงระยาง และมีอุปกรณ์ทำพิธีร่วมอยู่ด้วยอีกหลายชิ้น
หรือแม้แต่ เด็กน้อยมาเฝ้าวัดด้วย จ้องกันๆ อย่างไม่กระพริบแหน่ะ อิอิ
เจดีย์วัดศรีปิงเมือง ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันของกำแพงเมือง มีเจดีย์รูปแบบศิลปะล้านนาผสมผสานศิลปะสุโขทัย
องค์เจดีย์ค่อนข้างสมบูรณ์ ด้านหน้าปรากฏพระวิหารซึ่งสร้างอยู่บนฐานรากของพระวิหารเดิม
เจดีย์แห่งนี้เคยมีข่าว ทรุดมาหลายต่อหลายครั้้งแล้ว เนื่องจากมีอายุหลายร้อยปี
และได้มีการบูรณะมาหลายครั้ง ให้คงสภาพเดิม
ด้านหลังวัดศรีปิงเมือง หนึ่งในโบราณสถานเวียงลอจะเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน นั่นคือแม่น้ำอิง
ซึ่งเป็นน้ำที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์มาหลายเรื่องราว
และใกล้ๆ กันจะมีพระพุทธรูปโบราณ และซากปรักหักพังที่ถูกเก็บไว้ในอาคารให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาอีกจำนวนมาก
ของเก่าทุกชิ้นถูกเก็บไว้ในตู้อย่างดี และเก็บไว้ในอาคารกันแดดกันฝนอีกชั้นหนึ่ง ยังมีโครงกระดูกมนุษย์ที่วัดได้มีความสุขกว่า 2 เมตรนอนหนุนดาบ
พร้อมทั้งไหฝังสมบัติที่ถูกขุดพบได้ในอำเภอจุน ถูกนำมาเก็บรักษาไว้อย่างนี้ ณ ที่แห่งนี้ด้วย
เพื่อให้คนรุ่นหลังอย่างเราๆ ได้มาศึกษาเรียนรู้
โลกแห่งการเรียนรู้ ที่เกิดจากการเดินทางในทุกๆครั้ง ของเรา นำซึ่งมาสู่การแบ่งปัน
ที่เราชื่อว่าการที่เราได้ไปเยือนจังหวัดพะเยา ได้เข้าร่วมประเพณีตักบาตรสองแผ่นดินไทย-ลาว ได้เยือนโบราณสถานเวียงลอ
ในครั้งนี้จะทำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักอีกมุมมองหนึ่งของจังหวัดพะเยากันมากขึ้น ที่ไม่อาจเรียกได้ว่า เป็นจังหวัดเมืองผ่านกันอีกต่อไป.
RinSa YoyoLive
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ Rinsa Yoyolive เรียบร้อยแล้วนะคะ