บล็อก นี้อาศัยการโยนหัวโยนก้อยเลือกทำค่ะ หลังจากคิดอยู่หลายตลบว่าจะอัพบล็อกไหนก่อนดี ช่วงนี้ แบบว่า สต็อกเยอะ ดองนานไม่มีเวลาทำบล็อกอีกต่างหาก อ้างไถไปนู้น จริงๆบล็อกนี้มีรูปให้เลือกไม่มาก จึงเกิดการโป๊ะเช๊ะเลือกหยิบขึ้นมาทันที ส่วนบล็อกเที่ยวอื่นๆ อาจจะเก็บใส่ลิ้นชักไว้ดูคนเดียวดีกว่า เพราะเวลาผ่านไปนานแล้ว ไม่ทันสมัย ว่างั้น อิอิ คำขวัญเมืองแพร่ "หม้อฮ้อมไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม" ไฮไลท์ของบล็อกนี้เราจะพาไป 2 ที่่ค่ะ คือ พระธาตุช่อแฮ และ แพะเมืองผี เราบอกกับน้องมังกรว่า แม่จะพาไปดูผีนะ ตื่นเต้นกันใหญ่เลย แต่พอไปถึงแล้วจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องตามอ่านตามชมบรรยากาศกันเองค่า โย่ว.. ครั้งนี้ เราขับรถมาจากกรุงเทพฯค่ะกะจะหาเที่ยว ชิล ชิล แวะตามรายทาง ก่อนถึงบ้านที่พะเยา แต่ก็แวะนานไปหน่อยที่พิษณุโลกคืนหนึ่ง ก่อนที่จะขับรถไป ถึงแพร่เอาตะวันเกือบจะตรงหัวแระ ไม่รู้หรอกว่าจะแวะไหนก่อนดี อาศัยป้ายตามข้างทางอีกแล้ว เอาแค่ที่ขับไม่เลยนะคะ อิอิ ที่ขับเลยไปแล้ว ไม่คิดจะขับรถย้อนกลับไปหรอกน่า มาจ๊ะเอ๋ กะที่นี่ วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง วัดศักดิ์สิทธิ์ เก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองของชาวแพร่ และเป็นวัดประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีขาล แวะเข้าไปชมกัน จอดรถหน้าร้านกาแฟโบราณร้านหนึ่ง หันมองเบาะหลังอ้าว!! เจ้าตัวเล็กหลับสนิท เราจึงถือโอกาสขึ้นไปไหว้พระคนเดียวล่ะกัน ฮึบๆ ขึ้นไปถึงเขตพระธาตุแล้ว โอ้ววววว อยู่ระหว่างการบูรณะค่ะ เราจะเก็บภาพมุมไหนก็ติดนั่นติดนี่ไปหมด จริงๆ ก็คือหามุมไม่เป็นนั้นแหละคะ ไม่ว่าจะเลนส์อะไรก็แล้วแต่ ถอยหลังมาก็ชนกำแพงหมด เลยได้ภาพมาแบบเห็นสภาพการบูรณะแบบสดๆ นี่แล้วกันนะคะ อิอิ จริงๆกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ พระธาตุช่อแฮได้ผ่านการบูรณะมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว เพราะสร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ 1879 - 1881 ในสมัยที่พระมหาธรรมราชา (ลิไท) ยังเป็นพระมหาอุปราชซึ่งครองเมืองศรีสัชนาลัยอยู่ในครั้งนั้น พระองค์โปรดให้สร้างสถานที่สำคัญทางศาสนาตามที่ปรากฏในพุทธประวัติในที่ต่าง ๆ รวมทั้งที่เมืองแพร่ซึ่งอยู่ในขอบขัณฑสีมาของกรุงสุโขทัย พระมหาธรรมราชาลิไทพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุแก่ขุนลัวะอ้ายก้อมให้นำมา บรรจุไว้ในฐานเจดีย์ เมื่อขุนลัวะอ้ายก้อมมาถึงบริเวณดอยโกสิยธชัคคะเห็นว่าทำเลดีจึงสร้างเจดีย์ ขึ้น และนำผอบพระบรมสารีริกธาตุบรรจุบรรจุไว้ในสิงห์ทองคำ สร้างแท่นที่ตั้งผอบด้วยเงินและทอง แล้วตั้งสิงห์ทองคำไว้โดยโบกปูนทับอีกชั้นหนึ่ง หลังจากนั้นก็จัดงานบำเพ็ญกุศลเฉลิมฉลอง 7 วัน 7 คืน ภายหลังเมืองแพร่ถูกรวมเข้ากับอาณาจักรล้านนาไทยกษัตริย์ล้านนาก็ทรงได้ทะนุ บำรุงพระธาตุช่อแฮตามลำดับ จนกระทั่งราชวงศ์นี้หมดอำนาจลง พระธาตุช่อแฮก็ทรุดโทรมเป็นอันมากจนล่วงมาถึง พ.ศ. 2467 พระครูบาศรีวิชัย (หรือตุ๊เจ้าวัดบ้านปางจังหวัดลำพูน) ได้เป็นประธานบูรณะ ปฏิสังขรณ์พระ ธาตุร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดแพร่ และมีพระมหาเมธังกร (พรหม พรหมเทโว) อดีตเจ้าคณะจังหวัดแพร่ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในการบูรณะปฏิสังขรณ์ จนทำให้พระธาตุช่อแฮกลับมา มีความงดงาม และเป็นแหล่งเชิดหน้าชูตาของจังหวัดแพร่ และเป็นแหล่งเชิดหน้าชูตาของจังหวัดแพร่ (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย)
เราเดินเก็บภาพไว้ได้ไม่มากค่ะ ไหว้พระเสร็จ ก็เดินดูนั่นนี่สักพัก เห็นมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากันเป็นกรุ๊ปทัวร์รถบัสหลายคันเลยทีเดียว จากภาพเป็นนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีคนหนึ่งกำลังหยอดเหรียญทำบุญ ในขณะที่นักท่องเที่ยวอื่นๆ พากันไปขอพรกันที่พระเจ้าทันใจเสียส่วนมาก
ไหว้ พระเสร็จ เราเดินกลับไปที่รถมองหาของกินต่อละค่า โย่ววว ~ มังกรตื่นมารอที่ร้านแล้ว มาเมืองแพร่ไม่ซื้อหมูยอห่อใบตองก็กระไรอยู่นะ เพราะของเค้าอร่อยจริงไรจริง แกะง่ายด้วย เข้าปากหมดในพริบตา 12 ห่อ 100 บาท พากันกินๆ ในรถหมดแระ น้องมังกรบอกว่า ชอบมากกกกก พรุ่งนี้จะมาซื้ออีกนะ แกบอกกับพ่อค้าอย่างนี้ อย่างกะว่าบ้านอยู่ใกล้ๆนี่อ่ะตะเอ้งงงงง ขนมกลีบลำดวนนี้เราแบบว่าไม่ได้เชียร์นะคะ แต่ชื่อกล่องมาจากบ้านประทับใจ ด้านหลังกล่องเขียนไ้ว้ด้วยว่า เปิดให้เข้าชมบ้านเก่าโบราณๆ เสาไม้สักที่ใหญ่ที่สุดด้วยน้า อันนี้เราสนใจมากกกกก ตอนขากลับ ก็คิดว่าจะไปให้ได้ แต่เวลาอีกแล้วไม่พอ เอาภาพกล่องขนมที่เราซื้อมานี้ไว้เตือนตัวเองก่อน ว่าคราวหน้าต้องไม่พลาดๆ อิอิ พิกัดพระธาตุช่อแฮ 18.086363,100.204149 พระธาตุช่อแฮ ในการเดินทางของเราวันนั้น เรามุ่งหน้าเส้นทางหลวง 101 ระหว่างจังหวัดแพร่-น่าน จะมีป้ายเข้าแยกเข้าถนนช่อแฮเข้าไปประมาณ 9 กิโลเมตรก็จะเจอศาลาทางเข้าหน้าพระธาตุหลังใหญ่สะดุดตาเห็นมาแต่ไกล พิกัด แพะเมืองผี 18.184997,100.246696 ออกมาจากถนนเส้นเดิมค่ะ คือทางเหลวงสาย 101 มุ่งหน้าสู่จังหวัดน่าน ห่างจากตัว จังหวัดแพร่ไปประมาณ 7 กม. จะมีทางแยกขวามือไปวนอุทยานแพะเมืองผีอีก 3 กม. เข้ามาไม่ลึกมาป้ายบอกทางชัดเจนมาก สำหรับเรานะ ไม่มีหลงทางหรอก อิอิ ~ ถึงแล้วค้าบ แพะเมืองผี นี่คงเป็นผีตัวแรกใช่ป่าวค้าบ??? ตะวัน จะตรงหัวกันแล้ว แดดร้อนมากกกก พวกเรารู้งานกันนะนั่น หมวกเอย ร่มเอยคนละอันสองอัน เดินดุ่มๆเข้า ไป(ไม่เก็บค่าเ้ข้าชมค่ะ) โดยมีมังกรเป็นแม่ทัพผู้นำกันหลง อิอิ วนอุทยานแพะเมืองผี คือ พื้นที่ ที่มีลักษณะของดินพังทะลายโดยกระแสน้ำ ทำให้เกิดดินหน้าตาปะหลาดๆ ขึ้นมาหลายจุด จนเกิดการอนุรักษ์ในเวลาต่อมา เราว่าอาจจะดูธรรมดาๆ นะ อยู่ที่ว่าใครจะหาภาพ หามุมภาพกันอย่างไร ส่วนเรา หาไม่เป็นค่ะ บอกตรงๆ เลย อยากถ่ายไหนก็ถ่าย ไม่รู้ถ่ายกันยังไงด้วย เสาดิน เต็มไปหมด ส่วนมังกรก็ถาม แม่ๆ เจอผียัง >"<
ประวัติความเป็นมา ที่เราขอคัดกรองออกบ้างนะคะ วนอุทยานแพะเมืองผี ไม่มีใครทราบประวัติเป็นที่แน่นอนแต่ได้เล่าสืบทอดกันมาว่า แต่ก่อนบริเวณป่าแห่งนี้ เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ เล่ากันว่า มีหญิงชราคนหนึ่งซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ ย่าสุ่ม ” เข้าไปหาผัก หน่อไม้ เป็นอาหาร แต่หลงป่าแล้วไปพบหลุมเงิน ทองคำ จึงได้นำเงิน และทองคำ ใส่ถุงแล้วเตรียมหาบจะกลับบ้านเสร็จแล้วเกิดหลงป่าอีก โดยไม่สามารถนำเอาหาบเงิน ทองคำ ออกมาได้ ย่าสุ่มจึงวางหาบจะกลับบ้านเสร็จแล้วเกิดหลงป่าอีก โดยไม่สามารถนำเอาหาบเงิน คำ ออกมาได้ ต่อมาออกจากป่าจนถึงบ้านและเดินกลับไป จึงได้ชักชวนชาวบ้านให้เข้าไปด้วยปรากฏว่า ชาวบ้านก็ได้ติดตามย่าสุ่มเข้าไปถึงจุดที่ย่าสุ่มวางหาบไว้แต่ไม่พบเงินและ ทองคำ ในหาบแต่อย่าง ใด ไม่รู้ว่าหายไปได้อย่างไร (เหมือนเรื่องเด็กเลี้ยงแกะเลยนะเนี่ย อิอิ) ชาวบ้านจึงขนานนามสถานที่นั้นว่า “ แพะย่าสุ่มคาดราว ” และได้ช่วยกันค้นหา พบรอยเท้าคนเดิน ย่าสุ่ม และชาวบ้านได้เดินตามรอยเท้าเหล่านั้นไปจนกระทั่งมาถึงพื้นที่ซึ่งชาวบ้าน ขนานนามว่า “ แพะเมืองผี ” ภาษาพื้นเมืองทางภาคเหนือคำว่า “แพะ ” ในที่นี้หมายถึงป่าแพะนั่นเอง ส่วนคำว่าเมืองผี และเพราะความเร้นลับตามเรื่องราวที่เชื่อถือเล่าสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน นี้ก็อาจเป็นได้ ~ หาผียังไม่เจอมังกรขอเก๊กหล่อก่อนนะค้าบ เก็บภาพและเดินชมกันเป็นที่พอใจแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อ เพราะอากาศร้อนมากกกก ดูจากฟ้าใสขนาดนี้ ทำเอาเหม่งๆ เงาไปตามๆ กัน อิอิ
ส่วนมังกร บอกกับเราว่า "เซ็งเลย ไม่เห็นมีผีสักตัว"
กับบอลลูนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เมื่อบล็อกเกอร์ นิคเนม RinSa YoyoLive
ถูกรับเชิญให้ขึ้นไปนั่งบอลลูนยักษ์
ชมวิว 360 องศาแห่งเมืองพัทยา
เราจะมาเล่าประสบการณ์ครั้งแรกนี้ให้ฟัง
บล็อกหน้า ที่นี่แน่นอนค่า