การเดินทางในครั้งนี้เราไปกับสายการบินแอร์เอเชียค่ะ เจ้าของวลีฮิตติดปากว่า "ใครๆ ก็บินได้" ซึ่งในแต่ละวันจะมีเที่ยวบิน เวลาให้เลือกตามความสะดวกของแต่ละคนมาก เราเลือกเดินทางในวัน ศุกร์เย็น ซึ่งเป็นศุกร์สิ้นเดือนซะด้วย ใครเดินทางเวลานี้ต้องเผื่อเวลากันหลายชั่วโมงหน่อยนะคะ เพราะรเราใช้ระยะเวลาจากบ้านไปสนามบินก็นานมาก ลุ้นตลอดกับเส้นแดงๆ ของรถติดสิ้นเดือน 555
ยิ่งช่วงนี้สนามบินดอนเมืองมีอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 เปิดใหม่ เราชอบมาก
ชอบตรงไหน ชอบที่ไม่ต้องเดินไปเกตไกลค่ะ เข้าเช็คอินรับบอร์ดดิ้งพาสแล้วเดินเข้าเกตใกล้มาก ที่สำคัญคือ ไม่ต้องวิ่ง !!!
พอเข้ามาในเครื่องบินกรี๊ดกร๊าดดด กับข้าวเหนียวไก่ยาง และข้าวเหนียวมะม่วงข้าวเหนียวมะม่วงนี่ของโปรดเราเลยค่า
คือเรายังไม่ได้ทานข้าวเย็นมาด้วย มัวแต่ลุ้นรถติดว่าจะมาทันเวลาไหม สุดท้ายก็ได้มาอยู่บนฟ้า
ได้กินข้าวเหนียวมะม่วงบนอากาศด้วยนะ เท่มากกกก 55 อร่อยด้วย
ทริปนี้เราตั้งใจจะพาหนุ่มน้อย (น้องมังกร) วัย 7 ขวบไปด้วยค่ะ น้องมังกรยังไม่เคยไปเที่ยวภูเก็ต ยังไม่เคยได้สัมผัสกับเกาะรอก
เราอยากเพิ่มประสบการณ์ เพิ่มการเรียนรู้ธรรมชาติทางทะเลให้กับเด็กคนนี้ ต่างก็ตื่นเต้นกันมาหลายวันก่อนออกเดินทางแล้วนะ 555 ^_____^
ดอนเมือง ภูเก็ตใช้เวลาบินราวๆ 1.30 ชั่วโมงค่ะ แต่เราใช้เวลาจากบ้านไปยังสนามบินดอนเมืองนานกว่านี้อีกนะคะ ใครเป็นเหมือนเราบ้าง 555
หลังจากที่เราลงภาพเกาะรอกไว้ในเพจนานแล้ว มีหลังไมค์มาสอบถามเราว่าถ้านั่งเครื่องบินมาตอนเช้าแล้วให้รถตู้มารับไปยังท่าเรือเกาะรอกได้เลยมั้ย
สำหรับเรา เอาตรงๆ ก็คือ ไม่แนะนำนะคะ เพราะระหว่างสนามบินและท่าเรือซึ่งอยู่แถวๆ แหลมพันวาเนี่ยไกลกันพอสมควรนะคะ เราแนะนำให้จองที่พักค้างคืนกันก่อนดีกว่า พักสบายๆ ตอนเช้าค่อยไปเกาะรอก ดูจะโอเคกว่ามากไม่ต้องรีบร้อน เที่ยวกันอย่างสบายใจอีกด้วย
หลังจากบินมาถึงดึกๆ เราก็มาถึงที่พักใน 2 คืนนี้ค่ะ ที่โรงแรม Amatara Resort & Wellness โรงแรมระดับห้าดาวที่อยู่แถวแหลมพันวา
คือสวยมากกก เมื่อเปิดห้องเข้าไปแล้ว ร้องเลย โอ้โห!!!
ห้องพักกว้างขวาง แยกแต่ละโซนอย่างชัดเจน เปิดระเบียงออกไปมองเห็นทะเล ภาพที่เราเก็บมาให้ดูนี้ถ่ายตอนกลางคืนเพิ่งมาถึงตอน 5 ทุ่มกว่าๆ ค่ะ ตอนกลางวันจะสวยไปอีกแบบนึง เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่ชอบมาก ทั้งการบริการและเครื่องอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก
ที่จะมีให้อย่างครบถ้วนจริงๆ ค่ะ
แม้แต่โซนห้องน้ำ จะแยกโซนเปียกโซนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจนมากก ห้องน้ำนี่ใหญ่พอกะห้องนอนเราที่บ้านเลยนะเนี่ย 555 พร้อมอ่างอาบน้ำที่สามารถเปิดม่านแล้วมองเห็นวิวทะเลได้อย่างเต็มๆ ตา (ถ่ายติดคนกะลังเล่นน้ำมาด้วยนะ 555) ม่านเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้าค่่ะ
คืนนี้เลยนอนสบายทั้งคู่ ตื่นมาท้องฟ้าวันนี้สว่างโร่อยางยินดี เสมือนต้อนรับพวกเราจะไปเที่ยวเกาะรอกกันแล้วน้า
ขอออกตัวก่อนนะคะ ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสมาเที่ยวกับเลิฟอันดามัน เราไม่เคยไปเลยทั้งเกาะตาชัย ทั้งสิมิลัน หรือสุรินทร์ ที่ผ่านมาส่วนมากอ่านจากรีวิวในโซเชียลทั้งนั้นค่ะ ครั้งแรกของเรากับเลิฟอันดามันก็พาลงเกาะรอก บอกได้เลยค่ะวา ดีใจมากกก ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทริป หลังจากที่รู้จักและติดตามเป็นแฟนเพจเลิฟอันดามันมาหลายปี และได้เห็นความเจริญเติบโตของเลิฟอันดามันมาโดยตลอดที่จะเรียกว่าได้ครองส่วนแบ่งการตลาดจากการทำทัวร์ทางน้ำมากที่สุดในภาคใต้ก็ว่าได้ เพราะอะไรเลิฟอันดามันถึงได้โตไวมากเพียงนี้ อันนี้เราวิเคราะห์เองนะคะ เพราะฝ่ายบริหารอย่างคุณสตางค์ที่เป็นบิ๊กบอสใหญ่ของที่นี่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่แบบกล้าได้กล้าเสีย กล้าที่จะลองทำ รวมทั้งมีการทำตลาดออนไลน์ ยิ่งโหมกระหน่ำแชร์กันไปอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น เมื่อหัวดี ทีมงานก็เข็มแข็งด้วยย่อมเพิ่มองค์ประกอบความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
เอาล่ะค่ะหลังจากที่เกริ่นถึงเลิฟอันดามันในความคิด ความรู้สึกเรามาแล้ว คราวนี้ก็เดินทางสูู่เกาะรอกกันจ้าาาา
ซึ่งท่าเรืออยู่ที่ภูเก็ต ใกล้กับโรงแรมที่พักเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้นเอง เรือออกกันแต่เช้าเลย ราวๆ 8 โมงเช้า
ถ้าออกสายคลื่นจะสูง ขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาลด้วยนะคะ
ใช้เวลาอยู่ในเรือสปีดโบ๊ทขนาดใหญ่ที่จุคนได้กว่า 40-50 คนนะ เราไม่ได้นับอะรู้ว่าทริปนี้ไปกันเยอะจริงๆค่า พุ่งไปกันเล้ยยย ใช้เวลาจากท่าเรือภูเก็ตไปยังเกาะรอก 1 ชั่วโมง 45 นาที คือบอกตรงๆว่า นานเอาเรื่องเหมือนกันนะคะ แต่ทั้งนี้ธรรมชาติที่อยู่ไกลผู้คน ย่อมสดและสวยงามเสมอ จริงมั้ย !!!
นู๊นไงๆๆ เกาะรอก ขาวมาแต่ไกล ^^
เมื่อดูภาพมุมสูงจากกูเกิ้ล map จะเห็นรูปร่างของเกาะรอกมีรอยแหว่งๆ อยู่ตรงกลางด้วยนะคะ ส่วนที่เรือของเลิฟอันดามันจะไปจอดเทียบจะอยู่ฝั่งบนเพราะเป็นทำเลที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ของเกาะรอกด้วย เมื่อท้องฟ้า ท้องน้ำ เบ่งบานรับเป็นสีเดียวกัน หลังจากที่เรือจอดนิ่ง วินาทีนั้นคือ ทุกคนเงียบกริบมองวิวตรงหน้าอย่างชื่นชม ถึงความขาว ถึงความใสของท้องทะเล ที่สามารถเห็นแนวปะการังได้อย่างชัดเจน
เย้!!! ผมมาถึงเกาะรอกแล้วคร๊าบบบบบบบ
ความสุขของเด็กชายวัย 7 ขวบได้เริ่มขึ้นแล้ว หลังจากได้สัมผัสทรายขาวๆ นุ่มเท้าที่เกาะรอกเป็นครั้งแรก
พากันทะยอยลงจากเรือมาแล้วค่า ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ของเลิฟอันดามัน ดูแลความปลอดภัยให้เป็นอย่างดี
รวมทั้งไกด์ประจำทริปด้วย ที่เราเชื่อว่า ถูกเทรนนิ่งมาอย่างดีเช่นกัน จะเป็นเฟรนลี่ กับทุกคนมาก สร้างสีสันให้กับทริปได้เป็นอย่างดี
กับเหล่าบรรดาขุนพลผู้ร่วมทริป กว่า 30+ ชีวิต และสปอนเซอร์ของทริปนี้ ทั้ง แอร์เอเชีย เลิฟอันดามัน และ โรงแรม Amatara Resort & Wellness
ที่ได้มาร่วมออกทริป ร่วมกิจกรรมกันที่เกาะรอกแห่งนี้ หลายคนรู้จักกันมาหลายปี แต่ไม่เคยเห็นตัวจริง
หลายคนรู้จักกันแต่ไม่่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันเลย และอีกหลายคนที่ไม่เคยรู้จักกัน ได้มารู้จักกันครั้งแรกในทริปนี้ด้วย
ต่างก็เฮฮา ปาจิงโก๊ะกันไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มตลอดทั้งทริป
มีการปล่อยเต่ากลับสู่ทะเลอีกต่างหาก เค้าว่ากันว่า ใครปล่อยเต่านี่ชีวิตจะยืนยาวเหมือนเต่านะคะ
เราเพิ่มให้อีกหนึ่งว่า ปล่อยเต่าแล้วหน้าตาจะดีขึ้นเรื่อยๆค่า อิอิ
เดินสำรวจความขาวของเกาะรอกกันต่อค่ะ ทรายนุ่มๆ ละเอียดขาวๆ ที่นุ่มเท้าที่ทำให้เราเดินได้อย่างไม่ต้องระวังสิ่งแปลกปลอม
ทั้งทัองฟ้า ที่ต่างก็เป็นใจ สร้างสีสันให้เหลือเกิน ณ วันนั้น
โลกของการเรียนรู้ ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ณ เกาะรอก เชื่อมั้ยค่ะว่าตลอดทริปนี้น่ะ เด็กชายมังกรนี่แหละ เพลินและลัลล๊ามากกก
แต่เดี๋ยวนะ ไม่ใช่แค่น้องมังกรสิที่ลัลล๊า
คนอื่นก็ไม่แพ้กันค่ะ 555
เกาะรอก ความขาวจงบังเกิด กระโดดได้กระโดดดี กระโดดอย่างสูง เพราะอะไร เพราะเราลัลล๊ากันอย่างขีดสุดนั่นเอง
นานๆ ทีได้ออกมาปล่อยแก่ไง 555
บอกเลยว่า ไม่ใช่มีแค่เราจิ้งงงงง เมื่อทุกคนที่ได้ลงมาสัมผัสกับเกาะรอก สัมผัสกับความ สวยสดของธรรมชาติ สัมผัสกับความใสสะอาดของท้องทะเล
มีเหรอจะอดใจไหว ทูพีชสิคะ ทูพีช โย่วววววววววว
ตัดฉับกับมาเรื่องของกินบ้างล่ะค่าา เลิฟอันดามันจัดให้ นี่คือเกาะนะตัวเธอ ทั้งอาหารการกินนี่เหมือนกับโรงแรมค่ะ บุฟเฟต์อาหารกลางวันแบบไม่อั้น
มีเติมให้ตลอด และเลิฟอันดามันไม่มีนโยบายที่จะทิ้งขยะบนเกาะด้วย ขนมาได้ก็ต้องขนกลับไปทิ้งด้วยเช่นกันค่ะ
แบบนี้แหละคะ เลิฟรักษ์โลก อิอิ
เราไม่ได้ถ่ายไลน์อาหารมานะคะ แต่ภาพที่เราอยากสื่อลงนี่สิ คุณสตางค์ (คนกลาง) บิ๊กบอสของเลิฟอันดามันมาเองเลยในทริปนี้ เพิ่งเคยได้เจอหน้าคุณสตางค์วันนี้ล่ะค่า คือเราไม่รู้จักกันมาก่อนนะคะ ไม่เคยคุยกันมาก่อนด้วย แต่รู้สึกได้เลยว่า คุณสตางค์เป็นเฟรนลี่กับทุกคนมากเลยนะคะ คอยเทคแคร์และตักอาหารให้สมาชิกในทริปด้วยตัวเองอีกต่างหาก เรากลับจากทริป ก็มาซุปซิบกับเพื่อนๆ ว่าเห้ย เขาเป็นบิ๊กบอสนะ เขามาดูแลด้วยตัวองอีกต่างหาก เฟรนลี่มากด้วย สรุปว่าทุกคนประทับใจ และมีความคิดเห็นเหมือนกันจริงๆ ค่า เป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่เรามีต่อเลิฟอันดามัน
ช่วงภาคบ่ายหลังอาหาร โลกของการเรียนรู้บนเกาะยังไม่หมดเพียงแค่นี้ค่ะ จะแบ่งเป็นกลุ่มกันสองกลุ่มว่า ใครอยากไปดำน้ำ
ก็ไปกับเรือจะพาไปยังจุดดำน้ำ ส่วนใครอยู่บนบกเล่นน้ำ เดินเล่นพักผ่อนต่อที่นี่ ก็ย่อมได้ เราเป็นอีกหนึ่งคนในนั้นที่ไม่ได้ไปดำน้ำกะใครเขา
เพราะเราดำน้ำไม่เป็น ใช้สน็อคเกิ้ลก็ยังจมเลยค่า พอกลับมาเห็นเพื่อนๆ อัพภาพใต้น้ำกันล่ะ โหๆๆๆๆ แน่นอนว่ารีวิวของเราในวันนี้ไม่มีภาพใต้น้ำเหมือนของคนอื่นเขานะเออ ซึ่งภาพใต้ำน้ำ จุดดำน้ำของบริเวณกาะรอกนั้น แนวปะการังสดมาก น้ำใส เห็นปลาแหวกว่ายไปมา
นั่นเป็นอีกหนึ่งความคิดหลังจากกลับจากทริปนี้มา เรายากไปเรียนดำน้ำในทันที เพื่อที่จะได้มีโอกาสที่จะไปดูปะการังด้วยตัวเองอีกครั้ง!!
ส่วนคนที่อยู่บนเกาะ ที่ไม่ได้ไปดำน้ำกะใครเขา ก็ลัลล๊าต่อไปค่าาาา 555
ในช่วงเวลานั้นคือ ฟ้าจะเปลียนสีเฆฆเคลื่อนมาตลอด จากที่ตอนมาใสกิ๊กๆ ณ เวลานี้ถูกปกคลุมด้วยมวลเฆฆบางๆทั้งสิ้น เกาะรอก ก็ยังดูสวย
และสงบเช่นเดิม เรานั่งมองทะเลไปมาอย่างนิ่งๆ เก้บภาพทุกอย่างด้วยหัวใจ เก็บความทรงจำอีกหนึ่งสถานที่แห่งนี้ไว้ ด้วยความทรงจำและภาพถ่าย
ขอบคุณนะคะ ขอบคุณ แอร์เอเชีย เลิฟอันดามัน และ โรงแรม Amatara Resort & Wellness
ที่ทำให้เราได้มารู้จักและรักท้องทะเลไทยธรรมชาติที่งดงามของเกาะรอกแห่งนี้มากยิ่งขึ้น
พร้อมกับอยากบอกเพื่อนๆ อีกครั้งค่ะว่า เกาะรอก ขาวมากกกกกกกก จริงๆ นะเออ เราได้พิสูจน์มาแล้ว คุณล่ะค่ะ ^^
ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณค่า Review By RinsaYoyoliveTravelBlogger
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 316 คน [
ขอแสดงความยินดีกับสายสะพายแสนสวยจ้าน้องริน
และขอบคุณทุกคะแนนที่โหวตให้พี่อุ้มด้วยจ๊ะ
เจิม