INDIA 2009 ตอนที่ 3/1...พระมหาเจดีย์พุทธคยา
วันที่สองของการเดินทาง 6 ก.พ. 2552/1
วันนี้คณะของเรายังคงปฏิบัติธรรมอยู่ภายในปริมณฑลต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยผู้ที่มาที่นี่เป็นครั้งแรกถูกแยกกลุ่มออกไป เพื่อเดินเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของสถานที่ต่าง ๆ ในบริเวณปริมณฑลแห่งนี้ คือ สถานที่ทรงยับยั้งอยู่เพื่อเสวยวิมุตติสุขหลังจากทรงตรัสรู้แล้ว 7 แห่ง ๆ ละ 7 วัน รวม 49 วัน เพื่อพิจารณาพระโพธิญาณที่ได้ทรงตรัสรู้นั้นให้แน่พระทัย สถานที่ประทับทั้ง 7 แห่งนี้ ต่อมาถือกันว่าเป็นที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา รวมเรียกว่า สัตตมหาสถาน ซึ่งกลุ่มของเราทั้ง 5 คน ก็ขอติดตามกลุ่มนี้ไปด้วย เนื่องจากคุณเพื่อนของเรา 2 ท่านเป็นผู้มาใหม่และปรารถนาให้พวกเราที่เหลือไปด้วยกัน มาด้วยกันจะทิ้งกันได้อย่างไรจริงมั้ยคะ....เอ้า..ไปก็ไป...
พระแท่นวัชรอาสน์ หรือ โพธิ์บัลลังก์
โพธิ์บัลลังก์ หลังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้แล้ว พระองค์ก็ประทับเสวยวิมุตติสุขอยู่ ณ บริเวณต้นศรีมหาโพธิ์ เป็นสัปดาห์แรก โดยทรงใคร่ครวญปฏิจจสมุปปบาท ทั้งปฏิโลมและอนุโลม ทั้งสายเกิดและสายดับ ทรงเปล่งอุทานว่า เราท่องเที่ยวมานาน 4 อสงไขย กำไรอีกแสนกัป ณ บัลลังก์แห่งนี้เป็นวิชัยบัลลังก์ เป็นมงคลบัลลังก์ เราจะนั่งอยู่เหนือบัลลังก์นี้ตลอดไป ตราบใดดำริของเรายังไม่บริบูรณ์ จักไม่ลุกขึ้น แล้วทรงเข้าสมาบัติ ประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขโดยโพธิ์บัลลังก์นี้ตลอด 7 วัน
อนิมิสเจดีย์
อนิมิสเจดีย์ เป็นเจดีย์สีขาว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทางขวามือเมื่อจะเดินเข้ามาในบริเวณปริมณฑล ที่แห่งนี้เรียกว่า อนิมิสเจดีย์ เป็นที่ที่พระพุทธองค์ประทับเสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ 2 หลังจากทรงตรัสรู้แล้ว กล่าวคือ เมื่อพระพุทธองค์ได้ออกจากสมาบัติในวันที่ 8 นับแต่ทรงตรัสรู้ ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ เพื่อระงับความปริวิตกของเทวดา ที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ 7 วันนั้น เพราะยังไม่ทรงละความอาลัยในบัลลังก์ ทรงบันดาลท่อน้ำท่อไฟให้พวยพุ่งออกจากส่วนของพระวรกายเป็นคู่ เป็นต้น พระบรมศาสดาประทับยืนทางด้านทิศเหนือ ทรงลืมพระเนตรแลดูบัลลังก์และต้นโพธิ์ อันเป็นสถานที่บรรลุผลแห่งพระบารมีทั้งหลาย ด้วยดวงพระเนตรไม่กระพริบอยู่ตลอด 7 วัน สถานที่นี้จึงชื่อว่า อนิมิสเจดีย์
หลวงตาชงค์ พระวิทยากร ยืนข้างรัตนจงกรมเจดีย์
รัตนจงกรม ณ บริเวณข้างพระมหาเจดีย์ด้านทิศเหนือ มีหินทรายสลักเป็นดอกบัวบานรับแสงอาทิตย์ จำนวน 19 ดอก มีแท่นหินทรายแดงยาวประมาณ 6 เมตร และมีป้ายหินอ่อนปักไว้ให้รู้ว่า นี้คือรัตนจงกรมเจดีย์ ที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ 3 อยู่ระหว่างต้นพระศรีมหาโพธิ์กับอนิมิสเจดีย์ พระบรมศาสดาทรงนิรมิตที่สำหรับจงกรม ระหว่างโพธิบัลลังก์ กับที่ประทับยืนเพ่งอนิมิสเจดีย์ เพื่อเสด็จจงกรมจากทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตก ทรงปฏิบัติเช่นนี้ตลอด 7 วัน
รัตนฆรเจดีย์
รัตนฆรเจดีย์ สถานที่ด้านทิศเหนือของพระมหาเจดีย์ ลักษณะรูปทรงเป็นวิหารสี่เหลี่ยม ไม่มีหลังคามุง กว้างประมาณ 11 ฟุต ยาวประมาณ 14 ฟุต รอบข้างเต็มไปด้วยเจดีย์โบราณ มีพระพุทธรูปสมัยคุปตะและสมัยปาละ ซึ่งน่าจะมีผู้นำมาวางตั้งไว้ภายหลัง ทีนี้เป็นสถานที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ 4 ทรงเปล่งฉัพพรรณรังสี ณ สถานที่นี้อยู่ 7 วัน โดยอรรถกถาเล่าว่า เทวดาทั้งหลาย เนรมิตเรือนแก้วทางทิศพายัพจากต้นโพธิ์ ถวายพระพุทธองค์ให้ประทับนั่งขัดสมาธิเพ็ชรในเรือนแก้วนั้น และทรงพิจารณาพระอภิธรรมปิฎก และสมันตปัฏฐานอนันตนัย ซึ่งมีนัยไม่สิ้นสุดในพระอภิธรรมนั้นโดยพิสดาร ทรงปฏิบัติอยู่เช่นนี้ตลอด 7 วัน สถานที่นี้จึงเรียกว่า รัตนฆรเจดีย์
ต้นอชปาลนิโครธ
ต้นอชปาลนิโครธ หรือเรียกตามภาษาไทย ๆ ว่า ต้นไทรใบใหญ่ ในความเป็นจริงแล้ว สถานที่แห่งนี้อยู่ระหว่างแม่น้ำโมหนี กับแม่น้ำเนรัญชรา ไม่ห่างกันเท่าไรนักกับเนินดินบ้านนางสุชาดา มีเทวาลัยของชาวฮินดู ลักษณะยอดแหลมเช่นเดียวกับสถูปทั่วไป ปัจจุบันบริเวณนั้นจะยังคงมีต้นไทรใบใหญ่อายุประมาณมากกว่า 1000 ปีขึ้นไปเหลืออยู่อีก 5-6 ต้น พระพุทธองค์ประทับเสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ 5 ณ ควงไม้ไทรที่มีชื่อว่า อชปาลนิโครธ ตลอด 7 วัน ทรงตรึกถึงบุคคลที่สมควรรับฟังคำสอน ณ ที่แห่งนี้เกิดคำอุปมาแห่งบุคคลเหมือนอุบล 4 เหล่า และท้าวสหัมบดีพรหมได้กราบทูลอาราธนาแสดงธรรม แลเมื่อก่อนจะตรัสรู้ พระองค์ได้ทรงรับข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดาจากสถานที่แห่งนี้เช่นกับ ถ้าหากเราจะเดินทางไปยังสถานที่อันเป็นที่ตั้งของต้นอชปาลนิโครธจริงนั้น จะต้องเสียเวลาในการเดินทาง และสถานที่แห่งนั้นก็ไม่ได้มีการบูรณะหรือสร้างสิ่งใดไว้เป็นอนุสรณ์ ดังนั้นจึงได้มีการจำลองแผ่นป้ายหินบอกกล่าวเรื่องราวความสำคัญของต้นอชปาลนิโครธไว้ในบริเวณปริมณฑลชั้นใน
ป้ายบอกเรื่องราวของต้นอชปาลนิโครธ
สระมุจลินทร์จำลอง
ต้นมุจลินทร์ สถานที่ประทับเสวยวิมุตติสุขแห่งนี้ อยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ประมาณ 2 ก.ม. ห่างจากแม่น้ำเนรัญชราประมาณครึ่งกิโลเมตร อยู่ใกล้กับหมู่บ้านมุจลินทร์ ตามพุทธประวัติกล่าวว่า พระพุทธองค์เสด็จมาเสวยวิมุตติสุขประทับที่โคนไม้มุจลินทร์เป็นเวลา 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 6 หลังจากตรัสรู้แล้ว ในช่วงนั้นพายุพัดเมฆฝนมา มีฝนตกพรำตลอด 7 วัน พระยามุจลินทนาคราช ได้เข้าถวายอารักขาด้วยการแผ่พังพานพร้อมด้วยขนด 7 รอบ เพื่อป้องกันความหนาว ลม ฝน แดด เหลือบ ยุง มิให้เบียดเบียนพระพุทธองค์ เมื่อฝนหยุดตกแล้ว มุจลินทนาคราช จึงคลายขนด แล้วจำแลงรูปของตนเป็นมาณพหนุ่ม ถวายนมันการ ณ เบื้องพระพักตร์ พระองค์จึงทรงเปล่งพระอุทานว่า ความสงัดเป็นสุขของบุคคลผู้สันโดษ ผู้มีธรรมปรากฏแล้ว ผู้เห็นอยู่ ความไม่เบียดเบียน คือ ความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย เป็นสุขในโลก
เสาหินที่จำลองไว้แทนต้นราชายตนะ
ต้นราชายตนะ สถานที่ต้นไม้เกด ชื่อ ราชายตนะ ที่พระพุทธองค์เคยเสวยวิมุตติสุข อยู่ทางทิศใต้ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ห่างจากแม่น้ำเนรัญชราไปทางทิศตะวันตกประมาณ 2.5 ก.ม. เป็นทางผ่านของขบวนกองเกวียนที่พ่อค้าวานิชใช้ติดต่อกันระหว่างเมืองพาราณสี นครราชคฤห์ กรุงโกสัมพี มาแต่โบราณกาล ปัจจุบันบริเวณนั้นมีเทวสถานกับต้นโพธิ์ที่ชาวบ้านผู้นับถือศาสนาฮินดู พากันมาประกอบพิธีตามความเชื่อของตน ตามความในปฐมสมโพธิ์กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ 7 หลังจากตรัสรู้แล้ว พระพุทธองค์ประทับเสวยวิมุตติสุข ณ บริเวณควงไม้ราชายตนะ ได้มีพ่อค้า 2 พี่น้อง คือ ตปุสสะ และ ภัลลิกะ นำเกวียนบรรทุกสินค้าจากอุกกลชนบท เดินทางมาถึงที่ประทับเกิดความเลื่อมใส จึงพากันเข้าเฝ้าพร้อมทั้งได้ถวายข้าวสัตตุ ชนิดก้อนและชนิดผง ( ข้าวสัตตุ คือ ข้าวบดตามแห้ง เวลาเข้าปากและถูกน้ำลายจะนุ่มสามารถกลืนกินได้เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อค้าวานิชนิยมนำติดตัวมาด้วยเวลาเดินทางไกล ) พระพุทธองค์ทรงดำริว่า พระตถาคตทั้งหลายย่อมไม่รับด้วยมือ ท้าวเทวราชทั้ง 4 ทรงนำบาตรศิลา 4 ใบ แล้วอธิษฐานให้เป็นบาตรเดียว รับข้าวสัตตุก้อน สัตตุผง จากนั้นพ่อค้า 2 พี่น้อง จึงได้ประกาศตนเป็นอุบาสกขอถึง พระพุทธ พระธรรม เป็นสรณะตลอดชีวิต นับว่า วานิช 2 พี่น้องนี้เป็น เทววาจิกอุบาสก พวกแรกในโลก ผู้กล่าวถึงรัตนะสอง คือ พระพุทธและพระธรรม ว่าเป็นสรณะตลอดชีวิต และบาตรศิลา 4 ใบที่รวมเป็นบาตรเดียวนั้น ก็เป็นที่มาของบาตร 4 ตะเข็บ ซึ่งในเมืองไทยปัจจุบันนี้มีทำอยู่แห่งเดียว คือ ที่บ้านบาตร นอกจากนี้ท่านท้าวเทวราชทั้ง 4 นี้ก็คือผู้นำตาข่ายทองมารองรับพระพุทธองค์เมื่อคราวที่พระองค์ประสูตินั่นเอง......
วันนี้ขอจบพุทธประวัติไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน ต่อไปก็ขอเชิญสำราญกับภาพสวย ดี เด็ด จากอินตะระเดีย...นะคะ
ดอกไม้สวยที่หน้าโรงแรม
สาว 2 พัน 9 ปี...สวยไม่เสร็จ....สวยไม่สร่าง...น้องนางทั้งสอง...อิ อิ
" คุณนาย " เพื่อนสุดเลิฟ และ " น้องนก " ผู้เป็นมือขวาของปอ ป้า
กระบวยสีขาว ที่ห้อยติดกับกระป๋องน้ำสีแดงนี้ มีไว้ทำไม...??.... ใครตอบถูก...ปอ ป้า มีรางวัลมอบให้....
| | | |
ปอ ป้า ต้องขอโทษทุก ๆ ท่านที่กรุณาแวะมาเยี่ยมเยียนและฝากเม้นท์ไว้ ระยะนี้อาจจะไม่สามารถเข้ามาตอบเม้นท์ได้ทุกวันเหมือนอย่างเคย
บางทีอาจจะเงียบหายไปบ้าง แต่ไม่ได้หนีหายไปไหนหรอก...ค่ะ เพียงแต่ขอเวลานอก ไปรบทัพจับศึก..กะ...เจ้าตัวป่วน คือโรคประจำตัว ที่หมู่นี้ทำตัวไม่น่ารัก คอยซุ่มโจมตีปอ ป้า บ่อย ๆ
แต่ขอสัญญาว่า...วันไหนที่รู้สึก..สดชื่น..แจ่มใสดี จะรีบอู้งาน เข้ามาทักทายพูดคุยกับทุกท่าน...ทันที
คิดถึงทุก ๆ ท่านเสมอ...นะคะ
ขอขอบคุณกรอบสวยจากบ้านคุณแมว maew_kk ค่ะ
| | | | |
Create Date : 18 มีนาคม 2552 |
|
60 comments |
Last Update : 15 สิงหาคม 2558 11:53:01 น. |
Counter : 3353 Pageviews. |
|
|
|
มาติดตามค๊า