หลังจากรับประทานชา-กาแฟ และขนมปังที่รีสอร์ทจัดไว้บริการ พร้อมทั้งดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้า
ริมแม่น้ำปิงจนอิ่มหนำแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
วัดแรกที่เยี่ยมชมคือวัดช้างรอบ..ค่ะ

วัดช้างรอบ อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๑ (พ.ศ. ๒๑๐๐-๒๒๙๙) เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่บนยอดสูงสุดของเนิน ประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงระฆังกลมขนาดใหญ่ ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสยกสูงยาวด้านละ ๓๑ เมตร ประดับด้วยช้างปูนปั้นทรงเครื่องโผล่ออกมาเพียงครึ่งตัวจำนวน ๖๘ เชือก มีบันไดขึ้นลงสี่ด้าน เชิงบันไดแต่ละด้านมีสิงห์และทวารบาลปูนปั้นประดับอยู่ที่มุมฐาน ด้านบนหรือลานประทักษิณมีสถูปเล็ก ๆ อยู่ทั้งสี่มุม องค์เจดีย์ด้านบนเป็นทรงกลม ตั้งอยู่บนฐานแปดเหลี่ยม ประดับตกแต่งปูนปั้นแสดงเรื่องราวพุทธประวัติและดินเผาเป็นรูปเทวดา กินรี และหงส์โดยรอบ ด้านหน้าเจดีย์มีวิหารมีฐานย่อมุมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านหน้าวิหารมีบ่อศิลาแลงขนาดใหญ่ที่ขุดขึ้นมาใช้ก่อสร้างโบราณสถานแห่งนี้ อุโบสถมีขนาดเล็ก ตั้งอยู่ที่มุมตะวันออกเฉียงเหนือ

กรมศิลปากรสันนิษฐานว่า เจดีย์ประธานที่มีรูปช้างประดับรอบฐาน คงปรับปรุงจากรูปแบบที่มีอยู่ก่อนในราชธานีสุโขทัยและเมืองศรีสัชนาลัย ลักษณะใหม่จำเพาะของเมืองกำแพงเพชรที่เพิ่มเติมได้แก่ก่อเพิ่มบันไดทางขึ้นที่กลางด้านทั้งสี่ วิหารขนาดใหญ่คงมีฝาเป็นไม้ อุโบสถขนาดเล็กกว่า เป็นอาคารโถง มีใบสีมาปักประจำทิศทั้งแปดทิศ ปัจจุบันสระน้ำหน้าวิหารแห้งขอด ขอบสระทรุดทลาย เดิมคงขุดเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้และนำศิลาแลงมาใช้ก่อสร้าง

ส่วนใหญ่แล้ว เรื่องราวประวัติความเป็นมาของโบราณสถานแต่ละแห่งนั้น มีให้ศึกษาน้อยมาก ดังนั้นการไปเที่ยวชมโบราณสถานสำหรับคนที่ไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์โบราณคดีมา ก็จะได้แต่เพียงชมความงามและถ่ายภาพเท่านั้น ถ้าหากกองโบราณคดีสามารถพิมพ์เรื่องราวของโบราณสถานแต่ละแห่งแจกให้นักท่องเที่ยวเพื่อใช้เป็นข้อมูลเชิงลึกระหว่างการเที่ยวชมด้วยก็จะดีไม่น้อย เท่ากับเป็นการปลูกฝังให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะคนไทย เกิดความเข้าใจ รู้สึกรักและหวงแหนในประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ไปด้วย เอ..อย่างนี้จะไปบอกใครดี..คะ..??

ลวดลายวิจิตรงดงามที่ยังคงหลงเหลือให้ชม




บ่อศิลาแลงขนาดใหญ่




หอกลอง และศาลาทรงไทย สำหรับให้นักเที่ยวนั่งพักผ่อน




เพลง มอญอ้อยอิ่ง