วัดพระธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน
เขาว่ากันว่า เมื่อมาจังหวัดน่าน ก็ต้องไปกราบพระบรมธาตุแช่แห้ง ไม่เช่นนั้นจะถือว่ายังมาไม่ถึงเมืองน่าน และวันนี้ ปอป้า ก็นำพระบรมธาตุแช่แห้งมาให้คนที่เกิดปีกระต่ายได้กราบไหว้ผ่านหน้าบล๊อกด้วย..ค่ะ
วัดพระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่ที่บ้านหนองเต่า ตำบลม่วงตี๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๓ ก.ม. ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าสร้างในสมัยใด มีตำนานกล่าวไว้ในพุทธกาลว่า ภูเพียงแช่แห้งแห่งนี้ได้ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระอรหันต์ทั้งหลายได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์ด้านซ้าย และเศษของพระสรีรังคารธาตุ มาประดิษฐานไว้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้มนุษย์และเทวดาได้สักการะ ตราบ ๕,๐๐๐ พระวัสสา
เท่าที่สืบหาหลักฐานได้ พระมหาธาตุแห่งนี้ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. ๑๘๙๖ ตรงกับสมัยของพระยาการเมือง พระองค์ได้เสด็จไปสร้างวัดอุทัย ที่อาณาจักรสุโขทัย เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจทั้งมวลแล้ว พระมหาธรรมราชาลิไทได้ถวายพระมหาชินธาตุเจ้า ๗ พระองค์ มีพระวรรณะเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด สุกใสดั่งแก้ว ๒ พระองค์ มีพระวรรณะดั่งมุก ๓ พระองค์ มีพระวรรณะดั่งทองคำ เท่าเมล็ดงาดำ ๒ พระองค์ พร้อมด้วยพระพิมพ์เงินพิมพ์ทองอันงามประณีต อย่างละ ๒๐ องค์ ให้แก่พระยาการเมือง
เมื่อพระยาการเมืองเสด็จกลับถึงเมืองน่าน ได้ทรงปรึกษากับพระมหาเถระธรรมบาล และเห็นสมควรประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ที่เนินภูเพียงแช่แห้ง ระหว่างแม่น้ำเตี๋ยน (แม่น้ำเกี๋ยนในปัจจุบัน) และแม่น้ำลิงค์ (น้ำลิ่ง แม่น้ำน่านปัจจุบัน)
พระยาการเมืองโปรดให้ช่างหล่อเต้าปูนสำริดขนาดใหญ่ แล้วทรงนำพระบรมสารีริกธาตุพร้อมด้วยพระพิมพ์เงินพิมพ์ทองลงบรรจุ ปิดฝาสนิท พอกหุ้มด้วยสะตายจีน (ปูนผสมแบบโบราณ) เป็นก้อนกลมเกลี้ยงเหมือนศิลา เสร็จแล้วโปรดให้ขุดหลุมลึก ๑ วา แล้วอาราธนาพระบรมสารีริกธาตุ และพระพิมพ์เงินพิมพ์ทองลงประดิษฐานไว้ และก่ออิฐทับครอบเป็นเจดีย์สูง ๑ วา
องค์พระธาตุกำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะซ่อมแซม
ส่วนภาพซ้ายมือ คือพระธาตุองค์เดิม
ตลอดรัชกาลของพระองค์ ทรงให้ความสำคัญแก่วัดนี้มาก ถึงกับย้ายเมืองจากวรนคร เมืองพลัว มาสร้างเมืองใหม่ โดยมีวัดพระธาตุแช่แห้งเป็นวัดหลวงประจำราชสำนัก หลักฐานของการย้ายเมืองครั้งนั้น ก็คือแนวกำแพงเมือง และคูเมืองโบราณที่สร้างไว้ถึง ๒ ชั้น เมื่อ พ.ศ. ๑๙๐๒ อายุกว่า ๖๐๐ ปี ยังปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน
เมื่อสิ้นราชวงศ์ภูคาแล้ว เมืองน่านจะถูกปกครองโดยเชียงใหม่ (พ.ศ. ๑๙๙๓ พ.ศ. ๒๑๐๑) หรือโดยพม่า (พ.ศ. ๒๑๐๑ ๒๓๓๑) และที่สุดจะขึ้นตรงต่อกรุงรัตนโกสินทร์ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยในปัจจุบันก็ตาม เป็นที่น่ายินดีว่า วัดพระธาตุแช่แห้งแห่งนี้ เจ้าผู้ตรองนครน่านทุกพระองค์ที่ผ่านมา ได้เอาพระทัยใส่ ดูแล ปฏิสังขรณ์ บูรณะซ่อมแซม สืบต่อกันมา จนได้รูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่ลงตัว และมีเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ดังปรากฏให้เห็นตราบทุกวันนี้
พระมหาธาตุแช่แห้งเป็นโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของชาติ มีความสำคัญทั้งในด้านแบบแผนทางศิลปกรรม เป็นหลักฐานทางโบราณคดี และพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดน่าน มีความยาวของฐานล่าง ซึ่งเป็นฐานเขียงรูปแท่งสี่เหลี่ยม ด้านละ ๑๙.๒๕ เมตร และมีความสูงจากฐานล่างระดับพื้นดิน จนถึงปลายสุดของดอกไม้ทิพย์ มีความสูง ๔๓.๔๙ เมตร นับเป็นพระธาตุเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของแผ่นดินล้านนา เป็นปูชนียสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดน่าน และพุทธศาสนิกชนทั่วไป จะมีประเพณีนมัสการพระมหาธาตุทุกปีในวันเพ็ญเดือน ๖ เหนือ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔)
พระมหาธาตุแช่แห้งได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนของกรมศิลปากร ในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๖๑ ตอนที่ ๖๕ ลงวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๗ ประกาศขอบเขตในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๙๗ ตอนที่ ๑๕๙ ลงวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๓
เรื่องราวของพระธาตุแช่แห้งมีกล่าวกันไว้มากมาย ข้อมูลข้างต้นนี้ได้มาจากบันทึกหน้าองค์พระธาตุ บางแห่งก็มีส่วนคล้ายกัน บางแห่งก็เล่าเป็นตำนานว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับสรงน้ำที่ริมฝั่งแม่น้ำน่าน ทางทิศตะวันออก ที่บ้านห้วยไค้ และได้เสวยผลสมอแห้งที่พระยามลราชนำมาถวาย แต่ผลสมอนั้นแห้งมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงนำผลสมอนั้นไปแช่น้ำก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ว่า ต่อไป ที่นี่จะมีผู้นำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน จึงเรียกพระสถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุนี้ว่า พระธาตุแช่แห้ง
เชื่อกันว่าพระบรมธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีกระต่าย และชาวล้านนายังมีความเชื่ออีกว่า หากได้เดินทางไป
ชุธาตุ หรือนมัสการพระธาตุประจำปีเกิดจะได้รับอานิสงส์อย่างยิ่ง น่าเสียดาย วันที่ปอป้าเดินทางไปเยี่ยมชมนั้น องค์พระธาตุกำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะซ่อมแซม ภาพถ่ายก็เลยไม่ค่อยสวยเท่าไร ประกอบกับอากาศที่ร้อนจัดมาก ทำให้ฝีมือในการถ่ายภาพของปอป้าที่ปกติอ่อนด้อยอยู่แล้ว ยิ่งด้อยหนักเข้าไปใหญ่..อิ อิ
เพลง แก่งคอย
| | |
| ถ้าจะโหวตให้ปอป้า...สาขา Dharma Blog...นะคะ ขอบคุณ...ค่ะ
| |
| | |
ตสฺมา สพฺพํ น กลฺยาณํ สพฺพํ วาปิ น ปาปกํ
สิ่งเดียวกันนั่นแหละ ดีสำหรับคนหนึ่ง แต่เสียสำหรับอีกคนหนึ่ง
เพราะฉะนั้น สิ่งใด ๆ มิใช่ว่าจะดีไปทั้งหมด และก็มิใช่จะเสียไปทั้งหมด
เลือกแต่สิ่งที่ดีและเหมาะสมกับตน ตลอดไป...นะคะ