Niacinamide หรือที่ใครๆ หลายคนรู้จักในชื่อของ Vitamin B3 กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็น low-end to high-end products และรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เพิ่งงอกออกมา ก็ขนใส่เจ้า niacinamide กันเข้าไป ... มีการที่ตีพิมพ์หลา ตามวารสารทางวิชาการมากมายถึงประโยชน์ของ niacinamide (ทั้งที่ได้เงินสนับสนุนจาก P&G และก็จากพวกหน่วยงานอิสระด้วย) ... ผลการวิจัยส่วนใหญ่จะชี้นำว่า niacinamide ประโยชน์ต่อผิวพรรณมากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น สามารถช่วยเพิ่มปริมาณ ceramide และ fatty acid ได้ดี และก็ยังช่วยลดการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นดี และก็ยังช่วยเรื่องการลด inflammation ได้ดี ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส ลดรอยด่างดำจากแดดจากสิว ... ประมาณว่าตัวเดียวก็สวยได้ (เกือบครอบจักรวาล)

ถ้าถามว่ามียี่ห้อไหนบ้างที่ล่ะ คำตอบคงจะยาวเป็นผ้าร้อยๆ พับ (ลอง search หาดูใน ที่นี่ ก็แล้วกันนะคะ) ... ผู้นำส่วนผสมตัวนี้คงต้องยกให้ Olay และผลิตภัณฑ์ในเครือ P&G ทั้งหลาย (เช่น SK-II) นอกจากตระกูล P&G

แล้วก็ยังมีอีกมากมายหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น Bioderma, Clinique, Dermalogica, Kanebo, Kose, Orlane, Payot เป็นต้น ... ลองหาดูกันเอง

สาเหตุที่เรางัดเอาเรื่อง niacinamide มาพูดถึงก็ไม่ใช่อะไร เมื่อสองสามวันก่อนเราเกิดสนใจอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ niacinamide ขึ้นมา อ่านไปอ่านมาไปจะเอ๋หน้านี้เข้า Niacinamide Study Question เป็นคำถามที่มีคนถาม Dr. Todorov เมื่อปีที่แล้ว ว่าเค้าอ่านเจองานวิจัยชิ้นนึงว่า niacinamide อาจะเป็น pro-aging แทนที่จะเป็น anti-aging ก็ได้ ... อ่านแล้วเราก็ อูว์ว์ว์ น่าสนใจ ก็เลยหาอ่านต่อซักหน่อย ... ลองอ่าน papers 2 อันนี้ดู น่าสนใจดีค่ะ

อันแรกเก่าแล้ว ตั้งแต่ปี 2002 โน่น Inhibition of Silencing and Accelerated Aging by Nicotinamide, a Putative Negative Regulator of Yeast Sir2 and Human SIRT1 อันนี้เค้าทดลองกับยีสต์ ไม่ได้ทดลองกับมนุษย์

แต่อันนี้ใหม่ค่ะ เพิ่งตีพิมพ์ต้นปี 2010 นี้เอง แล้วก็ทดสอบกับ cultured human skin (เซลล์ผิวหนังมนุษย์ที่เพาะเลี้ยงไว้) ด้วย SIRT1 confers protection against UVB- and H2O2-induced cell death via modulation of p53 and JNK in cultured skin keratinocytes เอา quote นี้มาจากใน paper นี้แหล่ะค่ะ "SIRT inhibitors such as sirtinol and nicotinamide enhance cell death" ซึ่งก็ผลที่น่าสนใจทีเดียว

อ่านไปอ่านมาก็พอจะสรุปให้ฟังได้ว่า เจ้า niacinamide เนี่ยมันจะไปยับยั้ง SIRT1 gene (ซึ่งเจ้า SIRT1 ตัวนี้ มีผลต่ออายุไขของมนุษย์เรา ซึ่งเค้ามีการศึกษาค้นคว้าไปขนาดที่ว่า หากเราสามารถกระตุ้นการทำงานของเจ้า SIRT1 ได้ ก็จะเป็นวิธีการป้องกันความแก่ของมนุษย์ได้อย่างดีทีเดียว ซึ่งเราจะไม่พูดถึงนะคะ เพราะนอกค่อนข้างจะออกนอกเรื่อง) ... ง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ การที่เราเอา niacinamide มาทาหน้าโดยหวังหว่าจะมีประโยชน์ต่อผิวมากมายก่ายกองกลับกลายว่าอาจจะให้ผลตรงกันข้าม คือมันกลับกลายเป็นว่ามันทำร้ายเซลล์ผิวของเราซะเอง ... มาแนวเดียวกับ DMAE เลย ประมาณว่า ทาครีมที่มีส่วนผสม DMAE แล้วจะชวยกระชับผิวให้แนนขึ้นมาทันที แต่หลังๆ มา ก็มีการวิจัยว่า หากใช้เจ้าตัวนี้ไปนานๆ จะไม่เป็นผลดีต่อเซลล์ซะงั้น

บางบริษัทที่ใช้ nicotinic acid เป็นจุดขาย ก็ออกมาโต้แย้งว่า nicotinamide = niacinamide + nicotinic acid และมีการศึกษาวิจัยพบว่า niacinamide เท่านั้นที่ไปยับยั้ง SIRT1 เจ้าตัว nicotinic acid ไม่เกี่ยว

เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น ... ดีดีที ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ก็เคยมีมาแล้ว สารกัมมันตรังสีอ่อนๆ คงไม่เป็นอันตรายก็เคยมีมาแล้ว ไหนจะเรื่อง GMO อีก ไหนจะเรื่องอะไรต่างๆ มากมายที่เรายังไม่เข้าใจ แต่มีขายกันให้เกลื่อนตลาด เพราะแค่คำว่า "greed" คำเดียว ประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้ ... ตกลงเอาไงกันดี ... ใครที่เป็นแฟนของ niacinamide ก็อาจจะลดการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของเจ้าตัวนี้ หรือเปลี่ยนมาใช้เป็นครั้งคราวแทนดู ... อย่าใช้ต่อเนื่องนานๆ จะดีเหมือนกัน ... แต่ก็อย่าไปแตกตื่นกันมาก ไป obsess กับอะไรมากไปมันก็ไม่ดี

ก็ฝากกันไว้อ่านเล่นๆ เย็นๆ ใจ อีกเรื่องนะคะ