|
Mythbusters
Mythbusters
วันนี้มาเป็น mythbusters กัน (ใครเคยดูมั่ง) ... บ้าๆ บอๆ ดีนะ
แต่วันนี้ไม่มี Adam and Jamie นะ
|
Myth 1: ครีมดีๆ กระปุกนึงสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
ครีมที่ทาแล้วรู้สึกดีในทันใด ส่วนมากจะไม่ค่อยมีประโยชน์กับผิวในระยะยาว เนื่องจากว่าครีมพวกนี้ส่วนมาแล้วจะเต็มไปด้วยส่วนผสมที่ช่วย moisturize ผิว และส่วนผสมพวกนี้มีอนุภาคค่อนข้างใหญ่ และจะไป block ส่วนผสมดีๆ ไม่ให้ซึมเข้าผิว ... ง่ายๆ คือ มันจะไปฉาบผิวไว้เฉยๆ ... เหมาะกับใช้เป็นครีมที่ใช้ฉาบผิว ป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น
หากต้องการที่จะ repair ... พวก feel-good cream ไม่ช่วยอะไร
ส่วนพวก serum ที่เข้มข้น ส่วนมากก็ไม่ได้ช่วยให้ feel good แต่อาจจะทำให้รู้สึกระคายเคืองชั่วขณะ ... และครีมพวกนี้ส่วนมากไม่มีส่วนผสมที่ทำให้ feel good (ทำให้มีซึมได้ดี)
ซึ่งสองตัวนี้ก็ต้องใช้ร่วมกัน ถึงจะได้ผลดีที่สุด
สรุปคือ ครีม 1 กระปุก ที่ทำได้ทุกอย่าง ... busted
|
Myth 2: เครื่องสำอางที่ทาแล้วรู้สึกระคายเคือง แสดงว่าไม่ดี
เครื่องสำอางที่ทาแล้วระคายเคืองพักนึง (ชั่วคราว) แสดงว่าเป็นเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับผิว เครื่องสำอางที่ดีต้องทาแล้วรู้สึกดี ไม่ระคายเคืองตลอดเวลา
ความจริงแล้ว หากเราต้องการที่จะซ่อมแซม ผิวที่เกิดปัญหา และต้องการ rejuvenate ผิว จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องสำอางที่เข้มข้นพอที่จะซึมผ่านเข้าไปสู่ผิว และเมื่อมันเข้าไปสู่ผิว จะเกิดอาการยุบยิบนิดหน่อย หรืออาจจะมีอาการผิวแดงบ้างนิดหน่อย นั่นเป็นสัญญาณที่บอกว่า เครื่องสำอางตัวนั้นกำลังทำหน้าที่ของมันอยู่ It's working!
จากนั้น หลังจากรู้สึกยุบยิบพักนึง เราตามด้วยเครื่องสำอางที่ทาแล้ว "feel good" ทับลงไปช่วยเคลือบ อาการยุบยุบระคายเคืองควรจะลดลงและค่อยๆ หายไป
สรุปคือ การที่ทาแล้วรู้สึกระคายเคือง ไม่ได้หมายความว่าเราแพ้ หรือเครื่องสำอางตัวนั้นไม่ดี ... เพราะการที่ ingredient นั้นๆ กำลัง working มันก็จะทำให้เกิดอาการยุบยิบ หรือ แสบแดงแบบชั่วคราวได้
|
Myth 3: Exfoliation จะทำให้ผิวบางลง
อันนี้เป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างแรง และหลายๆ คน ก็เข้าใจแบบนี้ ... ความจริงแล้ว มันตรงกันข้ามเลย ... ยิ่ง exfoliate ผิว ยิ่งทำให้ผิวหนาขึ้น
ฟังดูมันอาจจะขัดแย้ง และยากที่จะเข้าใจตาม ... หลายคนคิดว่า ... concept ง่ายๆ ขัดมันออก ผิวก็บาง จบ
แต่จริงๆ แล้ว ธรรมชาติของผิวเราไม่ได้ simple แบบนั้น ... ผิวเรามีเซลล์ มีชีวิต ... ยิ่งเราเอาามันออกไป มันก็ยิ่งขยันสร้างเพิ่มขึ้น (เหมือนคนที่ขยันใช้เงิน ก็มักจะขยันหาเงินมากกว่าด้วย ... เกี่ยวอะไรเนี่ย)
การ exfoliate ผิว จะเป็นการกระตุ้นกระบวนการ cell turnover และการสร้าง collagen ซึ่งจะเป็นการทำให้ผิวหนาขึ้น และ แข็งแรงขึ้น ... และเมื่อผิวหนาขึ้น ผิวก็จะดีขึ้น ริ้วรอยตื้นลง และลดลง
อันนี้ เอาไปทริค ใช้ถามคำถามพวกพนักงาน spa หรือ ไม่ก็คนขายเครื่องสำอางได้ ... นี่เป็นความรู้พื้นฐานมากๆ ... ถ้าเค้าตอบผิด อะไรๆ ที่เค้าบอกหรือแนะนำ ก็คิดดูให้ดี
Myth นี้ busted อย่างแรง
|
Myth 4: รูขุมขนกว้างแก้ไขได้ด้วยโทนเนอร์
รูขุมขนกว้าง สามารถทำให้มันหดได้ด้วยโทนเนอร์ มาส์ก หรือ ครีม
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในความเข้าใจทีผิด ... รูขุมขนกว้าง เป็นหนึ่งใน signs of aging ... แย่ไปกว่านั้นคือมันแก้ไขไม่ได้ ... มันกว้างแล้วกว้างเลย ... อาจจะมี toner บางตัว (พวกแอลกอฮอล์) ไปทำให้ผิวเราบริเวณใกล้ๆ รูขุมขน เกิดการระคายเคือง แล้วก็ขยายตัว (ชั่วคราว) ก็ทำให้ผิวบริเวณนั้นไปทำให้รูขุมขนมันหดลงชั่วคราวได้
แต่การทำแบบนั้น ก็เหมือนกันบการไปซ้อม หรือกระตุ้นให้รูขุมขนหดๆ ขยายๆ บ่อยๆ ... และก็จะไปทำให้มันยิ่ง visible มากขึ้น ... ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
วิธีที่ดีที่สุดคือ exfoliate ผิว อย่าให้สิ่งสกปรกไปตกค้างตามรูขุมขน กระตุ้นการสร้างผิวใหม่มาทดแทนผิวเก่า เมื่อผิวแน่นขึ้น รูขุมขนก็จะดูเล็กลงได้
|
Myth 5: กำจัดเส้นเลือดที่เห็นชัดตามผิวได้ด้วยครีม
นี่ก็ต้องตอบว่าเป็นไปได้ยาก หรือแทบจะไม่ได้เลย เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า ... หากบางคนเพิ่งเริ่มเห็นรอยเส้นเล็กๆ ก็อาจจะพอแก้ไขได้บ้าง แต่ถ้าเส้นใหญ่แล้ว ... แก้ยาก
ถึงแม้ว่าการ treat ด้วย แสง หรือ เข็ม ไปทะลวงจุดที่เส้นเลือดอุดตันให้ไหลผ่านได้อีก ... แต่ปัญหานั้นส่วนมากก็จะกลับมาอีก ... เพราะสาเหตุที่เส้นเลือดพวกนี้มันอุดตัน เพราะว่านิสัยการไหลของมัน (คือมันชอบของมันแบบนั้น) ... มันก็จะไหลแบบนั้นอีกแล้วปัญหาเดิมๆ ก็จะกลับมาอีก ... ซึ่งก็กลับไปหาเข็มหมออยู่เรือยๆ
สรุปว่า ถ้าเป็นครีม (skincare) ก็ busted
แต่ถ้าเป็นรักษาด้วยเข็มหรือแสง ... เป็นไปได้ (plausible) แต่โอกาสที่จะกลับมาเป็นไปได้สูง
|
Myth 6: เครื่องสำอางสุดหรู ราคาแพง ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีล่าสุด และส่วนผสมชั้นเลิศ
จริงๆ แล้วตรงกันข้ามกันเลย เครืองสำอางเหล่านี้ใช้เทคโโลยีที่ล้าหลังทีเดียว บริษัทพวกนี้ จะรอให้พวกยี่ห้อเล็กๆ ลูกกระจ๊อก หรือพวกหมอ ลองทำกันดูก่อน สองสามปีให้หลังแล้วค่อยทำตาม แล้วก็ใช่ว่าจะใส่ส่วนผสมนั้นๆ ไปเยอะๆ นะ ... ใส่ไปเพื่อใช้โฆษณาเท่านั้น จะได้ให้ดูว่าตัวเองล้ำหน้าในด้านเทคโนโลยี
หลายคนคงถามว่า แล้วทำไมเค้าทำแบบนั้น มีเหตุผลอะไร ทำไมต้องใส่ไปนิดเดียว
คำตอบง่ายๆ คือ ........ ใครตอบได้บ้าง?
สิ่งที่บริษัทพวกนี้กลัวมากที่สุด คือ กลัวการที่ลูกค้าเอา product ที่ซื้อไปแล้วมาคืน ... ส่วนใหญ่ถ้าใช้แล้วภายใน 1 สัปดาห์ หากคนซื้อไม่ชอบก็มักจะเอาไปคืน เอาไปต่อว่ากัน ... แล้วหากเค้าใส่ active ingredient ลงไปในปริมาณที่เข้มข้นมากพอ ... อย่าลืมว่า active ingredients ส่วนมากทาแล้วจะทำให้รู้สึกยุบยิบ แสบ แดง ชั่วคราว ... หากลูกค้าซื้อไปแล้ว ทาแล้วรู้สึกแสบ แดง ... หลายๆ คนก็เหมาว่า ผิวเราแพ้ ระคายเคือง ต้องเอาไปคืน ก่อนที่มันจะสายเกินไป
บริษัทพวกนี้ก็เลย ใช้วิธีป้องกันไว้ก่อน ... ก็อย่าใส่มันเข้าไปเยอะเกิน ... ใส่แค่ใช้โฆษณาว่า product ตัวเองก้าวล้ำนำหน้าใคร
และก็ไม่ต้องแปลกใจว่าใช้ product พวกนี้แล้วไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากทาแล้วรู้สึกดีในขณะทา
บริษัทพวกนี้เค้าต้องการให้เราคิดว่า ... สาเหตุทีใช้แล้วไม่ work นั่นเป็นความผิดของเราเอง ... ปัญหามันคือผิวเรา ไม่ใช่ครีม (ก็ทาแล้วไม่ระคายเคืองนิ) ... ในเมื่อมันไม่เหมาะกับผิวเรา เราก็ควักกระเป๋า ตั้งหน้าตั้งตาหา "ครีมในฝัน" กันต่อไป ... พวกบริษัทพวกนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตานับเงินไป
หากเราลองเปลี่ยนความคิดใหม่ ... คือ ...เวลาซื้อครีมมาใช้ แล้วมันไม่ work นั่นคือความผิดของครีม ไม่ใช่ความผิดของเรา หรือ ของผิวเรา
เอาไปคืนให้บริษัทพวกนี้ได้รู้ว่า ของเค้ามันไม่ work และเราผู้บริโภคไม่พอใจ อย่าเก็บไว้ให้รกตู้ อย่างน้อยเราก็อาจจะมีส่วนบังคับบริษัทพวกนี้ในทางอ้อม ให้พัฒนาสินค้าให้ดีขึ้น
สรุปคือ myth นี้ ... busted
|
คำโฆษณา
คำโฆษณาของครีม อ่านให้ดี ... จริงอยู่ เค้าใส่ส่วนผสมที่เค้าเคลมลงไป ... เค้าใส่ไปเพื่อป้องกันถูกฟ้องทางกฎหมายแค่นั้นเอง ... เค้าไม่ได้ใส่ใจกับผิวเรามากขนาดนั้น ... เค้าขอเงินเข้ากระเป๋าก่อน ... เอาส่วนผสมที่กำลัง in-trend มาใส่ไปนิดนึง ... แล้วเขียนคำโฆษณาเป็นตุเป็นตะ ... จากนั้นเอาดาราเด็กๆ สาวๆ เป็น presenter ... เราคนซื้อก็เคลิ้มตาม
ใครเคยอยู่ในธุระกิจทำของขายคงเคยได้ยินว่า เวลาเค้าจะ launch new product เค้าคุยกันยังไง ... คนวางแผนพวกนี้ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แต่เป็นนักการตลาด
เค้าก็จะคุยกันว่า ... มี budget ให้ $1 ต่อกระปุก ... ใครมีเรื่องอะไร (ส่วนผสมอะไร) น่าสนใจ และ fit กับ budget นี้ ก็ทำมาเลย ... นั่นพวก executives เค้าคุยกัน ... คนทำครีมก็รับคำสั่งนั่นมาอีกที ... จะใส่ active ingredients ลงไปเยอะเกิน ก็เกินงบ และเสี่ยงการระคายเคือง และก็เสี่ยงให้มี "การคืน" มากขึ้นด้วย
ต้นทุนที่เหลือก็ต้องเอาไปใช้ในการโฆษณาใน magazine ต่างๆ (ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม magazine ภาพสี กระดาษอาบมัน ทุกหน้า มันราคาแค่ $1 หรือน้อยกว่า) ก็บริษัทพวกนี้เค้าจ่ายค่าโฆษณาไปกันเท่าไหร่ ... ไหนจะค่าดารา โฆษณาทางทีวีอีก
ใครเรียนการตลาดมาคงจะเข้าใจได้ไม่ยาก
|
ตอนนี้นึกออกแค่นี้ ^^ ... ถ้าคิดออกจะเอามาแปะอีกค่ะ
|
Create Date : 26 กรกฎาคม 2551 |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2551 15:17:11 น. |
|
13 comments
|
Counter : 1505 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Galilee วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:36:06 น. |
|
|
|
โดย: ตองดี IP: 202.12.97.12 วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:11:12 น. |
|
|
|
โดย: พี่พิม IP: 124.121.80.182 วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:38:39 น. |
|
|
|
โดย: Galilee IP: 58.64.65.15 วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:25:03 น. |
|
|
|
โดย: nOkky (nok_alg ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:39:06 น. |
|
|
|
โดย: A Princess วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:07:17 น. |
|
|
|
โดย: สาวเวกัส IP: 70.180.231.252 วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:15:38 น. |
|
|
|
โดย: ป้ากิโล (Geerorogunso ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:24:10 น. |
|
|
|
โดย: Monica IP: 125.25.12.160 วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:43:16 น. |
|
|
|
โดย: Flowery IP: 118.173.245.4 วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:16:41:22 น. |
|
|
|
โดย: Flowery IP: 118.173.245.4 วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:16:41:22 น. |
|
|
|
โดย: มัยจ์มัยจ์ IP: 180.183.195.243 วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:21:23:14 น. |
|
|
|
|
|
|
"It's Phoebe! That's, P as in Phoebe; H as in hoebe, O as in oebe; E as in ebe; B as in bebe; and E as in ... Ello there mate." Friends
There is no copyright here, unless otherwise specifically mentioned. If you find it useful, just take it. Thanks!
CHAT BOX
LAST UPDATES
LOSEING WEIGHT (BBC)
SKINCARE MINI SERIES
FAVORITES
|
|
|
|
|
|
|
ในพันทิปชอบมีคนไปบอกว่าทา aha แล้วหน้าจะบางอย่างโน้นอย่างนี้ พูดอย่างมั่นใจด้วย เราก็ขี้เกียจจะเถียงแล้ว
เราซื้อโทนเนอร์ตัวนึงมาค่ะของวัตสัน ไม่รู้เรียกโทนเนอร์ได้ไหม ชื่อว่า water 360 facial spray ส่วนผสมเห็นมี sodium pca เราเลยอยากลองค่ะ รบกวนคุณฟีบี้ดูให้หน่อยได้ไหมคะว่าส่วนผใฃสมเป็นไงบ้าง ดีรึเปล่าคะ
ingredients: aqua(spring water), glycerin, butylene glycol, sodium pca, propylene glycol, algae extract, aloe barbadensis extract, diazolidinyl urea, tocopheryl acetate, betaine, peg-40 hydrogenated castor oil, parfum, hexyl cinnamyl, butylphenyl methylpropeonol
ขอบคุณค่ะ