Shea butter อ่านว่า Shee (ชี) หรือ Shay (เชย์ ... เหมือน pay เพย์) ก็ได้ ... shea butter เนี่ย เป็นที่รู้จักในกลุ่ม africans มานานแสนนาน ... ใช้กับผิวหัวจรดเท้า ใช้กับเส้นผมก็ได้
ต้น Shea-Karite ขึ้นแถวๆ เส้นศูนย์ศูตรในทวีป Africa ... หน้าตาของต้น Shea-Karite เป็นแบบนี้นะ
หน้าตา shea nuts ตอนดิบๆ เป็นอย่างนี้นะคะ
ส่วนตอนแก่แล้วก็เป็นอย่างนี้จ้า
Shea butter เนี่ย สกัดมาจากเม็ด (nut) จากต้น Shea-Karite ... shea nuts อุดมไปด้วย fatty acid ซึ่งสามารถนำมาทำเป็น butter (เนย) ได้ ... ซึ่งเค้าว่ากันว่าดีกว่า cocao butter หลายเท่านัก วิธีทำก็เริ่มต้นจากการปอกเปลือก (ต้องทุบให้แตกออก เพราะเปลือกแข็ง) ... จากนั้นก็เอาไปคั่ว และบดให้ละเอียด (ใครเคยทำ pure peanut butter คงนึกออก) จากนั้นก็เอาไปเคี่ยว หรือกวน (ใส่น้ำด้วย) หลายชั่วโมงอยู่ ... จนเริ่มแยกชั้นเป็นเนยออกมา (อยู่ชั้นบน) ... จากนั้นก็ตักส่วนที่เป็นเนย ที่ลอยอยู่ด้านบน ออกมา ปล่อยให้เย็นและเซ็ตตัว ... shea butter จะแข็งตัวในอุณหภูมิห้อง ... และจะเปลี่ยนเป็นของเหลวที่อุณหภูมิร่างกาย ... ใครเคยใช้จะทราบ ... เห็นแข็งๆ ในกระปุก ... พอป้ายๆ จากกระปุก แล้วนวดๆ ที่ผิว จะลื่น (ละลาย) กลายเป็นน้ำมันไปเลย ... shea butter ที่ได้จากกระบวนการนี้เรียกว่า unrefined shea butter หรือ raw shea butter
เมื่อ shea butter เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ก็ได้มีการแบ่งเกรดของ shea butter กัน1. Raw (unrefined) shea butter ซึ่งสกัดจาก น้ำ ... สีของ shea butter ประเภทนี้จะออกสีครีมๆ หม่นๆ หน่อย ... ซึ่งถือได้ว่าเป็น Original มากที่สุด2. Refined shea butter ผ่านกระบวนการหลายอย่าง (ไม่แน่ใจว่าอะไรบ้าง) แต่ยังคงมีคุณสมบัติเหมือนๆ กับ Unrefined shea butter3. Highly refined shea butter ... ตัวนี้ใช้ตัวทำละลายตัวอื่นๆ (ที่ไม่ใช่น้ำ) จะทำให้หนืดกว่า สีจะขาวบริสุทธิ์ ... shea butter บางตัวใช้ hexane เป็นตัวทำละลาย ... ซึ่งไม่ควรใช้ ... ดังนั้น หากเห็น shea butter สีขาวบริสุทธิ์ ทางที่ดีควรดูก่อนว่า เค้าใช้อะไรเป็นตัวทำละลาย ... แต่จะให้ด๊ ... ซื้อตัวที่เป็นสีน้ำตาล ครีมอ่อนๆ (unrefined) จะปลอดภัยที่สุด ... เพราะใช้น้ำกวน
กลิ่นของ shea butter บริสุทธิ์จะไม่ค่อยหอมเท่าไหร่ สำหรับหลายๆ คน (สำหรับเราแล้ว ... มันออกเหม็นเขียวหน่อย แต่ก็ออก nutty ด้วย ... ไม่ได้เลวร้ายอะไร) ... ถ้าดมๆ unrefined shea butter (สีครีม หรือน้ำตาล) แล้วไม่มีกลิ่น แสดงว่า shea butter อันนี้เก่าแล้ว ... ต่อให้เก่าแค่ไหน ก็จะไม่มีกลิ่นเหม็น ถ้าไม่ชอบกลิ่น shea butter ก็ลองหาซื้อ shea butter ที่ถูก de-odorized มาแล้ว ซึ่งก็จะไม่มีกลิ่น
วิธีเก็บรักษา shea butter ก็ง่ายๆ ... คือเก็บไว้ในอุณหภุมิห้อง ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้เย็น ... ถ้าในห้องร้อนๆ มากๆ ก็ไม่ต้องกังวล ... เอาไปแช่ตู้เย็นให้แข็งก็ได้แล้ว ... ยังไง shea butter ก็ไม่เสื่อมค่ะหน้าตา shea butter ที่เราใช้เป็นอย่างนี้ค่ะ
ใช้เป็น facial and body moisturizer ได้ดีช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวที่แห้งตึงทาหนังศีรษะ ช่วยให้ไม่แห้ง เกิดรังแคช่วยเรื่องผื่นได้ด้วย ... เด็กทารกก็ใช้รักษาผื่นจากพวก diaper rash ได้ด้วยหากตากแดดจัด ... ผิวลอก ... shea butter ช่วยได้ดีมีสาร antioxidant ด้วย ช่วยปกป้องผิวจาก free radicals ได้ผิวแห้งแล้วคัน ... shea butter ช่วยลดอาการคันได้ช่วยรักษาผิวที่ถูกแสงแดดเผา (ลดอาการแสบไหม้ได้)สำหรับผู้ชายก็ใช้เป็น shaving cream ก็ได้รักษาผิวที่แตก (เช่นส้นเท้า)คนท้อง ก็ทา shea butter ป้องกัน หรือลดท้องลายได้เหมาะกับผิว Eczema ด้วยช่วยให้แผลเป็นนิ่มลงได้ถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ดีช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวได้ดีอูย ... เยอะแยะไปหมด
shea butter อุดมไปด้วย vitamin a และ e ... ซึ่งก็เป็น antiaging and antioxidant ที่ดี ใช้อย่างต่อเนื่องอาจจะช่วยลดริ้วรอยได้ด้วย ... และก็ยังช่วยเรื่อง skin rejuvenating ได้อีกด้วยshea butter มีไขมันที่เรียกว่า unsaponifiables สูง คือประมาณ 7-12% ... เมื่อเปรียบเทียบกับ Avocado oil ซึ่งรู้กันดีว่าช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดี มี unsaponifiables เพียง 2-6% เท่านั้น
shea butter แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติเหมือนกันมั๊ย ... ก็คงจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว ... ยิ่งเก่า คุณสมบัติที่พูดไปข้างต้นก็น้อยลง ... highly refined shea butter จะไม่ดีเท่า unrefined shea butter ... ครีมบางตัวเรียกตัวเองว่า shea butter แต่ใส่ shea butter เข้าไปนิดนึง ... จริงๆ แล้ว unrefined shea butter จะดีต่อผิวที่สุด เพราะราคาถูก (แถมคุณภาพสูงสุดอีกด้วย ... เพราะถือว่าธรรมชาติมากที่สุด ... เวลาเลือกก็เลือกที่เรียกว่า 100% shea butter ... กลิ่นเหม็นเขียวหน่อยๆ สีครีมหรือน้ำตาล หรือเหลืองหม่นๆ ... และที่สำคัญเลือกอันที่ผลิตไว้ไม่นานนัก ... จะเป็น shea butter ที่ดีที่สุดนอกจากนี้ shea butter ยังไม่อุดตันรูขุมขนอีกด้วย ... นอกจากนี้ shea butter ยังมี cinnamic acid ในปริมาณสูง ... ซึ่งก็ทำให้ shea butter สามารถเป็นกันแดดในตัวด้วย (แต่กันได้แค่ uvb) ... ถ้าจะต้องตากแดด ... ไปเที่ยวทะเล ... โบ๊ะ shea butter ไว้เป็นดี ... หรือไปนอนอาบแดด ... นอกจากจะทา sunscreen ที่ปกป้อง uva แล้ว ... จะเอา shea butter ไปสักกระปุก ... ให้ใครสักคนถูๆ นวดๆ ให้ ระหว่างอาบแดด ก็คงจะสุขไม่น้อย (ไม่อยากจะจินตนาการเลย)... แถมยังช่วยป้องกันอาการแสบไหม้จาก uvb ได้อีกด้วย ... อะไรจะดีขนาดน้าน