|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
ทำไงให้ลูกได้เรียนวิดวะ
เอางี้ ที่ผมทำมา เมื่อ 20 ปีก่อน
ให้ลูกเข้าโรงเรียน ที่เห็นว่า ดี ในระดับบ้านนอก (เพราะผมอยู่บ้านนอก) เป็นโรงเรียนในกลุ่มเซนต์คาเบรียล เพื่อให้ได้พื้นฐานภาษาอังกฤษ
ตั้งใจว่า ถ้าถึง ม. ต้นอาจให้สอบเข้าโรงเรียนสาธิตที่ใกล้บ้าน ถ้าสอบเข้าสาธิตไม่ได้ ก็ให้เรียนในโรงเรียนนั้นต่อไปถึง จบ ม.ต้น ถ้าจบแล้ว อาจให้สอบเข้าโรงเรียนเตรียมฯ แต่จะไม่ให้เรียน เพราะจะทำเกรดได้น้อย
สิ่งทีเกิดขึ้นจริงคือ ป.1 ป.6 เรียนในกลุ่มเซนต์คาเบรียล ม.1 ม.6 เรียนใน สาธิต ช่วง ป.4 ม.3 ทุกครั้งที่มีนิทัศน์การวิทยาศาสตร์ ผมจะลางาน แล้วขออนุญาตทางโรงเรียน เพื่อพาลูกไปดูนิทัศน์การ เป็นการปลูกฝัง ความสนใจใน วิทยาศาสตร์
....................................................................................................................................
เมื่อเรียน ม. ต้น ได้พยายาม อธิบาย ด้วยเหตุผล ในเรื่อง วิทยาศาสตร์ทั้งหมด ผมต้องอ่านหนังสือเยอะมาก เพื่อมาอธิบายความให้ลูก ส่วนวิชาเลขใน ม.ต้นนั้นไม่ยาก เพียงแต่ต้อง หาคู่มือ หรือ ฉบับเฉลยมาดูและสอนควบคู่ไปด้วย และก็มีบางครั้ง เฉลย ยังผิด แต่มีน้อยมากๆ คุณพ่อคุณแม่ต้องระวังไว้ด้วยครับ ที่สำคัญ ต้องถามลูกก่อนว่า ครูสอน หรืออธิบายมาอย่างไร จะพยายามอธิบายให้สอดคล้องกับครู ไม่งั้น เด็กจะเกรงว่าทำไปแล้วไม่ถูกต้องตามครู
แน่นอน ครูบางคนมีความรู้ในบางสาขา หรือเฉพาะ สาขาไม่แน่น สอนผิดก็มี จึงต้อง บอกลูกไปว่า วิธีนั้นไม่ถูกต้อง ขอให้ทำความเข้าใจหลักการที่ถูกต้องไว้ก่อน (ตามที่ผมสอนมานี้) ส่วนการตอบข้อสอบให้ทำตามแบบครู ครูจะได้ไม่ว่ากล่าวลูกนะครับ
..................................................................................................................................
นอกจากนี้ ยังต้องสอนวิธีการอ่านหนังสือ การท่อง การจำ การคิด การจับใจความสำคัญ การถ่ายทอด หรือเล่าเรื่องโดยย่อ อย่างกระชับ ได้ใจความ หรืออย่างย่อที่สุด โดยยังมีใจความหลักอยู่ครบ
ผมสอนโดย เอานิทาน ง่ายๆ หนึ่งหน้า ครึ่งหน้า มาย่อให้ลูกดู ทำบ่อยๆ กระทั่งเขาพอทำได้
การสอนให้อ่านหนังสือก็เช่นกัน ต้องเริ่มตั้งแต่ยังไม่ไปโรงเรียน อ่านนิทานให้ฟัง อ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟัง อ่านแล้วทิ้งช่วงท้ายๆ ไว้ให้เขาอ่านเอง เขาอยากรู้ตอนจบ ก็จะอ่านเอง ต่อมาอยากอ่านเองทั้งหมด พออ่านแล้ว ก็บอกให้เขาเล้าเรื่องย่อๆ ให้ฟัง ไม่นานก็ทำได้ ไม่ว่าจะย่อได้ห่วยเพียงใด ผมจะชมเสมอ แล้วบอกว่าถ้าจะแก้ไขอีกนิดจะดีขึ้นมาก ไม่เคยฮึดฮัดฟัดเฟียด ไม่เคยถอนหายใจแรงๆ หรือด่าว่า โง่เง่าเต่าตุ่นเลย แม่เพียงครั้งเดียว ขืนต่อว่า ไป ทุกคำพูดมันจะย้อนกลับมาที่ตัวผมน่ะซี
...........................................................................................................................................
ขณะเขาทำงานอะไรอยู่ ผมจะไม่กวน จะไม่ถาม จะอดทนรอกระทั่งเขาทำเสร็จ หากเข้าไปกวน ไปถาม จะทำให้เขาสูญเสียสมาธิ (เรื่องนี้ต้องระวังให้จงหนัก) พ่อแม่ พี่ป้า น้าอาหลายคน ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้
ครั้งหนึ่ง ลูกชายผม กำลังเล่นของเล่นง่วนอยู่ ก็มีช้างตัวโตเดินผ่านถนนหน้าบ้าน ช้างเป็นสัตว์ ที่ไม่ค่อยผ่านมาทางนั้น ทุกคนดีใจรีบเข้ามา ตะโกนบอกลูกผม ว่า เอ้า เร้วววว เร็ว มาดูช้างกัน ช้างตัวโต
พอช้างผ่านไป ผมจึงขอคุยกับทุกคน (ลับหลังลูกผม ว่า ต่อไปไม่ว่า จะมีช้าง หรือไดโนเสาร์ผ่านมา หากลูกผม กำลังทำอะไรทำอะไรง่วนอยู่ ขอความกรุณาอย่าเรียกเขา เพราะจะทำให้เขาสูญเสียสมาธิ )
ก็ได้คำตอบว่า ไม่เห็นเป็นไรเรยยยย ดีซะอีก เด็กจะได้เห็นช้าง คนแบบผมนี่แปลกคนจริงงงงๆๆ ที่ไม่ยอมให้ลูกดูช้าง
สุดท้าย ผมจึงขอร้องว่า นี่เป็นลูกผม กรุณา ให้เกียรติกับผมด้วย เพราะเขาจะอยู่กับผมไปอีกนาน นิสัยใจคอ ความเอาใจใส่ และสมาธินั้น ต้องสร้างแต่เยาว์วัย ถ้าเขาสนใจช้างจริงๆ เดี๋ยวเสาร์นี้ผมจะพาไปสวนสัตว์ ด้วยตัวผมเอง
เรื่อง สมาธิจดจ่อในงานที่ทำนั้น สำคัญมาก พ่อแม่หลายคนไม่ระวังระไว เรื่องนี้ พอลูกโตขึ้น ก็บอกว่า เด็กมันแย่ มันไม่มีสมาธิ สอนเท่าไหร่ไม่รู้จักทำตาม อ้าวเป็นซะอย่างนั้น
.........................................................................................................................
ครั้งใดที่ลูกผมทำโจทย์ เลข โจทย์วิทย์ ยากๆไม่ได้ ผมจะลองอ่านโจทย์ดู สองสามรอบ ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ที่กระบวนการคิด แต่เป็นการไม่เข้าใจโจทย์ โดยเฉพาะ โจทย์ เลขที่เขียนแบบไม่มีวรรคตอน ไม่มีการเรียงลำดับ ในแบบหลักภาษาไทยที่ถูกต้อง ทำให้เด็กไม่เข้าใจว่า โจทย์ถามอะไร พอเอาโจทย์ มาเขียนใหม่ แบบภาษาชาวบ้าน แล้วเพิ่มวรรคตอนเข้าไป
ไม่ก็วาดรูปเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นพวก ให้เขาดู เขาจะเข้าใจโดยง่าย ถ้ายังไม่เข้าใจจริงๆ ผมจะเปลี่ยนโจทย์ให้ง่ายลง กระทั่งลูกทำได้ (บนพื้นฐานของกระบวนการคิด การแก้ปัญหาแบบเดียวกัน) พอทำอย่างง่ายได้ ก็บอกว่า โจทย์ ในข้อนั้นๆ เป็นแบบเดียวกัน แต่ตัวเลขต่างกัน ผลคือ เขาก็ทำได้ แล้วยิ้มออก ผมจะชมเสมอ ไม่เคยตำหนิเลย การตำหนิเด็กเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่พ่อแม่จะต้องละเว้น ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ยิ่งการพูดเชิงเปรียบเปรย การกระแหนะหระแหน๋ นั้น ทำร้ายจิตใจเด็กอย่างมหันต์ โดยพ่อแม่ไม่รู้ตัว ขอให้ละเว้นเสีย ตั้งแต่วันนี้
............................................................................................
พอพ้น ม.ต้น ขึ้นม.ปลาย ถือว่าเป็นเวลาทอง ทุกวินาที การที่จะเริ่มเรียน ม.ปลายได้ดี ต้องมีพื้นฐานม.ต้นที่แน่น
เดี๋ยวนี้ ถ้าเด็กพร้อม และสติปัญญารับได้ ควรปู ม.4 ตั้งแต่ ม.3 ครับ ยิ่งช่วง summer ม.3 ต่อ ม.4 จะต้อง เริ่ม กระบวนการวิ่งทน แล้ว โดยให้เรียน เตรียม ม.4 ทุกวิชา ไว้ก่อน เพื่อเมื่อขึ้น ม.4 จริงๆ จะได้เรียนได้ดี ล้ำหน้าเพื่อน และล้ำหน้าคู่แข่งภายนอก อีก 150,000 คน (ตัวเลขจากเด็กที่สมัครสอบ A-net สายวิทย์)
การศึกษากฎเกณฑ์ การสอบคัดเลือก หรือวิธีการรับเด็กเข้าเรียนต่อ ของ U ต่างๆ นั้นสำคัญมาก เช่นต้องสอบ วัดทัศนคติ ต่อการเป็นบุคลากรสายวิทยาศาสตร์สุขภาพนะ ต้องได้วิชานั้น โน้น นี่ ไม่ต่ำกว่า 30 % นะ ที่สำคัญ เกรดในม.ปลายต้องได้ 3.5 ขึ้นไป จึงจะมีความสามารถในการแข่งขันได้ดี
การติว การแนะแนว และการเลือก ครูที่เข้าติว เป็นสิ่งสำคัญมาก จะตามกระแส ตามเพื่อนๆ ไม่ได้ เพราะเรามีเป้าชัดเจนอยู่แล้ว ให้เลือก เป้าหมายเป็นสำคัญ ไม่เลือก เส้นทางเป็นสำคัญ
ลูกผมเคยไปติวกับอาจารย์ อุ๊ ซึ่งเป็นสุดยอดกระบี่มือหนึ่งทางเคมี ผลคือ ลูกผม ไม่เข้าใจ เพราะต้องจดจ่ออยู่กับมอนิเตอร์ ยกมือถามไม่ได้ ต้องเปลี่ยนที่เป็น กลุ่มเล็กๆ กับครูสองคน
วิชาอื่นๆ ก็เช่นกัน ติว สองแห่งขึ้นไป เป็นกลุ่มใหญ่ที่หนึ่ง และกลุ่มเล็กอีกที่หนึ่ง กลุ่มเล็กนั้น เพื่อให้ได้ถามตอบ อธิบายความโดยง่าย กลุ่มใหญ่เพื่อให้ได้ concept ที่เป็นมาตรฐาน
ลูกชายผม อยู่สาธิตได้เกรด 2.25 ซึ่งน้อยมาก พอขึ้น ม.6 จึงวางแผนให้ลาออก แล้วมาสมัครเข้า โรงเรียนหนองหมาว้อ จบจากหนองหมาว้อ ด้วยเกรด 3.50 ทำให้คะแนน GPA ดีขึ้นมาก (ตรงนี้ เป็นคำตอบของ คำว่า เลือก aim ไม่เลือก means เนื่องจากเขา บอกว่า เขาอยากเรียน วิดวะคอม ตั้งแต่อยู่ ม.2 แล้ว วิดวะคอมคือ เป้า หมายที่เขาอยากได้ ผมจึงวางแผนการติว การสอนนอกห้องเรียน ให้เป็นไปตามที่เขาเป็นคนตั้ง aim ไว้)
พอได้ GPA มากพอที่จะเอาไป รวมกับคะแนน สอบเอนท์ได้ เป็นคะแนนรวม มากพอที่จะเข้าวิดวะจุฬาได้ (เขาอยากเรียน วิดวะคอม) แต่เขาเลือกเรียนที่พระจอมเกล้า เพราะเห็นว่า การว้ากน้อย ถ้าไม่เข้าร่วมก็ไม่ถูกคุกคาม ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม และไม่มีการตัดรุ่นด้วย ยังรักกันดี
การวางแผน และการศึกษากฎกติกานั้นสำคัญมาก ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นต้อง ฝีกฝนให้เด็ก เป็นคนขยันแต่ครั้งยังเล็กๆ จะมาฝึกเอาตอนโตนั้นไม่เป็นผลครับ
คงเป็นประโยชน์ บ้างตามสมควร นะครับ
Create Date : 13 มกราคม 2552 |
Last Update : 13 มกราคม 2552 12:22:12 น. |
|
14 comments
|
Counter : 4889 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: iCeLadyzInW วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:03:30 น. |
|
|
|
โดย: MM IP: 125.26.152.20 วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:21:49:44 น. |
|
|
|
โดย: bluemoon IP: 58.10.149.123 วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:22:02:09 น. |
|
|
|
โดย: น้าพร IP: 222.123.23.23 วันที่: 4 มิถุนายน 2552 เวลา:4:10:14 น. |
|
|
|
โดย: ก้อย IP: 124.157.129.141 วันที่: 2 กันยายน 2552 เวลา:15:28:14 น. |
|
|
|
โดย: iamfirst IP: 117.47.116.220 วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:0:39:17 น. |
|
|
|
โดย: nn2704 IP: 124.122.210.241 วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:22:12:24 น. |
|
|
|
โดย: ใฝ่ดี คิดดี ๆ กระทำดี ผลจะดี IP: 58.9.134.45 วันที่: 11 พฤษภาคม 2554 เวลา:18:06:24 น. |
|
|
|
โดย: nana36 IP: 58.9.208.213 วันที่: 13 กรกฎาคม 2554 เวลา:13:36:17 น. |
|
|
|
โดย: น้าพร IP: 223.204.21.14 วันที่: 31 กรกฎาคม 2554 เวลา:4:49:45 น. |
|
|
|
โดย: หลิง IP: 180.183.35.75 วันที่: 30 กันยายน 2555 เวลา:21:34:03 น. |
|
|
|
โดย: น้าพร วันที่: 8 ธันวาคม 2555 เวลา:0:22:19 น. |
|
|
|
โดย: ต้องการนักศึกษาเอกคณิต สอนที่บ้าน ด่วน 0909169827 IP: 27.55.129.201 วันที่: 2 มีนาคม 2558 เวลา:17:45:19 น. |
|
|
|
โดย: ต้องการนักศึกษาเอกคณิต สอนที่บ้าน ด่วน 0909169827 IP: 27.55.129.201 วันที่: 2 มีนาคม 2558 เวลา:17:45:19 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ป่าป๊า >_______<