สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ

เรื่อง กล้วยๆ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ให้คำตอบว่า กล้วยมีหลายชนิดแต่ขอแบ่งง่าย ๆ เป็น 2 กลุ่ม คือ





1.กล้วยสุกแข็ง มีน้อยพันธุ์หน่อย เป็นกล้วยที่สุกอย่างไรเนื้อก็ยังแข็งเป็นแป้งอยู่ ได้แก่ กล้วยหักมุก และ “กล้าย” กล้าย นี้เป็นของดี เพิ่งหายไปจากเมืองไทยสักราว 20 ปีมานี้เองผู้ ใหญ่สักหน่อยท่านจะรู้จัก หน้าตาเหมือนกล้วยหักมุกแต่ลูกใหญ่เท่าแขนสีออกแดงคล้ายกล้วยพม่า เนื้อข้างในเป็นแป้งเช่นกัน กล้วยสุกแข็ง เหมาะกับคนเป็นเบาหวานและโรคกระเพาะอาหาร เพราะมีแป้งดีมีประโยชน์อยู่ในเนื้อกล้วยและน้ำตาลไม่ดูดซึมเร็วไปเนื่องจากกากมาก

2.กล้วยสุกนิ่ม ได้แก่ กล้วยน้ำว้า กล้วยตานี กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ กล้วยหอม ฯลฯ กล้วยสุกนิ่ม เหมาะกับคนทั่วไป ให้กินได้อย่างน้อยวันละ 1 ลูก มีธาตุลดความดัน คือ โพแทสเซียม เยอะดี และไม่ต้องกลัวอ้วนด้วยเพราะในตัวมันมีกับดักน้ำตาล หรือ ใยเพ็กติน อยู่

กล้วยมีวิตามินเพียบ หลัก ๆ คือ

วิตามินเอ โดยเฉพาะกล้วยไข่เนื้อเหลืองอ๋อย มีวิตามินเอสูงสุด

น้ำตาลกล้วย ที่ดูดซึมเร็วให้พลังงานง่าย สังเกตจากนักเทนนิสอย่าง เฟเดอเรอร์ นาดาล ร็อดดิก กินกล้วยหอมลูกหนึ่งก่อนเปิดเซต

ตัวดักน้ำตาลกับไขมัน คือ เส้นใยชื่อ เพ็กติน มีในแอปเปิ้ล ฝรั่งให้กินแอปเปิ้ลวันละลูก แต่เรากินได้จากกล้วย

ธาตุลดความดัน (โพแทสเซียม) เป็น ความดันควรกินวันละลูก

วิตามินซี วิตามินอี และอื่น ๆ อีกมาก

ถ้าจะกินให้ดีบำบัดโรคได้ อยากให้กิน กล้วยน้ำว้าสักวันละลูก แต่ถ้าเป็นโรคกระเพาะ ก็ควรกิน “กล้วยหักมุก” เพราะ “กล้วยสุกแข็ง” จะดีกว่าตรงที่ว่ามีส่วนแป้งที่มีประโยชน์คุ้มครอง กระเพาะได้ แถมกินแล้วน้ำตาลไม่ขึ้นสูงเกิน ไปด้วย

ในคนที่ห้ามกินกล้วย คือ คนที่เป็นโรคไต เพราะโพแทสเซียมในกล้วยจะคั่งในเลือดแล้วทำให้หัวใจหยุดเต้นได้

กินมากมีโทษหรือไม่? นพ.กฤษดา บอกว่า ถ้าเป็นเบาหวาน ไม่ควรกินมากเกินวันละลูกเดี๋ยวน้ำตาลพุ่ง

กล้วยแต่ละชนิดราคาถูกแพงแตกต่างกัน แล้วจะเลือกแบบไหนดี? นพ.กฤษดา กล่าวว่า เลือกกล้วยถูกกินก็ได้ ไม่จำเป็นต้อง เลือกกล้วยแพงเลย โดยขอให้เลือกกล้วยยิ่งเนื้อสีจัดหน่อยจะดี เช่น กล้วยไข่เนื้อเหลืองอ๋อย หรือดูจากเปลือกให้เหลืองสุกหน่อย

ถ้าป่วยเป็นโรคกระเพาะให้หา “กล้วยหักมุก” มาเผากินก็ได้ เหมือนคนสมัยก่อนที่ท่านเผากล้วยหักมุกให้กินเวลาเจ็บไข้ ไม่สบาย ช่วยได้ เพราะ “โพแทสเซียม” ในกล้วยช่วยลดไข้ได้

ท้ายนี้อยากฝากสูตรไว้สำหรับท่านที่เป็น “โรคกระเพาะ” หรือ “กรดไหลย้อน” เพราะเป็นกันมาก ให้นำกล้วยน้ำว้าดิบมาฝานเป็นแว่น ๆ ตากแดดสักสองแดดจนแห้ง แล้วเอามาตำเป็นผง หน้าตาคล้ายคอฟฟี่เมทเก็บใส่กระปุกไว้ชงดื่มมื้อละ 2 ช้อนโต๊ะวันละ 3 มื้อ บางทีโรคกระเพาะเรื้อรังที่ไม่หายจนต้องส่องกล้องก็หายไปได้เองอย่างน่าประหลาด.



ขอบคุณข้อมุลจาก//www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=532&contentId=33302




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2552
0 comments
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2552 9:15:13 น.
Counter : 3268 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
26 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.