สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ

อะไรคือ ไขมันร้าย ไขมันดี ไตรกลีเซอไรด์





พูดถึงโคเลสเตอรอลกันให้ละเอียดลึกซึ้ง นอกจากจะมี
ทั้งประโยชน์และโทษดังกล่าวแล้ว แต่ถ้าพูดให้ชัดลง
ไปว่า แล้วเจ้าตัวที่เป็นผู้ร้ายจริง ๆ คือตัวไหนกันแน่
เปรียบเหมือนพูดถึงรถยนต์บนท้องถนนทั้งหมด คือ
โคเลสเตอรอลรวม ก็มีรถที่คอยปล่อยควันดำ
ทิ้งขยะ น้ำมันเครื่องลงท้องถนน ซึ่งถูกเรียกว่า
ไขมันร้าย (Bad cholesterol) มีลักษณะโครงสร้าง
ที่ใหญ่และมีความหนาแน่นต่ำ จึงเรียกเป็นศัพท์
การแพทย์ว่า Low density lipoprotein
ย่อว่า LDL-Cholesterol (LDL-C)


LDL-C นี้เอง คือผู้ร้ายตัวจริง ยิ่งมีมากก็ยิ่งก่อปัญหา
หลอดเลือดอุดตัน ในทางกลับกันโคเลสเตอรอลอีก
ประเภทหนึ่งซึ่งมีความหนาแน่นสูง เรียกว่า High
density lipoprotein (HDL) เป็นพระเอกของร่างกาย
เรา หรือ ไขมันดี (good cholesterol) เปรียบเหมือน
รถขนขยะของกทม. คอยเก็บของเสียหรือไขมัน
ส่วนเกินจากผนังหลอดเลือดกลับคืนสู่กระแสเลือด
และนำไปยังโรงงานแปรรูปกำจัดขยะ คือ ตับ เพื่อ
เปลี่ยนสภาพจากไขมันโคเลสเตอรอล ให้กลายเป็น
น้ำดีเพื่อใช้ย่อยไขมันต่อไป


ทีนี้ทำอย่างไร เราจึงจะทราบตัวเรานี้มีระดับ LDL
และ HDL สูงมากน้อยเท่าไร ก็ต้องหยิบกระดาษ ดินสอ
มาบวกลบเลขกันสักเล็กน้อย


โดยปกติการเจาะเลือดนั้น จะสามารถทราบระดับของ
โคเลสเตอรอลรวม (Total cholesterol) ไตรกลีเซอไรด์
(Triglyceride) ซึ่งเป็นไขมันอีกชนิดหนึ่งและ HDL ได้
และนำมาคำนวณโดยอาศัยสูตรดังนี้ คือ


LDL –C = Total cholesterol – (Triglyceride/5)
HDL ค่าปกติของ LDL ไม่ควรเกิน 160 มก.% ในคน
ปกติ และไม่เกิน 130 มก.% ในผู้ที่เป็นโรคเส้นเลือด
หัวใจตีบ ส่วน HDL ที่ดีควรมีค่าเกินกว่า 45 มก.%


ถ้าต้องการจะลดระดับ LDL-C ในเลือดนอกจากลดการ
บริโภคอาหารที่มีโคเลสเตอรอลดังว่ามาแล้ว พบว่า
การลดอาหารที่มีระดับกรดไขมันอิ่มตัวสูงจะมีส่วนลด
ระดับ LDL ได้ด้วย ซึ่งเจ้าไขมันที่อิ่มตัวที่ว่านี้นอกจาก
จะพบในไขมันสัตว์แล้ว ในน้ำมันพืชบางประเภท เช่น
น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กะทิ จะมีไขมันประเภทนี้
สูง ที่น่าวิตกก็คือ ผลิตภัณฑ์อาหารส่วนใหญ่ที่เรา
และลูกหลานของเรากำลังบริโภคกันอยู่อย่างเอร็ด
อร่อย ไม่ว่าจะเป็นไก่ทอด มันทอด แมคโดนัลด์
KFC อาหารจานด่วน ต่างก็ประกอบจากน้ำมันที่ว่านี้
ทั้งนั้น เพราะราคาถูกแถมไม่ค่อยเหม็นหืนเสียอีกด้วย
มีการศึกษาที่พบว่าระดับ LDL-C ของคนในภูมิภาคเอเชีย
กำลังเพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตก หลังจากร้านอาหารข้ามชาติ
ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด และเป็นที่นิยมชื่นชอบของวัยรุ่น
และคนทำงานทั่วไป จนกลายเป็นวัฒนธรรมการบริโภค
ของคนยุคใหม่ไปแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจว่าโรคเส้นเลือด
หัวใจอุดตันยิ่งเป็นกันมากขึ้น และยิ่งพบในคนอายุ
น้อยลงกว่าเมื่อสมัยก่อน


จะเลือกใช้น้ำมันอะไรดี


ถ้าคุณเลือกได้ ควรเลือกอาหารที่ปรุงจากไขมันชนิดที่
ไม่อิ่มตัว ประเภทที่มีขายกันอยู่ทั่วไปและราคาไม่แพงมาก
เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด ทานตะวัน น้ำมันงา
ประเภทนี้เรียกว่าไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน อีกประเภทที่จะ
เรียกว่าดีที่สุดก็คือ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดียวซึ่งพบมากใน
น้ำมันมะกอก (ไม่ใช่ที่เอาไว้ทาตัวหรือใส่ผม) ซึ่งเป็นน้ำมัน
ที่ต้องนำเข้า มักมีที่มาจากยุโรป และอเมริกา สนนราคา
ช่วงนี้คงจะแพงพอสมควร ก็อาจจะใช้เป็นน้ำมันถั่วเหลือง
ทานตะวัน ฯลฯ ที่มีขายกันอยู่ทั่วไปพวกนั้นจะเหมาะสมกว่า
สามารถช่วยลดระดับ ไขมันร้าย LDL ลงได้ประมาณ 12%


มีผลิตภัณฑ์อีกประเภทหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าน่าจะได้
ประโยชน์กับคนที่อยากทานเนยแต่กลัวไขมันสูง เลยทาน
เป็นรูป เนยเทียมหรือมาการีนแทน ปรากฏว่ามีสารประเภท
หนึ่งที่เรียกว่า Trans fatty acid ซึ่งเกิดจากกระบวนการ
แปรรูปไขมัน ที่ต้องอาศัยความร้อนสูงมาก และมีการเติม
อะตอมของ ไฮโดรเจนเข้าไป (Hydrogenation) ทำให้
จุดเดือดของไขมันสูงขึ้น และสามารถจับเป็นก้อนที่
อุณหภูมิห้อง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้นอกจากเนยเทียม ยังพบ
ในครีม ขนมกรอบ เวเฟอร์ เมื่อบริโภคเข้าไปจะทำให้ผล
ในการลด LDL เหลือเพียง 5% แต่ที่สำคัญคืออาจลดระดับ
ของ HDL ซึ่งเป็นไขมันดีลงไปได้ด้วย


คราวนี้ต้องถึงคราวพระเอก HDL ของเราบ้าง ทำอย่างไรเล่า
จึงจะทำให้ HDL มีระดับเพิ่มขึ้น คงไม่มีปัญหาในคนที่มีระดับ
สูงอยู่แล้ว แต่ในคนที่ระดับต่ำ (น้อยกว่า 35 มก.%) จะทำ
อย่างไรกันดี


วิธีการที่จะช่วยเพื่ม HDL ก่อนที่จะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อ
รับยาดังต่อไปนี้


- หมั่นอออกกำลัง แบบแอโรบิค 30-40 นาทีอย่างน้อย
อาทิตย์ละ 4 วัน
- หยุดสูบบุหรี่ เพราะสารในบุหรี่ลดระดับ HDL
- บางารายงาน เครื่องดื่มประเภทไวน์วันหนึ่งไม่เกิน 1 แก้ว
จะสามารถเพิ่มระดับ HDL ได้ ซึ่งก็ต้องเป็นไวน์แดง แต่ก็
ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัด และแพทย์ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อย
เห็นด้วยที่จะแนะนำให้ผู้ป่วยหันมาดื่มแอลกอฮอล์ เพราะ
ส่วนมากมักจะเลยเถิด (เกิน 1 แก้ว) พลอยเป็นโรคตับแข็ง
โรคความดันสูง ต่อไปอีก


มีข้อมูล จากวารสาร Circuiation พบว่าการบริโภคน้ำ
องุ่นแดงวันละประมาณ 600 ซีซี ก็สามารถให้ผลที่น่า
พอใจ แม้จะมากไปหน่อย ก็เทียบได้กับการดื่มไวน์
เหมือนกันซึ่งเรื่องนี้อันที่จริงมันไปเกี่ยวข้องกับสาร
ประเภทหนึ่ง คือ Flavonoids ซึ่งพบมากในผิวของ
องุ่นแดง สารตัวนี้จะทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
(Antioxidant) ซึ่งจะคอยป้องกันไม่ให้โมเลกุลของ LDL
เข้าไปทำอันตรายต่อเยื่อบุชั้นในของหลอดเลือด ซึ่งจะ
ช่วยป้องกันการเกิดหลอดเลือดแข็งตัวได้





 

Create Date : 28 มกราคม 2552
1 comments
Last Update : 28 มกราคม 2552 8:50:59 น.
Counter : 1078 Pageviews.

 

 

โดย: น้องเมย์น่ารัก 22 กรกฎาคม 2557 11:12:45 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.