แบบนี้เองหรอที่เรียกว่าครอบครัว
กลับมาจากเชียงใหม่เรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ ตั้งแต่บ่าย แต่ว่าทั้งบลูและรินต่างหมดแรงหลับกันไปก่อนเพอ่งมาตื่นเอาเมื่อตอนหัวค่ำนี้เองค่ะ ตอนแรกก็ไม่ได้กะว่าจะไปกันหรอกค่ะแต่พอดีเช็คแล้วเอตารางบินเราก็ไม่มีนี่นา แถมพ่อยังโทรทางไกลมาถามว่า หยุดยาวแบบคนอื่นเขาหรือเปล่า จะชวนมาเที่ยวเชียงใหม่ เลยตัดสินใจชวนรินจองตั๋วเครื่องบินแล้วไปกันวันรุ่งขึ้นเลยล่ะค่ะ
พอไปถึงเชียงใหม่ พ่อกับน้องสาวบลูมารอรับอยู่แล้ว ตอนอยู่กรุงเทพแปลกใจตัวเองที่ไม่รู้สึกคิดถึงพ่อเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ทำไมพอเห็นพ่อมารับแล้วรู้สึกดีใจจนน้ำตาไหลต้องวิ่งเข้าไปกอดพ่อได้ก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่โดยนิสัยบลูแล้วจะไม่ค่อยทำแบบนี้ซักเท่าไหร่ กับแม่เองก็ยังแทบไม่เคยเข้าไปกอดมานานแล้วอาจเป็นเพราะชินกับการเก็บความรู้สึก และคุ้นกับการไม่ต้องแสดงความรักกะใครมากนัก น้องสาวคนสวยของไมก็มารับด้วยล่ะค่ะ เป็นน้องใหม่ มช หมาดๆ
บ้านพ่อบลูไกลจากตัวเมืองออกไปพอดูค่ะ แต่ไกลแค่ไหนก็ไม่รู้เพราะบลูไม่ใช่คนแถวนี้แหะๆ ไปถึงบ้านเจอแม่เลี้ยงบลูที่จัดเตรียมห้องพักไว้ให้เรียบร้อยแล้วถึงจะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังดูสวยอยู่เลยล่ะ มีคนพูดว่าคนเหนือใจดีเห็นจริง เพราะบลูไม่เห็นทีท่าของการรังเกียจบลูซึ่งเป็นลูกเลี้ยงเลยแม้แต่น้อย แถมในช่วงที่บลูไปเรียนญี่ปุ่นก็เป็นช่วงที่พ่อกับเค้ากำลังสร้างเนื้อสร้างตัวกันพอดีแถมตัวเองก็มีลูกที่กำลังจะโตอีก แต่ก็ยังเจียดเงินส่งไปให้บลูใช้
พ่อกัน้องสาวพาบลูไปที่ห้องนอน เป็นห้องที่มีระเบียงเดินออกมาชมวิวได้เลย นับว่าสวยถูกใจมาก พ่อบอกว่าตอนพ่อสร้างฐานะจนสร้างบ้านหลังนี้ได้ พ่อก็ตั้งใจว่าจะสร้างห้องนี้ไว้ให้บลู หวังไว้ว่าซักวันบลูจะเข้ามาพัก บลู฿ได้ฟังแล้วก็รู้สึกตื้อในลำคอกับสิ่งที่ได้ยิน ตลอดมานับแต่พ่อเลิกกะแม่ บลูได้แต่เฝ้าบอกตัวเองว่าพ่อไม่รัก และโทษว่าที่ตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพต้องอยู่ด้วยตัวคนเดียวมาตลอดนั้นเป็นเพราะพ่อ แม่ว่าในที่สุดแล้วเราจะได้ปรับความเข้าใจกัน แต่ความรู้สึคกผิดที่โยนความผิดทุกอย่างไปให้พ่อก็ยังคงอยู่ พ่อยังพูดติดตลกอีกว่า พ่อรอไม่นานอย่างที่คิด ตอนแรกกะไว้ว่าคงอีกซัก 10 ปี บลูอาจจะหายโกรธและยอมมาพักที่ห้องนี้ก็ได้ นี่พ่อรอแค่ 5 ปีเอง
ช่วงเย็นน้องสาวพาบลูกับรินไปเดินรินที่เค้าเรียกวส่าถนนคนเดินน่ะค่ะ ดูรินจะกรี๊ดกร๊าดไปกับของแทบทุกอย่างที่วางขาย โดยมีน้องสาวบลูร่วมด้วยช่วยต่อราคา ส่วนบลูก็เอนจอยกับบรรดาของกินทั้งหลายอย่างเต็มที่ค่ะ โน่นก็น่ากิน นี่ก็น่าอร่อย
สรุปกว่าจะได้เข้าบ้าน ก็พะรุงพะรังไปด้วยข้าวของค่ะ ส่วนบลูพุงกางอิ่มค่ะ จากการที่บลูได้มาอยู่บ้านพ่อหลายวันสิ่งหนึ่งที่บลูได้สัมผัส และนับว่าเป็นความแปลกใหม่สำหรับบลูคือสิง่ที่เรียกว่าครอบครัว พ่อ แม่ ลูก กินข้าวด้วยกัน หยอกล้อกัน พี่น้องคุยเล่านกันอย่างสนิทสนม สิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นสิ่งที่บลูไม่เคยเจอ และไม่คิดว่าตนเองจะได้รับ
การที่บลูเป็นแค่ลูกของพ่อ ไม่ได้ทำให้แม่เลี้ยงบลูรังเกียจรังงอนอะไร กลับเอาใจใส่เป็นอย่างดี อย่างกับลูกสาวคนหนึ่ง และการที่บลูคนละแม่กับฟ้าไ ม่ได้ทำให้ความห่างเหินของสิ่งที่เรียกว่าสายเลือดเดียวกันเจือจางลง บนโต๊ะอาหาร นี่คือครอบครัวที่บลูไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัส มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ เก้อเขินปนกับตื้นตันใจ มีคำหนึ่งเคยพูดว่าว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าครอบครัว เพราะเมื่อใดที่เราอ่อนแรง ครอบครัวจะเป็นกำแพงให้เราพักพิง
พ่อพาบลูไปดูโปสการ์ดบลูส่งมาให้ตอนไปเ้รียนที่ญี่ปุ่นตลอด 5 ปี 5 ปีของการไปใช้ชีวิตในแดนไกล บลูตอบแทนพ่อที่ส่งเสียบลูด้วยโปสการ์ดทั้งหมด 6 ใบ ปีละ 1 ใบเนื่องในวันปีใหม่ และอีกหนึ่งใบเมื่อเรียนจบ ทุกใบพ่อห่อพลาสติคเก็บไว้อย่างดี แต่ละใบเขียนเพียงคำสั้นว่า สวัสดีปีใหม่ ขอให้พ่อมีความสุข แม่จา(แม่เลี้ยงบลูค่ะ) บอกว่า พอชอบเอาโปสการ์ดพวกนี้มาอ่านมาดูครั้งละนานๆเสมอๆ แม่จาแอบกระซิบว่า เวลาพ่ออารมณ์เสียเรื่องอะไรมาละก็ แค่แม่จาแกล้งเอาโปสการ์ดของบลูมาวางให้พ่อเห็น พอพ่อหยิบมาดูไม่นานพ่อจะอารมณ์ดีขึ้นมาเอง คิดแล้วตัวเองช่างเป็นลูกที่แย่จังเลยในตอนนั้น
แสงดาวที่เมืองเหนือ ดูจะสดใสกว่าในกรุงเทพ พระจันทร์ดวงโต กับสาวหน้าหวานที่นอนพิงไหล่ดูพระจันทร์ด้วยกันอยู่ข้างๆ บางครั้งการได้รับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย ก้ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าคำพูดนับร้อยพัน นี่อาจะเป็นคำว่าครอบครัวที่บลูพูดได้เต็มปากหรือเปล่านะว่าเป็นครอบครัวของลบลู ครอบครัวที่ถึงแม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ก็ยังยึดโยงกันไว้ดว้ยความรัก และความห่วงหาอาทร ครอบครัวที่พี่น้องไม่ทำตัวเหมือนคนแปลกหน้าระหว่างกัน ครอบครัวที่บลูไม่ต้องรู้สึกว่าบลูกับน้องไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน เหมือรนกับที่บลูต้องเจอเวลาที่เจอหน้าน้องชายต่างพ่อที่มีแต่ความเฉยเมย และการทำตัวเหมือนกับว่าบลูไม่มีตัวตนในบ้านหลังนั้น
วันนี้บลูกลับมาจากเชียงใหม่ด้วยความรู้สึกว่าเจอแล้วล่ะ กับคำว่าสายเลือดเดียวกัน พบแล้วล่ะกับคำว่าพี่น้อง พ่อกับน้องฟ้ามาส่งบลูที่สนามบินอีกครั้ง ฟ้าออกจะเสียงเครือในยามที่เราเอ่ยคำลา แต่อย่างน้อยเราก็จากลากันดว้ยรอยยิ้ม เพราะรู้ดีว่า เราจะได้เจอกันอีก เราจะพบกันได้เสมอโดยไม่ต้องมีอะไรมาปิดกั้นความรู้สึก รินกับบลูเดินมาขึ้นเครื่องบินกันสองคนเหมือนกับจะบอกว่า เราสองคนกำลังเดินทางกลับมายังโลกของตัวเอง โลกที่ครอบครัวคือเราสองคนที่รักกัน แต่ในใจทั้งบลูรินต่างก็ตระหนักดีว่า ยังมีโลกอีกใบหนึ่งรอการกลับไปของเราอยู่เสมอ เป็นที่ๆจะมั่นใจได้ว่าจะอ้าแขนต้อนรับเราด้วยรอยยิ้มตลอดไป...
ตอนนี้สาวหน้าหวานคนนี้มานั่งเคลียคลออยู่บนตัก(หนักนะ) พลางบ่นว่า เขียนเร็วจังอ่านไม่ทัน วันนี้บล๊อคคงต้องจบแต่เพียงเท่านี้ เพราะคนเขียนขาเริ่มเป็นเหน็บ แถมยังโดน ก่อกวนจากแม่สาวญี่ปุ่นโรคจิตอีกคนนี้อีก สำหรับคืนนี้ฝันดีราตรีสวัสค่ะ
Create Date : 20 กรกฎาคม 2551 |
|
6 comments |
Last Update : 20 กรกฎาคม 2551 23:05:16 น. |
Counter : 878 Pageviews. |
|
|
|