สยาม-เพลินจิต-ชิดลมยังครองแชมป์ราคาที่ดินแพงสุดในกทม.
AREA เผยราคาที่ดินในกทม.ปรับสูงขึ้นเฉลี่ย 3.7% โดยเฉพาะทำเลแนวรถไฟฟ้าและส่วนต่อขยาย ในขณะที่ย่านสยาม-เพลินจิต-ชิดลมยังครองแชมป์ที่ดินแพงสุด
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) กล่าวว่าจากการสำรวจการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประจำปี พ.ศ.2555 พบว่า ราคาปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 3.7% โดยพื้นที่ที่มีการปรับสูงสุดคือบริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่ง 14.9% และบริเวณรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินหัวลำโพง-บางแค ปรับเพิ่มขึ้น 14% รองลงมาได้แก่รถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ ที่ราคาปรับขึ้น 11.5% โดยราคาที่ดินตลอดแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้งหมดปรับเพิ่มขึ้น 12%
สำหรับราคาที่ดินบริเวณกรุงเทพฯ ชั้นใน เช่นเขตศูนย์กลางธุรกิจ อาทิ ย่านสีลม รัชดา-พระราม 3 รัชดา-ห้วยขวาง ราคาปรับเพิ่มขึ้น 9.6% บริเวณกรุงเทพชั้นกลางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น ลาดพร้าว-บางกะปิ ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้น 5.2% ส่วนฝั่งตะวันออก เช่น พุทธมณฑล ภาษีเจริญ ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้น 5% อย่างไรก็ตามในส่วนพื้นที่รอบนอกราคาปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เช่น บริเวณด้านเหนือแถบรังสิตราคาปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2.6%
ราคาที่ดินที่แพงที่สุดจากการสำรวจนี้ยังคงเป็น บริเวณสยามสแควร์ เพลินจิต ชิดลม ที่ราคาอยู่ที่ตารางวาละ 1,500,000 บาท รองลงมาได้แก่ ที่ดินบริเวณถนนวิทยุ และสุขุมวิทช่วงต้นระหว่างซอย 1-21 ราคาตารางวาละ 1,300,000 บาท ส่วนบริเวณสีลม และราชดำริ ราคาตารางวาละ 1,250,000 บาท
ในขณะที่บริเวณที่ราคาที่ดินถูกที่สุดได้แก่ ถนนเลียบคลอง 13 โดยมีราคาอยู่ที่ตารางวาละ 2,500 บาท หรือไร่ละ 1,000,000 บาท ถัดมาคือบริเวณศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ตารางวาละ 4,600 บาท เนื่องจากเป็นย่านที่ไม่ค่อยมีการพัฒนาด้านสาธารณูปโภคมากนัก
สำหรับราคาที่ดินที่เพิ่มสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาได้แก่ บริเวณหลักสอง (เดอะมอลล์) ราคาเพิ่มขึ้นจากตารางวาละ 105,000 บาท เป็นตารางวาละ 140,000 บาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น 33% ส่วนบริเวณที่ราคาลดลงมากที่สุดคือบริเวณเลียบคลอง 13 ซึ่งลดลงจากตารางวาละ 3,500 บาท เป็นตารางวาละ 2,500 บาท หรือลดลง 28.6% ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา รองลงมาคือบริเวณตรงข้ามศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ราคาลดลงจากตารางวาละ 5,500 บาท เหลือตารางวาละ 4,600 บาท หรือลดลง 16% ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา