กรุงเทพฯติดอันดับเมืองน่าลงทุนของภูมิภาค


ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส ประเทศไทย (PwC) เผยจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซียเป็นเมืองที่น่าลงทุนมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2556 แซงหน้านครเซี่ยงไฮ้ของจีนและสิงคโปร์ หลังปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ GDP เติบโตแข็งแกร่ง อัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ขณะที่กรุงเทพมหานครติดโผเป็นอันดับที่ 6

จากรายงาน Emerging Trends in Real Estate® Asia Pacific 2013 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง PwC และ The Urban Land Institute โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุน ผู้จัดการกองทุน บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ผู้ให้เช่า ตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์ ผู้ให้คำแนะนำและผู้ให้คำปรึกษาชั้นนำกว่า 400 ราย ผ่านการสัมภาษณ์และการทำแบบสอบถามเกี่ยวกับแนวโน้มและการคาดการณ์ในการลงทุนด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนทิศทางในการพัฒนาตลาดอุตสาหกรรมดังกล่าวในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกพบว่าเมืองหลวงของอินโดนีเซียขยับขึ้นมาจากอันดับ 11 ในปีก่อนหน้านี้ขึ้นมารั้งอันดับ 1 

นาย ศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหาร PwC ประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมอสังหาฯ ทั่วโลกในระยะข้างหน้าจะเห็นการเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่พัฒนาแล้ว ทั้งจากสหรัฐฯ และยุโรป ขยายการลงทุนเข้ามาในตลาดที่เป็นตลาดรอง หรือ Emerging Market เพิ่มมากขึ้น ทำให้เมืองที่เป็น Second-Tier ไม่ว่าจะเป็นจาการ์ตา กัวลาลัมเปอร์ กรุงเทพฯ หรือมณฑลการค้าที่สำคัญบางแห่งของจีน กลายเป็นที่จับตามองของแหล่งเงินทุนที่จะเข้ามาในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น

“สิ่งที่ทำให้เมืองหลวงอย่างจาการ์ตากลายเป็นเมืองที่น่าลงทุนมากที่สุดในปีหน้า เป็นผลมาจากปัจจัยบวกหลายๆ อย่าง โดยรายงานพบว่าบรรดานักธุรกิจและผู้ประกอบการมองว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย และเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ในขณะเดียวกัน GDP ของประเทศก็เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ประมาณ 6.5% ต่อปี รวมทั้งกระแสเงินทุนโดยตรงจากนักลงทุนต่างชาติ (Foreign Direct Investment -  FDI) ที่ยังคงเติบโตสูงขึ้นที่ 39% ในครึ่งปีแรกของปีนี้” นายศิระ กล่าว

“คนอาจจะมองภาพว่าอินโดนีเซียน่าจะมีจุดแข็งในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติมากกว่าการส่งออก แต่ในช่วงที่ผ่านมา สิ่งที่พบคือ เราเริ่มเห็นสัญญาณของการย้ายทำเลของผู้ประกอบการที่เป็นโรงงานผู้ผลิตจากจีนแผ่นดินใหญ่ไปยังจาการ์ตามากขึ้น เนื่องจากต้นทุนในจีนเองได้เพิ่มสูงขึ้น และหากดูดีมานด์ของตลาดอสังหาฯ ในจาการ์ตาจะพบว่ายังคงแข็งแกร่ง เห็นได้จากความต้องการเช่าพื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเรทการเช่าออฟฟิศในจาการ์ตาโตขึ้นถึง 29 เปอร์เซ็นต์ในรอบปี แม้ความเสี่ยงโดยภาพรวมจะยังเป็นเรื่องของการขอกู้ธนาคาร และการหาหุ้นส่วนทางธุรกิจที่เป็นคนในพื้นที่ที่ไว้ใจได้”

 นายศิระ ยังกล่าวเสริมว่า ในส่วนของกรุงเทพฯ ซึ่งถูกจัดอับดับให้เป็นเมืองหลวงที่น่าลงทุนมากที่สุดอันดับที่ 6 เพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 14 ในปีนี้ ถือเป็นสัญญาณที่สะท้อนให้เห็นถึงความน่าลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากตลาดกองทุนอสังหาฯ ที่เริ่มกลับมามีความคึกคักอีกครั้ง บวกกับการเติบโตจากภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องของบรรยากาศทางการเมือง ปัญหาภัยธรรมชาติ และความไม่แน่นอนทางกฎระเบียบข้อบังคับของกฏหมายก็ตาม

“ถึงแม้กรุงเทพฯ จะมีความเสี่ยงจากปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ แต่ตลาดอสังหาฯ บ้านเราถือว่ามีศักยภาพสูงและเป็นที่จับตามองจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ โดยมีจุดแข็งจากภาคการท่องเที่ยวและโรงแรมที่มีการขยายตัวรวมไปถึงธุรกิจท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากโดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่นิยมเดินทางเข้ามารับการรักษา ด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงและมาตรฐานในการบริการสูง”

นอกจากจาการ์ตา และกรุงเทพฯ จะติดอันดับท็อป 10 เมืองหลวงน่าลงทุนในปีหน้าแล้ว เมืองของประเทศสมาชิกในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อีก 2 แห่งที่ติดอยู่ในโผ ได้แก่ สิงคโปร์ และกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย ที่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้นๆ ด้วยเช่นกันและมีอันดับที่สูงขึ้นเปรียบเทียบกับปี 2555 ทั้งนี้ มีเพียงสิงคโปร์เท่านั้น ที่หล่นจากอันดับจากที่ 1 มาที่อันดับ 3





Create Date : 20 ธันวาคม 2555
Last Update : 20 ธันวาคม 2555 9:35:44 น.
Counter : 1415 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bloomingme
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ธันวาคม 2555

 
 
 
 
 
 
1
2
5
8
9
10
15
16
22
23
29
30
31
 
 
All Blog