รัฐบาลเตรียมเปิดประมูลการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง เฟสแรก ต้นปีหน้า คาดเปิดใช้บริการปี 2561
โครงการรถไฟความเร็วสูงซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวม 4.81 แสนล้านบาทนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง ปีพ.ศ. 2556-2563 มูลค่า 2 ล้านล้านบาท จะประกอบไปด้วยสายกรุงเทพฯ นครราชสีมา ระยะทาง 256 กิโลเมตรค่าโดยสาร 410 บาท สายกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 225 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 360 บาท สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 745 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 1,190 บาท และสายกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ระยะทาง 220 กม. ค่าโดยสาร 350 บาท โดยทั้ง 4 สายจะสร้างคู่ขนานไปกับเส้นทางเดินรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบัน
จากรายงานของหนังสือพิมพ์หัวหินทูเดย์ ระบุว่าการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงซึ่งมีอัตราความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ได้กว่า 50% โดยผู้ที่เดินทางไปยังเชียงใหม่จะสามารถไปถึงได้ภายใน 3.44 ชั่วโมง ในขณะที่การเดินทางไปยังหัวหินจะใช้เวลาเพียง 1.09 ชั่วโมง ระยองใช้เวลาเพียง 1 ชม. และสามารถเดินทางไปถึงโคราชได้ภายใน 1.35 ชม.
นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านโยบายเศรษฐกิจเผยว่าหลังจากที่ผ่านการประเมินด้านผลกระทบและสิ่งแวดล้อมเสร็จสิ้น รัฐบาลจะเปิดให้มีการประมูลในช่วงต้นปีหน้า โดยขณะนี้รัฐบาลได้เริ่มเจรจากับบริษัทผู้ประมูลจากต่างประเทศ ได้แก่เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีนและฝรั่งเศส
ทั้งนี้ เป็นที่คาดการณ์ว่ารถไฟความเร็วสูงจะช่วยในเรื่องของการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะสินค้าน้ำหนักเบาที่มีมูลค่าสูง และสินค้าเน่าเสียง่าย ไปยังประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียนและประเทศจีนตอนใต้ โดยคาดว่าการขนส่งสินค้าทางรถไฟจะเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 80% ในระยะเวลา 6 ปี และจะช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งต่อปีได้ถึง 35%
อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) มองว่า แม้การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจะเอื้อประโยชน์ในทางธุรกิจ โดยเฉพาะในพื้นที่แนวรถไฟต่างๆ แต่ธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบมากคือธุรกิจสายการบิน โดยเฉพาะเส้นทางการบินระยะใกล้ (short haul) ไม่เกิน 800 กิโลเมตร ที่ผู้โดยสารมีแนวโน้มจะเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางจากเครื่องบินไปเป็นรถไฟความเร็วสูงนั่นเอง
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ