ไนท์แฟรงค์ฯ ชี้ ทำเลริมน้ำเจ้าพระยายังคงครองใจดีเวลลอปเปอร์เมืองหลวง เนื่องจากดีมานด์ที่ยังคงโตต่อเนื่อง ในขณะที่ย่านพระราม 3 ครองแชมป์มีคอนโดมิเนียมสร้างใหม่สูงสุดในช่วงไตรมาส 3/2555 ส่วนสีลม-สาทรเป็นย่านที่มีดีมานด์สูงสุด

 

นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและประเมินมูลค่าทรัพย์สิน บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าเหตุที่ทำให้ทำเลริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ผนวกกับทำเลดังกล่าวมีการพัฒนาพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำมาก มีทั้งโรงแรมระดับห้าดาว คอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ และอาคารสำนักงาน ผุดขึ้นมากมาย ทำให้กลายเป็นทำเลที่มีศักยภาพในสายตาดีเวลลอปเปอร์

 

ทำเลริมฝั่งแม่น้ำดังกล่าวครอบคลุมไปถึงย่านเจริญกรุง เจริญนคร และถนนพระราม 3 กระจายมาจนถึงย่านสาทร-สีลม และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ด้วย พื้นที่เหล่านี้เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลระดับเวิลด์คลาส ร้านค้าปลีก และช้อปปิ้งมอลล์ 

 

จากสถิติของไนท์แฟรงค์ฯ แสดงให้เห็นว่าคอนโดมิเนียมริมฝั่งแม่น้ำมีปริมาณสินค้าในตลาดสะสมเพิ่มขึ้นถึง 19,807 ยูนิตจนถึงช่วงไตรมาสที่ 3/ 2555 เพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปีที่แล้วถึง 18.7% โดยเป็นคอนโดมิเนียมสร้างใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 3/2555 ประมาณ 3,117 ยูนิต ขณะที่ย่านถนนพระราม 3 ครองอันดับหนึ่งเป็นพื้นที่ที่มีคอนโดมิเนียมสร้างใหม่มากที่สุด ด้วยจำนวน 1,388 ยูนิตหรือคิดเป็น 45% ตามด้วยทำเลย่านกรุงธนบุรีและถนนนราธิวาสราชนครินทร์ที่กินส่วนแบ่ง 23% และ 20% ตามลำดับ

 

นางสาวริษิณี กล่าวถึงคุณภาพของซัพพลายของคอนโดมิเนียมในปี 2555 ว่ามีศักยภาพที่ดี “เราได้เห็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับหรูเปิดตัวในทำเลริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งเป้าหมายลูกค้าเป็นผู้ซื้อคนไทยที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและลงทุนต่อ ในขณะที่มีซัพพลายอีกกลุ่มหนึ่งมุ่งไปที่ผู้ซื้อชาวต่างชาติ อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีนแผ่นดินใหญ่” 

 

ในขณะที่ดีมานด์ของคอนโดมิเนียมมีอัตราอยู่ที่ 2,404 ยูนิตในช่วงไตรมาสที่ 3/2555 เพิ่มขึ้นถึง 1,633 ยูนิตจากเมื่อสิ้นปี 2554 ที่มีอยู่ 771 ยูนิต ดีมานด์หลักในช่วงเวลานี้ได้แก่คอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่บนถนนพระราม 3 ซึ่งมียอดขายไปแล้ว 1,085 ยูนิต โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน อาทิ ศุภาลัย พริมา ริวา และดี คอนโด สาธุประดิษฐ์ 49 สำหรับทำเลอื่นๆ ที่มีดีมานด์สูงในช่วงเวลาเดียวกันคือย่านธนบุรี ซึ่งมีตัวเลขการซื้อขายไปแล้ว 605 ยูนิตจากทั้งหมด 1,633 ยูนิตในตลาด

 

สำหรับภาพรวมของดีมานด์โครงการที่อยู่อาศัยแบบคอนโดมิเนียมย่านริมฝั่งแม่น้ำในระยะไตรมาสที่ 3/2555 พบว่าอยู่ที่ 45% เพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปี 2554 ที่มีอยู่เพียง 22% โดยอัตราดีมานด์ในทำเลย่านสาทร-สีลมมีอัตราสูงสุดคือประมาณ 91% ตามด้วยย่านกรุงธนบุรีที่มีระดับดีมานด์อยู่ที่ 83%

สำหรับราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงไตรมาส 3/2555 อยู่ที่ตารางเมตรละ 102,730 บาท โดยคอนโดฯ ย่านสาทร-สีลมมีราคาขายเฉลี่ยสูงสุดที่ 117,224 บาทต่อตารางเมตร ขณะที่ย่านถนนราธิวาสราชนครินทร์รั้งอันดับสอง ด้วยราคาขายเฉลี่ย 115,813 บาทต่อตารางเมตร

 

ทั้งนี้ นางสาวริษิณี ยังได้คาดการณ์ราคาขายคอนโดฯ ทำเลริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาว่าอาจจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากเนื่องจากการขาดแคลนที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ ในขณะที่ราคาขายคอนโดฯ ในเขตใจกลางเมืองก็มีแนวโน้มเพิ่งสูงขึ้นเช่นกันจากข้อจำกัดเรื่องที่ดิน ประกอบกับบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มให้ความสำคัญกับมาตรฐานการก่อสร้างด้วยการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ

 

“ในปีหน้า เราจะได้เห็นคอนโดมิเนียมเกิดใหม่กว่า 400 ยูนิตที่เตรียมเปิดตัวในทำเลริมฝั่งแม่น้ำในเขตกรุงเทพมหานคร รวมถึง โครงการ เดอะ บรีซ คอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ใหม่ล่าสุดบนถนนนราธิวาสจาก บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และโครงการ เดอะ วิง สาทร คอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์บนถนนกรุงธนบุรี โครงการเหล่านี้จะช่วยเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ซื้อคอนโดมิเนียม เราคาดว่าจะมีคอนโดมิเนียมจำนวน 2,600 ยูนิตที่เตรียมตัวแล้วเสร็จภายในปี 2558 ซึ่งเป็นจำนวนที่ได้รวมโครงการคอนโดมิเนียมบนทำเลริมฝั่งแม่น้ำเข้าด้วยแล้ว”

 

นอกจากนี้ โครงการคอนโดฯ ที่เปิดตัวใหม่ ยังรวมไปถึงโครงการ แม่น้ำ เรสซิเดนท์ ซึ่งเตรียมปักเสาเข็มบนถนนเจริญกรุงและมีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม ปี 2559 โครงการนี้ประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัย 54 ชั้น จำนวนห้อง 294 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 3.3 พันล้านบาท  

 

 

 

ไรมอนแลนด์เปิดประมูลยูนิตโครงการนอร์ทพ้อยท์ พัทยา