น้ำท่วมขัง...ระวังโรคห่า อหิวาตกโรคจะกลับมา
เมื่อตอนเป็นเด็ก ตาเคยเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งมีน้ำท่วมใหญ่และขังอยู่หลายเดือน สัตว์ต่างๆล้มตาย น้ำเน่าเสีย จึงเกิดเชื้อแบคทีเรีย เกิดการระบาดของโรคห่าหรืออหิวาตกโรคขึ้น
คนสมัยนั้นต้องอาศัยตัวเอง ยังไม่มีศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหมือนในปัจจุบัน ไม่มีความรู้ด้านสุขอนามัย น้ำกินน้ำใช้ไม่ได้ต้ม ไม่ได้ใช้ด่างทับทิม อาบน้ำ ล้างหน้า ซักผ้า ล้างผักก็ในคลองนั้นเอง
ทุกวันจะมีคนตายมากมายคล้ายใบไม้ร่วงที่วัดไม่มีที่เผา เพราะวัดเองก็เจอท่วมเหมือนกัน บางวันเห็นมีศพลอยน้ำมา มาสมัยนี้ ผู้คนมีความรู้ด้านสุขอนามัยมากขึ้น ไม่ได้อาศัยน้ำจากฟ้า จากแม่น้ำลำคลอง โรคชนิดนี้จึงค่อยๆหายไป
แต่เพื่อเป็นการไม่ประมาท ลองมาดูกันว่าโรคชนิดนี้ มีที่มาที่ไปเป็นเช่นไร ในภาวะน้ำท่วมขัง เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
อหิวาตกโรค(อังกฤษ: Cholera) (หรือ โรคห่า ในภาษาโบราณ) คือโรคระบาดชนิดหนึ่ง มีอาการท้องร่วง อาเจียน ร่างกายจะขับน้ำออกมาเป็นจำนวนมาก
สาเหตุ
เกิดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า วิบริโอ คอเลอเร (Vibrio Cholerae) sero group O1, หรือ O139, biotypes Classical และ เอลเทอร์ (EL Tor) วิบริโอ El Tor แต่ละ biotype มี serotypes inaba, Ogawa และ Hikojima (พบน้อยมาก)
สาเหตุ
อหิวาตกโรค เกิดได้จากการกินอาหารปรุงสุกๆดิบๆ อาการอ่อนเพลีย ท้องเสีย อาเจียน มีไข้ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
วิธีป้องกัน
ไม่ควรกินอาหารปรุงสุกๆดิบๆใช้ช้อนตักอาหาร ไม่ควรใข้มือ ล้างมือทุกครั้งหลังเข้าห้องสุขา
การถ่ายทอดโรค
โดยการกินอาหารหรือน้ำที่มีเชื้ออหิวาตกโรค หรือพิษของเชื้ออหิวาตกโรคปะปนอยู่ เช่น อาหารที่มีแมลงวันตอม อาหารสุกๆ ดิบๆ ซึ่งเกิดจากการจากอุจจาระหรืออาเจียนของผู้ป่วย แพร่กระจายอยู่ในอาหารและน้ำดื่ม โดยมีแมลงวันเป็นพาหะนำโรค
ระยะเวลาฟักตัว
ผู้ที่ได้รับเชื้อ จะเกิดอาการได้ตั้งแต่ 24 ชั่วโมง ถึง 5 วัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะเกิดอาการภายใน 1 - 2 วัน
อาการ
เป็นอย่างไม่รุนแรง พวกนี้มักหายภายใน 1 วัน หรืออย่างช้า 5 วัน มีอาการถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ วันละหลายครั้ง แต่จำนวนอุจจาระไม่เกินวันละ 1 ลิตร ในผู้ใหญ่อาจมีปวดท้องหรือ คลื่นไส้อาเจียนได้
เป็นอย่างรุนแรง อาการระยะแรก มีท้องเดิน มีเนื้ออุจจาระมาก ต่อมามีลักษณะเป็นน้ำซาวข้าว เพราะว่ามีมูกมาก มีกลิ่นเหม็นคาว ถ่ายอุจจาระได้โดยไม่มีอาการปวดท้อง บางครั้งไหลพุ่งออกมาโดยไม่รู้สึกตัว มีอาเจียนโดยไม่คลื่นไส้ อุจจาระออกมากถึง 1 ลิตร ต่อชั่วโมง และจะหยุดเองใน 1 - 6 วัน ถ้าได้น้ำและเกลือแร่ชดเชยอย่างเพียงพอ แต่ถ้าได้น้ำและเกลือแร่ทดแทนไม่ทันกับที่เสียไป จะมีอาการขาดน้ำอย่างมาก ลุกนั่งไม่ไหว ปัสสาวะน้อย หรือไม่มีเลย อาจมีอาการเป็นลม หน้ามืด จนถึงช็อค ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดอาการท้องเสีย
งดอาหารที่มีรสจัดหรือเผ็ดร้อน หรือ ของหมักดอง ดื่มน้ำชาแก่แทนน้ำ บางรายต้องงดอาหารชั่วคราว เพื่อลดการระคายเคืองในลำไส้ ดื่มน้ำเกลือผง สลับกับน้ำต้มสุก ถ้าเป็นเด็กเล็กควรปรึกษาแพทย์ ถ้าท้องเสียอย่างรุนแรง ต้องรีบนำส่งแพทย์ด่วน
การป้องกัน
รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ และดื่มน้ำสะอาดเช่น น้ำต้มสุก ภาชนะที่ใส่อาหารควรล้างสะอาด ทุกครั้งก่อนใช้ หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง สุกๆ ดิบๆ อาหารที่ปรุงทิ้งไว้นานๆ อาหารที่มีแมลงวันตอม
ล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดทุกครั้งก่อนกินอาหาร หรือก่อนปรุงอาหาร และหลังเข้าส้วม
ไม่เทอุจจาระ ปัสสาวะและสิ่งปฏิกูลลงในแม่น้ำลำคลอง หรือทิ้งเรื่ยราด ต้องถ่ายลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ และกำจัดสิ่งปฏิกูลโดยการเผาหรือฝังดิน เพื่อป้องกันการแพร่ของเชื้อโรค
ระวังไม่ให้น้ำเข้าปาก เมื่อลงเล่นหรืออาบน้ำในลำคลอง หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วยที่เป็นอหิวาตกโรค สำหรับผู้ที่สัมผัสโรคนี้ ควรรับประทานยาที่แพทย์ให้จนครบ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แอมอร
Create Date : 26 ตุลาคม 2554 |
|
1 comments |
Last Update : 26 ตุลาคม 2554 21:07:06 น. |
Counter : 921 Pageviews. |
|
|
|