จุดเริ่มต้นของการขูดพิษของศิษย์มีครู
, , ,
มีเพื่อนคนหนึ่งอยากให้ฉันเขียนเรื่องการขูดพิษที่ฉันไปรักษา และได้เรียนรู้มาบางส่วน ใจก็อยากนำมาลงไว้ แต่เกรงใจอาจารย์หมอ ท่านเป็นคนเก็บตัว หลายครั้งที่ท่านคิดจะวางมือ แต่ด้วยความเมตตาของท่าน หากใครไปถึงเรือนชาน ท่านก็รักษาให้ ไม่ได้คิดค่ารักษาแต่อย่างใด ค่าครูแล้วแต่ใครจะศรัทธา
อาจารย์หมอท่านเป็นคนรักสันโดษ สมถะไม่ต้องการชื่อเสียงใดๆ ท่านเคยเป็นอาจารย์สอนแพทย์ทางเลือกให้กับนักศึกษา ในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ..
. . ในวันว่างท่านก็เข้าสวนปลูกต้นไม้ สิ่งที่ท่านโปรดปรานคือต้นไม้หายากทั้งหลาย ในแต่ละครั้งฉันไม่มีอะไรจะตอบแทนท่าน จึงนำต้นไม้ไปฝาก ครั้งหน้าฉันเตรียม ต้นบุนนาค ต้นสารภี ต้นไข่เน่า ต้นมะม่วงหาวมะนาวโห่และต้นสำโรงอีกจำนวนหนึ่ง หวังว่าปีนี้บ้านอาจารย์น้ำจะไม่ท่วมอีก
เมื่อครั้งที่ฉันมีอาการนอนไม่หลับติดต่อกันมาถึงเก้าวันเก้าคืน มีอาการร้อนวูบวาบสลับกับหนาวสั่น หายใจไม่ออก หัวใจเต้นรัว เหงื่อออก มือชา เท้าชา เพราะว่าเป็นแพนิค วันแรกที่ไปพบอาจารย์หมอ ฉันกำลังรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง อาจารย์หมอบอกว่านั่นเป็นอาการของฮอร์โมน อาการข้างเคียงที่ตามมาคืออาการซึมเศร้าหงอยเหงา รู้สึกห่วงใยคนรอบข้าง ทั้งคุณพ่อ คุณป้า คุณปู่ คุณย่า และคุณยายในวัยเก้าสิบห้าอาการห่วงกังวลสูงขึ้นตามลำดับ แต่ฉันก็ไม่สามารถแบ่งภาคไปดูแลท่านเหล่านั้นได้ทั่วถึง กลายเป็นความห่วงใยอยู่ลึกๆ จำได้ว่าร้องไห้ไม่ยอมหยุด ยิ่งกลั้นดูเหมือนจะยิ่งไหล
อาจารย์หมอขูดพิษให้ทั้งตัว มีรอยแดงช้ำ และเขียวเป็นจ้ำๆบริเวณแผ่นหลัง อาจารย์หมอบอกว่าฉันเป็นช็อคโกแลตซีสต์และเกิดภาวะวัยทอง เรื่องนี้ฉันรู้มาตั้งแต่ครั้งที่ไปตรวจมะเร็งปากมดลูกแล้ว
ระหว่างนั้นอาจารย์แนะให้ฉันปล่อยวางความห่วงใยลง ฉันค้านเสียงอ่อยๆว่าปล่อยวางๆพูดก็พูดได้ แต่จะให้วางต้องวางอย่างไร วางไปแล้ว พอเผลอๆก็จับมาแบกเอาไว้อยู่รำไปวางไม่ได้สักที ...
. . .
ท่านก็บอกว่า ขณะนี้ฉันกำลังว่ายน้ำข้ามแม่น้ำ สายใหญ่ แต่ที่เอวมีเชือกผูกมัดติดไว้หลายเส้น ที่ปลายเชือกแต่ละเส้น มีบรรดาญาติๆทั้งหลาย กำลังนอนสบายๆ ไม่ได้ออกแรงช่วยว่ายแต่อย่างใด ฉันทั้งว่ายทั้งจูงด้วยความเหนื่อยอ่อน และคล้ายๆกำลังจะหมดแรง
ลองหันไปมองดีดี เพราะเขาเหล่านั้น ไม่ได้มีความทุกข์ร้อนอันใด มีแต่เราฝ่ายเดียวที่เอาใจไปผูกติดและห่วงกังวล
ตัดให้ขาดเลย ฉับ ฉับ ๆๆๆๆๆๆ ร้องออกมาเป็นเพลง
ตัดเชือกที่ร้อยรัดเอาไว้ แล้วออกแรงว่ายน้ำข้ามไปให้ถึงฝั่ง แล้วค่อยหันหลังกลับมาช่วยก็ยังไม่สาย ก่อนที่จะโดนฉุดและจมน้ำตายไปพร้อมๆกัน . . นี่คือคณะผู้ติดตามบางส่วน อีกหลายส่วนไปชมสวนกัน....ฉันหลับมาตลอดทางพอถึงบ้านหลับรวดเดียวถึงเช้านี่คือเรื่องราวที่ฉันได้หลุดออกจากความห่วงกังวล ตั้งแต่วันนั้นฉันเดินทางไปพบอาจารย์หมอทุกอาทิตย์ ติดต่อกันมาหลายเดือน เมื่อเห็นว่าหายดีแล้ว จึง ยืดเวลาออกไปเป็นเดือนละสองครั้ง ทุกครั้งก็จะมีเพื่อนๆติดตามไปให้อาจารย์หมอรักษาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องเสียเวลารอคิวนานเป็นครึ่งค่อนวัน ระหว่างนั้นก็นั่งๆนอนๆคุยกันบ้าง เดินชมพืชผักสวนครัวที่อาจารย์ปลูกไว้รอบบ้าน ใครใคร่เก็บไปกินอาจารย์ไม่ได้หวงอะไร
ฉันเทียวไปเทียวมา แรกๆก็เพื่อรักษา แต่ในระยะหลังๆต้องการศึกษาเพื่อมาปรับใช้กับตัวเอง ฉันเคยเรียนนวดแผนไทยเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว รู้จักเส้นประธานสิบ จักระทั้งเจ็ดและศึกษาสรีระศาสตร์พอเป็นสังเขป การเรียนนวด สัมผัสบำบัด นวดน้ำมัน กดจุดฝ่าเท้า เรียนทำลูกปะคบ อบสมุนไพร ระหว่างเรียน ต้องสลับสับเปลี่ยนเป็นผู้นวดและผู้ถูกนวด เพื่อให้ได้สัมผัสกับเส้นสาย ได้รับรู้ถึงน้ำหนักที่ลงไป ว่าวางมือหนักเบาในแต่ละจุดเป็นอย่างไรการขูดพิษก็เช่นเดียวกันกับการนวด ต้องฝึกมือบ่อยๆ... . . . นี่คือเครื่องมือที่มีไว้ประจำบ้าน คล้ายยาสามัญประจำบ้านปวดหัวตัวร้อน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เคล็ดขัดยอก ไมเกรน นิ้วล็อคสะบักจม ออฟฟิศซินโดรม เครื่องมือนี้ไว้ใช้ในครอบครัว หากหาไม่ได้จริงๆหวีก็ใช้ได้ผลเหมือนกัน.. แรกที่อาจารย์ลงมือขูดลงน้ำหนักในแต่ละจุด ฉันรู้สึกเจ็บแปลบๆต้องสูดลมหายใจลึกๆเพื่อบรรเทาอาการเกร็ง ที่เกิดจากการเจ็บปวด คล้ายๆการทำกายภาพบำบัด จุดใดที่อักเสบ เจอเครื่องอัลตร้าซาวน์ก็สะดุ้งสุดตัว ภาพตัวเองไม่ได้เก็บเอาไว้ ขอภาพในเวปอื่นมาให้ดูค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวนะคะไม่ได้เจ็บปวดทรมานอะไร เป็นเพียงผื่นเป็นปื้นสีแดงๆ อาจมีระบมบ้างในครั้งแรกๆไม่เกินสามวันรอยแดงช้ำจะค่อยๆจาง . . . ในการขูดครั้งต่อๆไปรอยผื่นเป็นจ้ำๆซาสีแดงๆก็ลดลงไปเรื่อยๆ กระทั่งครั้งล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ฉันรู้สึกคล้ายๆอาจารย์ขูดผ่านผิวหนังเพียงเบาๆไม่รู้สึกเจ็บแปลบ และไม่เหลือร่องรอยใดๆให้เห็นอีกแล้ว
อาจารย์อธิบายให้ฟังว่า เพราะเลือดลมเดินสะดวกแล้ว คล้ายๆสายยางรดน้ำหักงอเมื่อดัดจนตรง และไม่มีตะไคร่ไปอุดตัน เลือดลมจึงเดินสะดวก เรียบรื่นไปทั้งสายจึงรู้สึกสบายๆไม่เหลือผื่นแดงให้เห็นอีก ...ฉันจึงยืดระยะเวลาไปพบอาจารย์นานขึ้นกว่าเก่าคือเหลือเดือนละครั้งทุกครั้งที่ฉันรู้สึกปวดหัวหรือปวดเมื่อยตัวนิดๆหน่อยๆ ไม่กินยาแก้ปวดแล้วเพราะกินทีไรรู้สึกหัวใจสั่นๆนำวิธีของอาจารย์มาทำเองที่บ้าน ขูดเฉพาะจุดแบบจีนโบราณ อาจารย์บอกว่าเพราะตับและไตแข็งแรงดีจึงตอบสนองต่อฤทธิ์ยาได้เร็ว คราวหน้าหากจำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดใช้เพียงเม็ดเดียวก็เกินพอ ฉันเล่าให้อาจารย์ฟังว่าตั้งแต่ปลดล็อกความห่วงกังวลออกไปแล้ว ทำให้จิตใจสบายจัง ท่านบอกว่าพึ่งพิงตัวเองได้แล้ว ก็อย่าลืมให้ผู้อื่นพึ่งบ้าง ฉันย้อนถามอาจารย์ไปว่า
หนูให้คนอื่นพึ่งได้แล้วเหรอคะ
ท่านบอกว่า ค่ะ . . ...ฉันก็เลยร้องอ้าว แล้วก็หัวเราะ อาจารย์ยังแนะนำให้ฉันตื่นขึ้นมาแต่เช้าๆ วางสมุดปากกาไว้ในห้องน้ำ หากมีอะไรแล่นผ่านเข้ามาในสมอง ให้รีบจดเอาไว้ เพราะช่วงที่สมองฉับไว มักจะเกิดตอนที่อยู่บนโถส้วมนั่นเอง ฉันคงถนัดเรื่องเขียนบันทึกเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ มากกว่าเป็นหมอรักษากระมัง แล้วใบประกอบโรคศิลปะที่ยังค้างไว้ สำคัญกับฉันมากไหม เดี๋ยวฉันจะลองถามใจตัวเองอีกที
..
แอมอร
ท้ายเรื่อง ขอบคุณภาพบางภาพของเวปกัวซาไทย ที่นำมาใช้ประกอบเรื่องราวค่ะ
Create Date : 16 กันยายน 2555 |
Last Update : 16 กันยายน 2555 18:37:25 น. |
|
21 comments
|
Counter : 5155 Pageviews. |
|
|
เรื่องการขูดพิษกัวซานี่ถ้าทำเต็มที่นี่น่ากลัวเหมือนกันนะคะ
เป็นแพทย์แผนไทยหรือคะ ฟังชื่อเหมือนภาษาจีนเหมือนกันนะ
ไม้กัวซาที่พี่ให้ไป นิคใช้ขูดตรงต้นคอเวลานั่งพิมพ์นานๆ หายเมื่อยดีค่ะ
ขูดแขนขูดนิ้ว เหมือนเป็นการนวดเหมือนกันนะคะพี่
ขอบคุณค่ะพี่