|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
มะเร็งกับธรรมชาติบำบัด
โทรศัพท์ดังในเช้าวันหยุดเมื่อหลายปีก่อน กระปิ๋วโทรมาบอกว่าอาจารย์เข้าโรงพยาบาล ซักถามอาการบอกว่าเป็นมะเร็ง ขณะนี้อยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ครอบครัวของเราเดินทางเข้ากรุงเทพในทันที
ภาพที่เห็นทำให้กลั้นน้ำตาไม่อยู่ อาจารย์นอนนิ่งอยู่บนเตียง ร่างกายซูบผอม บริเวณลำคอมีรอยไหม้เพราะการให้เคมีย์บำบัด หันมาเห็นว่าเป็นใคร ลุกขึ้นนั่งแล้วผวาจะลงจากเตียง เรากอดกันร้องไห้
จากวันนั้น ทั้งคนป่วยและคนเยี่ยมต่างทำใจยอมรับ อาจารย์กลับมาสอนหนังสือตามปกติ เคยมาร่วมสัมมนาที่องค์กรที่ผู้เขียนทำงาน ความภาคภูมิและความสดใส กลับมาอีกครั้ง
เราบรรดาศิษย์เก่า แวะเวียนไปเยี่ยมเยียน ทุกครั้งที่เจอกัน พบปะสังสรรค์ในงานแต่งของลูกศิษย์ พูดคุยกันอย่างออกรส เราต่างลืมกันไปแล้ว ว่าอาจารย์เป็นมะเร็ง
เกือบยี่สิบปีที่อาจารย์ยังมุ่งมั่นในการสอน ทุกครั้งที่เจอหน้า อาจารย์บ่นเพียงว่าเด็กๆสมัยนี้ มันเรียนเพื่อจะเอาแผ่นกระดาษ ไม่ค่อยจะอยากได้ความรู้ ไม่เหมือนรุ่นของพวกเรา ทั้งๆที่ทำงานกันแล้ว ตั้งใจเรียนและทำกิจกรรมอย่างสุดใจขาดดิ้น อาจารย์ยังจำสโลแกนของรุ่นพวกเราได้
"เสียเท่าไหร่ไม่ว่า ชิพ(ฉิบ)หายช่างมัน ต้องการชื่อเสียง"
อีกครั้งที่ไปเยี่ยมอาจารย์ ญาติๆบอกว่าทำงานจนหมดแรงต้องส่งเข้าโรงพยาบาลแบบกระทันหันในตอนนั้นมีเครื่องช่วยหายใจเต็มไปหมดเราก็คิดว่าอาการหนักมาก นั่งอยู่ข้างเตียง กุมมือเบาๆและบอกว่าแวะมาเยี่ยม อาจารย์บีบมือตอบกลับเบาๆและหลับไป
"หากเจ็บปวดทรมานมาก พักผ่อน(ยาว)เถอะค่ะ"
เสียงอาจารย์ดังอู้อี้ๆพอจับใจความได้ว่า
"ชั้นยังไม่ตาย แค่ง่วงนอนว้อย"
"ฮา ฮา ฮา"
เขาเป็นทั้งครูและเป็นทั้งเพื่อน ทุกครั้งที่เจอกันคุยกันจนลืมเวลา ตลอดระยะเวลานับสิบปี ที่เขาใช้ชีวิตอยู่กับมะเร็งร้ายอย่างสุขสงบ สามารถทำงานและใช้ชีวิตอยู่กับมะเร็งมาเป็นเวลานาน อย่างไม่สะทกสะท้าน เขาใช้ทั้งเคมีย์บำบัด และธรรมชาติบำบัดร่วมกัน ใช้เวลาที่มีอยู่อย่างสร้างสรรค์จนวินาทีสุดท้าย
ทุกครั้งที่เจอหน้า อาจารย์จะมีเรื่องราวมาสั่งสอนและบอกเล่าเรื่องราวดีดี เกี่ยวกับวิธีต่อสู่กับมะเร็งมาเล่าให้ฟังนี่คือเนื้อหาที่คุยกัน ลองอ่านดูนะคะ
แจคกี้ เดวิดสัน พบว่าตัวเองมีก้อนมะเร็งเกิดขึ้นทั่วร่างกาย เมื่อเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.1974 เธอปฏิเสธการรักษามะเร็งตามแบบฉบับมาตรฐานการแพทย์ทั่วไป ที่ใช้เคมีบำบัด เอกซเรย์ และสารกัมมันตภาพรังสีโคบอลท์ เพราะการรักษาดังกล่าวไม่ทำให้เธอมีความหวังว่าจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ เธอได้ลองการรักษาอย่างอื่น ๆ ที่มีผู้คนแนะนำมาแล้ว แต่มะเร็งของเธอก็ยังลุกลามไปเรื่อย ๆ
จนเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.1975 ตอนนั้นเธอยอมรับความตายอย่างดุษณีแล้ว มีการตระเตรียมพิธีศพ ตัดชุดที่จะใส่ในวันสุดท้ายของชีวิตสำหรับฝังไปพร้อมกับร่าง จัดแจงเรื่องทรัพย์สินมรดกมอบให้ลูก ๆ ทุกคนเรียบร้อยหมดแล้ว เธออายุ 38 ปี แต่รูปร่างหน้าตาแก่เฒ่า หน้าตาเหี่ยวย่น ผิวหนังหย่อนยาน ผมร่วงจนบาง และส่วนที่เหลือก็เปลี่ยนเป็นสีขาวประปราย เธอคิดว่าตัวเองคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 3 สัปดาห์
ในจังหวะนั้นเองที่เธอไปพบสูตรการรักษามะเร็งของเกอร์สัน ซึ่งคิดค้นพัฒนาโดยนายแพทย์แมกซ์ เกอร์สัน อันประกอบด้วย
การดื่มน้ำผลไม้และผักสดที่คั้นทันที จากเครื่องคั้นน้ำผลไม้พิเศษ วันละ 13 แก้ว ผลไม้และผักที่นำมาคั้นน้ำประกอบด้วยหัวแครอต แอปเปิล ใบผักเขียว และ น้ำตับดิบ
อาหารเสริมหลายชนิด เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานปกติของร่างกาย
อาหารจำพวกผักสด ผลไม้สด เมล็ดธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีจนขาว ไม่กินเนื้อสัตว์ นม และผลิตภัณฑ์จากนม ไขมัน เกลือ และน้ำมัน
สวนกาแฟทุก ๆ 4 ชั่วโมง และสวนด้วยน้ำมันละหุ่งวันเว้นวัน
การรักษาด้วยสูตรของเกอร์สันไม่ได้ทำลายก้อนมะเร็ง แต่ช่วยเสริมร่างกายให้ต่อมและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ทำงานได้อย่างเต็มที่ เพื่อกำจัดก้อนมะเร็งออกไปด้วยตัวเอง
หมอเกอร์สันเชื่อว่า
ร่างกายมนุษย์ที่สมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่ มีพลังเต็มเปี่ยมที่จะจัดการกับมะเร็งได้
นอกจากนี้ การรักษาแบบเกอร์สันยังช่วยทำให้โรคอื่น ๆ เช่น ข้ออักเสบ เบาหวาน โรคหัวใจ กล้ามเนื้อฝ่อ โรคไต โรคมัลติเปิลสะเคลอโรลิส (Multiple Sclerosis) โรคจิต และโรคอื่น ๆ อีกมากมายหายหรือดีขึ้น นับเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์การแพทย์เรื่องหนึ่ง
แจคกี้ ยกย่องหมอเกอร์สันว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตเธอไว้ แต่เธอเพิ่มเติมการรักษาบางอย่างของเธอเองลงไปด้วย เธอใส่ต้นกล้าข้าวสาลีอ่อน ถั่งงอก ต้นอ่อนของอัลฟัลฟา ลงไปปั่นกับน้ำผลไม้สด เธอเพิ่มการอบไอน้ำ เมื่อรู้สึกแข็งแรงดีพอ เธอเพิ่มการออกกำลังวิ่งเหยาะ ๆ วันละครั้ง ลงในตารางประจำวันด้วย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้กระมังที่ทำให้แจคกี้ดีขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ จนแทบจะถือว่าเป็นการรักษามะเร็งให้หายได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ วงการแพทย์และบุคคลอื่น ๆ ที่สนใจเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่เอาชนะโรคมะเร็งได้โดยมีเรื่องราวความเอื้ออาทรของคนในครอบครัวเป็นฉากประกอบในช่วงเวลาดังกล่าวจะได้ความรู้พอสมควรจากหนังสือเล่มนี้
เอกสารอ้างอิง : แจคกี้ เดวิดสัน. มะเร็งพ่าย อนุชน เลียววัฒนะผล, ผู้แปล และเรียบเรียง. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพมหานคร : บริษัทรวมทรรศน์ จำกัด, 2550.
แอมอร
ท้ายเรื่อง เขียนเอนทรี่นี้เสร็จ ต้องเดินสายไปร่วมงานรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ที่หมู่บ้านใกล้ๆเช่นทุกปี
บทความด้านบนสอดคล้องกับความเชื่อของผู้เขียน ที่ว่าด้วยเรื่องการมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง สามารถต่อสู้กับโรคร้ายได้ทุกชนิด ฝากข้อมูลดีดี ด้านสุขภาพไว้ให้อ่านกันค่ะ
ขอบคุณน้ำใจไมตรีเพื่อนๆที่มีให้กันเสมอมา ขอให้มีความสุขกายสุขใจกันถ้วนหน้า สาดน้ำกันให้สนุกและเดินทางปลอดภัยค่ะ
Create Date : 14 เมษายน 2555 |
Last Update : 14 เมษายน 2555 8:28:35 น. |
|
20 comments
|
Counter : 1411 Pageviews. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:9:45:42 น. |
|
|
|
โดย: เพรางาย วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:11:02:45 น. |
|
|
|
โดย: ริมน้ำ_ขอบฟ้า (rimnam_kobfa ) วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:11:15:13 น. |
|
|
|
โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:14:31:31 น. |
|
|
|
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:3:29:52 น. |
|
|
|
โดย: nootikky วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:15:18:49 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:6:08:21 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:6:20:01 น. |
|
|
|
โดย: AppleWi วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:23:00:53 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 เมษายน 2555 เวลา:5:57:06 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 เมษายน 2555 เวลา:11:10:17 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:5:46:12 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:10:45:03 น. |
|
|
|
โดย: Llodanihc วันที่: 27 เมษายน 2555 เวลา:10:00:45 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [?]
|
บางที ปลายทางก็ไม่ได้สำคัญมากไปกว่า
.....
สิ่งที่อยู่ระหว่างทาง
..............^^.... และความสุขในปัจจุบัน
ก็เป็นสิ่งที่เราจับต้องได้
....^^.....^^......
โดยไม่ต้องรอคอย
ความสุขของอนาคต
ปูปรุง
|
|
|
|
|
|
|
|
ได้อะไรเยอะเลย