Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
23 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
นอนไม่หลับ..โรคแพนิค สารสื่อในสมองผิดปกติหรือเปล่า







เมื่อวานไปพบคุณหมอมาค่ะ แต่คุณหมอท่านเดิมไม่อยู่
พบอีกท่านอายุยังน้อยอยู่เลยค่ะ หลังจากเล่าอาการให้ท่านฟัง
คุณหมอก็บอกว่าเคยเป็นโรคนี้ สมัยที่ยังเป็นนักศึกษาแพทย์


คุณหมอบอกว่า เป็นอาการของสารสื่อในสมองผิดปกติ
ซักถามอาการอยู่พักใหญ่ ยิ่งแน่ใจว่าเป็นโรคแพนิคแน่นอน
เพราะอาการต่างๆใช่และตรงตามที่คุณหมอบอกทุกประการ
คุณหมอบอกให้ออกกำลังกายมากๆและอย่าอยู่คนเดียว
อาการจะกลับมาเป็นปกติโดยลำดับ
วันนี้นำข้อมูลเกี่ยวกับโรคแพนิคมาฝากกันค่ะ





ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม..โรคแพนิค


คุณเคยอยู่ในลิฟต์ ขับรถอยู่ หรืออยู่ในที่จำกัด
เกิดอาการใจสั่นผิดปกติ หรือมึนงง คล้ายจะเป็นลม
อาการเป็นชั่วครู่ก็ดีขึ้น บางคนคิดว่าอาจจะเป็นสาเหตุจากอากาศไม่ดี
หรือเครียดคิดมากไปเอง ต่อมาก็เกิดอาการแบบนี้ถี่ขึ้นเรื่อยๆ
พอไปพบแพทย์แน่นอนว่า
แม้แพทย์ตรวจร่างกายและใช้เครื่องมือตรวจอย่างไรก็ไม่พบ
ยิ่งนานวันเข้าความหวังที่จะพบโรคและหายจากโรคก็เลือนลาง
อาจจะทำให้หมดหวังในการรักษาหรือเกิดโรคซึมเศร้า
จนถึงขนาดฆ่าตัวตายได้


วันนี้เราจึงได้นัดพบ นพ.ชัยพร เรืองกิจ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบประสาท พูดคุยเกี่ยวกับโรคที่น่าสนใจ
เป็นภัยใกล้ตัว แต่คนส่วนใหญ่อาจจะมองข้ามหรือยังไม่รู้จัก
คือ โรคแพนนิค คุณหมอแจ้งกับเราว่า
ที่อยากให้ความรู้เรื่องโรคนี้ เพราะปัจจุบันคนส่วนใหญ่เป็นกันมาก
เป็นได้ทั้งชายและหญิง แต่จะพบในหญิงมากกว่า
ซึ่งบางคนเป็นผู้ป่วยแล้วแต่ยังไม่รู้ตัว
หรือหลายคนอาจจะยังไม่ทราบสาเหตุของอาการ
และการรักษาที่แท้จริง



โรคแพนิคคืออะไร


เป็นโรคที่ประกอบด้วยกลุ่มอาการหลายอย่าง
เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเป็นๆ หายๆ และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนผู้ป่วยไม่สามารถมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุข



อะไรเป็นสาเหตุของโรคแพนิค


แต่ก่อนเราเชื่อว่าเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความเครียดหรือโรคประสาท
แต่ปัจจุบันเราพบว่าสาเหตุที่เป็น

เนื่องจากมีสารสื่อในสมองผิดปกติ
โดยเฉพาะสารสื่อที่ชื่อSerotonin norepinephrine GABA
และEndorphinซึ่งอาการแปรปรวน
เนื่องจาก 2 สาเหตุใหญ่ๆ คือ



1.การนอนหลับสนิทไม่เพียงพอ

2.ขาดการออกกำลังกาย



เกณฑ์การการวินิจฉัย และอาการของโรคแพนิค



1.อาการต่างๆเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุ

2.ขณะที่เป็นจะต้องมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 4 อย่าง ดังนี้

3.ต้องมีอาการอย่างน้อย 4 ครั้ง หรือถ้าน้อยกว่า
จะต้องมีความรู้สึกกังวลหรือกลัวว่าจะเป็นๆ เป็นเดือน


•ใจสั่นหรือหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ

•เหงื่อแตก

•ตัวสั่น

•รู้สึกหายใจไม่อิ่มหรือไม่ออก

•เจ็บหรือแน่นหน้าอก,คลื่นไส้ มวนในท้อง

•มึนงง โคลงเคลง วูบ คล้ายจะเป็นลม

•มีความรู้สึกกึ่งฝันและรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป

•กลัวควบคุมตัวเองไม่ได้ กลัวจะเป็นบ้า

•กลัวจะตายในขณะนั้น

•ชาตามตัว แขนขาหรือเสียว

•หนาวหรือสั่น หรือสะบัดร้อนหรือหนาว



1.อาการต่างๆจะต้องเกิดขึ้นจนเต็มที่ภายใน 10 นาที แล้วค่อยดีขึ้นมาเอง




ทำไมถึงเกิดอาการแพนิค


ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าระบบประสาทของคนเรา
ประกอบด้วยสององค์ประกอบใหญ่ๆ
ส่วนแรกเราเรียกว่าประสาทส่วนที่อยู่ในความควบคุมของจิตใจ
ว่าจะพูด ยืน เดิน หยิบจับอะไรอย่างไร


และอีกส่วนหนี่งเราเรียกว่าระบบประสาทอัตโนมัติ
ซึ่งเราไม่สามารถหรือจำเป็นต้องไปสั่งงานว่า
ประเดี๋ยวฉันจะนอนปอดอย่าลืมหายใจนะ หัวใจอย่าลืมเต้นนะ
ออกกำลังกายแล้วร้อนช่วยระบายเหงื่อหน่อย เป็นต้น


ระบบต่างๆเหล่านี้จะทำงานด้วยตัวเองอย่างเหมาะสม
กับเวลาและสถานการณ์
ซึ่งการนี้ต้องมีปริมาณสารสื่อในสมองที่เหมาะสมเป็นตัวควบคุม
การแปรปรวนของสารสื่อทำให้มีความผิดปกติ
ของระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น อยู่เฉยๆไม่ได้
ออกกำลังกายก็มีการหายใจเร็วหรือหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เป็นต้น



การรักษาผู้ป่วยโรคแพนิค


ยาที่ใช้รักษามี 2 กลุ่มใหญ่ๆ


คือ



1. ยาที่ออกฤทธิ์เร็ว เมื่อเกิดอาการขึ้นมา
ให้รีบกินแล้วอาการจะหายทันที
เป็นยาที่รู้จักกันในชื่อ ยากล่อมประสาท หรือยาคลายกังวล
ยาประเภทนี้ ถ้ากินติดต่อกันนานๆ จะเกิดการติดยาและเลิกยาก



2. ยาที่ออกฤทธิ์ช้านั้น จะต้องกินต่อเนื่อง2-4 สัปดาห์ จึงจะเห็นผล
สามารถป้องกันโรคได้ในระยะยาว
เพราะยาจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงสารเคมีในสมอง
ยากลุ่มนี้จะเป็นยาที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้า
แต่จะไม่ทำให้เกิดการติดยาและสามารถหยุดยาได้เมื่อโรคหาย



สำหรับการรักษาด้วยยา ในช่วงแรกๆ แพทย์จะให้ยาทั้ง 2 กลุ่ม
คือ เนื่องจากยาที่ออกฤทธิ์ช้านั้น ยังออกฤทธิ์ไม่เต็มที่
จึงต้องใช้ยาที่ออกฤทธิ์เร็วควบคู่กันไปด้วย
เมื่อยาที่ออกฤทธิ์ช้านั้นได้ผล
แพทย์จะลดการกินยาที่ออกฤทธิ์เร็วให้น้อยลง
เมื่อผู้ป่วยหายสนิท คือ ไม่มีอาการเลย
มักให้กินยาต่อไปอีก 8-12เดือน เพื่อป้องกันการกลับมาของอาการ
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะสามารถหยุดยาได้โดยไม่มีอาการกลับมาอีก
แต่ก็มีบางรายที่มีอาการอีกเมื่อหยุดยาไปแล้ว
สักพักต้องเริ่มต้นรักษาเหมือนเดิม



อย่างไรก็ตาม การรักษาที่ได้ผลดี
ควรมีการรักษาทางจิตใจควบคู่ไปด้วย
คือจะรักษาให้หายได้นั้นต้องขึ้นอยู่กับการทานยา50%
และอยู่ที่การปฎิบัติตัวของคนไข้50%ถึงจะทำให้คนไข้หายเป็นปกติได้
โดยให้ความรู้ และพฤติกรรมบำบัด
เพื่อปรับแนวคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วยด้วย


ขณะเดียวกัน คนใกล้ชิด ผู้เกี่ยวข้อง
หรือแม้กระทั่งทีมแพทย์พยาบาลควรเข้าใจและให้กำลังใจ
อย่าคิดว่าผู้ป่วยแกล้งทำ ซึ่งยิ่งเป็นการทำร้ายจิตใจเขาอย่างมาก
แล้วอาการแพนิคก็จะค่อยๆ ทุเลาลงจนหายในที่สุด



ข้อปฎิบัติหรือข้อหลีกเลี่ยงในการเกิดโรคแพนิค


1.งดอาหารที่มีส่วนประกอบของคาเฟอีน เช่น น้ำชา กาแฟ
น้ำอัดลม หรือยาแก้ปวดบางชนิด


2.ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอทุกวัน อย่างน้อยวันละครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง


3.พยายามนอนหลับพักผ่อนให้สนิท อย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง


4.ถ้าเป็นผู้ป่วยโรคแพนนิคก็ควรรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ
และมาพบแพทย์ตามกำหนดนัดหมายทุกครั้ง




สุดท้ายนี้คุณหมอฝากกำชับว่า ร่างกายของเราเปรียบเสมือนกับรถยนตร์
ถ้ารถที่ไม่ได้ใช้งานจอดทิ้งไว้ก็จะหมดสภาพ
ส่วนรถยนตร์ใช้งานหนักๆก็จะเสื่อมสภาพ
ดังนั้น รถที่ไม่ได้ใช้งานก็จะต้องนำมาขับใช้งาน
ส่วนรถที่ใช้งานหนักหรือขับในทางไกลก็ควรพักเครื่อง
หรือมีการเช็คระยะ เติมน้ำมันเครื่องดีดี

เพื่อรถยนตร์จะได้คงสภาพได้นาน ก็เหมือนกับร่างกายของคนเรา
ถ้าทำงานหนักก็จะต้องมีการดูแลสุขภาพดูเอง
ทานอาหารให้ครบ พักผ่อนให้เพียงพอ
แต่ถ้าร่างกายไม่ได้ใช้งานก็จะทำให้ลีบใช้งานไม่ได้
ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เราจึงควรที่จะสร้างความสมดุลให้กับร่างกาย

โดยปฎิบัติง่ายๆแค่ 2ข้อ คือการออกกำลังกาย
และ การพักผ่อนให้เพียงพอ
แค่นี้ก็จะได้ใช้ชีวิตที่ยาวนานและห่างไกลจากทุกโรคแล้วล่ะคะ





ขอบคุณ Written by Administrator
Sunday, 30 August 2009 00:09






ขณะที่เขียนยังรู้สึกกลัวๆอยู่เลยค่ะ เกรงว่าอาการดังกล่าว
จะกลับมาเป็นอีก ต้องคอยสูดลมหายใจลึกๆเข้าปอดเป็นระยะ
เพราะรู้สึกคล้ายๆลืมหายใจ หายใจไม่อิ่ม
อยู่ในบ้านบางทีก็รู้สึกหายใจไม่ออก ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
คุณหมอยังไม่แนะนำให้ทานยา ให้ลองออกกำลังกายดูก่อน
และผ่อนคลายโดยการหัวเราะบำบัดค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆนะตะที่แวะมาส่งกำลังใจ แล้วเจอกันค่ะ




แอมอร





Create Date : 23 เมษายน 2554
Last Update : 23 เมษายน 2554 19:50:19 น. 39 comments
Counter : 13522 Pageviews.

 
มาให้กำลังใจนะครับ โรคนี้ปัจจุบันมีคนเป็นเยอะมาก ที่จริงยังไม่พบสาเหตุ อาการค่อนข้างน่ากลัว แต่ถ้าเข้าใจอาการของโรคนี้แล้วที่จริงมันไม่น่ากลัวอย่างที่เป็น โอกาสหายมีสูง แต่ก็มีโอกาสกลับมาเป็นอีก ปกติหมอจะจ่ายยาให้คนไข้ทาน แค่ 2 สัปดาห์ อาการจะดีขึ้นมาก แต่ต้องทานต่ออีกเป็นปี ในรายที่อาการน้อย คุณหมออาจจะยังไม่จ่ายยาให้ ฝึกการทำสมาธิ การหายใจยาวๆที่ถูกวิธี หรือ เล่นโยคะ จะช่วยได้มากๆครับ


โดย: mystically IP: 58.11.86.20 วันที่: 23 เมษายน 2554 เวลา:20:20:29 น.  

 
ขอบคุณข้อมูลดีๆ ค่ะ


โดย: Megeroo วันที่: 23 เมษายน 2554 เวลา:21:27:30 น.  

 
แพนิค น้องรินอ่านแล้ว กลัวไปด้วยคะ่พี่แอม

นอนไม่หลับกระสับกระจ่าย จิตวุ่น

เครียดหลายอย่า

จะอย่างไรก็แล้วแต่

น้องรินขอร่วมเป็นกำลังใจหนึ่งนั้น

ขอให้พี่แอม หายดี เร็ววันเร็วคืนนะคะ

ขอเอาใจช่วยค่ะ




โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 23 เมษายน 2554 เวลา:23:19:03 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่แอม

การไม่เป็นโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆเลยนะครับ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 เมษายน 2554 เวลา:6:18:39 น.  

 
ดูเหมือนว่าวิธีพื้นๆ ในเรื่องการรักษาสุขภาพ คือ การออกกำลังกาย และการพักผ่อนให้เพียงพอ จะใช้ได้กับทุกโรคเลย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 24 เมษายน 2554 เวลา:14:13:30 น.  

 
........ดูแล้วคราวนี้ ครูแอมจะเป็นค่อนข้างมากนะครับ โรคนี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนครับ จึงรู้สึกเป็นห่วงมากครับ... จึงขออนุญาตแนะนำ ครูไปออกกำลังกายที่ๆอากาศดีๆ สงบๆ ไม่พลุกพล่าน ก็น่าจะดีนะครับ.....


โดย: พายุสุริยะ วันที่: 24 เมษายน 2554 เวลา:22:22:01 น.  

 
โรคนี้ไม่ได้เกิดจากความเครียดเหรอค่ะ
เอ๋นึกว่าความเครียดก็เลยออกอาการ

เพราะว่าเอ๋เครียดแต่ใจไม่สั่น
จะใจสั่นตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อยากเจอ

อ่านแล้วชักจะเริ่มเป็นห่วงตัวเองคะพี่แอม
ต้องไปตรวจสอบสภาพเราหน่อยแล้ว

ขอบคุณคะพี่แอม.....


โดย: aenew วันที่: 24 เมษายน 2554 เวลา:23:06:58 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่แอม







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:6:38:53 น.  

 


โดย: nulaw.m วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:10:41:40 น.  

 

โรคนี้แปลกจังเลยนะคะ ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟัง
แต่มานเหมือนกะโรคเครียดจริงละค่ะ

ดีใจที่พี่แอมดีขึ้นแล้ว เป็นห่วงอยู่..
นิคมาส่งกำลังใจอีกคน



โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:23:37:50 น.  

 
ปุญฺญญฺเจ ปุริโส กยิรา กยิราเถนํ ปุนปฺปุนํ ตมฺหิ
ฉนฺทํ กยิราถ สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย

ถ้าหากจะทำความดี ก็ควรทำดีบ่อยๆ ควรพอใจในการทำความดีนั้น
เพราะการสะสมความดีนำความสุขมาให้

tummajuk


โดย: พรหมญาณี วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:12:48:59 น.  

 
สวัสดีคะคุณแอม
ตามน้องรินมาเที่ยวบ้านนี้บ้าง

โรคนี้มันอาการแย่จังนะคะ
(พอๆ กับโรคซึมเศร้าเลย โรคของคนเมืองสมัยนี้เชียว)
ทำงาน ไม่ค่อยนอน และไม่มีเวลาออกกำลัง

สุขภาพนี่ สำคัญจริงๆ คะ ขอให้คุณแอมอย่าเป็นมากนะคะ
รักษาสุขภาพทั้งกายและใจคะ


โดย: lazymetal วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:5:46:55 น.  

 


มาให้กำลังใจพี่แอมค่ะ
ดูแลสุขภาพมากๆ นะคะ
พูเอาดอกมะลุลีมาฝากค่ะ





กลีบเรียวขาวดอกนี้...............มะลุลี
ประดุจดั่งดัชนี......................จากน้อง
รอคอยหนึ่งคนดี...................มาเกี่ยว ก้อยเนอ
ก้าวย่างทางร่วมพ้อง..............สนิทแนบตราบนิรันดร์



โดย: พธู วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:9:25:36 น.  

 
สวัสดีค่ะ..

อ้อมแอ้มมีเลขเด็ดมาฝากในงวดนี้นะค่ะ

ขอให้โชคดีนะค่ะ



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:9:44:21 น.  

 
อ่านแล้วก็แอบดีใจ ที่ไม่ได้เป็น
ที่แน่ ๆ หัวถึงหมอนเมื่อไหร่ หลับเป็นตรายยย 555

เป็นห่วงเป็นใยจ๊ะ

สองพี
ปล. รับรู้ถึงดอกไม้หลังบ้านแอ่นระเบียงจ้า ..


โดย: SongPee วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:21:54:25 น.  

 
......................ครูครับ....หายได้แล้วครับ....มีคนคิดถึงอยู่มากนะครับ.......
แวะมาเยี่ยมด้วยความห่วงใยครูจริงๆครับ....


โดย: พายุสุริยะ วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:21:56:06 น.  

 
พี่แอมสวัสดีรอบดึกคะ
เป็นอย่างไรบ้างคะพี่แอม...
อาการค่อยดีขึ้นหรือยังคะ

อีกไม่กี่วันพี่แอมก็จะได้พักปลายสัปดาห์สามวัน
คงต้องหาเวลาดูหนัง พักผ่อนบ้างนะคะ


นอนหลับฝันดีคะพี่แอม


โดย: aenew วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:22:32:43 น.  

 
ปาโปปิ ปสฺสตี ภทฺรํ ยาว ปาปํ น ปจฺจติ ยทา จ ปจฺจตี
ปาปํ อถ ปาโป ปาปานิ ปสฺสติ

เมื่อบาปยังไม่ส่งผล คนชั่วก็เห็นว่าเป็นของดี
ต่อเมื่อมันส่งผลเมื่อใด เมื่อนั้นเขาจึงรู้พิษสงของบาป

มีความสุขกับการอโหสิกรรมต่อเพื่อนร่วมโลก ตลอดไป..นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:9:44:39 น.  

 
กำลังจะเตรียมตัวกลับห้องคะพี่แอม
วันนี้จะกลับห้องเร็วสักวัน ทุกวันไม่มืดจะไม่ได้กลับ

งานเสร็จหมดแล้ว...

สวัสดีคะพี่แอม


โดย: aenew วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:17:20:55 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่แอม
จินได้รับของแล้วนะคะ
ชอบมากค่ะ ไม่เคยมีปลาตะเพียนนานแล้ว
ตอนน้องเต็นท์ก็ไม่ได้ซื้อมาห้อยให้
ดีใจที่ได้รับ และขอบพระคุณมากค่ะ ^^

ขอโทษด้วยนะคะ
ที่ได้รับของแล้ว ไม่ได้ส่งข่าว
พี่แอมค่อยยังชั่วแล้วใช่มั้ยค่ะ
ดูแลและให้เวลาตัวเองให้มาก ๆ นะคะ
รักตัวเองให้มาก ๆ แล้วทุกอย่าง
จะต้องดีขึ้นค่ะ

พี่แอมศึกษาโรคแล้วนำมาแบ่งปัน
นอกจากจะรู้ทางรักษาและป้องกันให้กับตัวเองแล้ว
จินเชื่อว่าผลบุญที่ให้ความรู้ในโรคนี้
จะส่งผลให้พี่แอมหายขาดเร็ววันค่ะ

ขอให้พี่แอมมีความสุขในทุกวินาทีของทุกวันนะคะ
แล้วจะแวะมาเยี่ยมใหม่ค่า


โดย: JinnyTent วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:20:43:28 น.  

 
คะ แวะมาอ่าน แล้วนะคะ ขอบคุณมากๆๆ สำหรับ ข้อมูลดีๆๆ


โดย: ไหมสีตอง วันที่: 17 กรกฎาคม 2554 เวลา:17:43:17 น.  

 
เป็นเหมือนกันค่ะ....ทรมานมากๆๆ

ขอบคุณมากนะค่ะสำหรับข้อมูลดีดี


โดย: กำลังใจเล็กๆจากตัวเอง IP: 202.29.241.174 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:14:38:19 น.  

 
เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นที่ //www.panicthailand.com ค่ะ ชมรมคนแพนิคแห่งประเทศไทย


โดย: เนย IP: 171.98.14.187 วันที่: 22 มีนาคม 2555 เวลา:8:27:02 น.  

 
ผู้เขียนใช้การหัวเราะบำบัด การกิน ยาหอมและชงชาเกสรทั้งห้า
และการกัวซา ขูดสารพิษด้วยแพทย์ทางเลือก
เสริมด้วยการออกกำลังกายและไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง
ใช้การทำสมาธิและสวดมนต์เข้าร่วม
โดยไม่ได้พึ่งพายาคลายกังวลใดๆ

ผู้เขียนหายจากอาการตั้งแต่หนึ่งเดือนแรกที่เป็น
นับจากวันนั้นกระทั่งวันนี้ ไม่มีอาการใดใด ครบหนึ่งปีเต็มแล้ว
เข้าใจถึงความรู้สึกนั้นได้ดี
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนนะคะ


แอมอร



โดย: peeamp วันที่: 22 มีนาคม 2555 เวลา:21:14:44 น.  

 
สวัสดีค่ะ เป็นแพนิคเหมือนกันค่ะ เพิ่งรู้จากการหาข้อมูลในเน็ตเนี็ยะแหละค่ะ มาอ่านแล้วขอบคุณมากๆสำหรับข้อมูลนะค่ะ มีคนเป็นเยอะเหมือนกันเนาะ อยากหายเร็วๆค่ะ กินยาแล้วทรมาน ตอนนี้เลยหยุดยาเองมาเดือนกว่าแล้วค่ะ พยายามออกกำลังและสวดมนต์นั่งสมาธิค่ะ แตช่วงนี้เริ่มกลัวก่อนนอนอีกล่ะ ผวากลางคืน แต่ก็ควมคุมตัวเอง สวดมนต์ค่ะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น แต่ก็อดกังวลไม่ได้ค่ะ ลังเลจะกลับไปหาหมอดีไหม


โดย: ต้นกล้าต้นนี้ วันที่: 6 พฤษภาคม 2555 เวลา:19:06:56 น.  

 
กำลังเป็นเหมือนกัน ทรมาณมากเลยค่ะ ขอกำลังใจจากทุกๆคนเยอะๆและขอให้ทุกคนที่เป็นสู้ๆต่ะ


โดย: รักจาง IP: 180.180.106.110 วันที่: 27 มิถุนายน 2555 เวลา:14:25:30 น.  

 
คุณรักจาง

นอนหลับพักผ่อน และออกกำลังกายบ้างนะคะ
ขอเป็นกำลังใจให้กันและกันค่ะ

แอมอร


โดย: peeamp วันที่: 30 มิถุนายน 2555 เวลา:21:32:34 น.  

 
คืออยากสอบถามว่าจะมีวิธีแก้ที่ดีที่สุดมั้ยคะ เพราะตอนนี้ญาติเค้าเป็นโรคแพนิคแล้วเค้าไม่ฟังใครเลยค่ะ ขนาดแพทย์รับรองว่าเค้าเป็นเค้าก็ไม่ฟัง คิดรวมเรื่องทุกอย่างมารวมกันหมดแล้วค่ะ ยาที่แพทย์ให้เค้าทานเค้าก็ไม่ทาน วันๆเอาแต่มานั่งเล่าเรื่องที่ตัวเองบอกว่ารู้เองเห็นเองค่ะ จนคนอื่นแทบจะไม่ไหวแล้วค่ะ(อยากปรึกษาค่ะ)


โดย: สายฟ้าฟาด IP: 101.51.141.116 วันที่: 4 ตุลาคม 2555 เวลา:19:18:24 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณสายฟ้าฟาด

ยินดีค่ะ

Peeamparacha@gmail.com


แอมอร


โดย: peeamp วันที่: 5 ตุลาคม 2555 เวลา:22:09:40 น.  

 
ช่วงที่อาการแพนิคกำเริบ คนรอบข้างสำคัญมาก
ฟังเขาเข้าใจเขาให้กำลังใจเขามากๆนะคะ

ลองพาเขาออกไปจากความจำเจ
อย่าให้หมกมุ่นอยู่คนเดียว
เขาอาจกำลังเคร่งเครียดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ได้
พาไปพักผ่อนต่างจังหวัดบ้าง

ได้หัวเราะเสียงดังๆออกกำลังกาย
และนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
หากมีอาการใจสั่น ทานยาหอมและชงเกสรทั้งห้า
อาการหายใจไม่อิ่ม ใจเต้นแรงจะทุเลา
ลองเข้าไปอ่านที่ห้องแพนิคดูนะคะ


แอมอร







โดย: peeamp วันที่: 5 ตุลาคม 2555 เวลา:22:45:44 น.  

 


PANIC ROOM


ลองตามไปศึกษาดูนะคะ


แอมอร


โดย: peeamp วันที่: 5 ตุลาคม 2555 เวลา:22:52:33 น.  

 
มีอาการคล้ายๆ กับโรคแพนนิค แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่าค่ะ เพราะเกิดอาการแค่ไม่ถึง 30 วินาทีก็หายเป็นปกติ ปีที่ผ่านมาเป็นประมาณ 4 ครั้ง ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหมอบอกว่าเป็นอาการลมชักชนิดหนึ่งให้ยา Sodium valproate มาทานเป็นเดือน พอมา search ใน google เพิ่งทราบว่ามีโรคแพนนิคด้วย เลยไม่แน่ใจว่าเราเป็นลมชักหรือโรคแพนนิคกันแน่ ใครทราบช่วยแนะนำด้วยค่ะ


โดย: Oki IP: 58.11.171.78 วันที่: 7 มกราคม 2556 เวลา:21:45:35 น.  

 
โรคลมชักกับแพนิคไม่เหมือนกันครับ ผมเป็นโรคแพนิคมาได้ 6 ปีแล้วตอนนี้คิดว่าดีขึ้นมากหรือหายแล้ว แต่ก็มีบางครั้งถ้าเครียดหรือพักผ่อนไม่พอมันอาการมันจะกลับมา ที่สำคัญต้องออกกำลังกายและการพักผ่อนเหมือนที่เจ้าของกระทูบอก แต่เสริมนิดหนึ่งเพราะก่อนที่ผมจะอาการดีขึ้นและหายเกือบจะหายขาดคือ ผมไปค้นใน google เจอคนที่เป็นแพนิคเหมือนกันบอกว่าเขาเป็นมา7-8ปีและเขาหายขาดเพราะเขาทานยาวิตามินบี แนทบีสีแดงๆ 2 กระปุก ตอนแรกผมไม่เชื่อโทรไปคุยและถามตรงๆว่าคุณเป็นเซลล์ขายยาเหรอ เขาบอกไม่ใช่เขากินแล้วหายจริงๆ เขาบอกไปหลายคนแล้วและหายขาดด้วย เขาฝากบอกว่าถ้ากินแล้วคุณหายช่วยบอกต่อๆหน่อยนะ เพื่อเป็นบุญช่วยคน ถ้าสงสัยอย่างไรโทรถามเขาได้ครับ ชื่อพี่ต่าย 081-0211544 ถ้าใครทานแล้วหายช่วยบอกต่อๆนะครับ ไปซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ส่วนโรคลมชักแฟนผมเป็นรักษาอยู่ โรคลมชัดดูง่ายถ้าคุณเป็นคุณจะไม่รู้สึกตัวว่าคุณกำลังทำอะไร คนรอบข้างจะรู้ว่าคุณมีอาการแปลกๆ เหมือนคุณหลับไปและตื่นมาเท่านั้นเอง เพราะอาการที่คุณแสดงออกมาคุณจะไม่รู้ตัว แต่ถ้าเป็นแพนิคคุณจะกลัวทุรนทุราย หรือเหมือนคนบ้าคุมอากรไม่อนู่ถ้าเป็นมากๆ ข้อแตกต่างของ 2 โรคนี้ตามประสบการณ์

ขอให้ทุกคนหายเร็วๆครับ เป็นกำลังใจ


โดย: nop IP: 182.52.6.22 วันที่: 27 มกราคม 2556 เวลา:17:08:51 น.  

 
ทักทายคุณokiและขอบคุณคุณnopที่แวะมาร่วมแบ่งปันค่ะ
หากผ่านมาอีกครั้ง ตามไปทักทายกัน
ตามลิงค์ด้านล่างนะคะ
แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันค่ะ


กดตรงนี้ตามไปคุยกันที่ห้อง(แพนิค)ถามตอบนะคะ



แอมอร




โดย: peeamp วันที่: 29 มกราคม 2556 เวลา:6:06:56 น.  

 
ผมเป็นแพนนิคมา 9 ปี อาการดีบ้าง แย่บ้าง จนทำงานประจำไม่ได้ ต้องลาออกเมื่อ ธ.ค. 2554 พุดง่ายๆอยู่กับงานที่เครียดไม่ไหว กลับมาอยู่ต่างจังหวัดแล้วครับ ทานยาทุกวันครับ แต่ไม่มีวี่แววว่าจะหายขาด ลดปริมาณยามาครึ่งหนึ่งแล้ว คงลดลงไม่ได้อีก กลัวอาการ Panic Attack เพราะเป็นแล้วความดันขึ้นสูง 1-2 วัน
สภาพตอนนี้ มึนๆปวดหัวบ่อยๆ วูบๆ ปวดตา มองภาพไม่ชัด แต่ยังขับรถยนต์ได้ ทำกับข้าว ล้างจาน ถูบ้านได้ อาการร้อนยิ่งเป็นมาก
ขอคำแนะนำหน่อยครับ anney_2508@hotmail.com


โดย: ใหญ่ IP: 115.67.67.55 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:15:00:35 น.  

 
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นหรือไม่
แต่อาการ เหมือนมาก
เศร้า เลย


โดย: ออย IP: 182.52.146.226 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:06:27 น.  

 
ภาวะอะโกราโฟเบีย (Agoraphobia)
ภาวะความกลัวของผู้ที่เป็นแพนิค

โดยส่วนตัวประสาคนเคยเป็น
ฉันคิดว่าเป็นอาการกลัวที่สมเหตุสมผลค่ะ

ทำไมจึงคิดเช่นนั้น…


อาการเด่นของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้คือ…ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าใจสั่น หัวใจเต้นแรง
อึดอัด แน่นหน้าอก หายใจไม่ทัน ขาสั่น มือสั่น มือเย็น ……
บางคนจะมีอาการวิงเวียนศีรษะท้องไส้ปั่นป่วน
หรือกลัวว่าตัวเองกำลังบ้าหรือเสียสติ

ความรู้สึกในตอนนั้น…คล้ายคนกำลังจะจมน้ำตาย
…ต้องโผล่ขึ้นมาหายใจเพื่ออัดอากาศเป็นระยะๆ
ผู้ที่เป็นแพนิคจะรู้สึกว่าได้สัมผัสกับ "ความตาย" อย่างใกล้ชิด…

ผู้ที่เป็นแพนิคมักมีฮอร์โมนที่ชื่อว่า อะดรีนาลินสูง
แต่มีเซโรโทนนินต่ำ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากความเครียด

อาการของโรคนี้จะเกิดซ้ำๆ และเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด
ไม่มีเหตุหรือสัญญาณเตือนล่วงหน้า
อาการต่างๆ มักเกิดขึ้นทันทีและค่อยๆ รุนแรงขึ้น จนเต็มที่ประมาณ 10 นาที
แล้วค่อยๆ ทุเลาลง หลังจากอาการแพนิคหาย..
สิ่งที่ตามมาคือมักจะรู้สึกอ่อนเพลีย
และในช่วงที่ไม่มีอาการผู้ที่เป็นก็จะกังวลว่าอาจเป็นซ้ำอีก

เพราะไม่สามารถคาดเดา ล่วงหน้าได้

ในบางคนกลัวมาก…ถึงขั้นอยู่คนเดียวไม่ได้
…ไปไหนคนเดียวก็กลัว
กลัวว่าในระหว่างนั้นอาจตายโดยไม่มีใครช่วยทันนั่นแหละค่ะ

เมื่อเราทำความเข้าใจต่อโรค ว่ามีสาเหตุเพราะอะไร
หาวิธีสลายความเครียด
เพื่อลดการทำงานของต่อมหมวกไตได้แล้ว
เมื่ออาการต่างๆสงบลง...อาการกลัวจะหายไปในที่สุดค่ะ


โดย: peeamp วันที่: 17 ธันวาคม 2558 เวลา:19:27:48 น.  

 
แพนิครักษาอีกวิธีครับ เป็นมาจะ30ปีแล้วไม่เคยกินยา พึ่งมาเจอสูตรตอนแก่อายุ45นี่แหละ งดทานเนื้อสัตว์ ทานผลไม้ ทานวิตามินบีรวม แค่เนี้ย หายแน่นอน แค่2วันรู้ผลเลย


โดย: กิ๊ง IP: 122.155.43.234 วันที่: 23 มกราคม 2559 เวลา:16:12:58 น.  

 
ขอบคุณมากๆมีสาระมากเลยค่ะ


โดย: นิตยา IP: 49.230.230.255 วันที่: 29 สิงหาคม 2559 เวลา:10:54:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

peeamp
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [?]




บางที ปลายทางก็ไม่ได้สำคัญมากไปกว่า


.....

สิ่งที่อยู่ระหว่างทาง


..............^^....
และความสุขในปัจจุบัน

ก็เป็นสิ่งที่เราจับต้องได้

....^^.....^^......


โดยไม่ต้องรอคอย

ความสุขของอนาคต



ปูปรุง








New Comments
Friends' blogs
[Add peeamp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.