Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
10 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
หลอกสมอง..ด้วยการหัวเราะ..ให้หายจากอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรง



ในหลายวันที่ผ่านมา เป็นไข้หวัดผสมกับมีรอบเดือน
และเกิดอาการซึมเศร้าชนิดร้ายแรงค่ะ
ขณะที่เขียน อาการเริ่มเป็นปกติแล้ว
แต่รู้สึกห่วงใยเพื่อนๆอยากนำประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้น
กับตัวเองมาเล่าสู่กันฟัง เพราะได้ผ่านวิกฤตมาหมาดๆ
เผื่อจะเกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นได้บ้าง


เพราะเร่งงานหนักในช่วงปลายเดือน เคร่งเครียดกับการส่งงาน
และให้บริการไปพร้อมๆกัน
ช่วงต้นเดือนระหว่างที่ทำงานยุ่งชุลมุนอยู่หน้าเคาร์เตอร์
จู่ๆก็เกิดอาการมีน้ำมูกใสๆไหลย้อย
ทำงานไป ใช้แมสปิดปากไป เกรงผู้มาใช้บริการจะรังเกียจ


วันนั้นคือวันศุกร์วันที่มีงานถนนสายตะพาบ
เกิดอาการปวดเกร็งที่ท้ายทอยตึงที่หัวไหล่ ปวดศีรษะ
คล้ายจะเป็นไมเกรน ตาพร่าๆ ทำบัญชีไม่ลงตัว เพราะขาดสมาธิ
เที่ยงก็แล้วบ่ายก็แล้วก็ปิดบัญชีไม่ลงตัวค่ะ
จนบ่ายสามระหว่างนั้น วันนั้นของเดือนก็มาในเวลาพร้อมๆกัน
ใจเริ่มสั่นๆเพราะยังไม่ได้ทานข้าว
ดื่มนมถั่วเหลืองไปหนึ่งกล่อง กับขนมอีกเล็กน้อย



ปกติอาการหลักๆ ที่เคยเป็นเวลาก่อนมีประจำเดือน
หรือระหว่างที่มีคือคัดตึงเต้านม แขนหรือขาบวม ปวดศีรษะไมเกรน
ท้องอืด น้ำหนักขึ้น อยากอาหารมากกว่าปกติ
นอนมากกว่าปกติ หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน ขาดสมาธิ
เครียด วิตกกังวล บางทีก็มีอาการร้อนใน ปากเป็นแผล


มีอาการแล้วยังเข้าสังคมได้ แต่บางครั้งก็มีอาการอยากแยก
ออกจากสังคมเป็นระยะๆมีซึมเศร้าน้ำตาไหลร้องไห้แบบไม่มีสาเหตุบ้าง
บางทีก็รู้สึกเศร้าๆเหงาๆแล้วก็หายไป
ไปปรึกษาอาจารย์หมอไพรวัลย์ที่โรงพยาบาลจันทรุเบกษา
ท่านก็บอกว่า ถือเป็นเพียงกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน
เราก็นิ่งนอนใจ ว่าไม่มีอะไร เดี๋ยวก็หาย


แต่ครั้งนี้มีอาการรุนแรงกว่าที่เคย
เกิดอาการเครียดนอนไม่หลับ ติดต่อกันมาหลายคืน
รู้สึกอึกอัดหายใจไม่ออก ต้องเปิดไฟนอน เปิดประตูหน้าต่าง
เดินไปมาอยู่ในบ้านรู้สึกคล้ายไม่มีอากาศหายใจ
เดินไปนอกบ้านแล้วรู้สึกดี เข้ามาภายในบ้านได้ไม่นานก็ออกไปใหม่



เที่ยงคืนตีหนึ่ง ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน และอยากแต่จะร้องไห้
เป็นทุกข์อย่างรุนแรง นึกถึงและห่วงกังวลจนเกินพิกัด
ดูทีวีไม่ได้ นั่งไม่ติดที่ ทุกครั้งที่ความคิดวิ่งพล่านในสมอง
ไม่สามารถสลัดมันทิ้งไปได้เลย
ทำสมาธิก็แล้ว เดินไปมานับก้าว วิ่งออกกำลังกาย ก็ไม่เป็นผล



ทุกครั้งที่นึกถึงอะไร และไม่ได้คำตอบ
เช่นนึกชื่อดาราไม่ออก อยากกรี๊ดออกมาว่า ใครๆๆๆๆๆ
ชื่ออะไรๆๆๆๆ หัวใจเต้นแรง อยากตะโกนร้องกรี๊ดๆ
คล้ายคนวิกลจริต ได้แต่พูดบอกตัวเองว่า




ใจเย็นๆเข้าไว้แอม เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป
ไม่ต้องรู้ก็ได้ว่าใครชื่ออะไร ของวางแล้วลืมก็วู่วามเวลาที่หาไม่เจอ
ต้องปรามตัวเอง ว่าจงผ่อนคลาย สงบๆสบายๆ
หายใจเข้าลึกๆหายใจออกยาวๆ สลัดสิ่งที่กำลังคิดทิ้ง
ไม่นานก็มาผุดขึ้นในสมองอีก ทำอะไรก็ไม่เป็นผล




มันทรมานเหลือเกิน เผลองีบหลับไปนิดเดียว
สะดุ้งตกใจตื่น เพราะความคิดบางอย่างมันแทรกเข้ามา
คล้ายมีคำถามดังอยู่ในโสตประสาท
ตื่นลงมาเดินคนเดียว จนสว่าง มางีบได้ตอนกลางวัน
จนต้องลางาน มานอนที่บ้าน
เพราะไม่สามารถทำงานได้ ร้องไห้ตลอดเวลา



เป็นคนโชคดี ที่ครอบครัว หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานเข้าใจ
เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเป็นอะไรขนาดนี้
ได้หยุดงาน คนในครอบครัวห้อมล้อม พาไปเที่ยว
หาที่โปร่งๆสบายๆนั่งชมวิว มีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา
ตกกลางคืน น้องบ้านใกล้ๆมานั่งล้อมวงคุยกัน
เรากลับลุกดินไปเดินมาคล้ายสติแตก อยู่นิ่งไม่ได้



สามวันผ่านไป เขาช่วยกันหาวิธีให้เราผ่อนคลาย
เปิดเพลงบรรเลงให้ฟัง พาไปไหว้พระ แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว
อาการลดน้อยลงก็จริง แต่เป็นๆหายๆทรมานเหลือเกิน
ไม่สามารถสลัดสิ่งที่อยู่ในสมองทิ้งไปได้
หดหู่ รู้สึกอยากหยุดหายใจ จะได้หายจากอาการที่เป็นอยู่
ทั้งสวดมนต์ภาวนา แต่ก็ไม่สงบลงได้


จากที่เคยเปิดเน็ตได้
กลับกลัวการนั่งนิ่งๆอยู่หน้าจอ
ต้องให้คนในครอบครัวเข้ามาหาข้อมูลและอ่านให้ฟัง
เจอข้อมูลหมอชาวบ้าน
ที่บอกว่า การทำสมาธิไม่อาจทำให้หายจากอาการนี้ได้
เพราะเป็นสิ่งที่ส่งตรงมาจากส่วนที่เป็นสมอง



เคยอ่านวิธีการทำงานของสมอง ในหนังสือเล่มหนึ่ง
ผู้เขียนบอกว่า เราสามารถหลอกสมองได้
เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกหดหู่ หมองเศร้า
การบอกให้ปล่อยวาง คงช่วยไม่ได้มาก
เพราะความสามารถในวางไม่มี



ส่วนของอารมณ์และความรู้สึกช่วงนี้ลดน้อยถอยลง
คิดช้าและฟุ้งแฟบ แค่เมมโมรี้ชื่อเพื่อนลงไปในโทรศัพท์มือถือ
ยังทำไม่ได้ กระวนกระวาย ไม่มีความสุข




วันที่เริ่มเป็นคือวันศุกร์ที่หนึ่ง ลองทำการหลอกสมองวันเสาร์ที่เก้า
ด้วยการหาเทปเพลงสนุกๆมาฟัง ดีขึ้นมานิดตอนที่น้องตาม
แต่มาเครียดตรงจำเนื้อไม่ได้ เอาใหม่คราวนี้หาดูเทปตลก
แต่มันเป็นตลกฝืด เสียงเอะอะทำให้เครียดเข้าไปใหญ่




คราวนี้เอาใหม่ ดูจำอวดหน้าม่าน ของรายการคุณพระช่วย
ที่น้าโย่ง น้าพวง และน้านง
หลอกสมองเพื่อให้สมองหลั่งสารแอนโดฟินออกมาได้สำเร็จ
คือดูเทปแต่ละเทป วนไปวนมาอยู่หลายชั่วโมง
นั่งหัวเราะอยู่หน้าจอ ปรากฏว่า










คืนนั้น คืนวันที่เก้า หลับสนิทไปตลอดคืน
มาสะดุ้งตื่นตอนตีห้า ออกไปสูดอากาศภายนอกบ้าน
เดินเร็วๆไปมา มาต่อด้วยโยคะและเต้นแอโรบิค
ซดน้ำเต้าหู้ เสร็จแล้วมาทำกับข้าวเอง
กินข้าวกับเต้าหู้ผัดถั่วงอก
หมอบอกให้กินอาหารประเภทถั่วเยอะๆสลับกับน้ำมะพร้าวอ่อน
รู้สึกเบาสบาย อาการต่างๆดีขึ้นโดยลำดับ
และวันนี้ดีขึ้นเกือบเต็มร้อย
โดยไม่ได้ทานยาปรับฮอร์โมนแม้แต่เม็ดเดียว




แรกที่มีอาการไปขอร้องหัวหน้า ขอย้ายไปทำหน้าที่อื่น
ทำความสะอาดกวาดๆถูๆขัดห้องน้ำก็ได้ก็ได้
เพราะรู้สึกกลัวเครื่องคิดเลข กลัวการคิดคำนวณ
และเรื่องเคร่งเครียดทั้งปวง กลัวแม้กระทั่งบล็อก
เพียงคิดว่าเพื่อนๆที่เข้ามาทักทายบ้านอยู่ที่ไหนกัน
คิดแค่นี้ก็ปวดหัวใจ น้ำตาไหลพราก บ้าไปแล้ว



ระยะนี้จึงห่างหายไปจากหน้าจอ เพราะเกรงว่าอาการจะกำเริบ
บ้าสติแตกไปต้องเข้าโรงพยาบาลศรีธัญญา
หรืออาจคลุ้มคลั่งฆ่าตัวตาย


โอย..ไม่อยากจะนึก ว่าเป็นไปได้ถึงเพียงนี้


ช่วงนี้หัวหน้าอนุญาตให้พักงานจนกว่าจะเปิดทำการหลังสงกรานต์ไปแล้ว
ปรึกษาหารือกันใหม่ ว่าจะกลับไปทำงานในหน้าที่เดิม
หรือจะมอบหมายงานที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเงินและตัวเลข อีกต่อไป
หรือจะมอบผู้ช่วยมาให้อยู่ทำหน้าที่นี้
ให้เราเป็นเพียงผู้ดูแลให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆ


ผ่านพ้นมาได้ เพราะเทปจำอวดหน้าม่านแท้ๆ
จึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง
เผื่อมีผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์บ้าคลั่งแบบนี้ นำไปใช้อาจได้ผล
รวมถึงผู้ที่ประสบภัยต่างๆก็อาจเข้าข่าย
สามารถเกิดอาการ ซึมเศร้าได้ค่ะ


คอนนี้ผู้เขียนเองอาการดีขึ้นมากแล้วไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ
แต่ยังไม่พร้อมจะไปทักทายเพื่อนๆ
ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาทักทาย และห่วงใยกัน
ตอนที่เขียนนี่ก็ยังงงงันต่ออาการที่เกิดขึ้นมาก



ทั้งๆที่เป็นคนมีสติควบคุมตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ยังเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ วันนี้ได้ลิงค์ข้อมูล
เกี่ยวกับอาการซึมเศร้า ลองเข้าไปอ่านดูนะคะ
ทางการแพทย์บอกว่า ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า
เพราะผู้หญิงก้าวร้าวน้อยกว่า กักเก็บอารมณ์เก็บกดเอาไว้
จึงส่งผลให้มีอาการดังกล่าวนั่นเอง



ในรอบเก้าวันที่ผ่านมาคล้ายอยู่ในนรกก็ไม่ปาน
นึกสงสารผู้ที่มีอาการแบบนี้ ที่ไม่สามารถหาวิธีมาจัดการกับมันได้
ถึงกับฆ่าตัวตายไปตั้งเท่าไหร่แล้ว
ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรงดังกล่าว
นอนไม่หลับติดต่อกันมา ทานข้าวไม่ลง น้ำหนักลดไปมาก



นี่เป็นวิธีส่วนตัวจริงๆค่ะที่ค้นพบ และนำมาใช้แล้วได้ผล
ขอความกรุณาผู้ที่อยู่รอบข้างผู้ที่มีอาการซึมเศร้า
อยากให้เข้าใจและเห็นใจต่อผู้ที่มีอาการดังกล่าว
เพราะประสบมาหมาดๆมันทรมานเหลือเกินค่ะ


ฝากบอกต่อด้วยนะคะ หลอกสมองให้มีความสุขด้วยการหัวเราะ
อาการดังกล่าวจะทุเลา และหายไปในที่สุดค่ะ





กรมสุขภาพจิต เผยผู้หญิงมีโอกาสป่วยโรคซึมเศร้าได้มากกว่าชายถึง 2 เท่า ผลจากการเลี้ยงดู ความรับผิดชอบต่อครอบครัว การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเพศ แนะพบและพูดคุยกับจิตแพทย์ ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุอีก 11 ปีข้างหน้า จะมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจ กรมสุขภาพจิต รายงานว่า ผู้หญิงมีโอกาสป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้มากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า และจากข้อมูลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าของสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา พบว่าทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในที่มารับบริการที่สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา มีอัตราการเกิดโรคของผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 2 ต่อ 1 โดยในปี 2551 มีผู้มารับบริการผู้ป่วยนอกด้วยโรคซึมเศร้า (หญิง) 6,339 ราย และมีผู้มารับบริการผู้ป่วยนอกด้วยโรคซึมเศร้า (ชาย) 2,558 ราย และจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกที่ระบุว่า ในปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจ

ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้หญิงเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าผู้ชาย ได้แก่ การเลี้ยงดูเด็กผู้หญิง ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเก็บตัว สมยอม ไม่โต้ตอบ ส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้มากกว่าเด็กผู้ชาย ซึ่งจะมีลักษณะก้าวร้าวมากกว่า แสดงออกทางอารมณ์ได้มากกว่า ส่วนในด้านความรับผิดชอบเมื่อโตขึ้นผู้หญิงที่แต่งงานและมีบุตรผู้หญิง จะต้องรับภาระดูแลครอบครัว ในขณะเดียวกัน ก็ต้องออกไปทำงานนอกบ้านด้วย ภาวะเครียดในผู้หญิงจึงอาจมีมากกว่าผู้ชาย นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเพศ ยังส่งผลทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่เครียดและมีภาวะซึมเศร้าได้ง่าย นอกจากปัจจัยด้านต่างๆ แล้วผู้หญิงยังมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด สูงถึงร้อยละ 15 และยังพบว่าถ้าผู้หญิงป่วยเป็นโรคซึมเศร้า คู่สมรสมักจะมีพฤติกรรมสูบบุหรี่ หรือดื่มสุรามากขึ้น

นอกจากนี้ ยังพบว่า 2 ใน 3 ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นอาการของโรคซึมเศร้า ในขณะที่คนรอบข้างอาจจะมองว่าเป็นคนขี้เกียจ หรืออ่อนแอเท่านั้น สำหรับการรักษาโรคซึมเศร้า แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ การรักษาด้วยยา และการรักษาด้วยจิตบำบัด

ที่มา thaihealth.co.th




หมอชาวบ้าน




หมอชาวบ้าน ฉบับที่สิบเอ็ด






ลองอ่านอาการและสาเหตุดูนะคะ
เพื่อนำมาเปรียบเทียบ กับอาการที่คุณเป็นอยู่
หรือคนข้างเคียงเป็นอยู่
เพื่อจะได้รักษาอาการ เสียแต่เนิ่นๆก่อนที่จะลุกลามไปใหญ่โต
ถึงกับเกิดเรื่องเศร้าขึ้นในครอบครัว
เพื่อนๆท่านใด มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้
ก็ลองมาเล่าแลกเปลี่ยนกันนะคะ


แล้วเจอกันค่ะ ขอบคุณค่ะ






แอมอร


ขอนำมาวางไว้ห้องนี้อีกค่ะ






Create Date : 10 เมษายน 2554
Last Update : 10 เมษายน 2554 22:22:47 น. 6 comments
Counter : 5343 Pageviews.

 
วัยทอง คืออะไร วัยทอง Menopause

วัยทองหรือหมดประจำเดือนคืออะไร
วัยทองเป็นวัยหนึ่งของชีวิต ซึ่งเริ่มด้วย วัยทารก วัยเด็ก วัยรุ่น วัยกลางคน วัยทอง วัยรุ่นและวัยทองเป็นวัยที่รังไข่สร้างฮอร์โมนออกมาน้อยและไม่สม่ำเสมอ ทำให้มีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ วัยทองรังไข่ทำงานน้อยลงทำให้สร้างฮอร์โมนออกมาน้อยลง [ estrogen,progesterone] ทำให้บางท่านอาจจะมีประจำเดือนมากขึ้นบางคนน้อยลง บางคนประจำเดือนห่างบางคนก็มาถี่ ฮอร์โมนนี้จะช่วยในการมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ ความแข็งแรงของกระดูก ลดระดับ cholesterol





วัยทองจะเริ่มเมื่อไร
หญิงอายุตั้งแต่30 ปีขึ้นไปจน 50ปีสามารถเกิดวัยทองได้ โดยเฉลี่ยคืออายุ 51 ปีผู้ที่สูบบุหรี่จะเกิดวัยทองได้เร็วกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่ ผู้ที่ตัดรังไข่ก็สามารถเกิดวัยทองได้ทันทีหลังตัดรังไข่

อาการเตือนของวัยทองมีอะไรบ้าง
เมื่อระดับฮอร์โมน estrogen และ progesterone ลดลงจะทำให้เกิดอาการหลายอย่างบางคนเป็นมากบางคนเป็นน้อย( ผลของเอสโตรเจนต่อร่างกาย)อาการอาจจะเป็นไม่กี่เดือนก็หาย แต่โดยเฉลี่ยประมาณ 4 ปี อาการต่างๆมีดังนี้
1. ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอเช่นมาเร็ว มาช้า มามาก มาน้อย มานาน
2. ร้อนตามตัว ผู้ป่วยจะมีร้อนโดยเฉพาะส่วนบนของร่างกาย แก้ม คอ หลังจะแดงหลังจากนั้นจะตามด้วยเหงื่อออกและหนาวสั่นในเวลากลางคืน อาการนี้จะเป็นนาน 1-5 นาที
3. ปัญหาเกี่ยวกับช่องคลอดและกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากระดับ estrogen ลดลงทำให้เยื่อบุช่องคลอดแห้งและบางลง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดขณะร่วมเพศ และมีการติดเชื้อในช่องคลอดบ่อยขึ้น นอกจากนั้นยังมีเรื่องกั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ดเวลาจามหรือไอ
4. การคุมกำเนิด ควรคุมกำเนิดอย่างน้อย 1 ปีหลังประจำเดือนครั้งสุดท้ายผู้ป่วยบางคนจะมีความรู้สึกทางเพศลดลง แต่บางรายมีความรู้สึกทางเพศสูงขึ้น
5. มีปัญหาเรื่องการนอน นอนหลับยาก ตื่นเร็ว อาจจะตื่นกลางคืนและเหงื่อออกมาก ผู้ป่วยจะบ่นเรื่องเหนื่อย
6. ผู้ป่วยจะมีอารมณ์ผันผวนโกรธง่าย
7. การเปลี่ยนแปลงทางรูปร่าง เอวจะเริ่มหายไป ไขมันที่เคยเกาะบริเวณขาจะเปลี่ยนไปเกาะบริเวณเอวกล้ามเนื้อลดลงมีไขมันเพิ่ม ผิวหนังเริ่มเหี่ยว
8. ปัญหาอื่น เช่นปวดศีรษะ ความจำลดลง ปวดตามตัว

วัยทองกับโรค
เมื่อเข้าสู่วัยทองจะมีโรคหลายโรคเกิดมากในวัยนี้ ได้แก่ โรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน มะเร็งเต้านม แต่ไม่ใครสามารถที่จะคาดเดาว่าจะเป็นใครจะเป็นโรคดังกล่าว แต่เราจะพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงว่าวัยทองคนใดมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคอะไร ดังนั้นท่านที่อยู่ในวัยทองท่านจะต้องรู้สิ่งต่อไปนี้เพื่อการตัดสินใจรับฮอร์โมนทอแทน
• รายละเอียดเกี่ยวกับโรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน โรคมะเร็งเต้านม
• ปัจจัยเสี่ยงของแต่ละโรค
• ผลของฮอร์โมนทดแทนต่อภาวะดังกล่าว

โรคที่มักจะเกิดกับวัยทอง
• ผู้ป่วยจะเกิดโรคกระดูกพรุนได้เร็ว
• ผู้ป่วยวัยทองจะมีอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มผู้ป่วยควรควบคุมปัจจัยเสี่ยง
• มะเร็งเต้านม

เมื่อเข้าสู่วัยทองต้องทำอะไรบ้าง
• ให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง ลดไขมัน
• ลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
• เลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์
• ใช้สารหล่อลื่นก่อนร่วมเพศ
• ตรวจเต้านม มะเร็งปากมดลูกทุกปี

การรักษาโรคที่มากับวัยทองโดยไม่ใช้ฮอร์โมน
ก่อนการให้ฮอร์โมนทดแทนจะต้องประเมินความรุนแรงของโรคที่พบร่วมกับวัยทองเช่นอาการร้อนตามตัว กระดูกโปร่งบางและต้องมาเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่จะเกิดโรคจากการให้ฮอร์โมน เช่นมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และจะต้องพิจารณาว่ามีทางเลือกอื่นอีกหรือไม่ในการรักษาภาวะเหล่านี้

ถ้าหากท่านมีอาการร้อนตามตัวจะแก้ไขอย่างไร
• เมื่อเริ่มเกิดอาการร้อนให้ไปอยู่ที่เย็นๆ
• ให้นอนในห้องที่เย็น
• ให้ดื่มน้ำเย็นเมื่อเริ่มรู้สึกร้อน
• หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดๆ และร้อน
• หลีกเลี่ยงสุรา
• หลีกเลี่ยงความเครียด เมื่อเวลาเครียดให้หายใจเข้าออกยาวๆ ช้าและใจเย็นๆ
• ถ้าหนาวให้ใส่เสื้อหลายชั้น และหากร้อนก็สามารถถอดทีละชั้น
• แพทย์บางท่าแนะนำให้ใช้วิตามิน อีซึ่งจะลดอาการได้ร้อยละ 40 clonidine และยาลดอาการซึมเศร้ากลุ่ม SSRI เช่น Prozac Zoloft
• อาหารซึ่งมีถั่วเหลืองจะช่วยลดอาการร้อนตามตัว

อาการช่องคลอดแห้ง เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะบ่อยจะแก้ไขอย่างไร
• เนื่องจากเนื้อเยื่อของช่องคลอดและกระเพาะปัสสาวะจะฝ่อทำให้เกิดอาการดังกล่าว และหากมีข้อห้ามในการรับประทานฮอร์โมนทดแทน หรือผู้ป่วยไม่อยากจะรับความเสี่ยงจากการให้ฮอร์โมนก็สามารถใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนชนิดทาช่องคลอดได ้โดยระดับยาในเลือดจะมีน้อยกว่าชนิดรับประทาน 1 ใน 4 แต่จะให้ผลดีต่อช่องคลอดมากกว่าชนิดรับประทาน 4 เท่า ในการใช้ยาครั้งแรกให้ทาทุกวันหลังจากนั้นให้ทาอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งหรือแล้วแต่การปรับของผู้ป่วย
• นอกจากนั้นบางคนอาจจะใช้ยาที่เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ช่องคลอดแต่ไม่ทำให้เนื้อเยื่อหนาตัว อาการนอนไม่หลับและอารมณ์แปรปรวน
• ใช้ยายาลดอาการซึมเศร้ากลุ่ม SSRI ซึ่งจะไปเปลี่ยนแปลงระดับ serotonin ในสมองทำให้ลดอาการซึมเศร้า

การให้ฮอร์โมนทดแทนในผู้ป่วยวัยทอง
ก่อนการให้ฮอรโมนทดแทนจะต้องประเมินความรุนแรงของโรคที่พบร่วมกับวัยทองเช่นอาการร้อนตามตัว กระดูกโปร่งบางและต้องมาเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่จะเกิดโรคจากการให้ฮอร์โมน เช่นมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และจะต้องพิจารณาว่ามีทางเลือกอื่นอีก หรือไม่ในการรักษาภาวะเหล่านั้นผู้ป่วยบางคนเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยทองแพทย์จะให้ยาคุมกำเนิดรับประทานซึ่งมีผลดีหลายประการ เช่นทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ลดอาการร้อนตามตัว ลดอัตราการเกิดมะเร็งรังไข่ ข้อเสียคือไม่ทราบว่าหมดประจำเดือนหรือยัง ถ้าสงสัยก็ให้หยุดยาคุมกำเนิด 4-5 เดือนแล้วดูว่าประจำเดือนมาหรือไม่ เมื่อเข้าสู่วัยทองจริงแพทย์จะพิจารณาให้ฮอร์โมนที่มีส่วนประกอบของ estrogen และ progesteroneผลดีของการให้คือ ลดอาการ ป้องกันกระดูกพรุน และป้องกันโรคหัวใจ แต่ต้องระวังโรคแทรกซ้อนคือ โรคตับอักเสบ ไขมัน triglyceride สูง โรคมะเร็งเต้านม Phytoestrogen

พืชหลายชนิด เช่น ธัญพืช ผัก ถั่วต่าง ถั่วเหลือง จะมีสารซึ่งออกฤทธิ์คล้าย estrogen แต่ยังไม่แนะนำให้ใช้รักษาเนื่องจากยังไม่มีรายงานเรื่องประสิทธิภาพ และผลข้างเคียง


แอมอร


โดย: peeamp วันที่: 12 เมษายน 2554 เวลา:16:45:21 น.  

 
ถึงคุณแอมอร...ทื่รักยิ่ง ผมอยากบอกกับคุณว่า ชั้น(กู) คิดถึงแก(มึง) มั่ก.ก..ๆ ๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยว่ะ แขก.........ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี..........เอาเป็นว่า ไม่ว่าเพื่อนจะยังอยู่... หรือ... ลาลับไปแล้ว (ภัทร, น้อย, กุ้ง) เพื่อนก็จะดำรงอยู่ในความทรงจำในใจชั้นตลอดไป... 0-837-783-783 โทรมานะ ( โว๊ย ) จะรอ รักและคิดถึงแกและทุกคนเสมอ......ชั้นเอง... i am " แดง "


โดย: แดงหมดใจ IP: 124.122.12.84 วันที่: 15 เมษายน 2554 เวลา:21:17:06 น.  

 


โดย: bbandp วันที่: 22 เมษายน 2554 เวลา:1:25:51 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแอม ในวันที่วิกฤติในชีวิตเราเมื่อ 2 ปีก่อน ในช่วงที่เราคิดอยากหายไปจากโลก และโรคซึมเศร้า เราบังเอิญเจอบทความของคุณดึงเราออกมาจากนรก มาวันนี้เรามีอาการอีกเสริช ข้อมูลหา ในกูเกิ้ล ด้วยคำว่า " เต้าหู้ก้อน โรคซึมเศร้า" จู่ๆก็มาเจอคุณอีก แปลกดีเลยขออนุญาติอัพเดทตัวเองหน่อย คุณอาจจำเราไม่ได้ ไม่เป็นไร เรารู้จักคุณก็พอเนอะ เราจัดการตัวเองไม่ค่อยเก่ง 2 เดือนที่ผ่านมาเหมือนเจอมรสุม ตลกกว่าเดิมที่เราหันมากินเจ แต่ดันขาดกรดอะมิโน หรือ วิตามิน B12 ก็ไม่แน่ใจ ทำให้เรานอนไม่หลับ มีความเพี้ยน โมโหโกรธง่าย พอหันกลับมากินเนื้อ ก็สะอิดสะเอียน ความรู้สึกปฎิเสธ แต่ต้องกิน เพราะว่า เราเพิ่งไปรู้มาว่า การทำ Weight trainning เป็นประจำ ต่อเนื่อง ช่วยสู้กับโรคซึมเศร้าได้ เราเลย ทั้งยกเวท และ ออกกำลังกายเช้าเย็น ถ้าเช้าไหนเราไม่ได้ออกกำลังกาย เราจะ มีอาการซึมเศร้ากำเริบทั้งวัน เมื่อวานเราก็เป็นซึมเศร้าทั้งวัน แต่วันนี้ เราออกกำลังตอนเช้า พร้อมยกน้ำหนัก สุขภาพจิตเราใช้ได้ เ อย่างไรก็ดี ขอให้คุณแอมมีความสุข นะคะ ยินดีที่ได้อ่านบล๊อกของคุณอีกค่ะ


โดย: สวัสดีค่ะ IP: 223.207.35.52 วันที่: 27 พฤษภาคม 2557 เวลา:10:09:34 น.  

 
สวัสดีค่ะ

อ่านข้อความแล้วรู้สึกดีใจที่คุณแวะมาอีก
เป็นพรหมลิขิตหรืออะไรก็ช่าง
วันนี้พบทางออกด้วยการปล่อยวาง
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร้ายๆที่เคยทำกับตัวเองค่ะ

เดินตามนาฬิกาชีวิต ทุกกระเบียดนิ้ว
ทำจนเป็นปกตินิสัย
ตื่นเช้าดื่มน้ำ 1 แก้ว
แกว่งแขน โยคะ ชี่กง สมาธิ อย่างหนึ่งอย่างใด
เพื่อยกระดับจิตใจและยืดเหยียดร่างกาย
ทานอาหารเช้า ไปทำงานด้วยสติ
ที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์
และสนุกกับการแก้ปัญหา

จึงร้างลาจากบล็อกไปค่ะ
ไปประจำอยู่ที่แฟนเพจ พิชิตได้ในสามสิบวัน
เพื่อรักษาและถนอมสายตาไว้
ใช้สายตาอย่างมีสติ
เพราะพบว่าการใช้สายตาเชื่อมโยง
กับระบบประสาทได้
สายตาเป็นหนึ่งในเหตุและปัจจัย
ที่ทำให้ปวดตึงและเกิดความเครียด
ที่กระตุ้นให้ป่วยในครั้งนั้นค่ะ

ขอบคุณนะคะ

แอมอร



โดย: peeamp วันที่: 31 พฤษภาคม 2557 เวลา:12:08:27 น.  

 
บางทีเราก็เศร้านะ เป็นคนเก็บกด ไม่รู้จะระบายกับใคร คนรอบข้างก็ไม่มีใครเข้าใจ


โดย: อยากระบาย IP: 49.230.222.155 วันที่: 27 มกราคม 2558 เวลา:22:39:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

peeamp
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [?]




บางที ปลายทางก็ไม่ได้สำคัญมากไปกว่า


.....

สิ่งที่อยู่ระหว่างทาง


..............^^....
และความสุขในปัจจุบัน

ก็เป็นสิ่งที่เราจับต้องได้

....^^.....^^......


โดยไม่ต้องรอคอย

ความสุขของอนาคต



ปูปรุง








New Comments
Friends' blogs
[Add peeamp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.