Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
ใจเต้นแรง หายใจไม่ออก เหงื่อแตก กลัวตาย ฉันเป็นโรคอะไรเนี่ย???






เคยเล่าไปแล้วถึงวิธีที่หายจากอาการของโรคแพนิค
เริ่มจากกินยาหอม และจิบชาชงจากเกสรทั้งห้า
ที่มีส่วนผสมของ ดอกมะลิ ดอกพิกุล ดอกสารภี ดอกบุนนาค
และเกสรบัวหลวง
ทำให้ประสาทที่ตึงเครียดและตื่นตระหนกลดลง
อาการใจสั่น มือชาเท้าชา และอาการกลัวอย่างไร้สาเหตุดีขึ้นโดยลำดับ


หลังจากขูดกัวซา ก็ทำให้นอนหลับสบาย
ป้ากุ๊กส่งดีวีดีจำอวดหน้าม่านมาให้ เปิดดูได้หัวเราะทำให้รู้สึกสดชื่น
ออกไปนอกบ้านไปเดินออกกำลังกาย ตีแบดมินตัน
และเดินทางไปท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตา ทำให้อาการแพนิคลดลง
และกลับมาใช้ชีวิตตามปรกติในเวลาอันรวดเร็ว



อีกไม่กี่วันข้างหน้าก็เกือบครบหนึ่งปีเต็มที่ผู้เขียนหายจากโรคแพนิค
จากประสบการณ์ตรงของตัวเองและวิธีที่นำมาปฎิบัติแล้วเห็นผล
วันนี้ได้นำสาระดีดีมาฝากกันอีกครั้งเพื่อระลึกความหลัง



ในหลายเดือนที่ผ่านมามีญาติและคนคุ้นเคยกัน
มาปรึกษามากมาย บางคนนำไปปฎิบัติและเห็นผล
แต่บางคนก็ต้องรับประทานยา และพาไปพบแพทย์ผู้ชำนาญด้านนี้โดยเฉพาะ



หนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนผู้เขียนเอง เคยเล่าถึงเธอในงานเขียนครั้งหนึ่ง
เคยชื่นชมในความเข้มแข็งของเธอ
เธอสูญเสียสามี ขณะที่ลูกชายคนแรกอายุราวๆสามขวบ
และในท้องยังมีลูกฝาแฝดอายุครรด์เกือบเจ็ดเดือน



ขณะนี้ลูกชายหญิงของเธอ กำลังเป็นวัยรุ่น
จู่ๆลูกชายก็เกิดอาการแพนิค แต่ไม่มีใครในครอบครัวรู้จักโรคนี้สักคน
เธอพาลูกชายไปพบแพทย์หลายครั้ง
แพทย์ไม่พบความผิดปรกติทางร่างกายใดใด
เธอเล่าว่ารู้สึกเป็นห่วงและกังวลใจมาก แอบคิดว่าลูกชายติดยา
และเกิดอาการประสาทหลอน


เราทำงานกันคนละที่ จึงไม่ค่อยได้มีโอกาสพบกันบ่อยนัก
และในตอนนั้น ผู้เขียนก็ยังไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับโรคนี้
ครั้นเมื่อรู้วิธี เล่าอาการให้เธอฟัง
เธอบอกว่าลูกชายก็มีอาการเหมือนกันกับผู้เขียน
ขณะนี้พาไปรักษา หลานชายได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปรกติอีกครั้ง



ประเด็นตรงนี้น่าสนใจมาก




ทำไมสารเคมีในสมองถึงไม่สมดุล
มีหลายสาเหตุ เช่น
กรรมพันธุ์ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย มีพันธุ์เป็นโรคแพนิค
ลูกหลานก็มีแนวโน้มจะเป็นได้มากกว่าคนที่ไม่มีกรรมพันธุ์

ประสบการณ์ในชีวิต มีงานวิจัยยืนยันว่า
คนที่เคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตโดยเฉพาะในวัยเด็ก
มีโอกาสเป็นโรคแพนิคได้มากกว่า
คนที่ไม่เคยผ่านเหตุการณ์เลวร้าย เช่น
การถูกทอดทิ้งในวัยเด็ก การสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่วัยเด็ก
การถูกทำร้ายร่างกาย การถูกล่วงละเมิดทางเพศ

เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
หรือการเสียสมดุลของสารเคมีในสมองได้
ซึ่งข้อมูลดังกล่าวยังต้องได้รับการศึกษาวิจัยต่อไป

การใช้สารเสพติด จะไปทำให้สารเคมีในสมองเสียสมดุล
ไปอย่างตรงไปตรงมา

มีโอกาสเป็นบ้าได้หรือไม่
ไม่ค่อยพบว่าคนที่เป็นโรคแพนิคแล้วกลายเป็นโรคจิตเภทในภายหลัง
แต่จะพบภาวะอื่นๆตามมา เช่น



ภาวะอะโกราโฟเบีย (Agoraphobia)
หรือภาวะกลัวที่จะต้องอยู่ในที่ที่ไม่สามารถได้รับความช่วยเหลือได้
เมื่อมีอาการ ทำให้ไม่กล้าอยู่คนเดียว ไม่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียว
ภาวะซึมเศร้า หลังจากมีอาการและไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง
ตรวจหลายอย่าง หลายโรงพยาบาลก็ไม่พบสาเหตุ
โดยที่ผู้ป่วยคิดว่าตัวเองผิดปกติแน่แต่ตรวจไม่พบ
จึงเริ่มท้อแท้ เบื่อหน่าย บางรายเป็นหัวหน้าครอบครัว
ก็วิตกกังวลว่าจะไม่มีคนช่วยดูแลครอบครัว
ยิ่งทำให้อาการเป็นหนักเข้าไปอีกบางรายถึงขั้นคิดอยากตาย
รวมทั้งจะพาครอบครัวตายไปด้วยกันหมดก็มี



บทความจากวารสารก้าวทันโรคโรงพยาบาลพระรามเก้า



หลังจากอ่านบทความด้านบน ผู้เขียนลองนึกทบทวน
ถึงสาเหตุที่เป็นของตัวเองและหลานชายคนนั้น
น่าจะเกิดจากสาเหตุเดียวกันคือสูญเสียพ่อแม่ในวัยเด็ก
ไม่ได้ชี้ชัดว่าเด็กทุกคนที่สูญเสียบุคคลที่รัก
จะต้องเป็นโรคแพนิคนะคะ แต่คงจะมีเหตุและปัจจัยอย่างอื่นร่วมด้วย
ซึ่งเรื่องนี้ผู้เขียนไม่ใช่เป็นผู้เชี่ยวชาญแต่อย่างใด
เป็นเพียงคนเคยป่วยก็เท่านั้นเอง


ทำให้นึกไปถึงข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ที่พ่อแม่ฆ่าลูก
และฆ่าตัวตายตามกันไป เขาอาจอยู่ในภาวะโรคนี้ก็เป็นได้
เพราะในขณะที่เป็นโรคนี้ การตัดสินใจในเรื่องต่างๆเกือบเป็นศูนย์
เสียการทรงตัวมากๆ
ยังคิดต่อไปถึงดารานักแสดงหลายๆคน
ที่เสียชีวิตไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เช่นมาริลีนมอลโล
เธออาจตกอยู่ในช่วงที่เป็นแพนิคก็เป็นได้



คนใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยมีความสำคัญมาก หากเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้
พาไปรักษาเสียแต่เนิ่นๆจะมีโอกาสหายขาดได้
ผู้เขียนโชคดี ที่มีคนในครอบครัว เพื่อนบ้าน เพื่อนที่ทำงาน
เข้าใจและให้ความช่วยเหลือดูแลมาตลอด


นำเรื่องราวมาฝากกันวันนี้ เพื่อแบ่งปันความรู้
และประสบการณ์ตรงของตัวเอง
บางคนใจร้อนรักษาแบบรับประทานยาคลายกังวล
เพราะอยากเห็นผลเร็ว ไม่อยากทรมานกับอาการตื่นตระหนกที่เป็น
ผ่านมาเป็นปี กลับยังมีอาการต้องทานยาตลอด
รางเนื้ออาจชอบรางยา
อยากแนะนำให้มาลองวิธี ที่ผู้เขียนนำมารักษาดูบ้างค่ะ
เพราะหนึ่งปีที่ผ่านมา เป็นบทพิสูจน์ว่าวิธีที่ใช้ได้ผลจริงๆ




แอมอร


ท้ายเรื่อง หากท่านใดสนใจ ลองตามไปอ่านดูนะคะ
อยากให้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้
ว่าสามารถรักษาให้หายขาดได้แน่นอนจะได้ช่วยเหลือผู้ที่เป็นอย่างถูกวิธีค่ะ




ลองกดตามไปอ่านดูนะคะ


โรคแพนิค โรคตื่นตระหนกคืออะไร



หากท่านใดมีความสงสัย อยากให้ตอบเป็นการส่วนตัว

peeamparacha@gmail.com

ยินดีตอบให้ทุกคำถามเลยค่ะ
สงวนไว้เฉพาะผู้ที่ต้องการคำตอบเกี่ยวกับสุขภาพ
และผู้ที่มีอะไรจะแนะนำเพิ่มเติม เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
เมลขายของเมลขยะไม่รับนะคะ






Create Date : 10 มีนาคม 2555
Last Update : 10 มีนาคม 2555 9:02:24 น. 18 comments
Counter : 3222 Pageviews.

 
สวัสดียามเช้าที่สบายๆในวันหยุดค่ะคุณแอมอร

โรคแพนิคเป็นโรคที่ฟ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยค่ะ มาอ่านแล้วทำให้ได้รู้รายละเอียดดีขึ้นนะคะ

เผื่อจะได้ไปบอกต่อคนอื่นที่เขายังไม่รู้ค่ะ ขอบคุณข้อมูลดีๆด้วยนะคะ

วันนี้วันหยุดมาพักกาย พักใจให้สบาย ฟ้ามาชวนไปออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและสรีระอันงดงามกันดีกว่าค่ะ

ฟ้ามาส่งความสุขในวันดีๆ ขอให้มีความสุขกาย สบายใจกันด้วย นะคะ

"หอบความรักใส่กระเช้าเอามาให้
พร้อมกับได้เหน็บคิดถึงคนึงหา
ความหวังดีอยากให้สุขบรรทุกมา
เต็มตระกร้าจากใจฟ้า..มาให้คุณ"




โดย: พิรุณร่ำ วันที่: 10 มีนาคม 2555 เวลา:9:39:43 น.  

 
ค่อนข้างเฉพาะทางครับ ต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศทางยุโรปน่าจะรู้จักดี แต่สำหรับระเทศไทยอาจมีผู้ป่วยประเภทนี้แต่ไม่ค่อยทราบกัน


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 10 มีนาคม 2555 เวลา:15:15:19 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรวันเกิดนะครับ
และก็ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ในบล็อกนี้ด้วยครับ ^_^


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 10 มีนาคม 2555 เวลา:16:34:38 น.  

 
น่ากลัวอะ


โดย: น้องผิง วันที่: 10 มีนาคม 2555 เวลา:22:18:37 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

โรคแพนิคเหรอครับ? ผมก็เพิ่งจะเคยได้ยินจากบล็อกนี้ในวันนี้เองครับ

ยังไงก็ขอให้ จขบ. หายป่วยเร็ว ๆ นะครับ ขอให้ปราศจากโรคภับไข้เจ็บใด ๆ ทั้งปวงครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:2:06:27 น.  

 
โรคที่เล่ามานี้ ไม่ได้มีสาเหตจากการคิดถึงเรื่องที่น่ากลัวก่อนหรือครับ

แล้วจิตก็หลงเชื่อว่ามันน่ากลัวจริง ๆ เช่นคิดว่าตายแล้วจะไปอยู่ที่ไหนเป็นต้น

แล้วก็เลยวิตกจริง ๆ กลัวจนใจสั่น ถึงกับเป็นลมเหงื่อท่วมตัวไปเลย

น่าจะเป็นอย่างนี้ไหมครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:8:45:19 น.  

 

อุ้มก็เพิ่งได้ยินโรคนี้ค่ะพี่แอมอร
ชอให้หายไวไวนะคะ



โดย: อุ้มสี วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:9:08:03 น.  

 
แวะมาทักทายยามเที่ยงๆ ครับ ^^


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:12:58:28 น.  

 
นาลโส วินฺทเต สุขํ
คนเกียจคร้าน ย่อมไม่ได้ประสบสุข

ดำเนินชีวิตด้วยความขยันหมั่นเพียรในสิ่งที่ถูกที่ควร ตลอดไป...นะคะ



ป.ล. วันนี้ ปอป้ามีหนังสือดีมาแจก
ติดตามอ่านรายละเอียดได้ที่บล๊อก...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:14:08:09 น.  

 
รู้สึกว่าครูจะหายไปนานพอสมควรเลยนะครับ
วันนี้เข้ามาอีกก็ดีใจแล้วครับ
ครูคงสบายดีอยู่นะครับ.......
ขอบคุณที่เอาความรู้มาให้เหมือนเดิมครับ
โรคนี้คนเป็นแล้วคงแก้ยากจริงๆ เพราะมันเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วตั้งแต่เป็นเด็กก็มี
น่าเห็นใจนะครับ หายยากหน่อยแต่ก็ต้องต่อสู้มันต่อไป อย่ายอมแพ้....


โดย: พายุสุริยะ วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:16:20:34 น.  

 
สวัสดีตอนค่ำคะพี่แอม
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรวันเกิดคะ

อาการของโรคนี้ตรงกับพี่ที่ทำงานอย่างมาก
กลัวกับการไม่ได้รับความช่วยเหลือ มือสั่นใจสั่น
ยิ่งไปนอกสถานที่ ที่ไม่คุ้นเคยจะยิ่งวิตก....

แต่เอ๋เป็นโรคประเภทตรงกันข้าม คือโรคดื้อและดันทุรังคะ


โดย: aenew วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:21:33:17 น.  

 

แว๊บมาหาตอนดึกดื่นค่ะพี่แอม
คิดถึงมากเหมือนเคยหละ
ไว้อยู่ตัวแล้วค่อยมาตอนไม่ดึกนะคะ

..







โดย: เจ้านิคมั๊ง ^^ IP: 49.49.134.128 วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:23:44:38 น.  

 
อาการแพนิคเกิดจากอะไร
มีการศึกษาวิจัยมากมาย พยายามจะอธิบายอาการของโรคแพนิค ว่าเกิดจากสาเหตุใด ขออธิบาย
เพื่อความเข้าใจง่ายๆนะครับ จริงๆแล้วเวลาคนเราตกใจ ร่างกายก็จะมีการตอบสนองต่อเหตุการณ์
ที่ทำให้ตกใจ ผ่านหลายระบบของร่างกาย ที่สำคัญคือระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น ใจเต้นแรง
เหงื่อออก หายใจเร็ว เพื่อเตรียมความพร้อมให้ร่างกายสู้กับสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ได้ เพียงแต่ว่าระบบนี้จะทำงาน เมื่อมีสิ่งมากระตุ้นเท่านั้น ถ้าระบบนี้ทำงานเองโดยไม่มีสิ่งใดใด
มากระตุ้นเลย นั่นคืออาการของโรคแพนิคครับ คือระบบประสาทอัตโนมัติทำงานไวเกินไปนั่นเอง
ระบบประสาทอัตโนมัติเกี่ยวกับโรคแพนิคอย่างไร
ขออธิบายง่ายๆอีกเช่นกันครับ ระบบร่างกายอาจแบ่งได้หลายระบบ แต่เพื่อให้เข้าใจง่ายสำหรับ
อธิบายโรคนี้เท่านั้นนะครับ จะขอแบ่งเป็น 2 ระบบ ได้แก่ระบบที่เราสั่งการได้ เช่น เราอยากจะยก
แขน ยกขา ลืมตา อ้าปากเรานึกอย่างไร ร่างกายจะทำตามที่เรานึกทันที ส่วนอีกระบบหนึ่งคือ
ระบบประสาทอัตโนมัติ เราสั่งให้มันทำงานไม่ได้ แต่มันจะทำงานเมื่อสิ่งแวดล้อมภายนอกเปลี่ยน
แปลงไป ระบบนี้จะทำหน้าที่รักษาสมดุลให้ร่างกาย เช่น เราจะสั่งให้หัวใจเราเต้นเร็วขึ้นได้หรือไม่
คำตอบคือไม่ได้ แต่ถ้าผ่านเหตุการณ์ตื่นเต้นมา ทั้งดีและไม่ดี เช่น กำลังจะให้ดอกไม้แฟนครั้ง
แรกในชีวิตต้องพูดต่อหน้าคนนับพัน โดนตำรวจเรียกขณะฝ่าไฟแดง สุนัขตัวใหญ่วิ่งเข้าหา ระบบ
ประสาทอัตโนมัติจะทำงานทันที สั่งให้หัวใจเต้นแรงเพื่อเพิ่มเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆให้มากขึ้น
เตรียมร่างกายให้พร้อมที่สุด จะสู้หรือจะหนี จะได้รอดจากสถานการณ์ไปได้ อีกตัวอย่างเช่น เรา
จะสั่งให้เหงื่อออกเองไม่ได้ แต่เหงื่อจะออกต่อเมื่อเราไปยืนตากแดด อยู่ในที่อากาศร้อน เม็ด
เหงื่อที่ออกมาจะพาเอาความร้อนในร่างกายออกมาด้วยเพื่อไม่ให้อุณหภูมิ ภายในร่างกายร้อน
เกินไปการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติที่ดี เปรียบเหมือนสัญญาณกันขโมยรถยนต์ จะดัง
ต่อเมื่อมีขโมยจะมางัดแงะรถเท่านั้น ระบบประสาทอัตโนมัติไวเกิน สาเหตุของโรคแพนิคเปรียบ
เหมือนสัญญาณกันขโมยรถยนต์ที่ไวเกิน ลมพัดใบไม้หล่นใส่สัญญาณก็ดัง สุนัขปัสสาวะใส่ล้อ
ก็ดัง น่ารำคาญ ทั้งที่ไม่มีขโมยมางัดแงะใดใดเลย ระบบประสาทอัตโนมัติที่ไวเกินก็เช่นกัน ไม่มี
อะไรผิดปกติเกิดขึ้นเลย แต่ระบบก็ส่งสัญญาณไปยังส่วนต่างๆของร่างกายให้ทำงาน เช่น สั่งให้
ใจเต้นเร็ว สั่งให้หายใจแรง สั่งให้เหงื่อออก เป็นต้น สารเคมีในสมอง เกี่ยวอะไรกับระบบประสาท
อัตโนมัติ ? ระบบประสาทอัตโนมัติจะทำงานได้ ต้องส่งผ่านเส้นประสาท จากสมองไปยังอวัยวะ
ต่างๆเช่นหัวใจ ต่อมเหงื่อ โดยอาศัยสารเคมีเล็กๆเป็นตัวส่งสัญญาณ ถ้าสารเคมีดังกล่าวอยู่ใน
ภาวะปกติ สมดุลดี ก็จะทำให้สัญญาณที่ส่งไปถูกต้อง ไม่ผิดพลาด ไม่ไวเกิน ไม่ช้าเกิน ตรงกัน
ข้ามถ้าสารเคมีดังกล่าวเสียสมดุล ก็จะนำไปสู่การสั่งงานที่ผิดพลาด หลายคนคงเคยได้ยินแพทย์
อธิบายว่าเป็นเพราะสารเคมีในสมองไม่สมดุลก็เป็น สาเหตุให้เกิดโรคแพนิคได้นั่นเอง


นี่คือที่คุณหมออธิบายให้ฟังค่ะ
เป็นการเสียความสมดุลของสมองค่ะคุณเจียวต้าย


แอมอร


โดย: peeamp วันที่: 12 มีนาคม 2555 เวลา:14:02:02 น.  

 
ตามไปทักทายกัน
ตามลิงค์ด้านล่างนะคะ
แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันค่ะ


กดตรงนี้ตามไปคุยกันที่
ห้อง(แพนิค)ถามตอบนะคะ




แอมอร




โดย: peeamp วันที่: 29 มกราคม 2556 เวลา:6:10:25 น.  

 
ตอนนี้เราเองไม่รู้ว่าเราเป็นโรคนี้หรือเปล่าค่ะ เพราะเรากลัวความตายมากๆๆ ถึงที่สุด ตอนแรกเราก็ไม่กล้าบอกใครเพราะเราอายมาก ก่อนอื่นเราเป็นมานานมาก ประมาณ 20 กว่าปีแล้ว ช่วงแรกๆเราเองก็ไม่บอกใคร จนเรามาบอก เพื่อนและแฟนเราเมื่อไม่นานนี้ เราเป็นๆหายๆ หลังๆ เรามีอาการนี้นานมากกว่าเดิม จากที่เราเป็นแค่ 1-2 วัน ต่อครั้ง แต่เดี๋ยวนี้เป็นเดือนๆ บ้างครั้งเราจะบ้าตายอยู่แล้ว ตอนที่เป็นเราใจสั้น หอบ ใจเต้นแรง นอนไม่หลับ เราไม่รู้จะอธิบายยังไง และควรทำอะไร เราอย่างหายจากโรคนี้สักที


โดย: Nupjune IP: 27.130.127.107 วันที่: 25 กันยายน 2556 เวลา:22:36:30 น.  

 
ผมเป็นอยู่พจายามรักษาเป็ตปึแล้ว ยังไม่ค่อยดีขึ้นเลย


โดย: ประทีป IP: 1.46.131.127 วันที่: 14 กรกฎาคม 2558 เวลา:17:38:08 น.  

 
ผมเป็นอยู่พจายามรักษาเป็ตปึแล้ว ยังไม่ค่อยดีขึ้นเลย


โดย: ประทีป IP: 1.46.131.127 วันที่: 14 กรกฎาคม 2558 เวลา:17:38:08 น.  

 
ผมเป็นอยู่พจายามรักษาเป็ตปึแล้ว ยังไม่ค่อยดีขึ้นเลย


โดย: ประทีป IP: 1.46.131.127 วันที่: 14 กรกฎาคม 2558 เวลา:17:38:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

peeamp
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [?]




บางที ปลายทางก็ไม่ได้สำคัญมากไปกว่า


.....

สิ่งที่อยู่ระหว่างทาง


..............^^....
และความสุขในปัจจุบัน

ก็เป็นสิ่งที่เราจับต้องได้

....^^.....^^......


โดยไม่ต้องรอคอย

ความสุขของอนาคต



ปูปรุง








New Comments
Friends' blogs
[Add peeamp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.