Group Blog
 
All Blogs
 

undefined




 

ระลึกถึงพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ...ในวันแรงงาน "May Day"

ระลึกถึงพี่น้องผู้ใช้แรงงาน

...ในวันแรงงาน "May Day"  

โดย...ว่าที่ร.ต.ดร.สมโชค เฉตระการ 

ครูเชี่ยวชาญ (สังกัดวิทยาลัยเทคนิคร้อยเอ็ด) 

อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยแม่โจ้ – ร้อยเอ็ด 

      วันแรงงาน หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "May Day"  หลายประเทศกำหนดให้ วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงาน แต่ก็มีบางประเทศ นับวันอื่นเป็นวันแรงงาน  ดังนั้นสากลจึงกำหนดวันดังกล่าวเป็น วันแรงงานสากล  แต่ละประเทศ เมื่อก่อน ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญ กับชาวเกษตรกร โดยจัดพิธีเฉลิมฉลองและรื่นเริง ในพิธีจะนำเอาต้นไม้มาตกแต่งประดับเพื่อให้เกิดความสวยงาม มีการสมมติให้คนหรือตุ๊กตาเป็นเทพ แห่งการเกษตร และทำการบวงสรวงบนบานศาลกล่าว เพื่อให้ปลูกพืชทางการเกษตรได้ผลดี พี่น้องประชาชนมีความสุขในการครองชีพ แต่ในช่วงหลัง ๆ มา รัฐบาลของทั่วโลก เห็นความสำคัญกับพี่น้องที่ใช้แรงงานโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นแรงงานทางเกษตรกรรมและโรงงานอุตสาหกรรม  

ประเทศไทย มีพี่น้องที่ย้ายตนเอง จากท้องถิ่นตามชนบททั่วประเทศ เพื่อเข้ากรุงเทพ ฯ และจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมใช้แรงงานจำนวนมาก จากความสำคัญดังกล่าว รัฐบาลจึงกำหนดวันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันแรงงานแห่งชาติ  เป็นวันหยุดตามประเพณีของแรงงานทั่วไปหนึ่งวัน  เป็นวันเฉลิมฉลองและวันรื่นเริงของผู้ใช้แรงงาน บางปีผู้ใช้แรงงานได้นัดกันเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะการเพิ่มค่าแรงงานสูงขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะของเศรษฐกิจของโลก บางปี กลับโยงเอาเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของการเมืองไป 

วันแรงงาน เป็นวันที่รัฐบาลเชิญชวน ให้พี่น้องประชาชนได้ตระหนักถึงผู้ใช้แรงงาน ที่ได้ทำประโยชน์แก่ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง ความเจริญรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ เพราะพี่น้องชาวไทย ที่มีความสะดวกสบาย กับวิถีชีวิตของตนเองทุกวันนี้ เกิดขึ้นจากผู้ใช้แรงงานที่ร่วมสร้างขึ้นทั้งสิ้น การรำลึกถึงพี่น้องผู้ใช้แรงงานดังกล่าวจึงมีขึ้น 

การบริหารผู้ใช้แรงงาน เดิมอยู่ในการดูแลของกระทรวงมหาดไทย ต่อมารัฐบาลได้เห็นความสำคัญ  จึงได้ ยกระดับหน่วยงานบริหารด้านแรงงานให้สูงขึ้น เพิ่มงบประมาณและเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอ ทั้งนี้เพื่อการคุ้มครองดูแลผู้ใช้แรงงานที่มีอยู่ในปัจจุบันเกิน 30 ล้านคน และส่วนใหญ่ผู้ใช้แรงงาน มีรายได้น้อย นอกจากนั้นยังด้อยโอกาสในสังคม  เมื่อวันที่ 25 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2536 รัฐบาลในขณะนั้น มีประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา จัดตั้งกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารด้านแรงงาน มีการพัฒนาความก้าวหน้า ให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ

ขอส่งความปรารถนาดี 

ยังพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก

-

1

ผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับท้องถิ่นและประเทศชาติ

-1

ผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับท้องถิ่นและประเทศชาติ

-1

พี่น้องชาวนา เกษตรกรผู้เลี้ยงชีวิตของผู้คนทั่วโลก

-1

พี่น้องชาวนา เกษตรกรผู้เลี้ยงชีวิตของผู้คนทั่วโลก

-1

ผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับท้องถิ่นและประเทศชาติ

-1

ผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับท้องถิ่นและประเทศชาติ

 

 

 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 1:07:55 น.
Counter : 480 Pageviews.  

undefined




 

รอยเท้าใครในปารีส

คุณ.....

ไม่อยากจะเชื่อว่าเราเดินทับเส้นทางกันอย่างประหลาด
คุณจำอาฮุย เจ้าของร้านอาหารแบบเอเชียรสชาดจัดจ้าน ในย่านถนนโตเบี๊ยกได้ไหม

บางทีคุณอาจลืมแกไปแล้ว อาฮุยชาวเขมรอพยพ ที่มาอยู่ฝรั่งเศสพร้อมกับการต้อนรับเป็นอันดีจากรัฐบาลฝรั่งเศสเมื่อ 35 ปีที่แล้ว คนที่ได้รับฉายาว่า สมบัติ มั่งล่ะ กรุง มั่งล่ะ ชื่อเหล่านั้นล้วนแต่เป็นพระเอกหนังไทย ฉายาที่ว่า มาจากการตั้งให้ของแขกวีไอพีคนไทย ที่แวะมารับประทานอาหารที่ร้านของแก คุณพอจะนึกออกหรือยัง หากว่ายัง...ลองดูนามบัตรใบนี้หน่อยนะ

...

....

จำได้หรือยัง วันเวลาที่คุณผ่านมาทางนี้ (ขออภัยชื่อในนามบัตร ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้)

......

วันนี้ ฉันเร่ร่อนมากับคณะทำมาหากิน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีร้านรวงอยู่ที่ห้างอมรินทร์พล่าซ่า ซึ่งต้องปิดประตูร้านแบบจำใจมาตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน

ใช่แล้ว...เรามาขายของ หาเงินเข้าประเทศ

วันที่ 27 เมษายน เครื่องบินของสายการบินประเทศอาหรับ ร่อนลงแตะพื้นในเวลาเช้าตรู่ของเมืองปารีส ฉันพลิกข้อมือดูเวลาที่นาฬิกาซึ่งปกติไม่ค่อยได้ใช้ เข็มสั้นอยู่ที่เลข 12 กว่าๆ อันเป็นเวลาเที่ยงวันของเมืองไทย

เราสี่คน....หญิงไม่สาว แต่ยังไม่แก่นัก ถูกต้อนเข้าไปในห้องทำงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่มีหญิงสาวสีผิว รูปร่างเล็กกะทัดรัด หน้าตาไม่สวย นิสัยกระด้างวางอำนาจจนน่าเกลียด และหนุ่มผิวขาวท่าทางขี้เล่นที่พยายามทำหน้าดุเพื่อข่มขวัญพวกเราให้ตกใจ ทำหน้าที่อยู่ในนั้น

การเจรจาก็ดำเนินไป เริ่มจากเธอคนนั้นบอกว่าให้ทุกคนเอาเงินสดออกมาแสดง ฉันควักออกมาได้ 50 ยูโร เธอทำท่าจะเป็นลม คนอื่นๆมีมากหน่อย แต่ก็ไม่มากเป็นฟ่อนแบบนักท่องเที่ยว

"เราไม่ได้เอาเงินมา เพราะเราจะมาหาเงิน" บัดดี้ของฉันโต้ตอบเสียงแข็ง จนเธอคนนั้นแสดงอำนาจด้วยการตวาดกลับว่า

"ไม่ต้องพูดมาก เอาหลักฐานมาแสดงสิว่า พวกคุณจะมาทำงานอะไร แล้วจะพักที่ไหน"

ในที่สุดบรรยากาศการทะเลาะข่มขู่กลายเป็นเสียงหัวเราะอย่างสะใจของพวกเรา ขณะที่นายหนุ่มแกล้งแก๊กยิ้มทะเล้นออกมาได้ เพราะขำการตกม้าตายของตำรวจหญิงคนนั้น เธอเถียงไม่ทันพวกเรา เพราะว่าเราพูดฝรั่งเศสไม่ได้ เธอต้องโต้ตอบกับเราด้วยภาษาอังกฤษ และเธอเองก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษพอๆกับเรา แต่อย่างไรก็ตามการทำหน้าที่ของเธอก็สมบูรณ์ที่สุดแล้ว เพราะเธอโทรฯมาที่โรงแรมที่เราจองห้องพักเอาไว้ ที่ถนนโตเบี๊ยก...ที่ฉันมาเจอรอยทางของคุณเข้าให้แล้ว นี่ไง

.....
ทีมไทยมาหาเงิน
.....

...

ย่านโตเบี๊ยก คือนิวาสสถานของคนเวียตนาม ลาว เกาหลี และ ไทย
....

....

ทางเดินไปโรงแรม ที่ต้องผ่านร้านอาฮุย

....

...

บริเวณด้านหน้า ที่แสดงสินค้านานาชาติ (คนในรูปคือบัดดี้ คุณจำเธอได้ใช่ไหม)

....

..

ถ่ายจากด้านหน้าอาคารไปทางถนน ดอกไม้กำลังบานสะพรั่ง

...

...

สหายคนแรกที่รู้จัก พูดกันไม่รู้เรื่องหรอก แต่รู้ว่าเธอขอให้ถ่ายรูปให้
ที่หน้าห้องทำงานของเธอ นั่นคือ ห้องน้ำในบริเวณงาน นั่นเอง

...

..

เสร็จงาน เดินกลับโรงแรม พบภาพสวยๆในสายตา แต่ทว่าเหงาดีจริงๆ

...

...

ราวๆ ตี 3 (มั้ง) เห็นพระจันทร์ จึงลุกขึ้นมากดชัทเตอร์ ด้วยความอยากรู้ว่า

พระจันทร์ที่นี่มีกระต่ายหรือเปล่า

...

....

...

...

สินค้าไทย ฝรั่งสนใจซื้อหากันมากมาย

...

...

สหายคนที่สอง ชื่อโทนี่ หนุ่มฝรั่งเศสเลือดจีน ที่พูดไทยคล่องปรื๊อ เพราะมีแฟนเป็นคนสมุย
โทนี่ขายผลไม้อบแห้งของเมืองไทย

...

....

ในงาน

...

...

เครื่องประดับเก๋ๆจากนักออกแบบไทย ที่ถูกใจผู้หญิงฝรั่งเศสทุกวัย

....

...

...

ธัญพืช อบแห้ง จากประเทศลาตินอเมริกา
....

...

เส้นทางเดินระหว่างแต่ละอาคาร ซึ่งงานนี้มีทั้งหมด 7 อาคาร หลากหลายสินค้า ครบครันทั่วโลก

....

...

บางมุมในงาน

....

....

ด้านหน้า ทางประตูเข้างาน ที่ต้องจ่ายค่าผ่านคนละ 8 ยูโร
.....

...

จิตรกรรมสวยบนถนนสายโตเบี๊ยก

...

อาเฮียฮุย (ซ้ายมือ) อาม่า และมือขวา(ลูกน้องอาฮุยฉของร้าน
.....

เป็นไงบ้าง เล่ามาคร่าวๆ พอให้รู้ว่าทำไมฉันจึงมาปารีส จนมาพบรอยของคุณเข้าที่ร้านของอาฮุย

การพบกับอาฮุยใช่จะไร้ความหมายแม้จะไม่เจอรอยทางของคุณ เพราะนามบัตรมากมายที่มีอยู่หลายแฟ้ม เพราะรานนี้เปิดมานานแล้วได้รับรองบุคคลวีไอพีของไทยมากมาย หลายกลุ่มเป็นนักการเมืองคนสำคัญที่อาฮุยรู้จักมักจี่

วันนี้แม้เราจะหนีมาไกลจากเสียงตะโกนด่าทอกันลั่นเมือง แต่อาฮุยก็ยังไม่วายมีรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับการเมืองไทยให้เราฟัง แกล้มอาหารรสอร่อยของร้าน

อาฮุยพูดไทยคล่องแคล่วมาก ชอบเมืองไทย ชอบอาหารไทย ชอบคบคนไทย ทั้งที่อาฮุยเกิดเมืองจีน โตที่เมืองเขมร กระเซอะกระเซิงหนีสงครามมาอยู่ตลาดคลองเตย กระทั่งมาให้ฝรั่งเศสชุบชีวิต จนกลายเป็นกำลังของประเทศที่มีคุณภาพ ด้วยร้านอาหารชั้นเยี่ยม และมิตรภาพที่น่าประทับใจ

ฉันถามอาฮุยว่า ชอบฮุนเซ็นหรือเปล่า อาเฮียไม่ตอบ แต่กลับตอบว่า เขาฉลาด...แต่คนฉลาดกว่าฮุนเซ็นยังมีอยู่

แถมท้ายอีกว่า หมอดูเขมรทำนายกันมานานแล้วว่า

"เวียตนามจะแตกแยก เขมรจะยับเยิน ประเทศไทยจะกระจัดกระจาย"

Create Date : 04 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 1:07:30 น.
Counter : 596 Pageviews.  

undefined




 

อ่านหนังสือ = เสพงานศิลป์


อ่านหนังสือ = เสพงานศิลป์

การอ่านในชีวิตประจำวันทุกวันนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก คนทำงานออฟฟิศอย่างผมอ่านข่าว อ่านบทความ อ่านนานาสาระจากเว็บเสียเป็นส่วนใหญ่ จนบางครั้งแทบจะไม่นึกถึงหนังสือจริงเลยก็ว่าได้ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ทำงานเกี่ยวกับหนังสือ


คนไกล้ชิดได้ส่งเมลมาให้ บอกว่าวันที่ 31 มีนาคมที่ผานมา ในงานสัปดาหหนังสือแห่งชาติมีเสวนาเรื่องการออกแบบหนังสือ มีนักออกแบบจากญี่ปุ่นมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักออกแบบหนังสือของไทย ผมสนใจขึ้นมาทันทีครับ


การไปงานสัปดาห์หนังสือในขณะที่ตัวเองเผลอหลงลืมกายภาพของหนังสือครั้งนี้ทำให้ผมเกิดอาการตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เด็กและเยาวชนเต็มงานไปหมด ...นั่นหมายความว่าหนังสือยังไม่มีวันตายไปง่ายๆ แม้ว่าช่องทางการอ่านบนอินเตอร์เนตเปิดกว้าง


โชคดีมากครับงานนี้ จะไปฟังเสวนา แต่ข้างเวทีมีนิทรรศการหนังสือให้ดูโดยที่ผมไม่ได้นึกถึงมาก่อน 

ในงานมีผลงานหนังสือ Photo Book ที่ได้รางวัลเหรียญทองและเหรียญเงินจากเยอรมันนีให้ดูนับสิบเล่ม หนังสือดีๆ จากญี่ปุ่น รวมทั้งการ์ตูนญี่ปุ่น และผลงานประกวดหนังสือของไทยเรา

ผมไปก่อนเวลาจึงมีเวลาเดินดูนิทรรศการจนเต็มอิ่ม ได้เห็นแนวทางการทำหนังสือหลากหลายประเภท



งานเสวนาเริ่มขึ้นประมาณ 3 โมงเย็นด้วยบรรยากาศแบบกันเอง บนเวทีประกอบไปด้วยดีไซเนอร์สาวชาวญี่ปุ่นชื่อ มิกิ อิโซเบะ ดีไซเนอร์คนไทยชื่อธีรวัฒน์ วิณญารัตน์ และผูดำเนินรายการคือคุณผุสดี นาวาวิจิต ผู้นั่งฟังก็แน่นอน ส่วนใหญ่เป็นนักออกแบบหนังสืออิสระและจากค่ายต่างๆ คุ้นหน้าคุ้นตาบ้าง ไม่คุ้นบ้าง


การเสวนานี้ทำให้ผมเห็นแนวคิดการออกแบบหนังสือของดีไซเนอร์ญี่ปุ่นที่เกือบจะตรงกันข้ามกับวิธีคิดของนักออกแบบชาวไทย กล่าวคือการออกแบบหนังสือของดีไซเนอร์สาวชาวญี่ปุ่นคนนี้นั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นการทำงานศิลปะเลยทีเดียวครับ ทั้งการเลือกใช้กระดาษ การใช้พื้นผิว การผสมผสานเทคนิคการพิมพ์ การเจาะ การพับ การเลือกใช้ตัวหนังสือ บางครั้งอาจจะใส่กลิ่นลงไปในหนังสือด้วยก็มี เพื่อสร้างคุณค่าให้กับหนังสือ 



แม้ต้นทุนจะสูงแต่ก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่งของนักออกแบบที่จะต้องเจรจาโน้มน้าว ..สำนักพิมพ์ให้เห็นดีเห็นงามให้ได้หรือให้ได้ตามความต้องการให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้อิโซเบะกล่าว


ในขณะที่การออกแบบของไทยเราจะมองต้นทุนเป็นตัวกำหนดคร่าวไว้ก่อน เช่นพิมพ์บนกระดาษอะไร จะมีปั้มนูนไหม จะมีสปอตยูวีด้วยหรือป่าว หรือจะปั้มฟอยด้วย จะวนๆอยู่ประมาณนี้ เพราะถ้าเกินจากนี้ก็จะมีปัญหาเรื่องต้นทุน


งานออกแบบปกของทางฝั่งญี่ปุ่นจะคำนึงว่าหน้าตาควรจะเป็นอย่างไร จะสื่อด้วยอะไร รูป ไม่เน้นชื่อ หรือจะเป็นตัวหนังสืออย่างเดียวใหญ่ๆ หรือจะเจาะหน้าต่างด้วยใหม เน้นการออกแบบ คือเน้น visual art  เป็นสำคัญ จะไม่คำนึงเรื่องการขายขึ้นมาก่อน แต่จะใช้ดีไซน์ดึงดูด การออกแบบนั้นจะรวมทั้งขบวนการตั้งแต่ปกหน้าไปจนปกหลัง หน้าเครดิต สันปก ที่ขั้นหนังสือ เข็มขัด แม้กระทั้งว่าตัวหนังสือในแต่ละบรรทัดนั้นควรจะมีกี่ตัวอักษร

ขณะที่ของไทยเราจะมองตลาดก่อน คล้ายๆ งานโฆษณาที่จะพยายามดูตลาดของผู้ซื้อ วางแผงแล้วจะเด้งใหม ประมาณนี้



ส่วนเนื้อหาบนปกทางฝั่งญี่ปุ่นนั้นจะสือไปทางนามธรรม ทางฝั่งไทยอาจจะสรุปความในหนังสือมาไว้บนปก


อย่างไรก็แล้วแต่ การฟังสัมนาครั้งนี้ทำให้เราได้เห็นแนวทางให้การทำงานพอสมควร การออกแบบหนังสือนั้นต้องทำกันอย่างพิถีพิถันอย่างมากเพื่อให้หนังสือนั้นมีคุณค่า ยิ่งถ้าเป็นหนังสือของนักเขียนหน้าใหม่ที่สำนักพิมพ์มองเห็นคุณค่าของเนื้อหาว่าควรจะตีพิมพ์แล้วแต่ว่านักเขียนไม่มีชื่อเสียง สิ่งที่จะทำให้ผู้อ่านหยิบหนังสือเล่มนั้นมาจากแผงหนังสือคือปกหนังสือที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ยิ่งสมัยนี้ e-book ได้เกิดขึ้นอย่างมากมาย ในขณะที่หนังสือจริงๆ ที่จับต้องได้จะต้องมีอยู่ต่อไป และมีอยู่อย่างมีคุณค่า


แนวคิดที่ได้ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นความแต่งต่างของสังคมการอ่านของทั้งสองชาติพอสมควร เมื่อผู้คนรักการอ่านมากความต้องการหนังสือก็มีมาก การแข่งขันในการทำหนังสือให้มีคุณค่าก็มีมากขึ้นไปด้วย แต่ผมก็คิดว่านักอ่านบ้านเราก็ไม่ใช่ย่อย แม้ในตอนต้นเรื่องผมจะบอกว่าตัวเองเผลอลืมหนังสือไปบ้าง แต่วันที่ไปวันนั้นผมได้หนังสือเล่มหนาประมาณ 2 นิ้วกลับบ้านไป 6 เล่ม 


เห็นใหม คนอ่านหนังสือบ้านเราเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ...และการออกแบบหนังสือบ้านเราก็จะก้าวไปอีก เพราะผมอ่านด้วย ออกแบบด้วย ไม่มากก็น้อยหละน่ะ!












กว่าจะถึงเนื้อหาจริง







แนวคิด  Feminism เป็นภาพดวงตามองรอดอวัยวะเพศหญิง








มิกิ อิโซเบะ



-------------------------------------------------------


รูปข้างล่างเป็นงานนิทรรศการหนังสือ




นิทรรศการหนังสือภาพจากเยอรมัน



งานประกวดของไทย




หนังสือจากญี่ปุ่น


Create Date : 04 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 1:07:18 น.
Counter : 530 Pageviews.  

undefined




 

สิทธิด้านสุขภาพ แรงงานต่างด้าว

ทุกวันนี้แม้แรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทยจะมีอยู่ราว 1 ล้านคนแล้วก็ตาม แต่แรงงานต่างด้าวทั้งที่จดทะเบียนและไม่จดทะเบียนต่างยังมีปัญหาการเข้าไม่ถึงบริการด้านสุขภาพ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่แรงงานต่างด้าวเหล่านี้จักต้องได้รับการช่วยเหลือให้สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพ...

ปัจจุบันองค์กรพัฒนาเอกชนบางแห่งพยายามที่จะเข้าไปดำเนินการในเรื่องนี้

แต่จะมีวิธีการอย่างไรนั้น ไปติดตามกันในรายการจุดชนวนความคิด ในวันเสาร์ที่ 1 พค. 2553 ซึ่งตรงกับวันแรงงานแห่งชาติ 

" คลิ้ก play เพื่อเริ่มดู clip "
//

Create Date : 04 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 1:07:00 น.
Counter : 885 Pageviews.  

undefined




 

ภาพสาวน้อยริมธาร..สไตล์หลิงหนาน(嶺南)

 ที่มา

 

หลิงหนาน(嶺南) หรือที่ราบทางใต้ หนึ่งในห้าที่ราบ ที่ขึ้นชื่อของจีน

ในสมัยราชวงค์ถัง(618-906) มีการนิยามว่าที่ราบหลิงหนานครอบคลุม

พื้นที่ มณทล กวางตุ้ง กับ กวางซี โดยมีแม่น้ำแยงซีเกียงพาดผ่าน

ศิลปะการวาดแบบหลิงหนาน กำเนิดจาก โรงเรียนศิลปะหลิงหนาน

โดยศิลปะแนวหลิงหนานได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจวบปัจจุบัน

ศิลปินที่ขึ้นชื่อ ได้แก่  เกาเจี้ยนฟู Gao jianfu (1879-1951),

เกา ฉี เฟิง Gao Qi feng (1889-1933) และ เฉิน ซู เหริน Chen shu

ren (1883-1948) เรียกขานว่า "สามปรมาจารย์แห่งหลิงหนาน"

 

ศิลปะสไตล์หลิงหนาน

ภาพวาดสไตล์หลิงหนาน มีความใกล้ชิดกับศิลปะแนวตะวันตกมาก

ลักษณะลายพู่กันที่ตวัดขึ้นรูป บนพื้นเปียกให้ความรู้สึกฉ่ำ (moisture)

รวมถึงการให้สีที่มีมิติ ก่อนจบลงด้วยการเคลือบเน้นด้วยลายเส้นพู่กัน

บางส่วน ดูไม่แตกต่างกับการวาดภาพสไตล์ตะวันตกเลย

ภาพสาวน้อยริมธาร นี้ผมใช้กระดาษแคนสันผิวลายอาเช่ สีน้ำก็ใช้

สีน้ำปรกติทั่วๆไปเพียงแต่พยายามผสมสีให้ ใกล้เคียงโทนสีจีน

เน้นสไตล์เคร่งขรึม

...

ขั้นตอนการลงสี

..

ลงสีบรรยากาศท้องฟ้าอย่างบางๆ(Celurean) ก่อน ผสมสีเขียวลงใน

สีท้องฟ้าที่เหลือในจาน ,ลงสีเขียวในส่วนทางเดิน.. เพิ่มความเข้ม

ของสี แต้มเงาน้ำแบบเปียกบนเปียก ระบายสีทางเดิน โดยใช้วิธี

เจือสีให้ผสมกันเองบนกระดาษเช่นเพิ่มสีน้ำตาลลงเจือบ้าง สีซีเปีย

บ้างในขณะเปียก..

ใช้สี่Brunt + Sepia + เขียว ลงสีกิ่งไม้ระยะแรกเพื่อวางตำแหน่ง

ด้านบน รอให้แห้งสนิท สเปรย์น้ำลงบางๆก่อนผสมสีใบกล้วยรีบ

ลงขณะพื้นเปียก (Re-wet)...

ทำการเก็บกอหญ้าระหว่างรอสีอื่นหมาด เพิ่มความเข้มของสี

แล้วลงใบกล้วยระยะหน้าแบบเปียกบนเปียก รอสีเกือบแห้งตัดเส้น

รูปร่างใบกล้วย..

ระบายสี ทางเดินก่อนเริ่มลงโครงภาพคน ใช้สีเนื้อเจือเหลืองลง

ในส่วนข้อมือข้อเท้า(ลงบางๆๆก่อน) ลงสี ถังน้ำ ,หมวก

และเส้นผม เจือสีชมพูกุหลาบ ลงสีที่แก้ม เพิ่มความเข้มที่กางเกง

ขณะพื้นเปียก...

ผสมสีชมพูกุหลาบ เจือม่วง และ สีท้องฟ้า Cerulean blue ลง

กำหนดตำแหน่งพุ่มดอกไม้ อย่างบางๆ ก่อนเพิ่มความ

เข้ม สองสามระยะ ก่อนเจือม่วงให้มากขึ้นแต้มเป็นเกสร ดอก

แต้มสี กิ่งไม้ ให้เข้มขึ้นด้วยเทคนิคตัดเส้นแบบจีน.

ใช้สีเทาเข้มPayne's Gray เจือม่วงและแดงเพื่อลดความแรงเล็กน้อย

ตัดเส้นแบบจีนเน้นรูปทรง คน หมวก ถังน้ำฯลฯ  ให้เป็นรูปร่าง

แต่ไม่ลง คลุมหมดเหมือน สไตล์แบบ Gong bi  ...

เก็บรูปร่างของทางเดิน ขณะแห้ง  เจือ สี

ซีเปีย Sepia และ น้ำตาล burnt และเขียว ลงในส่วนกิ่งไม้ กอไม้ เน้น

รูปร่าง ขณะแห้ง

 (ภาพนี้ผมเน้นความฉ่ำ ของสี ทั้งที่ใบกล้วยและ กางเกง มีการ เอียงกระดานให้สีไหลลง บ้าง ครับ )

..

ปล.

หากตกหล่นไปบ้างต้องขออภัยเพราะวาดไว้เดือนสองเดือนแล้ว และภาพ

จริงผม ได้มอบเป็นของขวัญให้น้องที่รู้จักใน วันแต่งงานไปแล้วขอรับ ..

Create Date : 04 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 1:06:45 น.
Counter : 445 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  

boyberm
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




boyberm
Friends' blogs
[Add boyberm's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.