“บรรหารเต้น วางยาเสือโคร่งบึงฉวาก” ข่าวนี้ใหญ่มาก แต่สื่อหลายสื่อไม่ได้ให้ความสำคัญ อาจมองว่ามีข่าวเรื่องเสื้อแดงมากลบกระแสไปได้
เรื่องนี้ต้องชื่นชม พ.ต.อ.วีระ บุตรโพธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรีไล่ล่าและจับกุมได้"เกือบยกแก๊ง"และสารภาพอย่างสิ้นซาก โดยเฉพาะนายปัญญา ศรีแจ่มดี อายุ 57 ปี อดีตข้าราชการครู เป็นหัวหน้าแก๊ง ลักลอบเข้าวางยาพิษ"เสือโคร่งตาย"ภายในสวนสัตว์บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติตายถึง 2 ครั้ง ก่อนจะนำ"ซากเสือโคร่ง"ไปขายให้กับ"พ่อค้า"ในจังหวัดนครปฐม ทำไม เพราะอะไร ? "เสือ"จึงตกเป็นเป้าหมายของ"ขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ" พ.ต.อ.สืบศักดิ์ ชวาลย์วิวัฒน์ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รองผบก.บก.ปทส.)ไขข้อข้องใจให้ฟังถึงขบวนการค้าสัตว์ป่าว่า ในบรรดาสัตว์ป่าทั้งหมด "เสือโคร่ง"จะมีราคาแพงมากที่สุด ตอนนี้ตำรวจทราบข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าข้ามชาติโดยหลัก ๆ มีจำนวน 8 กลุ่มด้วยกัน กระจายอยู่ในทั้งในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ กลุ่มที่เจ้าหน้าที่เฝ้าจับตาเป็นพิเศษและใช้เวลานานมากคือกลุ่มของ “ส” นามสกุลเดียวกับเจ้าแม่จอแก้วชื่อดัง ซึ่งนายปัญญา ศรีแจ่มดี ผู้ต้องหาวางยาฆ่าเสื้อโคร่งบึงฉวากฯ ที่ถูกจับมาได้นี้ก็ให้การซัดทอดไปยัง “ส”ด้วยเหมือนกัน ลักษณะการทำงานของขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าจะเป็นไปตาม"ใบสั่งซื้อ" ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากทางประเทศจีนและไต้หวัน สัตว์ป่าที่ได้รับความนิยมในการสั่งซื้อมากและมีราคาแพงที่สุดคือ"เสือ"เพราะเป็นเรื่องความเชื่อของชาวจีนและผู้นิยมชมชอบการเปิบพิสดารทั้งหลายว่า ใครได้ลิ้มรสหรือถ้าใครเจ็บป่วยแล้วได้กินอาหารหรือยาที่มีส่วนประกอบของเสือจะทำให้หายหรือกลับมามีกำลังวังชาขึ้นกว่าเดิม ความเชื่อนี้จึงทำให้มี"ใบสั่งซื้อ"ผ่านมายังประเทศไทยจำนวนมาก หลังจากขบวนการค้าสัตว์ป่าได้สินค้าตามใบสั่งแล้ว พ.ต.อ.สืบศักดิ์ เปิดเผยเส้นทางลำเลียงสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางว่า จากการสืบสวนที่ผ่านมาพบว่า ถ้า"เสือ"ถูกลักลอบในประเทศมาเลเซียได้ตามใบสั่งแล้ว "ขบวนการพวกลักลอบค้าสัตว์ป่าจะเดินทางไปรับเสือมาจากประเทศมาเลเซีย โดยการใช้รถเป็นพาหนะวิ่งมาตามเส้นทางผ่านด่านที่จังหวัดนาราธิวาส ด่านจังหวัดสตูลและด่านสะเดาจ.สงขลา ก่อนจะนำมาพักไว้ที่จังหวัดชุมพร จากนั้น ขบวนการนี้ก็จะลำเลียงเข้ามากรุงเทพฯและปริมณฑล ก่อนที่จะไปยังชายแดนในภาคอีสานจังหวัดหนองคาย นครพนม และมุกดาหาร เมื่อขบวนค้าสัตว์ป่านำสินค้าคือซากเสือไปส่งที่นัดหมายคือใน 3 จังหวัดภาคอีสานแล้ว จะมีขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าในประเทศลาว จะส่งเรือมารับซากเสือไปอีกทอดหนึ่ง การลักลอบขนส่ง"ซากเสือ"ในฝั่งลาวนั้น จะสะดวกมากกว่าขึ้นกว่าฝั่งไทย เพราะกฎหมายของประเทศลาวค่อนข้างจะไม่ค่อยรุนแรงเรื่องของการค้าซากสัตว์ป่า จึงทำให้ขบวนการนี้ทำงานง่ายขึ้นเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศเวียดนาม หลัง"ซากเสือ"ถูกส่งไปถึงประเทศเวียดนามแล้ว ขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติในประเทศเวียดนามก็จะใช้"ผู้หญิงและเด็ก"ในการเดินอ้อมภูเขามาเพื่อขนถ่ายซากเสือไปยังประเทศจีนซึ่งถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางแล้ว ขบวนการค้าสัตว์ป่า ก็จะนำไปส่งให้พ่อค้าเพื่อนำ"ซากเสือ"ไป “ตุ๋น”เพื่อจำเข้าสู่กรรมวิธีในการทำเป็นยาเม็ดลูกกลอนเพื่อขายเม็ดละ 500-800 บาท อีกกรรมวิธีหนึ่งคือการ “ดองเหล้า” เป็นสูตรยอดนิยมที่สุด เพราะความเชื่อที่ว่า หากใครได้ลิ้มรสอวัยวะในตัวเสื้อทั้งหมด 32 ประการแล้ว จะทำให้พลังวังชาแข็งแรง จึงทำให้ยาดองเหล้าชนิดนี้มีราคาแพงมาถึงแก้วละ 300-500 บาท โดยเสือ 1 ตัวนั้นจะดองเหล่าขายได้ถึง 1 ล้านแก้ว และสามารถสร้างรายได้ให้เสือโคร่ง 1 ตัวมีราคาสูงถึง 500 ล้านบาทเลยทีเดียว หากตัดขายเป็นอวัยวะบางส่วนแล้ว ส่วนที่แพงที่สุด “อวัยวะเพศ” เพราะคนกินจะมีความเชื่อว่า ถ้าได้รับประทานไปแล้วจะทำให้มีประสิทธิภาพทางเพศเพิ่มมากขึ้น นอกนั้นเป็นเขี้ยวเสือราคาจะตกคู่ละ 4,000 บาทขึ้น แต่ถ้าขายที่ประเทศจีนจะมีราคาเขี้ยวละ 800,000-1,000,000 บาท เพราะสนนราคาแพงลิบลิ่วเช่นนี้จึงเป็นมูลเหตุจูงใจให้ขบวนค้าสัตว์ป่าล่า"เสือ"ตามใบสั่งซื้อเพื่อสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เชื่อว่า กินเสือแล้วจะทำให้เพิ่มสมรรถนะทางเพศ !!!
--------- |