คำนำ ครั้งที่ 2
‘นกเสียบไส้’ - วานิช สุนทรนนท์
บ่อยไปที่ผมหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน จับแล้วพลิกไปพลิกมา แล้วก็เก็บคืนที่เดิม ผมรู้สึกสุขใจ อบอุ่นอย่างประหลาด แต่ก็หมองอยู่ในส่วนลึกนั้น
หนังสือเล่มแรกในชีวิตที่ผมเขียนไม่ใช่เรื่องสั้น ไม่ใช่นวนิยาย ไม่ใช่นิทาน แต่เป็นเพียงเรื่องจริงที่หลายคนไม่เคยรู้ หลายคนคงเคยได้ยิน แต่ไม่อยากได้ยินอีก หรือบางคนเคยให้ความสนใจ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ผ่านไป เป็นเดือน เป็นปี เป็น 10 ปี และเป็น 20 ปีในวันนี้ ความทรงจำใส่ใจอันน้อยนิดนั้นก็เริ่มจะลางเลือน
การเขียนที่ไม่มีรูปแบบดังกล่าว ผมคงเรียกสิ่งนี้ได้เพียงว่า “คำบอกเล่า” ด้วยความด้อยในการเขียน อ่อนในข้อมูลอีกมากมาย วันเวลาที่ผ่านเลยไป 20 ปี “ประท้วงปัตตานี... ความทรงจำที่เริ่มจะลางเลือน” ที่ผมหยิบขึ้นมาอ่าน พลิกไป พลิกมาอยู่บ่อยๆ คงเป็นได้เพียงบันทึกนอกระบบเท่านั้น
ต้นเดือนมกราคมจนถึงเดือนมิถุนายน 2525 ครึ่งปีสำหรับการรื้อฟื้นความหลัง ความจำ เป็นคำบอกเล่าให้กับนักศึกษารุ่นน้องมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในรูปแบบกระดาษโรเนียวเย็บเล่ม “คำบอกเล่า” ของผมมีเพียง 2 เล่มเท่านั้น เล่มหนึ่งคือเล่มที่ส่งไปให้รุ่นน้อง อีกเล่มหนึ่งคือส่วนที่อบอุ่นอยู่กับผมทุกวันนี้
เวลา 20 ปี นานไหม ใครแต่ละคนคงให้คำตอบได้แต่แตกต่างกันไป หลายคนที่ร่วมในเหตุการณ์นั้นไม่มีโอกาสได้มานั่งมองเวลาเหล่านี้ หลายคนตายไปกับเหตุการณ์ในปีต่อมาที่สนามหลวงและชายป่าทั่วประเทศ หลายคนยังมีชีวิตอยู่แต่ผกผันยิ่งนัก หลายคนสงบอยู่กับตัวเองและครอบครัว หลายคนคงไม่ใส่ใจกับเรื่องราวเหล่านั้นอีกแล้ว แต่เชื่อว่าอีกหลายคนคงไม่อยากจะลืมเลย
ครบรอบ 20 ปี การประท้วงที่ปัตตานีแล้ว (เหตุเกิดราวๆ กลางเดือนธันวาคม 2518 ไปสิ้นสุด 24 มกราคม 2519) ผมคิดถึงเพื่อนๆ พี่ๆ หลายคน ผมหยิบ “คำบอกเล่า” ขึ้นมาอีกครั้ง ตั้งใจจะเขียนใหม่ ตั้งใจจะค้นคว้าหาข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เก่าๆ ในช่วงนั้นจากหอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพฯ แต่ก็จนปัญญาเพราะระยะทาง ตั้งใจจะพบปะพี่ๆ ที่ร่วมเหตุการณ์และยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งบ้างก็เริ่มเติบโตทางอาชีพ หรือบ้างก็เติบโตทางการเมือง แต่ก็จนปัญญาเพราะโอกาสและเวลาไม่มี ผมคงทำได้เพียงปรับเปลี่ยนถ้อยคำเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนเนื้อหาและมุมมองต้องปล่อยให้เหมือนเดิมเกือบทั้งหมด
ผมมีความสุขกับการเขียนถึงปัตตานี ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นอย่างไร แต่ไม่วายจะหม่นหมองบ้างกับบางเรื่องราวของเวลา จากเพิ่งย่าง 19 ปีในวันนั้น มาวันนี้ผ่านไป 20 ปีแล้ว วันเวลาและลมหายใจทำให้คนเราแก่ลง ผมขอฝากคำบอกเล่าเล็กๆ นี้ไว้กับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ผมรัก ได้โปรดนั่งลงระลึกถึงวันนั้น แม้สักนิด คิดถึงผู้คน เหตุการณ์มากมาย คิดถึงความอบอุ่นจากใจที่คอยประสานและจากมือที่คอยประคับประคอง คิดถึงแม้ความตาย คิดถึงลมหายใจที่เหลือติดมากับเรา ซึ่งไม่ค่อยแน่ใจว่าจะสะดุดหยุดลงเมื่อใด และคิดถึงใครอีกคนที่จากกันนานแสนนาน
‘นกเสียบไส้’
ธันวาคม 38
................................................
มาถึงวันนี้ เหตุการณ์ผ่านไปนาน...ถึง 35 ปี
ผมเขียน 'คำบอกเล่า' นี้มาแล้วราวๆ 28 ปี
วัน เวลา ผ่านไป ผ่านมา ไม่น้อยเลย
แต่เหตุการณ์โดยรวมของคนที่นั่นกลับเลวร้ายลง
คงมีใคร ทำอะไรผิดสักอย่าง หรือกว่านั้น...