นำภาพในคราบผ้าเหลืองกับชุดทหารมาเปรียบเทียบกัน ภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553 มีภาพคนนุ่งห่มเหลืองออกไปเคลื่อนไหวกับกลุ่ม นปช. แถวเยาวราช เผอิญที่ผม save ภาพดังกล่าวไว้ในเรื่อง “เมื่อ “คนห่มเหลือง” ไม่รู้จัก positioning (อาวาสสัปปายะ) ของตัวเอง” ที่ //www.oknation.net/blog/chao/2010/02/19/entry-1 ภาพจาก //www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000039262 มาวันนี้ (9 เมษายน 2553) เห็นข่าวตำรวจจับอาวุธสงครามทางทีวี เห็นหน้าคนที่ถูกจับก็ทำให้ผมนึกถึงภาพ “คนห่มเหลือง” ที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ก่อนหน้านี้ ผมกลับไปค้นภาพย้อนหลังแล้วนำมาเปรียบเทียบกันก็ปรากฏว่า “ใช่เลย!!” คนที่ถูกจับวันนี้กับคนห่มเหลืองที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เมื่อวันนั้น (20 มีนาคม 2553) เป็นคนๆ เดียวกัน...อย่างไร้ข้อสงสัยใดๆ ไม่ต้องปฏิเสธเลยว่า “แท้” หรือ “เทียม”
ดังนั้น สำหรับคนหัวเกรียน นอกจากจะมีความผิดตามข้อหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาในเบื้องต้นในข่าวว่า ร่วมกันมีวัตถุระเบิด, มีเครื่องวิทยุคมนาคม, มีเครื่องยุทธภัณฑ์ (เสื้อเกราะ) โดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดิน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรา 11 (9) ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 7 เม.ย.2553 ข้อ 9 ระบุว่า มีไว้ในความครอบครอง ซึ่งอาวุธหรือวัสดุอุปกรณ์ ซึ่งอาจใช้ในการก่อความไม่สงบ หรือก่อการร้ายโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้ว ยังผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายแสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่น เชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ใครใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีนี้ ช่วยกระซิบหรือแจ้งพยานหลักฐานแก่ตำรวจด้วยครับ พระพุทธศาสนาจะได้ไม่ถูกกระทำโดยคนคิดโสมม พฤติกรรมสามานย์อีก นอกจากผลกรรมตามกฎหมายในสิ่งที่ทำทั้ง 1. ปลอมตัวเป็นพระ 2. พกพาอาวุธยุทธภัณฑ์แล้ว ยังมีผลกรรมตามกฎแห่งกรรมที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ที่นายหัวเกรียนคนนี้ทำให้สาธุชนเสื่อมศรัทธาต่อพระภิกษุและพระพุทธศาสนาอีกด้วย ผลแห่งการกระทำดังกล่าวจะเป็นฉันใด ...คงไม่นานและไม่ไกลเกินอำนาจกรรม!!! ภาพจาก //www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000049548 ขอบคุณภาพจาก www.manager.co.th
| undefined