การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจากการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ตอนที่ 5


3832882acci

การใช้อุปกรณ์เสริมชนิดต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสโทรศัพท์ เช่น การใช้บลูทูธเชื่อมสัญญาณโทรศัพท์กับเครื่องเสียงในรถ หรือการใช้เสียงสั่งการเพื่อรับสายหรือโทรออก ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากปัจจัยด้านกายภาพและปัจจัยด้าน การมองเห็นลงได้ แต่อย่างไรก็ดี การคุยในขณะขับรถ ไม่ว่าจะคุยกับผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในรถคันเดียวกันหรือคุยโทรศัพท์โดยจะใช้ อุปกรณ์เสริมหรือไม่ก็ตาม จะทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิและทำให้ตอบสนองต่อสัญญาณจราจรและเหตุฉุกเฉิน ต่างๆ ได้ช้าลงและมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้นกว่าผู้ที่มีสมาธิจดจ่อ อยู่กับการขับขี่ จากการวิจัยพบว่า การสูญเสียสมาธิขณะขับขี่เป็นสาเหตุหลักประการหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ โดยการโทรศัพท์ขณะขับรถไม่ว่าจะใช้มือถือโทรศัพท์หรือใช้อุปกรณ์เสริม ก็มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงพอๆ กันคือ ผู้ใช้อุปกรณ์เสริมมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าการขับขี่ปกติสี่เท่า และผู้ที่ไม่ใช้อุปกรณ์เสริมมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าการขับขี่ปกติห้าเท่า จะเห็นว่าการใช้อุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องใช้มือถือโทรศัพท์ในขณะขับรถ แม้จะลดความเสี่ยงจากปัจจัยทางกายภาพได้ แต่ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการเสียสมาธินั้นยังสูงอยู่มาก

โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา มีข้อแนะนำวิธีปฏิบัติเพื่อให้การขับรถมีความปลอดภัย คือ หาก ขับรถในระยะทางใกล้ๆ ใช้เวลาจนถึงที่หมายไม่นานนัก ไม่ควรรับสายหรือโทรออกจนกว่าจะถึงที่หมาย หากขับรถระยะทางไกลและใช้เวลานาน ควรกำหนดจุดหยุดพัก เช่น หยุดพักทุกหนึ่งชั่วโมง แล้วค่อยโทรศัพท์เมื่อถึงจุดหยุดพัก หากจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ ควรจอดรถข้างทางในที่ที่ปลอดภัยแล้วจึงโทร หากอยู่ในที่ที่รถติดหรือจำเป็นต้องขับรถต่อไป ควรขับชิดซ้ายและชะลอความเร็วลง เตรียมอุปกรณ์เสริมให้พร้อมใช้งาน เมื่อเริ่มสนทนา ควรแจ้งให้คู่สนทนาทราบว่าเรากำลังขับรถอยู่และใช้เวลาในการพูดคุยให้สั้น ที่สุด หลีกเลี่ยงเรื่องสนทนาที่ทำให้เศร้า โกรธ หงุดหงิดหรืออารมณ์เสีย และไม่รับหรือส่งเอสเอ็มเอสหรืออีเมลในทุกกรณี

เอกสารอ้างอิง

1.กาญจนา ศรีสวัสดิ์ และคณะ การสำรวจความเสี่ยงจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถยนต์ในประเทศไทย พ.ศ. 2552 สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 2552

2.Centers for Disease Control and Prevention. Mobile device use while driving – United States and seven European countries, 2011. MMWR 2013; 62(10): 177-182//www.cdc.gov/mmwr/preview/mmwrhtml/mm6210a1.html

3.Centre for accident research & road safety – Queensland. Mobile phone use & distraction while driving. //www.police.qld.gov.au/Resources/Internet/news%20and%20alerts/campaigns
/fatalfive/documents/mobile_phones_and_distraction_fs.pdf>

4.Schroeder, P., Meyers, M., & Kostyniuk, L. (2013, April). National survey on distracted driving attitudes and behaviors – 2012. (Report No. DOT HS 811 729). Washington, DC: National Highway Traffic Safety Administration.

5.McEvoy SP, Stevenson MR, McCartt AT, Woodward M, Haworth C, Palamara P, Cercarelli R. Role of mobile phones in motor vehicle crashes resulting in hospital attendance: a case-crossover study. BMJ. 2005;331:428.

ที่มา: ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ

- See more at: //www.bangkokhealth.com/bhr/th/content_detail.php?id=1267&types=#sthash.lUEC0SwU.dpuf

ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเฟิ่มเติมได้ที่ ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน

โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ดูเว็บไซต์ที่ www.bangkokpattayahospital.com

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ ปรึกษาแพทย์ได้ ที่นี่




Create Date : 28 เมษายน 2559
Last Update : 28 เมษายน 2559 15:12:29 น.
Counter : 781 Pageviews.

1 comment
Beauty Sleep นอนพักผ่อนให้สวย


Beauty-Sleep


เคยสังเกตกันไหมคะ ว่าช่วงไหนที่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายเราจะอ่อนเพลียและ ผิวพรรณไม่สวยงาม แน่นอนคะ การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่เพียงแต่ทำให้ผิวพรรณไม่สดใส ดวงตาอิดโรย ผิวใต้ตาคล้ำบวม  ร่างกายอ่อนแอ  ภูมิต้านทานโรคลดลง  แต่อาจกระตุ้นให้โรคผิวหนังบางโรค เห่อและลุกลามได้ เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคภูมิแพ้ผิวหนัง และงูสวัด เป็นต้น

การนอนพักผ่อนเป็นการดูแลสุขภาพร่างกายและผิวพรรณที่ง่ายที่สุด โดยไม่ต้องลงทุน ลงแรงใดๆ เพราะเวลานอนหลับพักผ่อน ร่างกายมีการซ่อมแซม ฟื้นฟู สร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลล์เก่าในร่างกาย  ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าการนอนหลับพักผ่อน เป็นการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับร่างกายของชีวิตเรา สามารถต้านการชราและทำให้ร่างกายให้สมบูรณ์พร้อมสำหรับเริ่มต้นวันใหม่คะ

การนอนดึก เป็นการทำให้กระบวนการซ่อมแซมของร่างกายเปลี่ยนแปลงไป ทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ และกระตุ้นสารเคมีหิว “เลปติน” จึงทำให้มักรู้สึกหิวตอนกลางคืน นอกจากนั้นการนอนดึกทำให้การผลิตฮอร์โมนต่างๆลดลง ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนไทรอยด์ ฮอร์โมนเพศ จึงทำให้ต้องทานอาหารเยอะขึ้น เพื่อชดเชย จึงทำให้อ้วนง่ายขึ้น การนอนดึกอาจทำให้เกิดการหลับใน ช่วงระหว่างวัน ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่น่ากลัวและอาจถึงแก่ชีวิตได้คะ

การนอนพักที่เพียงพอ จะส่งผลดีต่อสุขภาพมากมาย  เช่น ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น ภูมิต้านทานโรคเพิ่มขึ้น  อายุยืนยาวขึ้น ควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น มีความจำดี อารมณ์ดี  ไม่เครียด และไม่หงุดหงิดง่าย เป็นต้น  เมื่อเห็นประโยชน์ของการนอนพักผ่อนแล้ว เราจึงควรความสำคัญกับการนอนพักที่เพียงพอ  ควรนอนหลับสนิทอย่างน้อยคืนละ 7-9 ชั่วโมง  นอกจากการอดนอนไม่ดีต่อสุขภาพแล้ว การนอนมากเกินไปก็ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเช่นกันคะ

นอนพักผ่อนอย่างไรให้สวย สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเราเอง เริ่มการมีวินัยในการเข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลา ประจำสม่ำเสมอทุกวัน การนอนหงายเป็นท่านอนที่ทำให้มีริ้วรอยน้อยกว่าการนอนตะแคงและนอนคว่ำ เนื่องจากใบหน้าไม่รับแรงกดจากน้ำหนักศีรษะ  ควรใช้หมอนนิ่มและ ปลวกหมอนที่สะอาด เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี

ก่อนนอนควรล้างหน้าให้สะอาด เช็ดเครื่องสำอางค์ให้หมดจด แล้วทาครีมบำรุงผิวให้ความชุ่มชื้นกับผิว เลือกใช้ครีมที่เหมาะกับสภาพผิว เช่น ผิวแห้ง ควรทาครีมเนื้อเข้มข้น ผิวแพ้ง่ายควรทาครีมที่อ่อนโยนต่อสภาพผิว ส่วนผิวมันควรเลือกทาครีมเนื้อเบาบางและปราศจากน้ำมันเป็นส่วนประกอบ ผิวที่มีสีไม่สม่ำเสมอ ควรใช้ครีมที่ส่วนประกอบของวิตามินซี เพื่อให้สีผิวเรียบขึ้น เป็นต้น

สุขภาพกายและใจที่ดี จะแสดงออกมาเป็นความงามภายในสู่ภายนอก ทำให้ผิวพรรณสวยงาม หน้าตาสดใส สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ มีพลังชีวิตที่พร้อมให้เราสร้างสิ่งดีๆ อย่างมีความสุข ให้กับตัวเอง และสังคม ทำให้ชีวิตดีขึ้นๆ ประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะฉะนั้นการดูแลสุขภาพให้สุขภาพดี ป้องกันโรค หมั่นตรวจร่างกายสม่ำเสมอ  แต่ถ้ามีความผิดปกติของร่างกายก็รีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรักษาแต่เนิ่นๆ เพื่อผลการรักษาที่ดี  เท่านี้ก็เป็นการลงทุนทางด้านสุขภาพที่คุ้มค่ามากคะ

โดย พญ.สุรีย์พร ศรีตั้งรัตนกุล อายุรแพทย์ดูแลผิวหนังและผิวพรรณ

ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเฟิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ผิวพรรณและศัลยกรรมความงาม

โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ดูเว็บไซต์ที่ www.bangkokpattayahospital.com

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ ปรึกษาแพทย์ได้ ที่นี่




Create Date : 28 เมษายน 2559
Last Update : 28 เมษายน 2559 9:54:54 น.
Counter : 1340 Pageviews.

2 comment
การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจากการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ตอนที่ 4


acci


การใช้โทรศัพท์มือขณะขับรถทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้น เนื่องมาจากปัจจัยหลักสามประการ คือ ปัจจัยด้านกายภาพ ปัจจัยด้านการมองเห็น และปัจจัยด้านสมาธิการตัดสินใจ 

การคุยโทรศัพท์โดยที่ใช้มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์และอีกข้างหนึ่งจับพวงมาลัย  ทำให้ไม่สามารถบังคับทิศทางของรถได้สะดวกโดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์กระทันหันเฉพาะหน้า และหากเป็นรถที่มีระบบเกียร์ธรรมดาด้วยแล้ว ยิ่งมีความเสี่ยงเนื่องจากต้องปล่อยมือข้างที่จับพวงมาลัยมาจับที่คันเกียร์ เพื่อเปลี่ยนเกียร์ หรือบางคนอาจใช้หัวไหล่หนีบโทรศัพท์ไว้กับหูซึ่งก็จะทำให้ผู้ขับขี่ไม่ สามารถชำเลืองมองกระจกส่องท้ายและกระจกด้านข้างรถได้ 

นอกจากนี้การกดปุ่มเพื่อรับสาย หรือการค้นหาหมายเลขหรือการกดหมายเลขเพื่อโทรออก รวมถึงการเปิดดูเอสเอ็มเอสหรืออีเมล ก็เป็นเหตุให้ผู้ขับขี่ต้องละสายตาจากถนน ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที แต่ก็ทำให้ผู้ขับขี่ตอบสนอง เช่น เหยียบเบรคหรือหักพวงมาลัย ได้ช้าลงเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา มีข้อแนะนำวิธีปฏิบัติเพื่อให้การขับรถมีความปลอดภัย คือ หาก ขับรถในระยะทางใกล้ๆ ใช้เวลาจนถึงที่หมายไม่นานนัก ไม่ควรรับสายหรือโทรออกจนกว่าจะถึงที่หมาย หากขับรถระยะทางไกลและใช้เวลานาน ควรกำหนดจุดหยุดพัก เช่น หยุดพักทุกหนึ่งชั่วโมง แล้วค่อยโทรศัพท์เมื่อถึงจุดหยุดพัก หากจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ ควรจอดรถข้างทางในที่ที่ปลอดภัยแล้วจึงโทร หากอยู่ในที่ที่รถติดหรือจำเป็นต้องขับรถต่อไป ควรขับชิดซ้ายและชะลอความเร็วลง เตรียมอุปกรณ์เสริมให้พร้อมใช้งาน เมื่อเริ่มสนทนา ควรแจ้งให้คู่สนทนาทราบว่าเรากำลังขับรถอยู่และใช้เวลาในการพูดคุยให้สั้น ที่สุด หลีกเลี่ยงเรื่องสนทนาที่ทำให้เศร้า โกรธ หงุดหงิดหรืออารมณ์เสีย และไม่รับหรือส่งเอสเอ็มเอสหรืออีเมลในทุกกรณี

 เอกสารอ้างอิง

1.กาญจนา ศรีสวัสดิ์ และคณะ การสำรวจความเสี่ยงจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถยนต์ในประเทศไทย พ.ศ. 2552 สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 2552

2.Centers for Disease Control and Prevention. Mobile device use while driving – United States and seven European countries, 2011. MMWR 2013; 62(10): 177-182//www.cdc.gov/mmwr/preview/mmwrhtml/mm6210a1.html

3.Centre for accident research & road safety – Queensland. Mobile phone use & distraction while driving. //www.police.qld.gov.au/Resources/Internet/news%20and%20alerts/campaigns
/fatalfive/documents/mobile_phones_and_distraction_fs.pdf>

4.Schroeder, P., Meyers, M., & Kostyniuk, L. (2013, April). National survey on distracted driving attitudes and behaviors – 2012. (Report No. DOT HS 811 729). Washington, DC: National Highway Traffic Safety Administration.

5.McEvoy SP, Stevenson MR, McCartt AT, Woodward M, Haworth C, Palamara P, Cercarelli R. Role of mobile phones in motor vehicle crashes resulting in hospital attendance: a case-crossover study. BMJ. 2005;331:428.

ที่มา: ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ

- See more at: //www.bangkokhealth.com/bhr/th/content_detail.php?id=1267&types=#sthash.lUEC0SwU.dpuf

ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเฟิ่มเติมได้ที่ ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน

โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ดูเว็บไซต์ที่ www.bangkokpattayahospital.com

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ ปรึกษาแพทย์ได้ ที่นี่




Create Date : 27 เมษายน 2559
Last Update : 27 เมษายน 2559 14:30:46 น.
Counter : 901 Pageviews.

1 comment
ต้อกระจก...สาเหตุอันดับ 1 ทำให้ตามัว ตอนที่ 2


อาการของต้อกระจก

ตามัวลงช้าๆ เหมือนมีฝ้าหรือหมอกบัง โดยไม่มีอาการปวดตาเห็นภาพซ้อน สายตาพร่า สู้แสงไม่ได้ เห็นดวงไฟแตกกระจายโดยเฉพาะในเวลากลางคืน

ในบางรายอาการระยะแรกของต้อกระจก คือจะมีสายตาสั้นมากขึ้นๆ ทำให้ต้องเปลี่ยนแว่นสายตาบ่อยๆ เมื่อต้อกระจกขุ่นมาก แว่นตาจะช่วยไม่ได้

ถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาอาจจะเกิดอาการแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น มีอาการปวดตาอย่างรุนแรง และตาแดงมาก เนื่องจากโรคลุกลามกลายเป็นโรคต้อหินเฉียบพลัน และม่านตาอักเสบ จนกระทั่งตาบอดได้ในที่สุด

วิธีการรักษาต้อกระจก

เมื่อต้อกระจกเป็นมากจนทำให้สายตาขุ่นมัว การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ หรือเทคนิค “เฟโค” (Phacoemulsification) พร้อมทั้งใส่เลนส์แก้วตาเทียม เป็นวิธีการรักษาที่ช่วยให้สายตาของผู้ป่วยดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสลายต้อกระจกด้วยอัลตราซาวด์ เป็นเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ทันสมัย และได้ผลดีมาก ไม่จำเป็นต้องให้ยาสลบ นอกจากนี้ แผลที่เกิดขึ้นจากการรักษาวิธีนี้จะมีขนาดเล็กมากเพียง 3 ม.ม. จึงสมานตัวได้เป็นปกติอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเย็บแผล ผู้ป่วยจึงไม่จำเป็นต้องนอนพักในโรงพยาบาล สามารถมองเห็นได้ชัดเจนอย่างรวดเร็ว แต่ยังต้องเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลความสะอาด และระวังไม่ให้มีอุบัติเหตุกระทบกระแทกต่อดวงตา

ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเฟิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ตา

โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ดูเว็บไซต์ที่ www.bangkokpattayahospital.com

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ ปรึกษาแพทย์ได้ ที่นี่




Create Date : 27 เมษายน 2559
Last Update : 27 เมษายน 2559 10:43:57 น.
Counter : 1096 Pageviews.

1 comment
โรคเบาหวาน


โรคเบาหวาน เป็นกลุ่มโรคทางเมตะบอลิซึม ซึ่งก่อให้เกิดระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงเป็นเวลานาน เป็นผลมาจากความผิดปกติในการหลั่งอินซูลินหรือความผิดปกติในการออกฤทธิ์ของอินซูลิน

สาเหตุ
  • ความผิดปกติทางพันธุกรรมของเซลล์ในตัวของตับอ่อน
  • ความผิดปกติทางพันธุกรรม ของการออกฤทธิ์ของอินซูลิน
  • โรคของตับอ่อน การทำลายตับอ่อน จากการอักเสบ การติดเชื้อ
  • โรคต่อมไร้ท่อ
  • ยาหรือสารเคมีบางอย่าง ที่มีผลทำให้การหลั่งอินซูลินลดลง
  • โรคติดเชื้อ
อาการ
  • ดื่มน้ำมาก
  • ปัสสาวะมาก
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

ในรายที่เป็นไม่มากที่มีระดับน้ำตาลในเลือด 126-200 mg% อาจไม่มีอาการผิดปกติได้อย่างชัดเจน เพราะอาจตรวจพบได้โดยบังเอิญจากการตรวจปัสสาวะ หรือจากการตรวจเช็คสุขภาพ

ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน
  • ภาวะไตวายเรื้อรัง
  • ตาบอด
  • ความผิดปกติของเส้นประสาท การตัดเท้า
  • ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
  • แผลที่เท้า
ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการเป็นโรคเบาหวาน
  • ความอ้วน (BMI > 27 kg/m)
  • มีบิดา มารดา พี่หรือน้อง เป็นโรคเบาหวาน
  • เป็นโรคความดันโลหิตสูง (BP > 140 / 90 มม.ปรอท)
  • มี HDL - cholesterol. 250 mg/dl

คำแนะนำ

หากตรวจพบน้ำตาลในเลือดสูงควรปรึกษาแพทย์ และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสหวาน อาหารประเภทไขมัน น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ที่มา ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ

ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเฟิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ

โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ดูเว็บไซต์ที่ www.bangkokpattayahospital.com

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ ปรึกษาแพทย์ได้ ที่นี่




Create Date : 26 เมษายน 2559
Last Update : 26 เมษายน 2559 13:55:12 น.
Counter : 767 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  

pigget mui
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา เป็นโรงพยาบาลในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ โดยได้รับการรับรองมาตราฐานระดับสากล JCI สามารถให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาพยาบาลโรคที่มีความซับซ้อนได้อย่างครบวงจรและทันสมัยมากที่สุดในภาคตะวันออก
All Blog