เที่ยวยุโรปกับนายวิคเซอร์ตอนนี้เป็นช่วงที่อยู่ในประเทศสาธารณรัฐเชก ซึ่งเสนอเป็นตอนที่ 2 แล้ว และเป็นการเสนอต่อเนื่องจากการที่เราได้ไปแวะชมเมือเล็กๆน่ารักๆทางตอนใต้ของเชก นั่นคือเมืองเชสกี้ครุมล๊อฟมาแล้วครับ .... วันนี้จะพาคุณๆเริ่มต้นกันที่เมืองเชสกี้บูเดโจวิช (Ceske Budejovic) และจะพาเดินทางต่อเข้ากรุงปราก (Prague) ซึ่งว่ากันว่าเมืองนี้สวยงามและโรแมนติกมากๆ

เข้าเมืองเชสกี้ บูเดโจวิซ

โรงแรมที่พัก

วันนี้เราเดินทางไกลมากเกือบ 400 กม. แถมยังลุยเที่ยวตากฝนที่เมืองเชสกี้ครุมล๊อฟอีก จะบอกว่าไม่เหนื่อยก็คงไม่ใช่ ... หลังอาหารเย็นที่โรงแรมแล้ว ต่างคนต่างรีบเข้าสู่ที่นอน อยากจะออกไปในเมืองเหมือนกัน แต่ดูท่าร้านรวงจะปิดแล้ว เพราะอากาศด้านนอกค่อนข้างเย็น พยากรณ์อากาศบอกว่าอาจจะมีหิมะตกซะด้วย และเราก็เห็นตกจริงๆแต่ไม่มาก .... ขึ้นห้องแทนที่จะหลับเหลือบไปเห็นเขาตั้งไวน์ขวดเล็กน่ารัก (เท่ากับเบียร์ขวดเล็ก) บอกราคาว่า 4 ยูโร เลยถือโอกาสเปิดชิมซะเลย หลังจากได้แอลดอฮอล์จากไวน์ขวดนั้นแล้วเลยหลับแบบสบายๆทั้งคืน

Cesky Budejovic ถ่ายจากที่พัก

เชสกี้บูเดโจวิซ (Ceske Budejovic) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงปราก ระยะทางประมาณ 150 กม. โดยรถยนต์ เมืองบูเดโจวิซก่อตั้งโดยอัศวิน Hirzo ซึ่งเป็นอัศวินในกษัตรย์ Ottokar -II แห่งโบฮีเมีย ในปี 1265 ...

เมืองบูเดโจวิซ มีพื้นที่ประมาณ 55 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรเพียง 96,053 คน (ข้อมูลปี 2009) ผู้คนรู้จักบูเดโจวิซดีเนื่องจากมีเบียร์ดังระดับโลก คือ บัดไวเซอร์ (Budweiser) ซึ่งมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 แล้ว

หน้าโรงงานผลิตเบียร์บัดไวเซอร์ เมืองบูเดโจวิซ

หลังอาหารเช้าเราออกเดินทางไปที่โรงงานทำเบียร์บัดไวเซอร์ (Budweiser Beer ) โดยที่ไกด์โทรมานัดเวลาไว้แล้ว แต่พอไปถึงเจ้าหน้าที่บอกว่าจะให้เข้าชมได้เมื่อเวลา 10.00 น. เราเลยตัดสินใจกันว่าไม่รอชม ออกเดินทางไปปรากดีกว่า เผื่อจะได้มีเวลาที่นั่นนานหน่อย ... เลยอดชิมเจ้าตำหรับบัดไวเซอร์ ซึ่งถือกำเนิดจากเมืองนี้เลย

แผนที่การเดินทางวันนี้

วันนี้เราเดินทางกันไม่ไกลนัก แต่ระยะทางขนาดนั้นคนขับต้องมีเวลาเบรคอย่างน้อย 15 นาที เราจึงแวะกันที่ร้านแมคโดนัลข้างทาง เผอิญตอนที่เราแวะ หิมะลงมาพอดี หลายๆคนเลยออกไปสัมผัสหิมะกันใหญ่ แต่วันนี้มีลมแรงเลยหนาวมาก

เส้นทางไปปราก

ระหว่างทางไปปรากเจอหิมะตกด้วย

ปราก (Prague)

ปราก (Prague) หรือ ปราฮา ในภาษาเชก (Praha) เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเช็ก มีประชากรอาศัยประมาณ 1.2 ล้านคน เมื่อ ค.ศ. 1992 องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้ปรากเป็นมรดกโลก

ถึงแล้วกรุงปราก (Prague) หรือ ปราฮา (Praha)

พื้นที่บริเวณกรุงปรากมีคนอาศัยตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสตกาล โดยช่วงแรกเป็นเผ่าเคลต์ (Celt) ก่อนจะถูกรุกรานโดยเผ่าเยอรมนิก (Germanic) และถูกครอบครองโดยเผ่าสลาฟในคริสต์ศตวรรษที่ 4

ประมาณ 200 ก่อนปีคริสต์ศักราช ชาวเคลต์ได้ตั้งอาณานิคมขึ้นทางตอนใต้ มีชื่อว่า Závis แต่ต่อมาในศตวรรษที่ 4 ชาวสลาฟได้เข้าครอบครองดินแดนนี้ จนในศตวรรษที่ 7 วัฒนธรรมของทั้งสองเผ่าพันธ์ได้ ผสมผสานกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มีตำนานกล่าวขานว่า เจ้าหญิง Libuše ได้สมรสกับเจ้าชาย Premysl และก่อตั้งราชวงศ์ Premysl ทั้งสองโปรดให้มีการสร้างปราสาทนาม Libusin ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของแคว้นโบฮีเมีย เจ้าหญิง Libuše ยังได้ทรงเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าและทรงทำนายว่า จะมีการก่อสร้างปราสาทซึ่งสูงสง่าอลังการเทียมฟ้า

ส่วนตัวเมืองปรากนั้นมีหลักฐานว่าสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 9 และเป็นเมืองหลวงของแคว้นโบฮีเมีย ซึ่งอยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
(อ่านเพิ่มเติม)

สถานีรถไฟ

เห็นไกลๆบนเขาคือหอคอย เหมือนหอไอเฟล

สถานที่แรกที่จะเที่ยว คือ ปราสาทปราก

ปราสาทแห่งกรุงปราก (Prague Castle)

สถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนเข้าเยี่ยมชมมากที่สุด และเป็นจุดสำคัญที่สุดของทั้งเมือง ปราสาทแห่งกรุงปรากนั้นเปรียบดั่งว่าเป็นอัญมณีที่ล้ำค่าแห่งเมืองหลวงของเช็ก ปราสาทแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์อันเก่าแก่ของแผ่นดินเช็ก และความน่าเป็นไปได้ที่สุดคือ เจ้าชาย โปริโวค (Prince Borivoj) เป็นผู้ที่ค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 880

โดยตัวปราสาทเองเป็นเสมือนกับเมืองน้อยๆ เมืองหนึ่ง และตามที่หนังสือกินเนตส์ (Guinness Book of World Records) ได้บันทึกไว้ว่า เป็นปราสาทที่มีการเชื่อมโยงกัน ระหว่างส่วนประกอบต่างๆของปราสาทที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ถึง 70,000 ตารางเมตร (437.5 ไร่) และยังคงใช้งานอยู่ในปัจจุบันนี้

ซ้ายคือไกด์ท้องถิ่น

ส่วนประกอบต่างๆของตัวปราสาททั้งหมดตั้งอยู่บนยอดเนินเขาและลดหลั่นลงมาจนถึงชายฝั่งด้านซ้ายของแม่น้ำวัลตาวา (Vltava River) ตัวปราสาทอาจดูไม่เหมือนปราสาท แบบดั้งเดิมเป็นเพราะจากกรสร้างที่ได้กระจายออกไปตามแนวราบมากกว่าแนวตั้ง

จุดชมวิวแห่งแรกคือมหาวิหารเซนต์วิตัส แคทเทอร์ดรอล (St Vitus cathedral) มองจากด้านนอกปราสาท

ทางเข้าสู่ปราสาทอีกด้าน

พอถึงประตูเข้าปราสาท ไกด์พาเราเลี้ยวขวาอ้อมตัวปราสาทเพื่อผ่านไปที่จตุรัสด้านหน้า เพื่อจะได้ชมวิวกรุงปรากจากมุมสูงตรงนั้นด้วย ตามแนวทางที่เดินไปขะเจอดอกไม้สีชมพูสวยงาม สาวๆพากันแย่งคิวกันถ่ายภาพใต้ต้นดอกไม้นั้น สอบถามจากไกด์ชาวเชกที่พาเราไปก้ได้ความว่าชื่อ "ดอกซากุระ"

ทหารเฝ้าปราสาท

แอบถ่ายสาวเชกใต้ต้นซากุระ

แอบถ่ายทหารบ้าง

ที่จตุรัสด้านหน้าปราสาท 1

บริเวณที่หน้าทางเข้าปราสาทเป็นจตุรัสขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยวมากมายกำลังรอคิวเข้าชมปราสาทกันอยู่ ส่วนกรุ๊ปเราก็แยกออกไปเก็บภาพที่ระเบียง ประมาณว่าเป็นหน้าผา มองเห็นบ้านเรือนในปรากที่เต็มไปด้วยหลังคาสีแดงเต็มไปทั่วบริเวณ มองดูสวยงาม สงบ ไม่เกะกะตาด้วยตึกสูงที่ไม่เป็นระเบียบเหมือนเมืองอื่นๆ ส่วนยอดเขาทางขวามมือก็เป็นหอคอยคล้ายๆหอไอเฟลในปารีส ที่เรามองเห็นแต่ไกลเมื่อเข้าสู่ปราก

ที่จตุรัสด้านหน้าปราสาท 2

วิวจากด้านหน้าปราสาทสู่กรุงปราก

ที่จตุรัสด้านหน้าปราสาท 3

ประตูเข้าชมปราสาท

ภาพนักท่องเที่ยวหน้าปราสาท

วันนี้ขอจบตอนช่วงที่เรากำลังจะเข้าชมด้านในปราสาทปราก ซึ่งจะนำภาพชุดด้านในมาเสนอในตอนต่อไปครับ วันนี้อากาศที่บริเวณปราสาทปรากหนาวถึงหนาวมาก ไม่สามารถยืนโต้ลมหนาวกลางแจ้งได้นาน ต้องหลบหาที่กำบังตลอด ซ้ำอากาศยังสะลึมสะลืออีกด้วย .... ลาตอนนี้เท่านี้นะครับ

ลาด้วยภาพนี้ครับ