พาเที่ยวยุโรปตะวันออกวันนี้เป็นบล๊อกที่ 5 แล้วโดยนำเสนอต่อเนื่องมาจากบาติสลาวา (Batislava) ในสโลวาเกีย ตามด้วยฮังการรีอีก 4 บล๊อก ... วันนี้จึงจะพาคุณๆเดินทางจากเมืองกียอร์ (Gyor) ในฮังการีข้ามพรมแดนสู่กรุงเวียนนาในออสเตรีย (แต่วันนี้จะยังไม่พาเที่ยวเวียนนาครับ) จากนั้นเดินทางขึ้นเหนือข้ามพรมแดนออสเตรียเข้าสู่สาธารณรัฐเชกที่เมืองเชสกี้ครุมล๊อฟ (Cesky Krumlov) ซึ่งครึ่งวันแรกเรานั่งรถยาวกันเลยล่ะครับ

ออกเดินทางไปเชก..ผ่านออสเตรีย

เพราะว่าระยะทางที่เราต้องไปค่อนข้างไกลกอร์ปกับอากาศที่เย็นรวมไปถึงกฎของการขับรถทางไกลของยุโรปเขา ที่ต้องจัดหาเวลาเบรคที่เหมาะสมให้กับคนขับด้วย เราจึงออกกันแต่เช้าเพื่อจะได้มีเวลาทำธุระส่วนตัวระหว่างทาง โดยรถทัวร์ขนาดใหญ่พาเราวิ่งขึ้นทางเหนือไปทางกรุงเวียนนา.

แผนที่การเดินทาง

ข้างเส้นทางที่ผ่านสวยงามเหมือนพรมที่แต่งสีด้วยสีเหลืองของดอกมัสตาร์ดและสีเขียวของทุ่งหญ้า ทำให้สปริงที่ยุโรปตะวันออกสวยงามมากขึ้น นอกจากสีเหลืองของดอกมัสตร์ดแล้ว เรายังเห็นดอกไม้ข้างทาง เช่น ดอกแอบเปิ้ลสีขาวและดอกไม้อื่นๆอีกมากมาย หลายแห่งยังมีกังหันลมเพื่อเปลี่ยนพลังงานจากลมเป็นไฟฟ้าตั้งเรียงรายกันด้วย จึงทำให้เวลาเดินทางบนรถไม่น่าเบื่อนัก

แวะเข้าห้องน้ำในร้านสะดวกซื้อในออสเตรียที่ปั๊มระหว่างทาง

แถวยุโรปตะวันออกเวลาเดินทางไกลและอยากจะเข้าห้องน้ำนั้นลำบากมาก คือเขาไม่มีปั๊มแบบ ปตท. บ้านเราให้แวะนะครับ เราจะต้องจ้องหาร้านลุงแมคให้ดี ตรงนั้นแหละเราจะใช้เป็นที่เข้าห้องน้ำได้ โดยแต่ละที่จะมีค่าใช้จ่าย และไม่ใช่ราคาเดียวกันด้วย โดยมากจะเสียค่าเข้าห้องน้ำ 50 ยูโรเซนต์ ... หรือประมาณ 23 บาท ... ถ้าไม่คิดมากก็ถือเสียว่า 50 สต. ก็แล้วกันครับ

บัตรที่ได้จากการหยอดเหรียญเข้าไปอย่าทิ้งนะครับนำไปแลกซื้อสินค้าในร้านได้ครับ แต่ก็มีร้านสะดวกซื้อบางร้านนะครับที่เขาใจดีให้บริการฟรี เช่นวันนี้เราไปแวะที่ปั๊มตรงที่ยืนถ่ายภาพระหว่างทางเวียนนา-เชก โดยไม่เสียสะตังค์ด้วย

เส้นทางเข้าเชก

ช่วงที่รภวิ่งอยู่ในเขตประเทศออสเตรีย เราสังเกตุว่าสภาพทั่วไปดูดีกว่าในประเทศสาธารณรัฐเชกพอสมควร กล่าวคือ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ถนนหนทาง ก็ดูดีกว่า แต่พอเข้าเชกสภาพถนนก้จะแคบลง สภาพบ้านเรือนดูโทรมกว่า อาจจะเป็นเพราะช่วงหนึ่งเคยอยู่ในระบออการปกครองแบบสังคมนิยมก็อาจเป็นได้...แต่ความที่ยังเป็นเชกที่หลงเหลือความเก่าแบบเดิมอยู่ จึงทำให้เรารู้สึกถึงบรรยากาศของยุโรปแบเดิมๆอยู่ .... น่าชมไปอีกแบบ

หมู่บ้านในเชกระหว่างทาง

ตรงพรมแดนออสเตรียไปสู่เชกเราจะเห็นสำนักงานคล้ายๆด่านตรวจคนเข้าเมือง คงใช้ตรวจประทับตราก่อนเข้าประเทศมาแล้ว แต่ปัจจุบันเขาไม่ได้ตรวจแล้วโดยให้รถวิ่งผ่านไปเลย (เมื่อปี 2006 จขบ.เคยผ่านด่านจากเยอรมันเข้าสวิตซ์เคยโดนเจ้าหน้าที่ขึ้นรถมาขอดูพาสปอร์ตด้วย)

พอเข้าสู่เขตสาธารณรัฐเชก ถนนจะแคบกว่าออสเตรีย ส่วนมากเป็นแบบวิงสวนกันไปมา (เลนส์เดียว) แต่ต้นไม้พวกต้นสนจะหนาแน่นมาก คือมากกว่าประเทศที่ผ่านมาครับ บ้านตามชนบทมีรั้วและบริเวณซึ่งหลังบ้านและข้างบ้านจะเห็นต้นแอบเปิ้ลที่กำลังออกดอกสีขาวบานสะพรั่งเต็มไปหมด ... เราวิ่งตามถนนเล็กๆเพื่อไปสู่เมืองเชสกี้ครุมล๊อฟ (Cesky Krumlov) ซึ่งจะเป็นสถานที่เที่ยวแห่งแรกในเชกของเรา

ข้ามสะพานเข้าสู่เมืองเก่าและปราสาท

เมื่อถึงครุมล๊อฟฝนลงเม็ดเล็กน้อย ทำให้อากาศอึมครึมและเย็นลง ... รถพาเราไปส่งไว้ที่ลานจอกรถ แล้วเราต้องเดินต่อไปที่เมืองเก่า โดยเดินลอดสะพานที่เชื่อมระหว่างปราสาทครุมล๊อฟกับยอดเขาเข้าไป และจะต้องข้ามสะพานเข้าสู่จตุรัสเมืองเก่าอีก

สิ่งแรกที่เราจะต้องทำในเมืองเล็กๆน่ารักนี้คือไปที่ร้านอาหารจีนที่อยู่ตรงจตุรัสกลางเมืองเก่านั้นก่อน เพื่อทานมื้อเที่ยง หรือมื้อบ่าย ... อาหารจีนในยุโรปคงเหมือนกันไปหมดคือออกมันมากไปหน่อย ซึ่ง จขบ. ไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่ อันนี้คนอื่นอาจจะชอบก็ได้

บนสะพานสามารถมองเห็นปราสาทอยู่เบื้องหน้า

เชสกี้ครุมล๊อฟ (Cesky Krumlov)

เชสกีกรุมล๊อฟ เป็นเมืองขนาดเล็กในภูมิภาคโบฮีเมียใต้ของสาธารณรัฐเช็ก มีชื่อเสียงจากสถาปัตยกรรมและศิลปะของเขตเมืองเก่าและปราสาทกรุมล๊อฟ ซึ่งเขตเมืองเก่านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1992 ... เชสกี้ครุมล๊อฟมีพื้นที่เพียง 22.16 ตร.กม. มีประชากร 14,000 กว่าคนเท่านั้น

เชสกีกรุมล๊อฟตั้งอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติชูมาวา (Šumava) ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเช็ก มีทิวเขาชุมมาว่าทอดตัวตามแนวเขตแดนที่ติดกับออสเตรียและเยอรมนี

ย่านเมืองเก่าคลาสสิกสุดๆ

ทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารจีนติดกับจตุรัส

หม่ำเสร็จลุยฝนออกไปชมเมือง

เสร็จจากมื้อเที่ยงเราก็ต้องออกไปชมวิวของเมืองตามกำหนดการแม้ว่าตอนนั้นจะมีฝนลงมาปรอยๆก็ตาม เสื้อพลาสติกที่ทางทัวร์เขาแจกให้ก็โดนงัดออกมาใช้ช่วงนี้ล่ะ สุดๆของการเที่ยวบ่ายนี้คือเวลาจะถ่ายภาพต้องมีคนกางร่มให้ ยังกะอยู่ในสนามกอล์ฟแน่ะ

นี่ถ้าเราได้เดินเมืองนี้ช่วงแดดกำลังพอดีๆ ท้องฟ้าใสๆคงโรแมนติกน่าดูเลยล่ะ ... เมืองเล็กๆ ถนนแคบๆ ตึกสีสวยๆและแบบแปลกๆ น่าถ่ายภาพมากๆ .... ความเห็นส่วนตัวคือชอบซะแล้ว

อาคารนี้เด่นมากๆ

ไม่รู้ดอกอะไร..น่าจะเป็นซากุระ

จุดแรกที่พากันฝ่าสายฝนออกไป (เพราะต้องทำเวลา) คือลานชมวิวริมฝั่งแม่น้ำวัลตาวา บนที่สูงประมาณหน้าผา มองเห็นปราสาทครุมล๊อฟและเมืองเชสกี้ครุมล๊อฟชัดเจน แถมวันนี้มีดอกไม้สีชมพู (น่าจะเป็นซากุระ) และดอกสีเหลืองให้สาวๆแย่งกันถ่ายภาพด้วย

ถึงฝนจะตก ก็ไม่กลัว

เดินต่อเพื่อไปชมปราสาทครุมล๊อฟ

ข้ามอีกสะพานกับอีกภาพ

ปราสาทครุมล๊อฟ


ปราสาทและโบสถ์โกธิกเซนต์ไวตัส (St.Vitus) ปราสาทมีส่วนหนึ่งเป็นป้อมปราการยุคกลางและอีกส่วนเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดหน้าผาอย่างโดนเด่นและสามารถมองเห็นวิวเมืองโดยรอบ อย่างไรก็ตามปราสาทนี้ใหญ่เป็นอันดับสองในดินแดนเช็กนี้ (รองจากปราสาทกรุงปราก)

หน้าร้านในเมืองเก่า

ขนม Trdelnik ที่นี่อร่อยมาก

ตามเส้นทางที่เดินขึ้นไปสู่ประตูทางเข้า จะเป็นเส้นทางแคบๆ ทำถนนด้วยหินเป็นแผ่นๆ สองข้างทางเป็นร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก .. วันนี้อากาศที่ครุมล๊อฟแปรปรวนมากๆ คือเดี๋ยวฝน เดี๋ยวแดด ปรับแทบไม่ทัน ... ไกด์แนะนำว่าขนม Trdelnik (ภาพด้านบน รสหวาน เป็นขนมปังเฉพาะของชาวเชกและสโลวาเกีย) นี่อร่อยที่สุดในเชก ซึ่งเราเห็นด้วยนะเพราะตอนไปลองที่ปรากไม่อร่อยเท่าที่นี่ ส่วนราคาก็ชิ้นละ 50 ลูน่าเชก (CZK, อัตราแลกเปลี่ยน 1 CZK = 1.6 บาท)

มุมหนึ่งของยอดหอคอยที่ปราสาทครุมล๊อฟ

ปราสาทยุคเรอเนสซองซ์อันยิ่งใหญ่แห่งนี้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่อยู่ของท่านลอร์ดส์ โรเซนเบิร์ก และท่านลอร์ดส์ ชวาร์เซนเบิร์ก ผู้ทรงอำนาจ ปัจจุบันเป็นที่เก็บรวบรวมเฟอร์นิเจอร์สไตล์พีเรียดของอังกฤษ สิ่งทอของชาวเฟลมิชรวมถึงอาวุธทางประวัติศาสตร์และมีหอศิลป์ภาพด้วย

ด้านในของปราสาทอันมหัศจรรย์แห่งนี้รวมถึงเมืองเก่าที่มีถนนเล็กๆอันโรแมนติกและบ้านยุคกลางที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ ปราสาทได้ถูกสร้างขึ้นราวๆศตวรรษที่ 13 โดยมีองค์ประกอบในสไตล์โกธิก เรอเนสซองซ์ และบารอก

ผ่านอาคารต่างๆภายในปราสาท

เลยปราสาทขึ้นไปจะได้ภาพในมุมเหล่านี้

ขากลับลงมาฟ้าเปิด ได้ภาพอีกมุมหนึ่ง

ลงมาถึงจตุรัส..ถ่ายภาพร่วมกันหน่อย

ร้านของที่ระลึก..นาฬิกาดาราศาสตร์

เดินทางกลับออกจากเมืองเก่า

ป้ายประชาสัมพันธุ์เมือง (ที่มองลงจากยอดเขาสูงเหนือปราสาทขึ้นไป)

ตามเส้นทางไปเมืองบูเดยอวิช...ที่จะไปพัก

หลังจากชมปราสาทครุมล๊อฟแล้ว เราก้เดินทางไปสู่เมืองเชสกี้บูเดโจวิช (Cesky Budejovic) ซึ่งอยู่ห่างจากครุมล๊อฟประมาณ 20 กม. เราจะพักค้างคืนที่นั่น ก่อนจะออกเดินทางสู่กรุงปรากในตอนเช้า .... วันนี้เดินทางมาไกลมาก ขอจบบล๊อกนี้เพียงแค่นี้นะครับ

ลาด้วยภาพของเมืองเชสกี้ครุมล๊อฟ มุมนี้ครับ