Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

7 วันอันตราย ปีใหม่ 2561 (28ธค.60-3มค.61) มาตรการเพียบ รอลุ้นผลว่าจะเป็นอย่างไร






ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เพิ่มมาตรการทางกฎหมายเข้ม 7 วันแห่งปลอดภัย 28 ธ.ค.60 – 3 ม.ค.61 เน้นลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 ภายใต้แนวคิด "ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร"

ทั้งนี้ ข้อมูลของ "ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน" มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุการเสียชีวิต และบาดเจ็บ (Admit)ช่วงการควบคุมเข้มข้น (7 วัน) จำนวน 3 ปี ระหว่างปี 2558 - 2560 พบว่า มีอุบัติเหตุ เฉลี่ยวันละ 490 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 57 ราย มีผู้บาดเจ็บเฉลี่ย วันละ 512 คน "ปัจจัยเสี่ยง" พบว่ามีอยู่ 4 ด้าน ได้แก่
1. ด้าน "คน" พฤติกรรมเสี่ยงของผู้ใช้รถใช้ถนน อาทิ ความสามารถของผู้ขับขี่ลดลงเนื่องจากสภาพร่างกายไม่พร้อม/ การไม่ชำนาญเส้นทาง / การไม่เคารพกฎจราจร / ขาดวินัยในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน
2. ด้าน "ยานพาหนะ" ยานพาหนะไม่มีมาตรฐาน อาทิ ขาดความพร้อมด้านอุปกรณ์พื้นฐานในรถยนต์ / อุปกรณ์ความปลอดภัย / การปรับแต่งสภาพยานพาหนะ/ การบรรทุกที่ไม่ปลอดภัย
3. ด้าน "ถนน"ลักษณะทางกายภาพของถนนไม่สมบูรณ์อาทิ ถนนชำรุด ผิวถนนเป็นหลุม บ่อ /สภาพการจราจรที่หนาแน่น / อุปกรณ์การควบคุมการจราจร ป้ายเตือน ป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ มีสภาพไม่สมบูรณ์ และติดตั้งในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม ไม่ชัดเจน /จุดเสี่ยงจุดอันตราย จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยและจุดตัดทางรถไฟยังไม่ได้รับการแก้ไข
4. ด้าน "สิ่งแวดล้อม" ไฟฟ้าส่องสว่างชำรุดและไม่เพียงพอ / อุปสรรคทางธรรมชาติและลักษณะภูมิอากาศ / สิ่งกีดขวางตกหล่นบนช่องทางจราจร /วัตถุอันตรายขวางทาง / สิ่งกีดขวางทัศนวิสัย

ในส่วนของ มาตรการการลดปัจจัยเสี่ยงด้านคน ประกอบด้วย
1. มาตรการการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจังและต่อเนื่อง
2. มาตรการด้านสังคมและชุมชม ใช้กลไก "สถาบันครอบครัว" ในการควบคุมปัจจัยเสี่ยง โดยให้สมาชิกในครอบครัวคอยตักเตือน และเฝ้าระวังคนในครอบครัวของตนเอง เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ขอความร่วมมือให้ผู้นำในพื้นที่เช่น นายอำเภอ นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์โดยใช้รูปแบบ "เคาะประตูบ้าน" เพื่อสร้างความตื่นตัวให้แก่ประชาชนในการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
3. การจัดกิจกรรมทางศาสนา "1 อำเภอ 1 กิจกรรม" เพื่อดึงประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมและลดความเสี่ยงในการก่อให้เกิดอุบัติเหตุในการใช้รถใช้ถนนของคนในพื้นที่รวมทั้งการจัดกิจกรรม "สวดมนต์ข้ามปีทำดีเพื่อพ่อ" หรือกิจกรรมตามแต่ละศาสนาเพื่อดึงประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมและลดความเสี่ยงในการก่อให้เกิดอุบัติเหตุในการใช้รถใช้ถนนของคนในพื้นที่
4. การจัดทำ "ประชาคมชุมชน / หมู่บ้าน" กำหนดข้อปฏิบัติด้านความปลอดภัยทางถนนให้ประชาชนถือปฏิบัติ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ใช้รถใช้ถนนในพื้นที่
5. การจัดตั้ง "ด่านชุมชน" เพื่อสกัดกลุ่มเสี่ยง และลดพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุในการใช้รถใช้ถนนของคนในพื้นที่ อาทิ เมาแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และไม่สวมหมวกนิรภัย เป็นต้น โดยขอความร่วมมืออาสาสมัครในพื้นที่ เช่น อาสาสมัครรักษาดินแดน อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน(อปพร.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครทางหลวงชนบท(อส.ทช.) ฯลฯ เข้าร่วมประจำด่านชุมชนด้วย
6. เชิญชวนจิตอาสาร่วมทำความดีด้วยหัวใจ ซึ่งมาจากสมาชิกของชุมชน เพื่อสอดส่องเฝ้าระวังผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่นมีพฤติกรรมเมาแล้วขับ พฤติกรรมที่อาจจะก่อให้เกิดความรุนแรง หรืออุบัติเหตุโดยให้กลุ่มจิตอาสาเข้าไปตักเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิต รวมทั้งร่วมรณรงค์ให้คนในหมู่บ้านตนเอง ตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎจราจรและรักษาวินัยจราจรอย่างเคร่งครัด เป็นต้น

เป้าหมายสำคัญคือลดสูญเสีย ลดบาดเจ็บ หรือให้เกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุด เน้นสร้างจิตสำนึก ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างจริงจังตามหลัก 4 ห้าม 2 ต้อง คือ ห้ามเร็ว ห้ามเมา ห้ามโทร ห้ามง่วง ต้องสวมหมวกนิรภัย และต้องคาดเข็มขัดนิรภัย              
พร้อมกับ 6 มาตรการ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน คือ
1. ลดปัจจัยเสี่ยงด้านคน โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
2. ลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสิ่งแวดล้อม  โดยดำเนินการ "1 ท้องถิ่น 1 ถนนปลอดภัย" 
3. ลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ โดยคุมเข้มความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ หยุดขนส่งสินค้าโดยรถบรรทุกขนาดใหญ่
4. ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว
5. มาตรการด้านความปลอดภัยทางน้ำ โดยตรวจสอบความปลอดภัย   จัดทีมกู้ภัยให้พร้อมทันท่วงที
6. มาตรการด้านการช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุ โดยประสานสถานพยาบาล จัดหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินควบคู่กับการวางระบบส่งต่อผู้ประสบเหตุให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม และโฆษกกระทรวงคมนาคม ฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปลอดภัยคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ร่วมกับหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคมว่า ที่ประชุมหารือถึงมาตรการรณรงค์ความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 ซึ่งเห็นชอบรณรงค์ภายใต้หัวข้อ”ขับช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด” ซึ่งจะเริ่มคิกออฟตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้ โดยตั้ง 5 เป้าหมายสำคัญ คือ
1. ลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุลงร้อยละ5 จากช่วง 7 วันอันตรายระหว่างวันที่ 28 ธ.ค.-3 ม.ค. ของเทศกาลปีใหม่ 2560 ที่เกิดอุบัติเหตุ 1,835 ครั้ง มียอดผู้เสียชีวิต 306 คน ผู้บาดเจ็บ 1,857 คน 
2. ต้องไม่มีผู้เสียชีวิตจากระบบขนส่งสาธารณในทุกโหมด
3. ผู้ขับรถสาธารณทุกโหมดต้องมีระดับแอลกอฮอล์เป็นศูนย์
4. ต้องไม่มีผู้เสียชีวิตจากการเดินทางบนทางด่วนและมอเตอร์เวย์ 
5. ต้องไม่มีผู้โดยสารตกค้างจากบริการรถสาธารณะ

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันยังได้กำหนดมาตรการเข้มข้นยกกำลังสองช่วง 777 คือ 7 วันก่อนเทศกาล ระหว่างวันที่ 21-27 ธ.ค.,7วันระหว่างเทศกาล คือ ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค.60-3 ม.ค. 2561 และ7 วันหลังเทศกาล คือ ระหว่างวันที่ 4-10 ม.ค. 2561 โดยจะใช้กับเส้นทางข้อมูลอุบัติเหตุในรอบปีจากเทศกาลต่างๆ เช่น การทำป้ายระยะมองเห็นชัดเจน ผิวถนนต้องเรียบไม่เป็นหลุมเป็นบ่อ รวมถึงการควบคุมความเร็วให้ช้าลง เช่น ตั้งด่านร่วมกับตำรวจ การติดตั้งจีพีเอส ตรวจจับความเร็วและส่งต่อข้อมูลข้ามจังหวัด ให้ตั้งด่านสกัด เบรกให้หยุดชั่วคราวและตักเตือน จากที่ผ่านมาปล่อยให้ถึงจุดหมายแล้วจึงออกใบสั่ง เพื่อป้องกันไม่ใช่การจับ

นายสราวุธ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญในปีนี้ยังเป็นปีแรกที่คมนาคมได้ประกาศเส้นทางเสี่ยงอันตรายเป็นปีแรกและตั้งเป้าว่าต้องไม่เกิดอุบัติเหตุเลยแม้แต่ครั้งเดียวในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยจะใช้มาตรการเข้มข้นยกกำลังสอง ซึ่งในเบื้องต้นยังได้กำหนดสายทางที่เกิดอุบัติเหตุ 50 ช่วงสายทาง ดังนี้
1. พื้นที่นำร่อง ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคม และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (MLIT) จำนวน 12 ช่วงสายทาง อาทิ สายทาง จ.ขอนแก่น จ.สุพรรณบุรี จ.อุตรดิตถ์ จ.เพชรบูรณ์ 
2. สายทางที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 จำนวน 10 ช่วงสายทาง อาทิ สายทางหนองหมู-ห้วยยอง จ.ประจวบคีรีขันธ์ สายทางร้องกวาง-ห้วยแก๊ต จ.แพร่ ถ้ำพรรณนา-ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่
3. สายทางที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 60 จำนวน 10 ช่วงสายทาง อาทิ สายทางประตูน้ำพระอินทร์-หนองแค จ.พระนครศรีอยุธยา สายทางดอนขวาง-โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา สายทางหมากปรก-เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต สายทางห้วยบง-แม่สถิตหลวง จ.ตาก
4. สายที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดในปีงบประมาณ 60 จำนวน 18 ช่วงสายทาง อาทิทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 338 ตอนควบคุม0101 อรุณอัมรินทร์ –พุทธมณฑลสาย 4 กรุงเทพฯ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข340 ตอนควบคุม0301 สาลี-สุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข3214 ตอนควบคุม0100 บ้านพร้าว-คลองห้า จ.ปทุมธานี

ทั้งนี้จะมีการซ้อมมาตรการเข้มข้นในเส้นทางดังกล่าวก่อนถึงช่วงเทศกาลด้วย สำหรับเส้นทางเสี่ยงที่กำหนดขึ้นเป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ยังมีการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมและอาจจะมีการประกาศเส้นทางเสี่ยงเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 เส้นทาง เช่น เส้นทางที่เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เส้นทางสู่แหล่งท่องเที่ยว เส้นทางสายหลัก เป็นต้น

https://news.thaipbs.or.th/content/268747
https://www.dailynews.co.th/economic/612039
https://www.msn.com/th-th/money/other/คมนาคมเปิดแผนลดอุบัติเหตุเดินทางปีใหม่-61/ar-BBFzk60?li=AAuelE8
https://www.thaihealth.or.th/Content/39866-'สคอ.-ศปถ.' จับมือคุมเข้ม '7 วันอันตราย' กำหนดแผนลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561.html


หนังสือราชการช่วงเทศกาล ปีใหม่ 61
https://www.roadsafetythailand.com/

********************************************
ข้อสั่งการรองนายกรัฐมนตรี (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ)
ดาวน์โหลด :
หนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ที่ มท 0607 ว7174 ลว 21 ธค.2560.pdf ( 0.87 MB ) ( ดาวน์โหลด 7 ครั้ง)
หนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ที่ มท 0607ว 7174 ลว 21 ธ.ค.60.docx ( 0.05 MB ) ( ดาวน์โหลด 1 ครั้ง)

แจ้งแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561
ดาวน์โหลด :
1.หนังสือแจ้งจังหวัด.pdf ( 0.91 MB ) ( ดาวน์โหลด 535 ครั้ง)
2.สิ่งที่ส่งมาด้วย 1_แผนปีใหม่ 61.pdf ( 0.24 MB ) ( ดาวน์โหลด 285 ครั้ง)
2.สิ่งที่ส่งมาด้วย 1_แนวทางการดำเนินงาน ๑.pdf ( 0.09 MB ) ( ดาวน์โหลด 165 ครั้ง)
2.สิ่งที่ส่งมาด้วย 1_แนวทางการดำเนินงาน ๒.pdf ( 0.23 MB ) ( ดาวน์โหลด 74 ครั้ง)
2.สิ่งที่ส่งมาด้วย 1_แนวทางการดำเนินงาน๓.pdf ( 0.21 MB ) ( ดาวน์โหลด 51 ครั้ง)
3.สิ่งที่ส่งมาด้วย 2_คู่มือการประเมิน.pdf ( 1.37 MB ) ( ดาวน์โหลด 64 ครั้ง)
4.สิ่งที่ส่งมาด้วย 3_สถิติ.pdf ( 0.50 MB ) ( ดาวน์โหลด 90 ครั้ง)
1.หนังสือแจ้งจังหวัด.doc ( 0.05 MB ) ( ดาวน์โหลด 127 ครั้ง)
2.สิ่งที่ส่งมาด้วย 1_แนวทางการดำเนินงาน ๑.doc ( 0.06 MB ) ( ดาวน์โหลด 39 ครั้ง)
2.สิ่งที่ส่งมาด้วย 1_แนวทางการดำเนินงาน ๒.docx ( 0.04 MB ) ( ดาวน์โหลด 38 ครั้ง)
2.สิ่งที่ส่งมาด้วย 1_แผนปีใหม่ 61.doc ( 0.17 MB ) ( ดาวน์โหลด 73 ครั้ง)
2.สิ่งที่ส่งมาด้วย 1_แนวทางการดำเนินงาน๓.docx ( 0.03 MB ) ( ดาวน์โหลด 41 ครั้ง)

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""





ปีใหม่ 2561 นี้ สสส. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดทำโครงการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด ผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน "ทุกราย" และผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด จะถูกนำมาพิจารณาดำเนินคดี "ทุกคดี"

นอกจากจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว การเมาแล้วขับ ประกันภาคสมัครใจ ไม่ว่าจะชั้น 1/2/3 ก็จะไม่คุ้มครองด้วยนะครับ


::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

7 วันอันตรายปีใหม่นี้ 'ตรวจเลือดวัดแอลกอฮอล์เคสอุบัติเหตุ' หวังลดอุบัติเหตุเมาแล้วขับ

สธ.จับมือสำนักงานตำรวจ ตรวจเลือดวัดแอลกอฮอล์ในเคสอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ 2561 นี้ เพื่อให้เกิดการดำเนินคดีกับผู้ที่ขับรถในขณะเมาสุราทุกราย หวังช่วยลดอุบัติเหตุจากเมาแล้วขับได้ กรณีตำรวจสงสัยหรือคู่กรณีร้องขอ ให้ส่งตัวผู้ขับขี่ทั้ง 2 ฝ่ายที่ไม่สามารถตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ทางลมหายใจได้ไปยัง รพ.สังกัด สธ.พร้อมใบนำส่ง เพื่อเจาะเลือดและตรวจหาระดับแอลกอฮอล์ ซึ่งจะนำผลตรวจที่ได้ไปใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2560 นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการแถลงข่าว “สธ.มอบของขวัญปีใหม่ 2561 สร้างสุข สร้างความปลอดภัยทั่วไทย” ว่า สำหรับช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 28 ธันวาคม 2560 – 3 มกราคม 2561 กระทรวงสาธารณสุขจะร่วมสร้างความปลอดภัยร่วมกับภาคีเครือข่าย รณรงค์ “ดื่มแล้วขับ จับตรวจแอลกอฮอล์” โดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขและทุกภาคส่วนในพื้นที่ จะช่วยกันลดการบาดเจ็บจากการจราจร และให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ทันเวลา และมีประสิทธิภาพ เพื่อลดการเสียชีวิตและความพิการลง

โดยเปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operation Center : EOC) ในส่วนกลางที่กระทรวงสาธารณสุข ระดับจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการเกิดเหตุ ให้โรงพยาบาลทุกแห่งเตรียมความพร้อมบริการการแพทย์ฉุกเฉิน แจ้งเหตุเร็ว โดยขยายคู่สายแจ้งเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉิน 1669 เป็น 300 คู่สายทั่วประเทศ รับเร็วโดยใช้ชุดปฏิบัติการที่มีกระจายทั่วประเทศ ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิ เอกชน และโรงพยาบาลต่างๆ ถึงที่เกิดเหตุไม่เกิน 10 นาที ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของการออกเหตุทั้งหมด

ซึ่งปัจจุบันมีชุดปฏิบัติการครอบคลุมตำบลมากกว่าร้อยละ 90 ของตำบลทั้งหมด ส่งเร็ว ส่งต่อถึงมือแพทย์ทำการรักษาเร็ว จัดทีมแพทย์ พยาบาล เชี่ยวชาญประจำห้องอุบัติเหตุฉุกเฉินในทุกโรงพยาบาล พร้อมให้การรักษาตลอด 24 ชั่วโมง

นพ.ปิยะสกล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ได้ให้กรมควบคุมโรค ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สสส.จัดทำโครงการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ ในกรณีที่มีผู้บาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต เพื่อให้เกิดการดำเนินคดีกับผู้ที่ขับรถในขณะเมาสุราทุกราย ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถเป่าลมหายใจผ่านเครื่องตรวจแอลกอฮอล์ได้ให้ส่งไปเจาะเลือดตรวจหาระดับแอลกอฮอล์ที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และเข้มข้นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551

ด้าน นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัญหาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญจะมีการเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ร้อยละ 80 เป็นรถจักรยานยนต์ มักเกิดเหตุบนถนนสายรอง กลุ่มที่บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดมีอายุ 15-19 ปี รองลงมาคือ 20-24 ปี เวลาที่เกิดเหตุสูงสุด 16.00 – 21.00 น. สาเหตุสำคัญคือการดื่มแล้วขับขี่ โดยพบผู้บาดเจ็บจากการดื่มแล้วขับเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 อายุต่ำกว่า 20 ปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.56 วันที่เกิดเหตุสูงสุดคือ 31 ธันวาคม 2559

ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รับผิดชอบพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 จึงเน้นย้ำให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรวจเตือน/ประชาสัมพันธ์ ตาม พ.ร.บ.อย่างเข้มข้น แก่สถานประกอบการและร้านค้า และประชาชนทั่วไป และร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจจับดำเนินคดีอย่างเข้มงวดในช่วงก่อนเทศกาลและในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะกรณีการขายสุราให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี การขายสุราในสถานที่และเวลาที่ห้ามขาย การเร่ขาย การโฆษณาหรือส่งเสริมการขาย (ลด แลก แจก แถม)

นพ.เจษฎา กล่าวต่อว่า สำหรับระบบการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน (Emergency Care System : ECS) ได้มอบให้ผู้ตรวจราชการกระทรวง กำกับติดตามการทำงานของจังหวัด วางแผนรองรับสถานการณ์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ในแต่ละเขต และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจัดหน่วยกู้ชีพระดับพื้นฐาน (Basic Life Support : BLS) และหน่วยปฏิบัติการระดับสูง (Advanced Life Support : ALS) ประจำบนเส้นทางถนนสายหลัก ที่มีจุดตรวจ/ จุดบริการอยู่ห่างกันมาก เพื่อให้การดูแลรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็ว ขณะนี้มีชุดปฏิบัติการฉุกเฉินทุกระดับรวม 8,621 หน่วย เรือปฏิบัติการฉุกเฉิน 155 ลำ เครื่องบิน 129 ลำ รถปฏิบัติการฉุกเฉินทุกระดับ 19,422 คัน และเตรียมพร้อมผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินทุกระดับ 165,158 คน

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาพบว่า จำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จำนวนอุบัติเหตุเกือบ 4,000 ครั้ง สาเหตุมากที่สุดมาจากการเมาสุราร้อยละ 36.59 รองลงมาเป็นการขับรถเร็วร้อยละ 31.31 และตัดหน้ากระชั้นชิดร้อยละ 17.84 โดยถนนทางหลวงมีผู้เสียชีวิตมากที่สุด และถนนที่มีผู้บาดเจ็บมากที่สุด คือถนน อบต./หมู่บ้าน

กรมควบคุมโรค ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1-12 ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด เฝ้าระวัง ตรวจเตือนและประชาสัมพันธ์ ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ในช่วงก่อนเทศกาล และดำเนินการตรวจจับอย่างเข้มข้นในช่วงเทศกาล 7 วัน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเสี่ยง 100 ลำดับแรกของอำเภอทั้งหมด มี 109 อำเภอ อยู่ใน 48 จังหวัด ซึ่งมีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 40 ของทั้งประเทศ (878 อำเภอ)

ในกรณีที่อุบัติเหตุนั้นทำให้มีผู้บาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต เพื่อให้เกิดการดำเนินคดีกับผู้ที่ขับรถในขณะเมาสุราทุกราย กรณีเจ้าพนักงานตำรวจสงสัยหรือคู่กรณีร้องขอ ให้ส่งตัวผู้ขับขี่ทั้ง 2 ฝ่ายที่ไม่สามารถตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ทางลมหายใจได้ไปยังโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขพร้อมใบนำส่ง เพื่อเจาะเลือดและตรวจหาระดับแอลกอฮอล์ ซึ่งจะนำผลตรวจที่ได้ไปใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป



********************************************

7 วันอันตราย ปีใหม่ไทย-เทศ ตายเจ็บเพียบ T-T ( น่าจะต้องหาวิธีคิดแบบอื่นเพื่อแก้ไขปัญหา ? ) https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=22-04-2017&group=30&gblog=2

7 วันอันตราย ปีใหม่ 2561 (28ธค.60-3มค.61) มาตรการเพียบรอลุ้นผลว่าจะเป็นอย่างไร https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=26-12-2017&group=30&gblog=4

รวม 7วันอันตรายปีใหม่เทศ 2561 เสียชีวิต 423 คน ลดลงจากปี 60 ร้อยละ 11 ( น่าพอใจ???) https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-01-2018&group=30&gblog=8

รวม 7วันอันตรายปีใหม่ไทย (สงกรานต์) 2561 เสียชีวิต 418 ราย (เจ็บตายมากกว่าปีที่แล้ว) https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=18-04-2018&group=30&gblog=9

คนไทยตายจากอุบัติเหตุทางถนนปีละ 1.5 หมื่นราย กระทบเศรษฐกิจปีละ 2 แสนล้าน https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=23-11-2017&group=30&gblog=1

ไทยชนะแล้ว ... ประเทศที่มีการตายจากอุบัติเหตุบนถนน สูงที่สุดในโลก (ตำแหน่งนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย) https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=15-12-2017&group=30&gblog=3

ล้านแล้วจ้า .. สถิติ มีไว้เพื่อทำลาย ปี๒๕๖๐ ประเทศไทย มีคนเจ็บจากอุบัติเหตุบนถนน ถึง "หนึ่งล้านคน" https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=02-01-2018&group=30&gblog=5

แก้ปัญหาวินัยจราจร ต้องไม่ใช้ตำรวจ ... ByDr.Adune https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=03-01-2018&group=30&gblog=7

อุบัติเหตุไม่ลด เพราะ มัวไปโทษเมาแล้วขับ... เราหลงประเด็นหรือเปล่า By Dr.Adune https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=02-01-2018&group=30&gblog=6


7 วันอันตราย ปีใหม่ไทย-เทศ ตายเจ็บเพียบ T-T จากข้อมูลย้อนหลังจำง่าย ๆ ...ตายสี่ร้อย เจ็บสี่พัน แล้วก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ?

สงกรานต์ 2561เกิดอุบัติเหตุ 3,724 ครั้ง ตาย 418ราย เจ็บ 3,897 ราย

สงกรานต์ 2560เกิดอุบัติเหตุ 3,690 ครั้ง ตาย 390ราย เจ็บ 3,808 ราย

สงกรานต์ 2559เกิดอุบัติเหตุ 3,447 ครั้ง ตาย 442ราย เจ็บ 3,656 คน

สงกรานต์ 2558เกิดอุบัติเหตุ 3,373 ครั้ง ตาย 364ราย เจ็บ 3,559 คน

สงกรานต์ 2557เกิดอุบัติเหตุ 2,992 ครั้ง ตาย 322ราย เจ็บ 3,225 คน

ปีใหม่ 2561เกิดอุบัติเหตุ 3,841 ครั้ง ตาย 423ราย เจ็บ 4,005 ราย

ปีใหม่ 2560เกิดอุบัติเหตุ 3,919 ครั้ง ตาย 478ราย เจ็บ 4,128 ราย

ปีใหม่ 2559เกิดอุบัติเหตุ 3,379 ครั้ง ตาย 380ราย เจ็บ 3,505 ราย

ปีใหม่ 2558เกิดอุบัติเหตุ 2,997 ครั้ง ตาย 341 คนเจ็บ 3,117 คน

ปีใหม่ 2557 เกิดอุบัติเหตุ3,174 ครั้ง ตาย 367 คน เจ็บ 3,344คน




Create Date : 26 ธันวาคม 2560
Last Update : 18 เมษายน 2561 15:42:50 น. 0 comments
Counter : 3100 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]