Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

ขับขี่ปลอดภัย มีอะไรมากกว่า "จิตสำนึก" 9 เหตุผลที่สวีเดน ลดการเสียชีวิตบนท้องถนนได้อย่างน่าทึ่ง



"ภายในปี 2050จะไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติบนท้องถนน"



"ภายในปี 2050จะไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติบนท้องถนน" นี่คือเป้าหมายสูงสุดของ VisionZero โครงการจากรัฐบาลสวีเดนในปี 1997ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน คำกล่าวนี้ดูเป็นเรื่องที่แทบเป็นไม่ได้แต่เมื่อผ่านไปแล้ว 20 ปี Vision Zero กลายเป็นโครงการต้นแบบที่ทั่วโลกจับตาหลังจากที่พบว่า จำนวนของคนที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร ลดลงไปแล้ว 50% ในปี2016 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเพียง 241 คนเท่านั้นตัวเลขนี้น้อยกว่ายอดผู้เสียชีวิต 4วันของไทยช่วงสงกรานต์ปีนี้เสียอีกที่มีอยู่ด้วยกัน 248 คนเสียอีก

มีงานวิจัยที่บอกว่า 90%ของอุบัติเหตุบนท้องถนน มาจากความผิดพลาดของมนุษย์ ทำให้หน่วยงานต่างๆมองว่าถ้าเราแก้ที่ต้นเหตุ สร้างสื่อรณรงค์ปลูกจิตสำนึกคนประชาชนก็น่าจะขับรถกันได้ดีขึ้นไม่ประมาท

แต่ Matts Ake Belin นักยุทธศาสตร์ความปลอดภัยของการจราจรจากประเทศสวีเดน มองต่างออกไปและนั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Vision Zero ประสบความสำเร็จ

Matts กล่าว่าระบบถนนที่สวีเดนออกแบบเพื่อความปลอดภัยของคนทั้งคนขับและคนที่เดินถนน มากกว่าความสะดวกสบายในการขับขี่รวมไปถึงการสร้างสิ่งแวดล้อมที่จูงใจให้คนขับรถอย่างปลอดภัยมากกว่าการบังคับใช้กฎหมาย และนี่คือ 9 เหตุผลสำคัญที่ทำให้สวีเดนเป็นประเทศต้นแบบด้านการลดผู้เสียชีวิตบนท้องถนน


--- 1. ลดจำนวนแยก เพิ่มจำนวนวงเวียน ---

การใช้วงเวียนช่วยลดอุบัติเหตุได้มากกว่าเพราะคนจะต้องลดความเร็วเวลาเลี้ยวเป็นวงกลมและหลีกเลี่ยงจังหวะชนกันที่จุดตัดของสองเลนอีกด้วย


--- 2. ตัดถนน 2+1 เลน แทน 4 เลน ---

การตัดถนนของสวีเดน เน้นที่ความปลอดภัยมากกว่าความสะดวกสบายของคนขับ การมีเพียง 3 เลน และเลนกลางมีหน้าที่ให้คนขับรถในเลนซ้ายและขวาเบี่ยงออกเพื่อแซงรถคันข้างหน้า ถนน 4 เลน มีความกว้างมาก และให้คนอยากขับเร็วแต่พอเหลือสามเลน คนขับรถเบี่ยงเลนเพื่อแซงได้ยากขึ้นคนเลยขับรถช้าลงและระวังมากขึ้นไปในตัว


--- 3.เพิ่มจำนวนลูกระนาดให้มากขึ้นในเขตเมือง จูงใจให้คนขับแค่ 30 กม./ชม. ---

หลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทยมีกฎหมายกำหนดให้ขับรถในเขตเมืองได้ไม่เกิน 50 กม./ซม. อยู่แล้ว แต่ Mattsมองว่าความเร็วที่ 50 กม./ชม.ยังมากพอที่จะชนแล้วก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต ถ้าลดความเร็วให้เหลือ 30 กม./ชม.จะลดอัตราเสียชีวิตเหลือเพียง 10% เท่านั้น แต่แทนที่จะใช้วิธีทางกฎหมายมาบังคับสวีเดนกลับสร้างลูกระนาดให้มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าตลอดเส้นทางในเมือง คนจะไม่อยากขับเร็ว


--- 4. อัพเกรดทางม้าลาย ---

มีการติดตั้งไฟกระพริบ และลูกระนาดบริเวณใกล้ๆ ทางม้าลาย 12,600 จุดเป็นการเตือนให้คนขับรถรู้ว่าจะมีคนข้ามถนนข้างหน้าแต่เนิ่นๆและลูกระนาดยังช่วยลดความเร็วของรถอีกด้วย

นอกจากนี้ ด้วยการจำกัดความเร็วรถในเขตเมืองทำให้รถสามารถชะลอและหยุดที่ทางม้าลายได้อย่างง่ายดายดังนั้นเวลาที่ผู้ขับขี่ยานพาหนะเห็นคนเดินถนนยืนเตรียมข้ามทางม้าลายเจ้าของรถก็สามารถหยุดและให้คนข้ามได้ทันที ไม่ต้องรอสัญญาณไฟ


--- 5.ห้ามรถเลี้ยวโดยเด็ดขาดที่ทางม้าลาย---

บางประเทศจะมีกฎเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดแม้ว่าตรงนั้นจะเป็นทางม้าลายก็ตาม หลายๆ ครั้งรถที่เลี้ยวซ้ายโดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์อาจพุ่งชนคนกำลังข้ามถนน แต่สวีเดนออกกฎหมายชัดเจนว่าห้ามเลี้ยวตรงทางม้าลาย


--- 6.ติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วจำนวนมาก ---

แทนที่จะตั้งด่านตรวจ เพื่อจับคนขับรถเร็วเกินกำหนดมาลงโทษสวีเดนเพิ่มจำนวนกล้องตรวจจับความเร็ว ที่ติดตั้งเป็นแนวยาวต่อเนื่องตามถนนทั้งในเขตเมืองและทางหลวงต่างจังหวัดทำให้สวีเดนเป็นประเทศที่มีกล้องตรวจจับความเร็วต่อพื้นที่ถนนมากที่สุดในโลกกล้องเหล่านี้เอาไว้เตือนใจคนว่าจุดนี้คือเขตสำคัญ อย่าขับเร็ว


--- 7. ระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ ---

มีรถไฟและรถเมล์(ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ไม่มีควันดำแต่อย่างใด) ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั้งหมดและในเมืองใหญ่ ยังมีระบบรถราง และเรือไว้คอยบริการอีกด้วยทางเลือกเหล่านอกจากจะช่วยลดอุบัติเหตุแล้วยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงานอีกด้วย


-- 8. เลนจักรยานที่ปลอดภัย ---

เช่นเดียวกับขนส่งมวลชนจักรยานก็เป็นทางเลือกยอดนิยมของคนในประเทศ ทั้งในเมืองสตอกโฮล์ม กอเทนเบิร์กหรือลุนด์ ยิ่งกว่านั้น เมืองมัลโมได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองจักรยานที่ดีที่สุดอันดับ 6 ของโลก Mattsให้ความเห็นว่า ถึงรถยนต์จะเป็นยาพาหนะสำคัญในสังคมในพื้นที่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้รถ ผู้คนควรใช้ทางเลือกอื่นๆ


--- 9.นโยบายป้องกันการเมาแล้วขับที่ครอบคลุม ---

นอกจากไลท์เบียร์ (ที่มีแอลกอฮอล์ไม่เกิน3%) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ จะวางขายได้เฉพาะในร้านที่รัฐบาลอนุญาตและร้านเหล่านั้นไม่เปิดตอนกลางคืน (ยกเว้นแต่จะไปดื่มที่บาร์)

นอกจากนี้ปริมาณแอลกอฮอล์ของคนขับขี่ยานพาหนะที่ถึงเกณฑ์ว่า"เมา" ของสวีเดนอยู่ที่ 10 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ (ขณะที่ของไทยคือ 50มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ โดยมีโทษจำคุกสูงถึง 6 เดือนและถ้าคนขับเป่าแอลกอฮอล์แล้วได้ค่าถึง 50 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ จะมีโทษจำคุกถึง 2ปี ส่วนอัตราการปรับเงินจะขึ้นอยู่กับฐานะการเงินของผู้กระทำผิด ถ้ารวยมีรายได้มากก็จะต้องจ่ายค่าปรับมากขึ้นตาม


ความสำเร็จที่สวีเดน จุดประกายให้หลายๆชาติ เช่น เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร แคนาดา สหรัฐอเมริกา รวมถึงสาธารณรัฐโดมินิกันหันมาศึกษาโครงการนี้ และนำไปปรับใช้กับประเทศตัวเองแล้วแน่นอนว่าได้ผลตอบรับในแง่บวก

จิตสำนึกของคนขับอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาถ้าไม่ได้มาพร้อมกับนโยบายด้านการจราจรจากภาครัฐอย่างที่นักยุทธศาสตร์ความปลอดภัยของการจราจรจากประเทศสวีเดนทิ้งท้าย

"เพราะความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ...เราจำเป็นต้องออกแบบระบบที่ช่วยเหลือผู้คนไม่ให้ก่ออุบัติเหตุที่อันตรายถึงชีวิต"

ที่มา

https://www.citylab.com/transportation/2014/11/the-swedish-approach-to-road-safety-the-accident-is-not-the-major-problem/382995/

https://www.weforum.org/agenda/2018/04/sweden-zero-vision-traffic-road-deaths

https://www.nytimes.com/2018/04/09/upshot/car-seats-road-safety-us-sweden.html?hp&action=click&pgtype=Homepage&clickSource=story-heading&module=second-column-region®ion=top-news&WT.nav=top-news%2C+http%3A%2F%2Fwww.visionzeroinitiative.com%2F

https://www.economist.com/blogs/economist-explains/2014/02/economist-explains-16

https://www.lifesafer.com/blog/sweden-figured-drunk-driving/

https://www.thenewbieguide.se/pedestrian-a-priority/

https://www.wired.com/2015/06/copenhagenize-worlds-most-bike-friendly-cities/

https://en.wikipedia.org/wiki/Public_transport_in_Stockholm

https://en.wikipedia.org/wiki/Alcoholic_drinks_in_Sweden

https://www.government.se/government-of-sweden/ministry-for-foreign-affairs/diplomatic-portal/diplomatic-guide/9.-respect-for-the-local-laws-and-regulations/9.1-drunk-driving/

https://www.funtrivia.com/askft/Question42841.html

ที่มาภาพ https://www.best-of-copenhagen.com/en/photo?name=sweden-city-center-of-helsingborg

ที่มาบทความ เพจ
We Think
https://www.facebook.com/Officiallywethink/photos/a.611017925681527.1073741828.610743229042330/1601902309926412/?type=3&theater


****************************************

7 วันอันตราย ปีใหม่ไทย-เทศ ตายเจ็บเพียบ T-T ( น่าจะต้องหาวิธีคิดแบบอื่นเพื่อแก้ไขปัญหา ? ) https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=22-04-2017&group=30&gblog=2

7 วันอันตราย ปีใหม่เทศ 2561 (28ธค.60-3มค.61) มาตรการเพียบรอลุ้นผลว่าจะเป็นอย่างไร https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=26-12-2017&group=30&gblog=4

รวม 7วันอันตรายปีใหม่เทศ 2561 เสียชีวิต 423 คน ลดลงจากปี 60 ร้อยละ 11 ( น่าพอใจ???) https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-01-2018&group=30&gblog=8

รวม 7วันอันตรายปีใหม่ไทย (สงกรานต์) 2561 เสียชีวิต 418 ราย (เจ็บตายมากกว่าปีที่แล้ว) https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=18-04-2018&group=30&gblog=9

คนไทยตายจากอุบัติเหตุทางถนนปีละ 1.5 หมื่นราย กระทบเศรษฐกิจปีละ 2 แสนล้าน https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=23-11-2017&group=30&gblog=1

ไทยชนะแล้ว ... ประเทศที่มีการตายจากอุบัติเหตุบนถนน สูงที่สุดในโลก (ตำแหน่งนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย) https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=15-12-2017&group=30&gblog=3

ล้านแล้วจ้า .. สถิติ มีไว้เพื่อทำลาย ปี๒๕๖๐ ประเทศไทย มีคนเจ็บจากอุบัติเหตุบนถนน ถึง "หนึ่งล้านคน" https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=02-01-2018&group=30&gblog=5

แก้ปัญหาวินัยจราจร ต้องไม่ใช้ตำรวจ ... ByDr.Adune https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=03-01-2018&group=30&gblog=7

อุบัติเหตุไม่ลด เพราะ มัวไปโทษเมาแล้วขับ... เราหลงประเด็นหรือเปล่า By Dr.Adune https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=02-01-2018&group=30&gblog=6


7 วันอันตราย ปีใหม่ไทย-เทศ ตายเจ็บเพียบ T-T จากข้อมูลย้อนหลังจำง่าย ๆ ...ตายสี่ร้อย เจ็บสี่พัน แล้วก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ?

สงกรานต์ 2561เกิดอุบัติเหตุ 3,724 ครั้ง ตาย 418ราย เจ็บ 3,897 ราย

สงกรานต์ 2560เกิดอุบัติเหตุ 3,690 ครั้ง ตาย 390ราย เจ็บ 3,808 ราย

สงกรานต์ 2559เกิดอุบัติเหตุ 3,447 ครั้ง ตาย 442ราย เจ็บ 3,656 คน

สงกรานต์ 2558เกิดอุบัติเหตุ 3,373 ครั้ง ตาย 364ราย เจ็บ 3,559 คน

สงกรานต์ 2557เกิดอุบัติเหตุ 2,992 ครั้ง ตาย 322ราย เจ็บ 3,225 คน

ปีใหม่ 2561เกิดอุบัติเหตุ 3,841 ครั้ง ตาย 423ราย เจ็บ 4,005 ราย

ปีใหม่ 2560เกิดอุบัติเหตุ 3,919 ครั้ง ตาย 478ราย เจ็บ 4,128 ราย

ปีใหม่ 2559เกิดอุบัติเหตุ 3,379 ครั้ง ตาย 380ราย เจ็บ 3,505 ราย

ปีใหม่ 2558เกิดอุบัติเหตุ 2,997 ครั้ง ตาย 341 คนเจ็บ 3,117 คน

ปีใหม่ 2557 เกิดอุบัติเหตุ3,174 ครั้ง ตาย 367 คน เจ็บ 3,344คน





Create Date : 18 เมษายน 2561
Last Update : 18 เมษายน 2561 16:16:15 น. 1 comments
Counter : 1961 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณ**mp5**, คุณnewyorknurse


 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ


โดย: **mp5** วันที่: 18 เมษายน 2561 เวลา:21:20:37 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]