bloggang.com mainmenu search


ในยุคสมัยที่ญี่ปุ่นกำลังจะมี โตเกียวทาวเวอร์ เอาไว้ข่มแข่งกับ หอไอเฟล ...คือช่วงเวลาที่ความเจริญศิวิไลซ์แห่งโลกตะวันตก ก็เริ่มเข้ามาแทรกซึมวิถีการใช้ชีวิตอย่างมีวัฒนธรรมของชาวอาทิตย์อุทัย ทุกอย่างที่เคยเรียบง่ายสบายๆ ก็เริ่มกลับกลายเปลี่ยนไปพร้อมกับความก้าวหน้าแห่งเทคโนโลยีใหม่เพื่อมนุษยชาติ ...จากการพูดจาปากต่อปาก บอกเล่าข่าวคราวกันระหว่างบ้านต่อบ้าน โทรทัศน์ก็เดินเข้ามามีมาบทบาท ข่าวสารภาษาปากที่ล่าช้า ก็รวดเร็วมาทันด่วนผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม ที่มีโลกทั้งใบจุเอาไว้ภายในเครื่องไฟฟ้าเพียงเครื่องเดียว ...จาก ก้อนน้ำแข็งทำความเย็น และตู้ไม้กิ๊กก๊อกเก็บอาหาร ตู้เย็นก็เดินเข้ามามีบทบาท อาหารที่เน่าเสียเร็ว ถูกต่ออายุให้ยาวยืดขึ้นกว่าเดิม เพียงแค่เสียบปลั้กเท่านั้นเอง ...จาก น้ำสะอาดใสดื่มแล้วเย็นใจ น้ำดำอัดลมก็เดินเข้ามามีบทบาท สร้างความสดชื่นให้กับชาวบ้านร้านตลาดโดยถ้วนทั่ว

ความเปลี่ยนแปลง ย่อมเป็นไปตลอดเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น และยิ่งขึ้น ...กาลเวลาที่มีแต่เดินหน้า นาฬิกาก็ไม่เคยหมุนถอยหลัง ชีวิตคนก็มีแต่จะนานขึ้นๆ ควบคู่กับอายุขัยที่สั้นลงๆ วิถีทางที่มนุษย์จะสรรสร้างความแปลกใหม่ไม่มีวันหยุด ตราบใดที่คนเรายังมีสมอง ยังมีความคิดที่ก้าวหน้า และพร้อมจะขยับตามความคิดความอ่านที่ตัวเองต้องการ

ในขณะที่โลกของเรามีแต่จะเจริญขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกัน ผู้อยู่อาศัยบนโลก ต่างหากที่ไม่ยอมขยับไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

นับวันนานไป สังคมมนุษย์ที่เคยสงบ มีแต่ความเรียบร้อย รังกลับเสื่อมลงเรื่อยๆ อุดมไปด้วยความเลวร้ายหนักขึ้นๆทุกวัน ความศิวิไลซ์ที่มีมากขึ้นยังแปรผันตามจำนวนรอบที่โลกหมุน แต่กับใจคนมีแต่จะผกผันลงไปพร้อมกับการนับถอยหลังรอวันโลกแตก

ความก้าวหน้าทางวัตถุ อาจถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่มีแต่ความต้องการสบายมากขึ้นทุกทีก็จริง แต่ลองมองกลับกันอีกก็จะเห็นว่าความก้าวหน้าของมันก็นำพามาซึ่งความก้าวร้าวของมนุษย์ด้วยเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น การที่มีโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆออกมานำเสนอสร้างแรงจูงใจให้คนอยากจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ให้ดีขึ้น แต่ในทางกลับกันยิ่งมันใหม่มากแค่ไหน ราคามันก็แพงตามไปด้วย อีกทั้งมันก็ยังล่อใจให้เหล่าขโมยขโจรหาหนทางจะแก่งแย่งมันมาด้วยหนทางต่างๆ ถ้าไม่เสียหายต่อทรัพย์สิน ก็อาจจะถึงขั้นเสียหายในชีวิตเลยก็มี หรือจะเป็นการที่ผู้คนต่างแห่แหนซื้อรถซื้อรารุ่นใหม่มาใช้งานกันก็ด้วยอีก มีออปชั่นใหม่ๆ มีอะไรแปลกๆให้เล่น ก็อยากจะหาซื้อมาให้ได้ ต่อให้ไม่มีตังค์ก็ต้องพยายามไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นเขามา สร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเอง บางคนอาจใช้มันเพื่อประโยชน์ก็จริง แต่ในช่วงเวลาที่น้ำมันมีแต่จะขึ้น จะขึ้นอยู่เรื่อย พอมีข่าวนิดหน่อยก็บ่นกันระนาวทั้งที่ความจริง ถ้าจอดรถอยู่บ้านเลยซะก็หมดเรื่อง...

คนเราใส่ใจแต่ความต้องการ ใส่ใจแต่ความอยาก เมื่อเกิดความ Need แล้วก็ต้องสนองความ Want ของตัวเองให้จนได้ ...เพราะความที่ไม่สนใจตัวเองเลยนั่นเอง ที่ทำให้คนเราพาลแต่จะนิสัยเสียมากไปเรื่อยๆ

ผมเองก็ต้องยอมรับเลยว่า ตัวเองมันก็เป็นเช่นนี้อยู่ ...สักแต่ใส่ใจในสิ่งที่ต้องได้ สิ่งที่ต้องการเสียจนลืมตัวไปว่า เราใช่จะดีพร้อมที่จะมีสิ่งนั้นซะที่ไหน ผมหันมาสนใจตัวเองแต่ในเรื่องที่ไม่จำเป็นมากไปจนเผลอเรออยู่ตลอด บางสิ่งบางอย่างพอได้มันมาจริงๆแล้ว ก็พบว่าตัวเองมันโง่ โดนหลอกโดนหลอนซึ่งกิเลส ราคะ จนกว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว

คนเรามันก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี ปรารถนาซึ่งความเป็นไปไม่ได้ในชีวิต แม้เราจะมีกำลังที่จะทำมันที่จะใส่ให้มัน แต่สุดท้ายเมื่อได้มามันกลับไม่ใช่สิ่งที่เราต้องมีให้ได้เลย เรามักจะสูญเสียเวลาไปกับเรื่องเหล่านี้โดยเปล่าประโยชน์

โลกของเรามันหมุนกันเร็วจริงๆ ยังไม่ทันจะรู้สึกตัว 24 ชั่วโมงก็ล่วงผ่านไปอีกแล้ว ชีวิตคนเรามันก็สั้นๆลงเรื่อย ต่อให้มีนักวิจัยแสนฉลาดผลิตยาชีวิตอมตะขึ้นมาได้ ก็คงไม่ได้ช่วยให้คนเราสุขใจมากขึ้น เพราะตายช้าลงหรอก

ความสุขที่แท้จริง มันไม่ได้เกิดมาจากการที่เรามีของ มีสิ่งที่ตัวเองต้องการครบครันไปซะทุกอย่าง ไม่ใช่สิ่งที่ถูกเรียกว่า "วิวัฒนาการ" แม้ว่ามันจะสร้างความสุขสบายใจแก่เราได้ แต่ความสุขเหล่านั้นมันก็เป็นได้แค่ชั่วประเดี๋ยว ไม่ช้านานความสุขนั้นก็พังทลายลงไป เพราะมีวิวัฒนาการใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาทดแทนของเก่าไปเรื่อยๆ และมันก็จะย้อนมาทำร้ายเรา เพราะเราเองก็มีแต่จะต้องพัฒนาตัวเองตาม
สิ่งที่มันก้าวเดินไป

กับบางสิ่งถ้ามันจำเป็นต้องมีไว้ใช้แล้ว มันก็คงไม่ผิดที่เราจะต้องพัฒนาวิถีชีวิตก้าวตามมันไป ...เพียงแต่ว่าถ้าเรามองมันลงไปให้ลึก สิ่งที่เราต้องการนั้น มันแลกค่ากับความสุขได้จริงหรือ มันตีราคาความสะดวกสบายได้หรือ คำตอบก็คือ ไม่เลย ความเป็นอยู่เราจะดีเลิศเลอสักแค่ไหน แต่การเสียราคาค่างวดลงไปกับมัน การทุ่มเทในสิ่งที่เรียกว่า เปลือก มันก็คงให้ผลประโยชน์ได้เพียงแค่ผิวของมันเท่านั้นเอง

ลองคิดถึง ชีวิตของชาวบ้านใน Always ดูสิ ...เขาอาจจะรู้สึกยินดีในวิวัฒนาการความก้าวหน้า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขาก็จริง แต่เขาก็มองเห็นสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ผลประโยชน์เท่านั้นเอง ...กับทีวีที่ซูซูกิต้องการ ที่เขาตื่นเต้นเมื่อได้เห็น พอต้องสูญเสียมันไป แล้วเขาผิดหวังที่ตอนจบของมันต้องลงเอยอย่างนี้หรือ แม้คนผิดอย่างริวโนะสุเกะจะพยายามชดใช้ เจ้าของทีวีเองก็ไม่เห็นจะต้องการค่าเสียหายใดๆจากคนทำเลย ซ้ำยังได้ทีวีเครื่องนั้นที่ช่วยสอนใจเขาให้คิดถึงตัวเองเสียอีก

แม้ครอบครัวโนริฟูริ จะต้องเสียของที่พวกเขาต้องการมันไป แต่แล้วพวกเขาทุกข์ใจเหรอ มันก็แค่ชั่ววูบเดียวเหมือนกับอารมณ์เสียดายเท่านั้นเอง ...พวกเขายึดถือมันเป็นเพียงแค่เปลือก ไม่คิดว่าความสุขจะสูญสลาย เพียงเพราะของมูลค่าที่แพงแสนแพงชิ้นนี้ ผลประโยชน์ที่พวกเขาได้ก็ไม่ใช่ความยั่งยืนที่จะคงอยู่ตลอดไป

แล้วกับชาวบ้านร้านตลาดถนนสาย 3 แห่งนี้อีกล่ะ ...คนเหล่านี้ ต่อให้จะอัตคัต ขัดสน จนปัญญาซะแค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังมีความสุขดีอยู่เสมอ แม้ว่าจะผ่านร้อนผ่านหนาว เพิ่งว่างเว้นสงครามมาได้ไม่นาน เคล้าความทุกข์ก็ใช่จะปกคลุมความสุขกลบหายไปจนหมด สิ่งที่เขามี เขาก็ยังคงพอใจที่จะมีต่อไป ดวงอาทิตย์ดวงเดิมที่เราๆมองยามเย็น เราอาจจะเห็นเป็นเพียงลำแสงที่กำลังจะเลือนลับไปในเวลาอันใกล้ ไม่เห็นจะมีอะไรให้ต้องคิดถึงอีกเพราะพรุ่งนี้มันก็ต้องโผล่ขึ้นมาใหม่อยู่ดี ความรู้สึกที่อาจจะดูงั้นๆสำหรับเรา ...แต่กับชีวิตของทุกคนใน Always นั้นกลับมองเห็นซึ่งความสวยงามที่มีซ่อนอยู่ในตัวของมัน

ความสุขอันจีรังแทบทั้งนั้น มันแอบซ่อนอยู่ในสิ่งที่เราไม่เคยมองเห็น ...กับสิ่งที่เรามองข้ามมาตลอด ก็คือ หัวใจของเราเอง

Always หนังแนวดรามา คอมเมดี้ ครอบครัว ย้อนรำลึกความหลัง เรื่องนี้ เคยสร้างปรากฏการณ์ความประทับใจให้กับชาวบอนไซมาโดยถ้วนทั่วแล้ว ...ไม่ใช่แค่หนังเรื่องนี้จะทำลายสถิติกวาดรางวัลในบ้านเกิดมาเต็มตู้เก็บเท่านั้น Always ยังได้ใจคนญี่ปุ่นไปเต็มกระบุงโกย กวาดรายได้สู้กับหนังฮอลลีวู้ดเรื่องยักษ์ได้อย่างสมศักดิ์ศรีอีกต่างหาก ...

หน้าหนังของ Always ในความรู้สึกของคนดูหนังบ้านเรา อาจจะบอกได้ก่อนเลยว่า "ไม่เห็นน่าสนใจ" ...มีหนังแนว coming-of-age เพียงเรื่องเดียวที่เคยกระชากใจคนไทยได้ก็มีเพียงแต่ "แฟนฉัน" เท่านั้นเอง ...อาจด้วยความที่แฟนฉันใกล้ตัวเรามาก เลยออกจะอินเป็นพิเศษ แต่กลับ coming-of-age เรื่องอื่นๆแล้ว ก็เป็นได้แค่หนังคุณภาพเล็กๆที่ต้องลงโรงฉายแบบจำกัดเท่านั้นเอง

คนไทยอาจจะชื่นชอบการโหยหาอดีตอยู่ไม่น้อย แต่กลับคนดูหนังแนวโหยหาอดีตก็กลับมีอยู่น้อยเสียจริงๆ ถ้าไม่ได้ปากต่อปาก บวกคุณภาพที่ดีจริงแล้ว แฟนฉันก็คงไม่มีทางฟีเวอร์ ระบาดใจ ชาวเราได้แน่นอน

ความรู้สึกแรกที่ผมมีต่อ Always คือ การกล้าได้กล้าเสี่ยง ...ผมสนใจมันเพราะภาพโปสเตอร์ที่ดูสวยดี น่าดึงดูด แต่กลับเนื้อหาความรู้จัก ยังไม่มีอยู่ในหัวเลยจริงๆ จนความอยากดูจะมาประจักษ์เอาก็ตอนที่ได้เห็นตัวอย่างหนัง มันจึงบังเกิดความคิดชั่วขณะขึ้นทันทีว่า "หนังเรื่องนี้มันต้องมีอะไรดีๆให้ดูแน่นอน"

แล้วผมก็คิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่ผมกล้าได้กล้าเสี่ยงเอาตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉาย...

Always เป็นหนังที่เล่าเรื่องได้อย่างเนิบ เชื่อง และเรื่อย ถ้าคนดูพักผ่อนมาไม่เพียงพออาจมีแอบหลับได้เหมือนกัน ...130 นาทีที่หนังดำเนินก็ใช่ว่าทุกนาทีจะอยู่ในความสนใจของผมได้หมด ยังคงมีบางช่วงบางตอนที่ผมก็แอบเบื่ออยู่บ้าง แต่มันก็น่าแปลกใจเสียจริงๆที่พอหนังจบ จุดที่ควรติ ผมแทบลืมจุดนั้นไปเลย ตอนที่ผมเขียนรีวิวอาจจะคิดถึงมันอยู่ แต่ก็กลับไม่รู้สึกอยากจะตำหนิอะไรในฉากเหล่านั้น เพราะผมไม่เห็นเหตุผลอันสมควรที่จะตัดฉากเหล่านั้นทิ้งไปได้ แม้กับฉากที่ออกจะงั้นๆ แต่ภาพของมันก็ยังควรค่าที่จะต้องถูกเสนอออกมาบนแผ่นฟิล์มอยู่ดี

ผมพยายามจะหาที่ติในหนังเรื่องนี้แล้ว แต่ก็ได้พบเพียงว่าความพยายามของผมไม่สำเร็จ ...ทุกส่วนประกอบที่รวมร่างเป็นหนังดรามางดงามเรื่องนี้ ไม่สามารถบั่นทอนความดีที่หนังเรื่องนี้มีได้เลย รังแต่กลับช่วยส่งเสริมความเยี่ยมให้มีมากๆขึ้นก็เท่านั้น

กับบทหนังที่ดูเรียบง่าย ไม่ต้องคิด ขายเรื่องขายสไตล์แบบเดิมๆ ซ้ำๆ ...น่าแปลกในความเรียบง่ายที่มันมี กลับทรงพลังสร้างความเข้มข้นให้กับตัวเรื่อง ชวนน่าติดตามเสียดีจริงๆ กับคาแรกเตอร์การแสดงที่ออกแบบมาได้ตลาดน้ำเน่าเสียจริงๆ ...ก็ยังน่าแปลกที่การแสดงของนักแสดงแต่ละคน ได้สร้างมิติให้กับบทบาทที่พวกเขาได้รับ สวมวิญญาณเสมือน ใส่ความอินลงไปได้อย่างน่าประทับใจเสียหมดทุกคน กับงานกำกับที่เหมือนจะจงใจ บีบคั้นอารมณ์เสียมากเกิน ...ผมก็ได้แต่แปลกใจที่น้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาผม กลับเชื่อสิ่งที่เห็นในหนังจนหมดใจ

ช่วงเวลาที่อยู่กับ Always ...เป็นช่วงเวลาที่จะว่าแปลกก็แปลกอยู่ กับหนังที่ภาพลักษณ์เหมือนจะไม่มีอะไรให้โดดเด่น เป็นแค่ดรามารสชาติเดิมๆ ในความคิดผม กลับมีอะไรให้แตกต่างในความรู้สึก ในตอนที่ผมมองมันเพียงแค่เปลือก อาจไม่ได้ลึกซึ้งอะไรกับมันมากมายหรอก แต่พอได้ลองกระเทาะเข้าไปสู่เนื้อในของมันแล้ว ผมคิดไม่ผิดจริงๆ

ช่วงเวลาครึ่งแรก ความสุขที่แอบซ่อนในหัวใจของผม ได้รับการปลดปล่อยออกมาพร้อมเสียงหัวเราะในฉากสนุกๆ เน้นขำขำแทบทุกฉาก พฤติกรรมของตัวละครทุกตัว ล้วนแต่มีความน่ารัก ให้ชวนตลกขบขันแทบทั้งนั้น ธรรมชาติของการแสดงที่สนุกสนาน ทำให้ภาพคอมเมดี้ที่หนังขายได้ผลอย่างชะงักงัน ...จนพอหนังเข้ามายังครึ่งหลัง ก็ตัดมาสู่ช่วงซื้งอารมณ์ดรามา ซึ่งเรียกน้ำตาผมไปได้แทบทุกฉากอีกแล้ว ชะตากรรมที่น่าสงสาร เรื่องราวที่น่าเห็นใจ และสถานการณ์ที่บีบบังคับ พยายามรุมโทรมคนดูซะจนเป็นอันไม่ต้องคิดทำอะไรแล้ว คิดเสียแต่ว่าเมื่อไหร่หนังจะจบเสียที เพราะน้ำในตาแทบจะหมดก๊อกอยู่แล้ว หนังเรื่องอื่นอาจจะมีฉากสองฉากที่เราต้องเสียน้ำตา แต่หนังเรื่องนี้มีเป็นสิบๆฉาก ให้ร้องไห้จนตาแห้งเลยทีเดียว

หนังดรามาดีๆเรื่องนี้ ไม่ใช่มีเพียงแค่บทหนังชั้นยอด การแสดงชั้นเยี่ยม การกำกับแสนดี เท่านั้น งานโปรดักชั่นก็สร้างความประทับใจได้ไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นภาพจากกล้องก็ดูสวย หรือภาพจากคอมก็เนียนไม่หลอกตา โตเกียวทาวเวอร์สะดุดตาได้ทุกครั้งที่ปรากฏบนจอหนัง แม้จะรู้ว่าเป็นซีจี แต่ก็ดูธรรมชาติดีไม่มีที่ติ ...แล้วก็ยังมี เพลงประกอบหนังที่ไพเราะก็ด้วย ช่วยเสริมทับอารมณ์ความซึ้งให้ถึงจุดน้ำตาแตกเอาจนได้

Always ไม่ได้เป็นแค่หนังที่ดีในด้านของความบันเทิง ถ้าดูเอาเพลินแล้วก็นับว่าได้ความสุขที่มากโข แต่มากไปกว่านั้น มันยังมีคุณค่า มีอะไรดีๆที่แอบแฝงเอาไว้มากมายภายใต้เวลาสองชั่วโมงกว่าที่เราสูญเสียไป ...สิ่งหนึ่งที่เราจะได้กลับคืนมา คือ ความสุขทางใจ ...ไม่ว่ามันจะลาหายไปจากชีวิตเรานานแค่ไหน แต่มันจะกลับมาแน่เมื่อหนังเรื่องนี้จบลง

มันอาจจะสายเกินไปแล้ว ที่ผมเพิ่งมารีวิวหนังเอาในตอนที่มันกำลังจะออกโรงอยู่รอมร่อ ... แต่ก็ยังทันที่อยากจะขอบอกต่อว่า "เพื่ออรรถรสความประทับใจที่เปี่ยมล้น หนังเรื่องนี้ต้องดูในโรงเท่านั้น"

ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งครับ... วันนี้ ที่ Lido และ House Rama

ดู{ดี} วิธ มายเซลฟ์ :
1. บทหนัง
2. ทีมนักแสดง
3. การกำกับ
4. งานโปรดักชั่น
5. ความประทับใจ

เกรด A

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ

Create Date :23 มิถุนายน 2549 Last Update :6 เมษายน 2551 23:42:59 น. Counter : Pageviews. Comments :8