bloggang.com mainmenu search


ในหมู่มวลหนังไซไฟที่สร้างจากนิยายวิทยาศาสตร์รูปเล่มแล้ว หนึ่งในชื่อของ "ฟิลลิปส์ เค. ดิ๊กส์" ต้องถือเป็นคนที่เห็นจะมีเครดิตมาเอี่ยวในฐานะคนแต่งเรื่อง อยู่บ่อยๆ

นับตั้งแต่เรื่องแรกที่ได้ขึ้นสู่แผ่นฟิล์ม "Blade Runner" (โดยผู้กำกับฝีมือเก๋า "ริดลี่ย์ สก๊อตต์") นับแต่นั้นมา ชื่อของดิ๊กส์ ก็มีความสำคัญต่อโลกภาพยนตร์ไซไฟแบบไม่มีความขาดหายสลายความจำไป ผู้กำกับเจ้าฝีมือหลายต่อหลายคนหยิบเอางานเขียนของเขามาสร้างเป็นหนังมีฟอร์ม จนน่าจะครบถ้วนหมู่มวลเรื่องราวที่เขาเป็นคนสร้าง(แล้วละมั้ง)

ในงานหนังจากนิยายของ ดิ๊กส์ ที่ผมชอบมากที่สุด ก็ต้องยกให้ "Minority Report" ซึ่งเป็นหนังของพ่อมดฮอลลีวู้ด "สตีเว่น สปีลเบิร์ก" ที่ผมชอบมากที่สุดอีกด้วย ...ส่วนที่นับว่างั้นๆที่สุด(ไม่ถึงกับเลวร้าย) ก็คงต้องเป็น "Paycheck" งานฟอร์มตกชิ้นล่าสุด ของคุณป๋านกพิราบ "จอห์น วู"

เอาถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว ความดีความชอบของหนังสักเรื่องที่มีที่มาจากงานเขียนของดิ๊กส์ ก็มักจะต้องยกผลประโยชน์ให้กับ งานต้นฉบับของเขาไปเลย ที่คิดสรรเขียนเรื่องให้มีอะไรที่น่าสนใจ น่าสนุกในตัวของมันถึงต่อให้คนดูไม่เคยอ่านงานเขียนของเขามาก่อน ก็ยังย่อมจะมีความรู้สึกเพลิดเพลินไปกับภาษาหนังสือที่ถูกมาเล่าเป็นหนังได้อย่างมีชั้นเชิง ...ถึงต่อให้คนเขียนบทจะเล่าเป็นภาษาหนังได้ไม่เอาไหน ไอ้ตัวพลอตของมันก็คงน่าชื่นชมอยู่ดี

มาถึงในงานหนังชิ้นล่าสุดที่สร้างจากนิยายชื่อเรื่อง "The Golden Man" ที่ถูกแปรรูปมาเป็นแผ่นฟิล์มพร้อมชื่อสั้นๆจำง่ายๆว่า "Next" ...ผู้กำกับ "ลี ทามาโฮริ" แห่ง 007 Die Another Day และ The Edge คือ คนที่มีฝึมือคู่ควรจะมาสร้างไซไฟของดิ๊กส์คนต่อไป ซึ่งฝีมือในที่นี้ คงจะเรียกว่า ฝีมือระดับคุณภาพไม่ได้ แต่อย่างน้อย เขาก็เก่งในการทำหนังแอ๊คชั่นให้ดูสนุก โดยไม่ต้องคิดหาความสมเหตุสมผล (ยกเว้น xXx 2 เรื่องนั้น ต้องคู่ควรกับคำว่า 'แย่' ไม่ว่าจะแอ๊คชั่นพยายามเท่ห์หรือความปัญญานิ่มของตัวละครต่างๆเรื่องราวนานาอันสุดจะทนกล้ำกลืน)



"Next" ... ว่าด้วยเรื่องของแอนตี้ฮีโร่ ผู้ที่มีความสามารถพิเศษในการมองเห็นอนาคตของเขาล่วงหน้าได้ภายในเวลา 2 นาที ซึ่งความเหนือมนุษย์อันเป็นเหมือนโทษที่โดนสาปแช่งนี้ (เอ๊ะ ประโยคช่วงนี้มันคลับคล้ายคลับคลากับหนังฮีโร่กะโหลกไฟอย่างไงอย่างงั้นเลยเนาะ) "คริส จอห์นสัน" ได้นำเอามันมาพลิกแพลงให้เป็นโอกาสเหนือใครๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์ในการหากินของเขาที่มีแต่ได้กับได้ ...ในเมื่ออุตส่าห์เก่งเป็นเทพได้ถึงอย่างนั้นแล้ว จะมีหรือที่คนเหนือคนผู้นี้จะหลุดรอดจากการจับตาของกลุ่มคนของรัฐอย่างลับๆไปได้ ...และกลุ่มคนนั้นก็คือ เหล่าเอฟบีไอ ที่นำทีมมาโดย "เเคลลี่ เฟอร์ริส" ผู้ที่คอยจับตาดู คริส อยู่ตลอด ทุกขณะเวลา กับทุกสถานที่ที่เขาไป ซึ่งความพยายามที่เธอใช้ไปทั้งหมดก็เพียงเพื่อต้องการแลกกันกับความเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของคริส ที่จะมาร่วมด้วยให้ความช่วยเหลือในการป้องกันการก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่มี เมืองแอล.เอ. เป็นเดิมพัน ...



โดย แคลลี่ ได้สืบทราบมาว่า กำลังมีผู้ค้าอาวุธสงครามกลุ่มหนึ่ง ได้วางแผนการชั่วที่จะจุดระเบิดนิวเคลียร์ ไว้เป็นเครื่องต่อรองกับการทำลายล้างเมือง แอล.เอ. ให้ราบเป็นหน้ากลอง ...เพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่อาจจะเป็นจริงได้ แคลลี่ จึงมีหนทางเดียวซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ความสามารถของ คริส ในการช่วยค้นหาระเบิดที่ซ่อนอยู่ ...แต่ทว่า คริส กับอิดออดไม่ยอมเล่นด้วย ทั้งยังพยายามใช้ความเหนือคนชิ่งหนีการจับกุมกันสุดหล้าฟ้าเขียว โดยที่พร้อมกันนั้น ตัวคริสเอง ก็ยังมีเป้าหมายภารกิจอยู่อย่างหนึ่งอย่างเดียวที่ฝังใจในความคิดของเขามานาน นั่นก็คือ หญิงสาวที่เขาไม่เคยรู้จัก แต่เห็นเธอล่วงหน้าได้นานเกินกว่าขีดจำกัดเวลา 2 นาที ซะอย่างงั้น

แต่ทว่าที่นอกเหนือจากความคิดของคริสที่เห็นเพียงแต่หน้าตาแล้ว หญิงสาวนามว่า "ลิซ" คนนี้กลับมีอะไรที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง กับการแผนการวางระเบิดในครั้งนี้เองเสียด้วย ...ซึ่งถ้าเรื่องราวจะลงในอีหรอบนี้ แล้วมีหรือ ที่ คริส จะยอมนิ่งเฉยไม่ทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของผู้อื่น (ซึ่งอย่างน้อยๆ หนึ่งชีวิตนั้น ก็คือ ผู้หญิงที่เขารัก)



พลอตเรื่องของ Next ถือว่าเป็นจุดแข็งที่ช่วยเสริมส่งความน่าสนใจให้กับตัวหนัง เป็นได้ดังเหมือนอย่างที่หนังเรื่องก่อนๆของ ดิ๊กส์ นั้นเคยเป็นมา ...เรื่องราวของคนที่มีความสามารถเหนือคน คือความเป็นไซไฟที่ถูกเล่าออกมาโดยปราศจากฉากหลังที่เป็นโลกอนาคตข้าวของไฮเทค (ตามสไตล์การเขียนของ ดิ๊กส์ ที่คาบเกี่ยวกับความน่าจะเป็นในโลกเบื้องหน้า) แนวคิดที่ว่าด้วยเรื่อง การมองเห็นอนาคตล่วงหน้า เป็นประเด็นที่ทำให้คนดูต้องเฝ้าจับตา ใช้ความรู้สึกตื่นเต้นจับจ้องคอยตามดูความเป็นไปว่าพระเอกของเราจะเอาความเก่งขั้นเทพนี้ ไปใช้ประโยชน์อันมีต่อความสนุกของหนังได้อย่างไร

การกำกับของ ทามาโฮริ ยังคงเป็นไปตามแบบฉบับของตัวเขาเอง ที่เน้นมันส์เข้าว่า ใส่สีตีเรื่องให้ชวนลุ้นชวนระทึกไปงั้นๆ ไม่ใคร่สนใจความมีเหตุมีผลเท่าไหร่ ...ทามาโฮริ จะมีข้อเสียก็ตรงนี้นี่แหละ (ที่ทำให้หนังของเขาทุกเรื่องไม่เคยได้ใจนักวิจารณ์ไปเลย) และ Next ของเขาเรื่องนี้ก็ยังมีจุดให้ติกันตั้งหลายที่หลายช่วง ซึ่งถ้าเกิดเป็นใครสนใจจะใคร่จับผิดกันลูกเดียวก็อย่ามีหวังว่าจะหาได้สนุกอะไรไปกับหนังเลย



เพียงแต่สำหรับผมคนที่ดูไปแบบพยายามไม่คิดอะไรไปกับบทหนัง(แต่มันก็แอบคิด)แล้ว เรื่องของความสนุก ก็ถือว่ายังมี และพอจะทำให้ลืมๆความบกพร่องไปได้บ้าง ...ดูแค่ฉากแอ๊คชั่นกันอย่างเดียวก็ได้ ก็นับว่ามีอะไรให้ระทึกใจ ชวนตื่นเต้นพอคึกคัก ทำหัวใจให้กระชุ่มกระชวยได้ไม่น้อยเลย (โดยเฉพาะ ฉากเปิดตัวความเก่งเหนือมนุษย์ที่ต้องหลบหนีการตามล่ารปภ.คาสิโน ซึ่งเดินสวนทางกันอย่างหวุดหวิด) ...เพียงแต่ แต่ และแต่ คุณต้องทนดูกับความเวอร์เว้อเว่อร์ของมันได้แบบไม่อึดอัดใจ สนุกไปกับมันให้ได้ แค่นั้นก็เพียงพอที่จะให้คะแนนหนังเรื่องนี้สอบผ่าน



ถ้าไม่ติดเรื่องใบหน้าง่อมๆที่เห็นกันบ่อยๆจนเริ่มเฝือแล้ว "นิโคลาส เคจ" ก็ไม่น่าผิดหวังอะไรกับการยอมเปลืองเวลามาร่วมสนุกกับหนังง่ายๆเรื่องนี้ ...ส่วนของการแสดงอาจจะดูเดิมๆอยู่หรอก แต่พี่ท่านก็เล่นเพลินไปกับการเป็น คริส จอห์นสัน ได้อย่างเนียนๆ ในขณะที่ 2 ดาราสาว "จูเลียน มัวร์" กับ "เจสสิกา บีลส์" ก็เป็นดอกไม้ที่ช่วยสร้างความสว่างไสวบนจอ ชวนล่อตาล่อใจหนุ่มๆให้ติดกับต้องคอยตามดูพวกเธออยู่ในหนัง (แต่การแสดงเป็นตัวละครของพวกเธอก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ล่อตาล่อใจอะไรให้ต้องสนใจกันเป็นพิเศษ ...ดูธรรมดาว่างั้นเหอะ)



ตั้งแต่บรรทัดนี้ มีการ SPOILER กันนิดๆหน่อยๆ ไม่ถึงกับร้ายแรง... แต่ถ้าใครยังไม่ได้ดู แล้วคิดจะดู เลี่ยงได้ก็จะดีครับ

ฉากจบอันเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของคนที่ดูหนังจนจบเรื่อง (ขอย้ำว่า ต้องดูจนจบเรื่อง) ...โดยในเสียงส่วนใหญ่ มักจะออกมาแบบว่า ..."ห๊า!!! อะไรเนี่ย" ..."เล่นกันอย่างนี้เลย" ..."บ้าหรือปล่าว?" ...ฯลฯ (ในแง่ลบ)

ส่วนตัวผมแล้วก็คงต้องขอเป็นเสียงส่วนน้อย ที่เห็นดีเห็นงามในการจบเช่นนี้ ...ถึงแม้จะมีแอบอึ้งปนงงในช่วงแว๊บแรก (แบบว่า มันทึ่งในความกล้าทะลึ่งของคนเขียนบท) แต่แว๊บต่อมา ก็ทันคิดใหม่นึกใหม่ได้ว่า การที่หนังปล่อยให้ คริส เห็นภาพเหล่านี้เป็นเพียงแค่ความฝัน ก็คือจุดประสงค์ที่หนังต้องการจะหักมุมให้คนดูได้รู้กันว่า การมี "ลิซ" เข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้เรื่องราวของมันเป็นเช่นไร และเมื่อ "ลิซ" ถูกผลักไสให้ออกห่างจากกลเกมนี้ในโลกความเป็นจริงแล้ว หนังก็จะมีบทสรุปอีกรูปแบบที่หมายความถึง เรื่องราวแฮปปี้เอนดิ้ง ด้วยประการฉะนี้นั่นแล ...

เอาเป็นว่า เรื่องของความกล้าคิดกล้าทำอาจจะดูแสบสันต์เกินเลยไปสักหน่อยนึง (อันนี้ยอมให้ละกัน) แต่สิ่งที่หนังเป็นก็ไม่ถือว่าเสียรูปกระบวนบริบูรณ์ที่ชวนให้นึกไปว่า คนเขียนบท มีแรงบันดาลใจมาจาก การปาหมอน...



"Next" ... มีไว้ดูเอาเพลินๆ ฆ่าเวลาได้สนุก โดยอาศัยหลัก 3 ข้อ ที่อาจจะทำให้คุณพอใจในหนังเรื่องนี้ ...หนึ่ง พล็อตเรื่องของ "ฟิลลิปส์ เค. ดิ๊กส์" ...สอง ฉากแอ๊คชั่นที่เว่อร์ แต่มันส์ ...และสาม ความชื่นชอบในพี่พระเอกหน้าตาย "นิโคลาส เคจ" ...ซึ่งถ้า 3 ข้อนี้ ไม่ผ่านสักข้อแล้ว มันก็น่าจะหมายความว่า คุณได้ยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังงั้นๆ(หรือเข้าขั้นแย่) แสนเสียดายตังค์ประจำปีไปซะแล้ว

เกรด B ... {}

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ

Create Date :22 พฤษภาคม 2550 Last Update :22 พฤษภาคม 2550 2:04:20 น. Counter : Pageviews. Comments :5