bloggang.com mainmenu search


ถ้าจะพูดว่า หนังผีไทย ในวันนี้ อาจมาถึงทางตันแล้วก็คงไม่ผิดนัก ...หากมองในข่ายของโจทย์ที่กำลังเวียนวน และถูกวกมาใช้ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นประเภท สิบพลอต หนึ่งแนวทาง ซึ่งจนแล้วจนรอดก็ส่งผลลงเอยให้หนังที่ออกมาแต่ละเรื่อง คนดูเริ่มตีตัวออกห่างความอยากสนใจไปเสียเรื่อยๆ

ดูตัวอย่างได้จากหนังผีไทย ในพักหลังๆมานี้ ต่างก็เริ่มจะสตาร์ทกวาดรายได้ไม่งามงดนัก หากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่กำลังบูมๆ ในสมัยที่บ้านเรา กลับมาตื่นหูตื่นตาและตื่นใจให้หนังผีแนวคิดเลิศอย่าง "ชัตเตอร์" รวมไปถึงการหลอมรวมหนังตลกคาเฟ่ ให้มาเฮโลสาระพาความหลอน เช่น "บุปผาราตรี" ..ซึ่งนับแต่นั้น เราก็จะพบว่า หนังผี กลายเป็นของล่อตาล่อใจที่ทำให้ใครๆคาดหวังว่าเราจะเข้าโรงมาสยอง และกลับบ้านไปด้วยความหลอน ชนิดที่มองไปทางไหน ก็เห็นแต่ความทรงจำที่ติดใจ

หากมันกลับได้แตกต่างไปแล้วในวันนี้ที่ หนังผี คล้ายจะเป็นของแสลงใจ ..คนดูส่วนมาก ค่อยๆที่จะมองออกแล้วว่า สิ่งที่เขาเคยคาดหวังได้เมื่อก่อน ในเวลานี้อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป ..ด้วยความที่มันมักมาพร้อมมุขเดิมๆ เงื่อนไขคุ้นๆ และการเล่นกับอารมณ์ความกลัว ก็ยากที่จะหาความแปลกใหม่มาท้าชิงลองเชิง เลยทำให้การสร้างหนังผี ล้วนแต่มีโจทย์ที่ท้าทายประลองกึ๋นมากขึ้นเรื่อยๆ ...หากใครทำสำเร็จ ย่อมเป็นผลดีที่จะได้แต่งตั้งให้เป็นมาตรฐาน (อย่างที่ไม่นานมานี้ "สี่แพร่ง" กลับมาตอกย้ำว่า GTH เอาแน่เอานอนกับหนังผีได้จริงจังเสียขนาดไหน) ส่วนใครที่ทำไม่เข้าท่า นั่นก็อาจส่งผลตรงกันข้าม กลายเป็นงานที่ถูกลืม เมื่อเวลามันผ่านไปอีกนานเนิ่น ก็หมดความหมายไป (ตัวอย่าง เช่น "ผีช่องแอร์" หรือ "ผีคนเป็น")



แล้วมาถึงกระทั่งหนังผีไทยเรื่องล่าสุด อย่าง "โลงต่อตาย (The Coffin)" ...ที่เคยได้เป็นที่เชิดหน้าชูตาในระดับนานาชาติมาก่อน อันมาจากการประกวดโปรเจคท์หนังเตรียมสร้าง ที่กลายเป็นของที่ดูเข้าท่าเข้าตากรรมการในงานเทศกาลหนังของสิงคโปร์เป็นที่สุด ..แต่เมื่อมาถึงการเป็นหนังที่ถ่ายทำเสร็จสิ้น ก็อาจไม่ได้หมายความว่า หนังจะให้ผลลัพธ์สุดท้ายที่น่าพอใจสำหรับคนดูเป็นที่สุด

แม้ผลงานการกำกับหนังเรื่องก่อนหน้า ใน "Beautiful Boxer" และ "Pleasure Factory" จะเคยพอรับประกันความมีฝีมือในแวดวงหนังอินดี้ได้อยู่ ..แต่เมื่อ "เอกชัย เอื้อครองธรรม" เลือกที่จะผันตัวมาทำงานตีตลาดใหญ่เป็นหนแรก และยังเลือกจะให้เป็นหนังผี ที่ตลาดเมืองไทยเริ่มใกล้ถึงทางตันเสียอย่างนี้ ...ก็ไม่วายยากที่จะเชื่อขนมกิน ว่าฝีมือในแนวทางอินดี้ของเขา จะมาค้ำประกันความสำเร็จในหนนี้ได้

หากพลอตที่ว่า คนเป็นอยากนอนโลง เพื่อช่วยให้(ตัวเองหรือคนที่เรารัก)พ้นจากความตาย อาจจะยังไม่มีใครเคยคิดทำก็จริง ..แต่ในเมื่อ โลงต่อตาย เพิ่งจะมีออกมา และเป็นในเวลาที่ตลาดหนังผีเริ่มวาย ออกจะสายไปเสียแล้ว ..ก็มิอาจเลี่ยงได้ที่เราจำต้องยอมรับในแนวทาง ที่หนังมิอาจหลีกพ้นความจำเจไปได้ เอาตั้งแต่ การสร้างความสยอง หลอก หลอน ในมุมมองเดิมๆ อันว่าด้วยเรื่อง อยู่ดีไม่ว่าดี ก็อยากให้คนตายเข้ามามีส่วนร่วมกับชีวิตคนเป็น



โลงต่อตาย ได้ทำการแบ่งแยกตัวละครหลักออกเป็น 2 ส่วน ..ส่วนแรก เล่าเรื่องราวของ "ซู" หญิงสาวชาวฮ่องกงที่กำลังจะได้เป็นเจ้าสาวในเวลาอีกไม่นานกับเจ้าบ่าวหนุ่มที่รักเธอจริง หากแต่ก่อนที่เธอจะได้เข้าสู่ประตูวิวาห์กันจริงๆ ก็ขอหนี(ไม่บอกใคร)มาพักฟื้นทำใจที่ประเทศไทย และเข้าร่วมพิธีนอนโลงศพสะเดาะเคราะห์ร้าย เพื่อหวังให้ผลซึ่งเธอเชื่อที่จะทำ จงปรากฎให้ โรคมะเร็งที่เป็นอยู่ จนหมดไป และได้ครองรักกับว่าที่สามีของเธอได้อย่างมีความสุขที่สุด

ส่วนที่สอง ว่าด้วยเรื่องของ "คริส" ชายหนุ่มชาวไทยที่กำลังวาดฝันคาดหวังลมๆแล้งๆให้คู่หมั้นสาวญี่ปุ่นของเขา จงได้ฟิ้นคืนจากอาการโคม่าที่กำลังพาเธอเข้าไปใกล้ชิดความตาย ..จนเมื่อเขาได้หมดทางจะหวังพึ่งพิงจากวิทยาศาสตร์อีกต่อไป นั่นจึงบังคับให้เขาต้องเลือกใช้ไสยศาสตร์มาเข้าช่วย โดยที่ความเชื่อว่าการนอนในโลงศพ จะทำการปัดเป่าภัยร้ายทุกอย่างให้สลายหายไปในทันทีทันใด ก็ทำให้เขาไม่ลังเลที่จะทำเพื่อคนที่เขารักเป็นที่สุด



หากทว่า สิ่งที่ ซู และ คริส ต่างได้มาประสบพบเมื่อพ้นจากการทำพิธีเสร็จสิ้นไปแล้ว แทนที่จะทำให้อะไรๆดีขึ้น มันกลับกลายไปเป็น สิ่งที่เลวร้ายสำหรับตัวเขาเอง อีกลามไปถึงคนที่เขารัก จะต้องเตรียมรับผลกรรม ที่ถูกไสยศาสตร์ ทำให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลง ..และย่อมแน่นอนที่ผลกรรมที่ว่านี้ จะมี ผี เป็นตัวแปรสำคัญ สำหรับการร่วมเล่นเกมท้าชะตาฟ้าลิขิต

นอกเหนือไปจากการเป็นหนังตั้งใจขายสยอง หลอน หลอก แล้ว อีกหน้าที่หนึ่งซึ่ง โลงต่อตาย ได้รับการบังคับจากผู้กำกับ(และเขียนบท) ให้มันเป็นไป ก็คือ การเป็นหนังโรแมนติก ที่เคลือบแฝงเรื่องของความรักเข้ามาร่วมพอเป็นพิธี ..เพื่อจะใช้บ่งบอกในความสัมพันธ์ระหว่าง 2 คู่พระนาง ซึ่งส่งผลให้ 2 ตัวละครหลัก ต้องยอมเลือกที่จะทำในสิ่งที่ดีเป็นที่สุด (แม้ว่านั่นจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกเลยก็ตาม)

แม้ว่าการเลือกแตกต่าง(ที่ไม่แปลกใหม่อะไรหรอก) ของ โลงต่อตาย จะตั้งใจผสมผสาน พลอตของความรัก ให้เป็นการสอดแทรกแง่มุมข้อคิดชีวิตคู่ลงไปพอสังเขป ตามธรรมเนียม ..แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาในจุดสุดท้ายแล้ว กลับกลายว่าทั้งสองส่วนที่เป็นหนึ่งหนัง มันไม่ได้ลงตัวอะไรอย่างพอดีพอดิบ เหมือนจะพยายามโยงให้รู้สึกคล้อย แต่คนดูก็ไม่อาจจะอยากตามไปเชื่อได้โดยสนิทใจ



ในเมื่อเรื่องของความรัก ยังไม่ยักอิน ..แล้วจะคาดหวังอะไรนักกับ ความเป็นหนังผี ที่หนังเรื่องนี้เลือกจะเดินย่ำรอยเดิม ที่กลายเป็นสูตรสำเร็จ มากกว่าจะพยายามเพิ่มลูกเล่นให้เป็นความสำเร็จใหม่ๆได้อีก ...แล้วอีกอย่างที่ทำให้ฉากระทึกทั้งหลาย ไม่ค่อยจะเกิดผลต่อการเดินเรื่องของหนัง ก็ล้วนเป็นเรื่องของจังหวะ ที่คงไว้ในสเตป 1-2-3 ไม่ผิดเพี้ยนจากหนังผีอีกหลาก ซึ่งการไม่พยายามสร้างจุดเด่นในตัวให้บังเกิดเป็นพิเศษกว่าใครๆ เลยไม่อาจจะทำให้ โลงต่อตาย สามารถจะใช้ลูกไม้เดิมๆเช่นนี้ มาดัดตัดแต่งในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง แล้วออกวางขายผลิตภัณฑ์อย่างได้ผลเป็นที่สุด

ก็ไม่อาจแน่ใจว่า งานนี้ ผกก.เอกชัย จะเจ็บตัว ที่ก่อนหน้านี้เคยฝากงานที่ดีไว้ได้ หรือว่าจะเสมอตัว ในเมื่อนี่ยังเป็นหนังตลาดแค่เรื่องแรกลองของ.. แต่สำหรับตัวผมที่เคยผ่านตา หนังนักมวยน้องตุ้ม (จาก Big Cinema ช่อง 7 ..เมื่อไม่นาน) แล้วก็ยังรู้สึกเฉยๆ ไม่น่าติดตามอะไรนัก จนได้มาเจองานตลาดๆที่ค่อนข้างจะมีจุดผิดพลาดเยอะกว่า ก็เห็นชัดว่า ผกก.เอกชัย เหมาะกับการทำหนังอินดี้มากกว่ากันแน่แท้

หลังจากที่ได้ดูและเห็นหน้ากันบ่อยจนเกินความชิน(คล้ายๆจะชาไปบ้าง).. "อนันดา เอเวอริ่งแฮม" กับงานหนังชิ้นที่ 4 ในรอบปีนี้ (ที่ยังไม่จบสถิติลงแน่ๆ ขอฟันธง) ก็กลับกลายจะทำให้ผมมาเฉยชากับตัวเขาเข้าไปได้จริงๆ ในเรื่องล่าสุดนี้เอง ..ก่อนหน้านั้นอีก 3 เรื่อง ผมยังเคยมองเห็นว่า หนังแต่ละเรื่อง สามารถเรียกใช้ศักยภาพของพ่อหนุ่ม เอเวอรี่แวร์ (Everywhere..ฉายาของพี่ท่านในวันนี้) ออกมาได้ตามควร ไปจนถึงพอดีเหมาะสม ...หากกับ โลงต่อตาย ที่แทบหาความลงตัวไม่ได้จากบทหนังเลย ก็แทบมิอาจจะเรียกพลังดาราคุณภาพจากเขาคนนี้ได้ และก็กลายเป็นรู้สึกที่ไม่เห็นมีความจำเป็นใดๆ ในการเรียกใช้บริการในครั้งนี้ ...เพราะในเมื่อคนดูไม่ได้คิดอยากจะผูกพันอะไรกับบทบาทของเขาเลยแม้แต่ในฉากไหน แล้วเขาจะให้อะไรเราได้นอกจากการแสดงที่เล่นเป็นคนอื่นได้ แต่ไม่มีใครอินในสิ่งที่เขาต้องเป็น



ส่วนสตาร์สาวฮ่องกง สวยเท่ห์ "คาเรน ม๊อก" ก็เลือกมาเล่นหนังผิดเรื่อง เพื่อที่จะต้องรับบทประมาณเดียวกันกับ อนันดา ซึ่งไม่น่าจดจำอะไร (แต่ถ้ามองว่าเราไม่ใช่จะได้เห็นเธอเจอหน้ากันบ่อยๆแล้วด้วย ..ที่เป็นอยู่็นี้ก็คงโอเค ที่จะหายคิดถึงไปพอทำเนา)



สุดท้ายนี้ ถ้าจะให้เรียกหาข้อดีจากหนังเรื่องนี้กันอย่างจริงๆจังๆ (ซึ่งก็โอเค ที่ยังจะมีบ้าง พอทำเนา) สำหรับผมจะถือว่ามีอยู่ก็แค่ 2 อย่าง คือ "พลอต" ที่ผูกโยงเอาเรื่องคนเป็นมาเข้าใกล้ความตาย ด้วยรูปแบบกลวิธีที่ถึงจะไม่เป็นมงคล หากจะทำไปเช่นนี้ก็เพื่อหวังจะเป็นมงคลแก่ชีวิต ..มันคือการขัดแย้ง ที่พอมีพลังดึงให้หนังในช่วง 10 นาทีแรกอยู่ในร่องในรอยน่าสนใจ ...และ "การกำกับ(อารมณ์)" ในฉากแต่ละฉาก(ถ้ามองเป็นแยกๆ) ก็อยู่ในเกณฑ์ที่พอจะจับติดอะไรมาได้โดยบางๆ (หากแต่ถ้าดึงให้รวมและซ้อนให้หนาๆกลายเป็นหนังหนึ่งเรื่อง มันก็ไม่ค่อยเอื้อให้ต่อติดอย่างที่่ว่าไป)

ก็คงจะมีเท่านี้แหละที่พอจะทำให้ยอม หลงๆลืมๆ ความไม่เข้าที่เข้าทางของตัวหนังที่ผสมปนเปอย่างไม่เข้าสูตรไปได้บ้างเล็กน้อย



"โลงต่อตาย" ...เป็นหนังผี ที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไรนัก แม้เรื่องความสร้างสรรค์แต่ตอนเริ่มจะเข้าท่าเข้าที(จนได้รางวัลใหญ่จากต่างประเทศมา)ก็ตาม ..อีกทั้งการตอบโจทย์ความสนุกก็เป็นไปแบบไม่ไหลลื่น อย่างที่น่าจะเป็นไปได้จากหนังผีของผู้กำกับมือคุณภาพคนหนึ่งควรจะทำได้ ...หากเมื่อยังรวมไปถึงความตั้งใจนำเสนอตัวหนังแล้ว ด้วยละ ก็ มันยิ่งยากจะเข้าใจว่า มันต้องการที่จะรัก หรือ จะหลอก ..หรือถ้ามองทั้ง 2 อย่างไปด้วยกัน มันก็คือความไม่ลงตัว ที่ชวนให้ส่งคนดูออกจากโรงหนังมาด้วยอาการแห่งความงงงัน กันแทบทั้งหมด ..และเสียงบ่นรอบข้างผมที่แว่วดังมาเข้าหู ก็พิสูจน์ความรู้สึกที่เหมือนกันกับผม ได้เป็นอย่างดีเลยเชียว

เกรด B- ... {}

"สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนังได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน"



ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date :23 สิงหาคม 2551 Last Update :23 สิงหาคม 2551 0:00:12 น. Counter : Pageviews. Comments :9