bloggang.com mainmenu search


อาจเพราะผมไว้ใจในคุณภาพของ จีทีเฮช เป็นอย่างมาก ...ผมเลยตัดความกังวลที่มีต่อ "โกยเถอะโยม" แต่แรกออกไปจากหัว และยอมตีตั๋วดูหนังเพื่อหวังจะปลดปล่อยความสบายๆแบบชิลๆ

ตอนแรกที่รู้ว่าจะมีหนังเรื่องนี้ กำเนิดเกิดขึ้นใต้ชายคาค่ายหนังคุณภาพอย่าง จีทีเฮช ผมถึงกับงงเลยทีเดียว ว่าเหตุไฉนสามผู้ก่อตั้ง (คุณน้าวิสูตร ,พี่เก้ง จิระ และพี่สิน ยงยุทธ) ถึงยอมลงเอยกับหนังตลาดจ๋าชาวบ้านจี๋อย่างนี้ ซึ่งสาเหตุหนึ่งก็อาจเป็นเพราะต้องการหนีสภาวะเจ๊ง อย่างที่เคยเป็นมากับการสร้างหนังคุณภาพจ๋าแต่ไม่มีใครอยากดู อย่าง "มหา'ลัย เหมืองแร่" กับ "วัยอลวน 4" จึงไม่ต้องสงสัยที่งานหนังระลอกใหม่ 8-9 เรื่องของค่ายนี้ ล้วนแต่เป็นงานขายบันเทิงแทบทั้งนั้น ...แล้วทำไมล่ะ ที่ "โกยเถอะโยม" ของผู้กำกับหน้าใหม่(แต่ชื่อเก๊าเก่า) "จตุรงค์ ม๊กจ๊ก" ถึงได้รับโอกาสดีๆเช่นนี้ มันคงจะมีอะไรที่ลับลมคมในสักอย่างผ่านทางกระบวนการเลือกหนังแน่เลย...

ซึ่งอะไรที่ลับๆอย่างนี้นี่แหละ ที่น่าค้นหา... มันคงจะมีดีอะไรสักอย่างบ้างแหละ ที่ต้องตาโดนใจ สามผู้สร้างจังๆ จึงกล้าจะสลัดความเป็นคุณภาพ หนีมาพึ่งหนังผีเล่นตลก ของผู้กำกับสายตลก(คาเฟ่) เช่นนี้



ตอนแรกผมยังกึ่งไม่แน่ใจ กึ่งไม่อยากเสี่ยง ครั้นดูตัวอย่างก็ไม่ค่อยฮา ...แต่ในเมื่อได้ยินมาว่า "ตลก(จริงๆ)" จากคนแถวนี้จำนวนพอควร ก็เลยลองจะกล้าได้กล้าเสีย ขอเข้าไป โกยความฮาความแป้กด้วยตัวเองซะเลย



"โกยเถอะโยม" ...เป็นเรื่องของเด็กผี(ที่ไม่ใช่แมนยูฯ นะเออ)กำพร้าแม่ที่กำลังตามหลอกหลอนชาวบ้านทั่วร้านตลาดให้ได้รับความเดือดร้อนกันถ้วน จนไม่เป็นอันกินอันนอน ...พอเมื่อถึงจุดแตกหัก หมดความอดทน ก็เป็นปกติที่ชาวบ้านจะหันไปพึ่งศาสนา หวังใช้ธรรมะเข้าข่ม
(ก็ยังดีที่ไม่เรียกใช้บริการหมอผี) เลยกลายเป็นภาระ(ไม่เติมกิจ) ของหลวงพ่อ ต้องออกโรงมาช่วยเหลือชาวบ้านให้อยู่ดีมีสุข ด้วยการขจัดปัดเป่าวิญญาณเด็กตนนี้ออกไปให้พ้นจากหมู่บ้านอันอลหม่านแห่งนี้ ...

สองบรรทัดที่ผมเล่าไปทั้งหมด คือ เนื้อเรื่องตลอดเวลาชั่วโมงเกือบครึ่งที่หนังเรื่องนี้มี (ลองถ้าเอาพลอตแค่นี้ไปสร้างเป็นหนังสั้น 4-5 นาทีดู ก็ทำได้ง่ายสบายบรื๋อไปแล้วนะนั่น) ...อ้าว!!? แล้วอย่างนั้นแล้วโกยเถอะโยมหมดเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆไปกับอะไรกันละเนี่ย ?



โกยเถอะโยมอีกชั่วโมงกว่าๆนั้น ได้หมดไปกับ ความตลกบทฮาขายขำซึ่งๆหน้า ที่เล่นกันอย่างไม่รักตัวกลัวตายขายชื่อเสียง(อย่าตัดง.งู) ของผกก.จตุรงค์ เลย ...นี่คือ หนังตลกประเภทมุขต่อมุข ที่เนื้อเรื่องแทบไม่จำเป็น เนื้อหาสาระไม่มีไม่เป็นไร ขอแค่หมดเวลาไปกับเสียงหัวเราะ
ดังถี่ๆของคนดูเป็นพอ

แล้วผมก็ดันเป็นคนที่ไม่ถูกชะตาต่อหนังตลกเช่นนี้ด้วยสิ ...เพราะผมดูหนังมุขต่อมุขอย่างนี้มากี่เรื่อง ก็ไม่รู้สึกว่ามันจะมีดีให้ขำซะเท่าไรเลย อารมณ์ออกจะแป้กถี่ๆ ซะมากกว่าขำถี่ๆ ...ยกตัวอย่างเช่นล่าสุดกับหลวงพี่เท่ง ก็ออกจะฝืดเสียงดังลั่น มีอะไรให้อยากขำน้อยเป็นอย่างมาก ถ้าหนังร้อยล้านเรื่องนี้ไม่มีประเด็นศาสนา และความเชื่อมาเป็นจุดรองรับแล้ว มันก็คงจะเป็นได้แค่หนังตลกทื่อๆที่ยำรวมส่วนผสมหลายอย่างจนดูไม่น่ารับทาน



แม้ผมจะไม่ชอบหนังมุขต่อมุขอย่างนี้ แต่อย่างไรความอคติก็ไม่สามารถบังตาผมมิดชิด จนไม่ให้เห็นความสนุกของ "โกยเถอะโยม" ได้ ...

เมื่อผมหวังจะมาเอาฮากันลูกเดียว ไม่เกี่ยวกับสาระ... ความรู้สึกที่มีตลอดเวลาดู "โกยเถอะโยม" ก็เลยเป็นสุขเป็นสุขเถิดซะอย่างงั้น ...ช่วงชั่วโมงแรกของหนัง แทบไม่ได้เล่าเรื่องอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย หนังหยุดนิ่งอยู่กับที่ สิงสถิตอยู่กันแต่ในศาลาพร้อมศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อ ที่ร่วมด้วยช่วยเล่าวีรกรรมเจอผีของตัวเองที่แสนจะยาวยืด ...ทั้งๆที่หนังจะไม่ได้หาทางเดินหน้าไปไหน เล่นอยู่แต่กับตัวเอง ไม่คิดจะพาคนดูไปพาลพบสิ่งอื่นที่มันน่าตื่นเต้นเร้าใจอะไรเลย แต่เจ้าความเบื่อ-ความเซ็งที่พยายามถาโถมเข้ามาหมายจะเล่นงาน ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงตัวผมได้สักที เพราะเจ้ามุขต่อมุขที่ผมขยาดนี่แหละ ที่ช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันท่วงที ...ในตอนที่ผมเกือบจะเบื่อเกือบจะหน่ายกับหนังแล้ว แต่สุดท้าย โกยเถอะโยม ก็สามารถดึงความสนใจของผมให้กลับไปอยู่บนหน้าจอได้อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกหลายครั้ง ...หนังหยอดมุขทั้งฮาและแป้กใส่เข้ามาเป็นลูกๆ รับได้ รับไม่ได้ คละคนกันไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว มุขที่ผกก.จาตุรงค์เลือกเอามาเล่น ถือได้ว่าผ่านเกณฑ์ เพราะมุขที่ว่าแป้กนั้น จะว่าไปผมเองก็ยังแอบยิ้ม หัวเราะหึๆ ให้กับความแป้กของมัน (มุขที่ผมว่าแป้ก แต่ก็ยังคงได้ยินเสียงฮาจากคนรอบข้างอยู่)

สำหรับงานกำกับครั้งแรก ของพี่จาตุรงค์ ก็ถือว่าทำหน้าที่ใช้ได้ ...เขารู้จักควบคุมจังหวะจะโคนของหนังได้ มุขฮาต่างๆมักได้จังหวะในการเอามาเล่นถูกเวลา เหมาะสม และรับเข้ากับสถานการณ์ของหนัง มุขต่อมุขที่หนังเป็นมันให้ผลของความต่อเนื่อง สอดคล้องอารมณ์ขำได้โดยไม่มีสะดุด ถึงแม้เหตุการณ์หนังจะไม่คืบหน้า แต่เรื่องเล่าพาฮาต่างๆที่สุมรวมกันในช่วงเวลาครึ่งแรกนั้น ในแต่ละเรื่องก็ยังมีอะไรชวนให้น่าติดตามอยู่



เรื่องของความตลก ถือว่าโอเค แต่นอกเหนือจากส่วนที่ถนัดแล้ว ผกก.พี่จาตุรงค์ ก็ไปยังจุดสูงสุดได้ไม่ถึง... แม้หนัง(พยายาม)จะประดิษฐ์ประดอยความเป็นดรามาเอาไว้รองรับความหนักแน่นในเนื้อหา แต่มันก็ไม่สามารถรับใช้อะไรได้ ไม่ช่วยเปลี่ยนอารมณ์คนดูให้รู้สึกไปตามกับหนังตลกแหลกเรื่องนี้เลย กลายเป็นส่วนเกินซะด้วยซ้ำ รู้สึกว่าที่ใส่เข้ามานี้ ยังไม่เนียนพอ ...มันเป็นเพราะว่า หนังทำการปูส่วนของดรามาเอาไว้น้อยมาก (ก็หนังเล่นตลกซะแต่ต้นยันจะจบแล้ว ไปหาเรื่องยัดความเป็นดรามาก็เสียมูธธีมขำซะเปล่าๆ) อยู่ๆอยากจะเปลี่ยนแนว อยากจะฉีกอารมณ์ บทจะทำก็ทำโดยไม่หาช่วงเวลาให้คนดูได้ไตร่ตรองพิจารณาแง่มุมตัวละครเสียก่อน (ไม่ว่าจะเป็นผีเด็ก หลวงพ่อ หรือคนบ้า ล้วนถูกใส่เข้ามาอย่างลอยๆ ไม่มีหลักให้จับติดได้) แง่มุมอันดีๆที่น่าจะหนักแน่น เลยกลายเป็นการทำให้หนังเรื่องนี้เสียศูนย์อย่างหนักซะมากกว่า ...แล้วกับมุขหักมุมของผกก.ก็เป็นอะไรที่ไม่น่าแปลกใจ ไม่เซอร์ไพรส์เลยแม้แต่น้อย แทนที่จะได้อึ้ง ผมกลับรู้สึกหงุดหงิดที่ดันจับทางหนังได้ซะนี่

นักแสดงตลก ทั้งบทเด่น บทประกอบ บทรับเชิญ ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ต่างร่วมด้วยช่วยรับส่งมุขถูกจังหวะฮา แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถขโมยซีนได้อย่างโดดเด่นเตะตากรรมการ อาจมีบ้างบางคนในบางช่วงเวลาที่สามารถตรึงใจคนดูให้ติดตากับภาพของเขาหรือเธอได้ ...เช่น คุณสุเมธ (สุเมธ แอนด์ เดอะปั๋ง) กับฉากดวลเพลงผีเด็กที่ฮาท้องคัดท้องแข็งมากที่สุดของหนังแล้ว ,น้องเฟิร์นลูกผกก.กับฉากร้องเพลงไวพจน์ เพชรสุพรรณที่ความตลกของเธอก็ไปพร้อมกับเสียงและท่าทาง ทำได้จี้ดีเหลือเกิน ,ค่อม ชวนชื่น กับฉากตะโกนในศาลา ที่ทำท่าว่าเก่งกล้า แต่สุดท้ายก็ยังจ๋อย สีหน้าของน้าแกแค่เห็นในตัวอย่างก็พาผมขำได้แล้ว ,คุณชาย อนันต์ทวีป เล่นตลกหน้าตาย กับมุขด่าพ่อทางอ้อมอันแสบทรวงมิใช่น้อย



"โกยเถอะโยม" ...ไม่น่าผิดหวังสำหรับการเปลี่ยนผันมาสร้างหนังแนวนี้ของ จีทีเฮช เป็นหนังที่มาพร้อมกับความบันเทิงง่ายๆ ดูเอาขำๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ เป็นการเสียเวลาที่ไม่เสียดายตังค์ แต่อย่างไรก็ตามหนังผีตลก ก็ยังคงเป็นหนังผีตลกอยู่วันยันค่ำ ขอได้หลอกล่อคนดูด้วยมุขฮาพอให้เป็นกระษัย เมื่อบทอยากจะจบแล้วก็เป็นอันจบกัน ไม่เหลืออะไรให้ค้างคาอีกต่อไป

ดู{ดี} วิธ มายเซลฟ์ :
1. ความสนุกจากมุขตลกล้วนๆ
2. ทีมนักแสดง คอยรับคอยส่งมุขได้อย่างเข้าที

ดู{ด้อย} วิธ มายเซลฟ์ :
1. ดรามาที่เป็นส่วนเกิน
2. จุดหักมุมที่แป้ก และไม่มีอะไรให้แปลกใจ

เกรด C+

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ

Create Date :15 สิงหาคม 2549 Last Update :22 กรกฎาคม 2550 1:32:09 น. Counter : Pageviews. Comments :5