bloggang.com mainmenu search


มีใครบางคนเคยบอกเอาไว้ว่า ...อะไรที่มันดีมันเลิศอยู่แล้ว ก็อย่าเอามันมาพยายามทำให้ดีหวังเทียบกันเลย

แต่คนบางคนก็ออกมาโต้แย้งประเด็น พร่ำบอกกันว่า ...อะไรๆที่มันดีอยู่ ถ้าเราจะเอามาทำให้ดีเป็นเช่นเดิมอีก แล้วมันไม่ดีหรืออย่างไง

ใครบางคนในกลุ่มแรก เรียกตัวเองว่า "คนดู" ...ขณะที่คนบางคนในกลุ่มหลัง ก็เรียกศักดิ์และศรีของตัวเองว่า "คนสร้างหนัง"

และอะไรๆที่มันดี ของคนสร้างหนัง บางคนอาจจะเรียกสิ่งนั้นว่า "เงิน" ...ในขณะที่คนดูเอง ก็ต้องการอะไรๆ ให้เป็น "คุณภาพ" ทดแทนค่าเงินที่สูญเสียให้คนสร้างหนังไป

วัฏจักรของการสร้างหนังภาคต่อ ดูเป็นอะไรที่ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เข้าใจได้โดยง่ายว่า คงไม่มีเหตุผลกลใดที่คนสร้างหนังจะหวังสิ่งอื่น นอกเหนือไปจากการได้เงินจากคนดู คนที่เคยตามติดภาคก่อนๆมา หรือทว่าติดตามดูโฆษณาแล้วเห็นเป็นสน ชวนล่อใจให้ต้องลองตีตั๋วชม

เพียงแต่การจะได้เงินจากคนดูมาในที่นี้ ...คนสร้างหนังต้องยอมแลกกับอะไรบางอย่างที่คนดูมีต่อหนัง ก็คือ "ความคาดหวัง"

และด้วยความคาดหวัง นั่นเอง ...ที่ทำให้หนังภาคต่อหลายต่อหลายเรื่อง พากันเป็นอะไรที่น่าผิดหวัง มากเสียจนใครบางคน พาลอคติเห็นหนังภาคต่อแล้วนึกขยาดในใจไปเลย กลัวไปก่อนว่า 'อะไรที่มันดีมันเลิศอยู่แล้ว เอามันมาพยายามทำให้ดียังไง มันก็ไม่ใช่อยู่ดี'

อันนี้ ไม่ต้องไปมองหาอื่นไกล ดูใกล้ๆในเดือนที่ผ่านมา "สไปดี้" และ "ป๋าแจ๊ค" ได้พิสูจน์ให้เราเห็นมาแล้ว รวมถึงล่าสุด "เชร็ค" ก็ยังช่วยตอกย้ำความเป็นหนังภาคต่อฟอร์มยักษ์ที่ออกมาดีแล้วด้อยกว่าของเดิมๆได้เป็นอย่างดี



"Shrek 3" ... ว่าความต่อเนื่องมาจากภาคสอง หลังจากที่ "เชร็ค" และ "ฟีโอน่า" ได้ครองรักกันโดยไม่มี กขคงจ มาขวางกั้นอีกต่อไป ...มาในภาคนี้ทั้งสองคน (แต่ลักษณะนามจริงๆของยักษ์ ต้องเรียกเป็น 'ตน' นะจ๊ะเด็กๆ) ต้องปฏิบัติภารกิจหน้าที่เป็น ผู้แทนราชการขององค์ราชาแฮโรลด์ (ที่ยังแปลงกายนอนซมไม่ฉะบายยยย เป็นเจ้าชายกบชราต่อมาจากภาคก่อน) ...หน้าที่อันยิ่งใหญ่ ที่มาพร้อมความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง ทำให้ชีวิตของว่าที่ราชาราชินี ไม่สะดวกสบายในกายาและหทัย ที่ทำไปก็ต้องจำใจทำเพียงเพราะ คุณพ่อขอร้องงงงง ...จนเมื่อ ราชาแฮโรลด์ ถึงคราวจะสิ้นพระชมม์แล้ว เชร็คก็ได้รู้ความบางอย่างจากปากพ่อตาว่า มีองค์รัชทายาทอยู่คนนามว่า "อาร์ตี้" ที่มีศักดิ์และศรีพอจะเป็นราชาองค์ต่อไปได้



ด้วยความอดทนที่มีอยู่ต่ำ และความอยากสบาย(กลับไปใช้ชีวิตยักษีที่บ้านริมบึงหลังจ้อย)ที่มีอยู่สูง เพ่เชร็คของเราจึงต้องออกเดินทางอีกหน พร้อมผองเพื่อนจอมกวน คู่หูคู่ซ่า "ด็องกี้" & "พุซ อิน บู๊ทส์" เพื่อตามหา อาร์ตี้ และลากให้เขากลับมารับหน้าที่ศักดิ์และศรีที่มันควรจะเป็นของ เพ่เชร็ค ซะมากกว่า

ซึ่งในขณะเดียวกันที่ เชร็ค อยู่นอก ฟาร์ ฟาร์ อะ เวย์ ...ข้างในเมืองนั้นก็กำลังพบเผชิญกับศึกใหญ่ที่เหล่าตัวร้ายผู้แสนอาภัพในโลกนิยายรวมตัวกันเพื่อต้องการเอาคืนเหล่าตัวละครที่เคยฉวยความสุขชั่วนิรันดร์ไปจากพวกเขา ...โดยมี "ปรินซ์ ชาร์มมิ่ง" ที่ตั้งตนเป็นแกนนำพลพรรคตัวร้ายที่หวังจะยึดบังลังก์ราชาแห่ง ฟาร์ ฟาร์ อะ เวย์ พ่วงไว้ด้วยอีกรางวัลหนึ่งเป็นการตบท้าย

แต่มีหรือที่ ชาร์มมิ่ง จะได้อะไรไปง่ายๆ ...อย่าชะล่าใจไปที่ไม่มีเชร็ค เพราะ ฟิโอน่า ก็รอท่าจะสู้กับความอยุติธรรมอย่างเต็มที่ไว้แล้ว พร้อมยังจะรวมพลังเจ้าหญิงแสนงาม ที่สแตนด์บายเตรียมตะลุยความชั่วด้วยแม่ไม้มวยหมู่สมานฉันท์ ...ใครที่เคยว่าเธอสวย ใส แต่ไร้สติ โดนจระเข้ฟาดหางเข้าไปคงจุกไปถึงเส้นเลือดที่ขั้วหัวใจ ซะละมั้ง



ศึกนอก ตามล่า ศึกใน ตามล้าง ...สองศึกที่เกิดขึ้นใน Shrek 3 ได้นำพาความตุปั้ดตุเป๋ของเรื่องราวชุลมุน มาสู่หนังที่ยังคงวุ่นวายในสไตล์เสียดสีนิยาย(แอบมีล้อเลียนหนังเรื่องอื่นบ้างเป็นประปราย) ที่แสบๆคันๆ รากเหง้าความกวนที่มีมาแต่ภาคแรกยังคงอยู่ และ เสน่ห์ของความเป็น เชร็ค ก็ยังใช้ได้ผล ...

ถึงมุขที่ประดังประเดใส่เข้ามามันจะมั่วได้มั่วดี (จับเอาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาล้อได้ในฉากเดียวกัน) แต่การสอดประสานกันของเรื่องราว และบท มันก็ดูลงตัว เช่นที่เคยเป็นอย่างในภาคก่อนๆ ...ทว่าปัญหาที่มันเป็นหนังภาคต่อก็บังเกิด เหมือนเป็นชนักติดหลังที่ตามมาด้วย กับการที่หนังพยายามจะทำอะไรบางอย่างให้มากเกินไป อย่างที่ภาคสามของ สไปดี้ กะ ป๋าแจ๊ค เขาก็เป็นมาก่อน

ความพยายามนี้ ไม่ใช่การที่เชร็คพยายามจะใส่เรื่องใส่พลอตอะไรให้มันยุ่งยาก ยุ่งเหยิง อีรุงตุงนังอะไร อย่างสองเรื่องนั้นหรอก ...แต่มันเป็นความพยายามที่หนังจะทำให้มันมีอะไรที่เป็นจริงเป็นจังมากกว่าเดิมจนไม่เป็นธรรมชาติ



ความจริงจังของเรื่องราว ที่คราวนี้เน้นจะสอนใจคนที่เป็นผู้ใหญ่ด้วยนั้น มันอาจจะดูเป็นแนวคิดที่ดี และนับว่ามีความหนักแน่นในตัวของเรื่องที่ปูมาอยู่แล้ว แต่คนทำก็เหมือนกับลืมไปว่า เชร็คภาคก่อนๆ เคยเป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องของการล้อเลียน เป็นสำคัญ ในขณะที่ข้อคิดก็คือส่วนที่หยอดเข้ามาเพื่อรองรับประเด็นของพลอต... แม้ภาคสามจะยังว่าในส่วนของความขบขันเป็นพิธีอยู่ แต่ก็ดูเหมือนผู้กำกับ คนเขียน จะจงใจให้หนังมีเรื่องมีราวที่มากขึ้น จงใจจะให้หนังออกมาลึกซึ้งมากเกินกว่าที่คนจะคิดจะคาดหวังจากหนังอนิเมชั่นที่ชื่อว่า เชร็ค

ความจงใจ ยังไม่ใช่ปัญหาเพียงสิ่งเดียวของภาคนี้ ...ความที่มันไม่สด(อีกต่อไป)แล้ว ก็คือ ผลพวงที่พาลให้ภาคสาม เสียสมดุลของความเพลิดเพลิน และความประทับใจไป



มันยังไม่ถึงกับตีบตันอะไรนักหรอก ที่ไม่ควรให้มีภาคนี้ออกมา เพียงแต่เหมือนว่าการพยายามที่จะให้มีหนังเรื่องนี้นั้น มันยังไม่มีจุดกระตุ้นที่ดีพอจะดึงคนดูให้เข้าไปสนุกกับมันเข้าไปเฮฮาปาจิงโกะ ได้เต็มที่ เป็นอย่างที่ภาคก่อนๆ เคยทำจุดมุ่งหมายของตัวเองได้ถึง ...ภาคแรก หนังเริ่มต้น ให้คนดูเริ่มจดจำ ภาคสอง หนังต่อยอด ให้คนดูได้มันส์กันต่อเนื่อง แต่ภาคสาม มันไม่ใช่ ...มันต่อเรื่องของภาคสองมา แต่มันไม่ต่อความรู้สึกอย่างที่เราเคยคุ้นจากสองภาคก่อนมาด้วย

ตัวละครชุดเดิม วิธีการดำเนินเรื่องอย่างเดิม และมุขตลกที่มีรูปแบบเดิมๆ แต่มันไม่เดิมในความเป็นเชร็ค ...หลังจากที่ผมดูภาคสามจบ อารมณ์ที่ผมมีต่อหนังแบบเพลินๆ มันก็จบลงไปด้วย ไม่หลงเหลือความชอบให้กลับมาครุ่นคิดถึงชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมาสักเท่าไหร่ ...แม้มันจะมีบางอย่างที่ให้รู้สึกดี แต่มันก็ดีไม่หมดอย่างที่มันควรจะเป็นในความคาดหวังของแฟนๆ

ซึ่งบางอย่างที่มีให้รู้สึกดีในภาคสามนั้น ก็คงจะต้องยกเครดิตให้กับ 'การสร้างภาพ' ...ที่ดรีมเวิร์คก็ยังคงทำการพัฒนาเทคนิคให้ดีขึ้นไปอีกขั้นอย่างสม่ำเสมอ ในหนังทุกเรื่องของเขาอยู่แล้ว

ส่วนทีมพากย์คนเก่าๆ เขาก็ทำหน้าที่ที่ดีกันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มีใครที่รู้สึกโดดเด่นเป็นสำคัญ (อันนี้ ก็ต้องโทษไปที่บทหนังที่ไม่มีมุขเด็ดๆ ลีลามันส์ๆ ให้ดาราคนให้เสียงได้จุดระเบิดความสามารถสุดดิ้น) ...ในขณะหน้าใหม่ อย่าง นักร้องชายมาดแบดบอย Sexy Back "จัสติน ทิมเบอร์เลค" ก็ถือว่า ทำได้เกินคาดนิดๆ ไม่คิดว่าเขาจะให้เสียงเป็นเจ้าชายวัยกระเตาะ(ที่หน้าจริงๆไม่ให้)ได้แนบเนียนขนาดนั้น



"Shrek 3" ... ก็ยังเป็นหนังที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูมันส์ เช่นเคย แต่ที่ไม่เหมือนเคยก็ตรงที่หนังมันไม่ธรรมชาติ และมันก็ไม่สด(อีกต่อไป) ...ถ้ายังคงจะเหนียวแน่นเป็นแฟนจ๋าติดตามกันต่อไป ก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้ว่า ภาคนี้เป็นได้แค่หนังดูเอาเพลินมากไปกว่า เอาความประทับใจอย่างครั้งก่อนๆ เท่านั้นจริงๆ

เกรด B- ... {}

หมายเหตุ : ไตรภาค "Shrek" ...ตามลำดับความชอบของผม คือ...

ภาค 1



ภาค 2



ภาค 3





"Livin La Vida Loca" โดย "เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ย์ & อันโตนิโอ แบนเดอลาส"


ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date :10 มิถุนายน 2550 Last Update :17 มิถุนายน 2550 17:11:42 น. Counter : Pageviews. Comments :3