bloggang.com mainmenu search


ถ้า "องค์บาก" ...คือ นิยามของความแปลกใหม่ในอุตสาหกรรมหนังไทย ที่เปิดตลาดสร้างชื่อให้พระเอกคนอีสานหน้าบ้านนอก เจ้าของสโลแกน ไม่มีเทคนิค ไม่ใช้สลิง ไม่พึ่งพิงตัวแสดงแทน "จา พนม" กระฉ่อนไปไกลถึงฮอลลีวู้ด

และ "ต้มยำกุ้ง" ...เป็น นิยามที่ช่วยตอกย้ำให้ชื่อของ "โทนี่ จา" กลายเป็นอีกหนึ่งยอดนักสู้ระดับโลก ที่เจ๋งพอจะพาหนังไทยสักเรื่อง ไปได้ไกลถึงอันดับ 4 บนตารางบ๊อกซ์ออฟฟิซของอเมริกา...มากที่สุดที่เคยมีมา

หนังเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ...ที่ได้ชื่อเป็นของที่บริโภคได้(อีกแล้ว)ว่า "ช็อกโกแลต" จีงเป็นการย้อนกลับไปสู่นิยามอันเป็นรากเหง้าที่ องค์บาก เคยเป็น คือ การสร้างนักสู้คนใหม่ขึ้นมาอีกคน ...และนักสู้คนที่ว่าก็เป็นความแปลกใหม่ที่ทำท่าจะเป็นความหวังที่สดใส



"จีจ้า ญานิน" คือ ความหวังที่ว่านั้น... กับภาพลักษณ์ของ 'ผู้หญิง' รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ที่สามารถซัดโครมผู้ชายกำยำล่ำบึกให้ล้มลงโดยศิโรราบ ...แค่เพียงตัวอย่างสั้นๆ และการขยันโปรโมต ก็พอทำให้เราคาดหวังว่าเธอต้องไปได้ไกลอย่างสดใสได้แน่นอน



เรื่องราวของ "ช็อกโกแลต" ก็เป็นเรื่องราวที่ไม่จำเป็นต้่องรู้เนื้ออะไรมาก่อนก็ยังได้ ...เพราะตัวเรื่องมันก็ยังมาพร้อมพลอตเดิมๆ รูปแบบเก่าๆ ของผู้กำกับคนเดิม หากแต่ก็ยังประยุกต์หาความใหม่ให้มีประเด็นของ "เด็กออทิสติก" และ "ครอบครัว" เข้ามาเป็นแกนหลัก ที่เชื่อมกันกับเนื้อโดยรอบที่ว่าด้วย "ความแค้น" ซึ่งนำมาสู่ "การทวงคืน" เฉกเช่น องค์บาก ทวง เศียรพระ หรือ ต้มยำกุ้ง ทวง 'ช้างกรูอยู่ไหน!!?'

แต่บทจะให้ทวงของช็อกโกแลต ก็เป็นการทวงที่ simple simple จะเป็นใครคนไหน ใครคนนั้นก็อยากทวง... "ตังค์กรูอยู่ไหน!!?"



ถ้าตัดอกตัดใจไม่คาดหวังเอาอะไรกับเนื้อหาที่ไม่เหลืออะไรให้แปลกอีกแล้ว... การจะดูหนังสักเรื่องเพื่อเอาความบันเทิงเป็นใหญ่ ก็คือ ความคาดหวังเดียวที่ควรจะทวงเอาได้จากทีมงานชุดเดิม กับหนังเรื่องใหม่ที่บทจะแปลก ก็มีเพียงแต่ให้ ผู้หญิง เป็นตัวนำเท่านั้น

แต่ถึงกระนั้นแล้ว ช็อกโกแลต ก็ยังดูมีทีท่าจะพอวางใจกับบทหนังได้อยู่ในระดับหนึ่ง ...เมื่อ หนึ่งในสองคนเขียนบท ก็ได้ชื่อว่า เป็นยอดมือเขียนหนังที่น่าไว้วางใจอีกคนของวงการหนังไทย "มะเดี่ยว-ชูเกียรติ" แห่ง รักแห่งสยาม ...แม้อาจจะแค่มาทำหน้าที่เกลาบทร่างเดิม ให้ดูมีเซ้นส์มากขึ้นก็ตาม แต่ก็ทำให้ผมแน่ใจว่าหนังจะออกมาอยู่กับร่องกับรอยดีไปกว่า องค์บาก ที่เหตุและผลยังดูอ่อนยวบ หรือจะ ต้มยำกุ้ง ที่สุดจะเลอะเทอะยิ่งกว่า...



ซึ่งจากที่ผมได้เห็นในสิ่งที่ผกก.ปรัชญา พยายามให้ไม่เป็นที่ติฉิน ก็นับว่าน่าพอใจเลยทีเดียว... หนังมีลูกเล่นกับการใช้คำพูดหรือกระทั่งสัญลักษณ์ที่ดูจะมีเซ้นส์เข้าท่า แม้อาจยังไม่ถึงกับแข็งแรง และหนักแน่นเท่าที่น่าจะเป็นไปได้ (เพราะมะเดี่ยวก็ได้ชื่อว่า เป็นคนที่เล่นกับสัญลักษณ์ได้แหล่มมาโดยตลอด) แต่แค่มันไม่ใช่ความพยายามที่แป้ก ก็ถือว่า "โอ้" (O.K.) อย่างที่ตัวละครของจีจ้าพูดในหนัง

ที่่ว่า "โอ้" ...ก็ยังต้องรวมไปถึง ความพยายามครั้งที่ 3 ของ ผกก.ปรัชญา ที่ดูจะเข้าใจการสร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูได้มากขึ้น ...เขาสามารถปรับเนื้อเรื่องดรามามารับใช้กับความเป็นหนังแอ๊คชั่นได้ลงตัวมากกว่างานก่อนๆ ที่รู้สึกจะประดักประเดิด พยายามประดิษฐ์ประดอยอย่างเห็นได้ชัด ...แต่ก็น่าเสียดายที่มันก็แค่ดีกว่าเก่า เพราะถ้าเอาแบบคิดกันมากๆแล้่ว หนังก็ยังมีช่วงที่กระโดด ไม่อินโดยต่อเนื่อง ให้ความรู้สึกที่ขัดอกขัดใจอยู่ไม่้น้อย... เมื่อว่ากันลึกๆ การตัดต่อก็ทำไม่ค่อยลงตัว แล้วดนตรีประกอบบรรเลงก็ดูจะฟังแล้วรกมากกว่าชวนให้คล้อยตามฉากในหนัง



แต่ถ้าคิดสั้นๆ มองกันในแง่ดีไป ไอ้ลูกขัดใจเนี่ยมันก็เป็นเรื่องปกติที่หนังแอ๊คชั่นจะใหญ่จะเล็กต่างมักก็เป็นกัน (หากจะต่างก็เพียงมากน้อย) ...เพราะถึงหนังจะมีบทที่ไปไม่ไกลให้น่าภูมิใจอะไร ก็มีอย่างอื่นที่ทำให้ผมสนใจใน ช็อกโกแลต มากกว่า อันคือ นางเอกที่เป็นหัวใจของเรื่อง และเป็นธีมหลักที่ทุึกคนที่จะดูหนังต้องคิดถึงเป็นอันดับแรก

แล้วกับผลงานที่ได้เห็นจาก จีจ้า ญานิน นั้น... ก็เป็นความน่าภูมิใจครั้งใหม่ กับความสามารถที่น่ายกย่อง และหัวใจอันใหญ่เกินตัวของเธอ ...จากเด็กผู้หญิงที่เคยขี้โรคอ่อนแอ เธอสามารถเอาชนะอุปสรรคทุกอย่าง และฝ่าฟันความยากลำบาก ตลอด 4 ปี สู้มาได้ไกลจนถึงขั้นที่วันนี้ ก็กลายเป็นดารานักบู๊ขวัญใจประชาชน ที่พอจะทำให้เราหลงลืม โทนี่ จา ไปได้บ้างชั่วขณะเวลา



ถ้าจะให้เปรียบมวยกันระหว่าง จา กับ จีจ้า ...ก็คงไม่ต้องเสียเวลามานั่งคิดอะไร เพราะเห็นได้ชัดๆว่า จา เหนือกว่า ด้วยความแข็งแรง กำยำ ถึนถึก มาตรฐานชายไทย ...แต่ถ้าหากให้เปรียบเชิงการเล่น ความดูจริง และจดจ่อกับการแสดง ...จีจ้า ก็ชนะ จา ได้เห็นๆ

การแสดงเป็น เด็กออทิสติก ซึ่งแค่ย้ำคิดย้ำทำ พูดจาเลื่อนลอยกับคำเดิมซ้ำๆ อาจเป็นบทบาทที่เหมือนไม่มีอะไรให้ได้เล่นมากนัก... แต่ถ้าลงในรายละเอียดกันลึกๆแล้ว การตีบทให้แตก เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าการเล่นเป็นคนบ้า เอะอะโวยวาย เสียอีกนะนั่น ...และที่น่าสนใจในหนังไทย(น่าจะ)เรื่องแรก ที่เล่นกับประเด็นนี้ ก็คือ การแสดงของดาราหน้าใหม่ที่สามารถเอาบทบาทที่ดูยากนี้ได้อยู่ ...อาจยังไม่ถึงกับเต็มหมัด แต่เธอก็น็อคอารมณ์คนดูได้ไม่น้อย



จากที่ได้ข่าวว่า จีจ้า ถึงกับร้องไห้ ให้กับความยากในครั้งนี้... แล้วที่ผมได้เห็นจากความตั้งใจกับตัวละคร "เซน" ก็คือ ความรู้สึกที่ไม่หลอก เชื่อว่าเธอ คือคนที่เป็นอย่างนั้นได้จริงๆ

แล้วที่น็อคผมได้ยิ่งกว่า... ก็คือความมั่นคงและไม่หลุดจากคาแรกเตอร์ของเด็กออทิสติกเลยสักเสี้ยววินาที แม้กระทั่งกับเวลาพะบู๊ซึ่งเป็นนาทีทองให้ปลดปล่อยความไม่เนียนได้เต็มที่ ก็ยังสามารถรักษาภาพลักษณ์ที่เธอเป็นได้อย่างน่าอัศจรรย์



หากถ้าบทหนังสามารถขอเวลาหนังเอามาเล่นขับเน้นด้านดรามาได้มากขึ้นจนเต็มที่และลงตัวที่สุดแล้ว... ก็น่าเชื่อเลยว่า จีจ้า จะตีเข่าฟันศอกใส่คาแรกเตอร์ของเธอได้แตกกระจายได้มากกว่านี้เป็นแน่

แล้วเห็นหน่วยก้านหนักแน่นใจแกร่งอย่างนี้ ...ความนุ่มนวลทางใบหน้า ก็ทำให้น่าลุ้นว่าหนังเรื่องหน้า น่าจะเป็นหนังโรแมนติกกุ๊กกิ๊กปนบู๊ได้อยู่เหมือนกัน ...ซึ่งถ้าเป็นไปอย่างที่คิด เธออาจจะละลายใจผมได้มากกว่านี้ก็เป็นได้



นอกจาก จีจ้า ที่ได้ชื่อว่าเป็นหน้าใหม่ของหนัง... นักร้องสาวพลพรรคก้านคอ ซ่าอะมะรมณ์ "ส้ม-อมรา" ก็ทำได้ทึ่งเช่นกันกับครั้งแรกในการเล่นหนังของเธอ ...ในแง่ของดรามาโดยส่วนใหญ่ที่หนังมี ก็ล้วนแต่มีบท "ซิน" ของเธอเป็นส่วนประกอบอยู่ร่วมทั้งนั้น ...ซึ่งถ้าเธอทำได้ไม่ถึง หนังก็คงอาจไม่ลึกซึ้งใจคนดูได้เท่าที่เป็นอยู่นี้แน่

ขณะที่หน้าเก่าที่มีทั้งไม่คุ้นและคุ้น ..."ฮิโรชิ อาเบะ" คือคนที่ผมไม่คุ้น และผมก็เชื่อกับภาพยากูซ่าเน้นเท่ห์แอบอบอุ่นของเขา ..ส่วน "อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์" ดูไม่ดีเด่นอะไรนัก เฉกเช่นที่ผมรู้สึกใน โอปปาติก (รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องใช้นักแสดงระดับนี้มาเล่นก็ยังได้)

โดยรวมๆของหนังแล้ว อาจจะนับว่า "โอ้" ดูดีกว่า องค์บาก-ต้มยำกุ้ง ได้อยู่ก็จริง... แต่เมื่อถ้ามองว่ามันมีความเป็นรูปแบบเดิม เดินตามความสำเร็จเก่าๆ ของสองหนังก่อนหน้ามาแล้ว ...ช็อกโกแลต ก็กลายเป็นสิ่งที่บริโภคได้ไม่นานเท่าไหร่ ก็กลายเป็นของที่งั้นๆไป



โดยเฉพาะกับฉากแอ๊คชั่นต่อสู้... ที่ถึงจะพยายามหาที่ทางการเล่นในสถานที่แปลกๆ ออกแบบคิวให้มีลูกเล่นใหม่ๆแล้วก็ตามแต่ ...แม้อาจไม่ถึงกับน่าเบื่อ ดูได้เพลินๆ เชื่อๆในการออกท่าของจีจ้า แต่ผมก็ไม่ยักตื่นเต้น ไม่มันส์จัดๆชนิดที่อะดรีนาลีนไหลพุ่งจนลืมหายใจ เฉกที่ องค์บาก เคยทำได้ หรือ ต้มยำกุ้ง จะมาลูกไม้เก่าๆก็ยังเร้าใจ ...ไม่รู้จะเกี่ยวกับการเอาใจใส่บทมากขึ้นหรือเปล่า ความกลมกล่อมในรสแอ๊คชั่นของ "พันนา ฤทธิไกร" จึงด้อยลงไปเสียถนัด (นี่ยังไม่รวมที่มีช่วงท้ายๆที่คล้ายจะเอาสไตล์ Kill Bill มาล้อ หรือจะการสร้างตัวละครศัตรูที่ดูไม่เต็มเต็งซึ่งท่าจะเลียนมาจาก เจ๊ท ลี ใน Unleased ตะหงิดๆ)

จะมีก็เพียงฉากเดียวเท่านั้นที่ทำได้ถึง และให้อารมณ์ลุ้นได้ที่สุด ก็ฉากต่อสู้นอกตึก 4 ชั้น ที่ให้ได้ทั้งความเสียว และแอบกลัวแทน ...ถ้าจะให้คนต่างชาติได้อึ้งและทึ่งกับจีจ้าแน่ๆ ฉากนี้ก็ภูมิใจนำเสนอได้เลย

ถึงหนังอาจจะไม่ค่อยมันส์บันเทิงได้สมใจสักเท่าไหร่ก็ตามแต่ ...อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ความน่าผิดหวังอันใหญ่หลวง เฉกเช่น ต้มยำกุ้ง และอย่างน้อยๆ ก็ดูมีเหตุมีผลที่พอมีอะไรให้เชื่อคล้อยตามมากไปกว่า องค์บาก

ก็หวังว่า ถ้าพี่ปรัชญายังไม่เบื่อหนังบู๊ และจะมีเรื่องที่ 4 ตามมา... จะสามารถทำทุกอย่างได้กลมกลืน และเข้ารสสนุกได้เต็มที่มากกว่านี้ก็แล้วกัน



"ช็อกโกแลต" ...ถ้าให้เป็นคะแนนรวม ผมให้เรื่องนี้เท่ากับ องค์บาก และมากกว่า ต้มยำกุ้ง ...แต่ถ้าเอาความชอบเป็นสำคัญ ช็อกโกแลตแท่งนี้ เกือบจะทำให้ผมอร่อยใจได้เชียว ถ้าหนังสดที่แอ๊คชั่น และเข้มข้นในบทที่ยังมีช่องว่างให้เติมเต็มได้อยู่อีก ...ถึงรสจะหวานในใบหน้านางเอก มันส์ไปกับการต่อสู้สุดเฉี่ยวของจีจ้า และขมด้วยปมดรามาที่สอดเข้ามา ก็ยังอาจเลี่ยน ถ้าบริโภคมากกว่าหนึ่งชิ้นก็เป็นได้

อธิบายอย่างง่ายๆ สำหรับผม...ขอกินรอบเดียวก็เป็นพอใจ


เกรด B ... {}

ปล. คนบางคนอาจจะยังไม่รู้ว่า "เนปาลี" ซึ่งเป็นคนเขียนบทร่างแรก ...เป็นนามแฝงของ "คุณเจี๊ยบ-วรรธนา" ...นักแต่งเพลง นักร้องสาวเสียงหวานนุ่มฟังสบาย ที่ร้องเพลง วัน เดือน ปี ประกอบหนัง Final Score นั่นเอง... อาจจะดูงงๆ ผมเองก็งงเหมือนกันที่ได้รู้

ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date :11 กุมภาพันธ์ 2551 Last Update :11 กุมภาพันธ์ 2551 0:19:32 น. Counter : Pageviews. Comments :7