bloggang.com mainmenu search
นอกจากติดตามตัวผมในบล็อกนี้แล้ว ก็ขอชวนไปสนุกกันในอีกช่องทางกับ "Facebook" และ "Twitter" ด้วยครับ

Like Me @ //www.facebook.com/Onc3.UPoN.a.MaN

และ Follow Me @ //twitter.com/once_upon_a_man




รีวิวนี้ ถูกเผยแพร่ไปแล้วก่อนหน้า ทาง //www.chicministry.com ลิงค์





มั่นใจว่าคนไทยที่เป็น Blogger ทุกๆ คนในที่นี้ คงต้องรู้จักระบบออนไลน์ที่ฮิตที่สุดของวันนี้ อย่าง “Facebook” แน่นอน.. และก็มั่นใจได้อีกว่า หนึ่งในหน้าเว็บที่คุณๆ ทุกคน จะต้องคิดถึง และเข้ามาดู เป็นอันดับแรก เมื่อเปิดคอมก็ย่อมต้องเป็น Facebook อยู่ดี ก็ไม่รู้ว่าค่านิยมนี้ มันเกิดขึ้นตอนไหน เพราะผมเองก็เคยหย่ามใจมองข้าม Facebook ไป ทั้งๆ ที่มีแต่คนให้สมัครรายล้อมเต็มไปหมด... แต่เมื่อผมได้ลองเข้ามาสัมผัสกับสังคมออนไลน์นี้แล้ว ก็รู้ทันทีเลยว่า ทำไมใครต่อใครถึงพยายามบีบบังคับให้ต้องทำความรู้จักกับ Facebook ..และต้องติดหนึบอย่างไม่รู้จักว่าจะมีวิธีถอนอย่างไร ให้หายขาดได้!

ว่าแต่ เราก็รู้จัก Facebook เรารู้ว่ามันเป็นสังคมออนไลน์ที่เจ๋งเป้งก็จริงอยู่ ..แต่ให้ถามกันจริงๆ เรารู้จักมันดีแล้วหรือยัง? บางคนอาจจะเคยรู้ว่า Facebook มีผู้ก่อตั้งเป็นอดีตนิสิตจากมหาวิทยาลัย Harvard ที่เรียนไม่ยอมจบ อย่าง “Mark Zuckerberg” และบางคน (ในส่วนที่น้อยกว่ามาก) ก็อาจจะรู้ว่า Facebook เคยเป็นคดีความจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลมาแล้ว ..แต่เรารู้จริงๆ หรือว่า เรื่องราวเหล่านั้น มันมีต้นสายปลายเหตุมาจากไหน? ฉะนั้น หากเราไม่เคยทำความรู้จักกับคนที่ชื่อ Mark Zuckerberg และยังไม่รู้ว่า กว่าจะเป็น Facebook มันเคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาแล้วบ้าง ..ได้เวลาที่คุณจะต้องทำความรู้จักกับหนังที่มีชื่อเรื่องว่า “The Social Network” แล้ว





The Social Network เป็นผลงานการกำกับเรื่องใหม่ล่าสุดโดยผู้กำกับแห่ง “Seven” และ “The Curious Case of Benjamin Button” อย่าง “David Fincher” ..ที่รับสารภาพว่าก่อนหน้าจะมาทำหนังเกี่ยวกับ Facebook เรื่องนี้นั้น เขาไม่เคยได้ทำความรู้จักกับ Facebook มาก่อนเลยด้วยซ้ำ แต่อาจด้วยวิสัยทัศน์ มุมมองบางอย่างของฟินเฃอร์ ที่จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในขั้นเทพของผู้กำกับชาวฮอลลีวู้ดด้วยกันกระมัง ..เขาถึงถูกตาต้องใจที่อยากจะลองทำความรู้จักกับ Facebook ซักตั้ง ..และครั้งนี้ก็คงต้องตั้งใจมาก เพราะเขามองเห็นอะไรบางอย่างที่สามารถกระแทกใจคนดูได้อย่างรุนแรง! แล้วมันก็ได้รับการสื่อสารออกมาผ่านภาษาหนังอย่างจริงจัง กับ The Social Network เรื่องนี้ ที่กลั่นกรองความจริงใจ จะทำให้คนดูได้สนุกไปกับชีวิตที่อยู่บนความหายนะของคนๆ หนึ่ง

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า... Mark Zuckerberg เกิดไอเดียที่จะสร้างสังคมออนไลน์อย่าง Facebook ขึ้นมา ผ่านการนำเสนอแนวทางของคนแปลกหน้าสามคน ที่เห็นชอบกับสิ่งที่เขาทำในคืนหนึ่งที่เพิ่งถูกบอกเลิกกับแฟนสาวมาแหม่บๆ ..คนแปลกหน้าทั้งสามนั้น กำลังมีความคิดที่จะสร้างหนังสือรุ่น ในแบบที่ไม่ต้องสร้างรูปเล่มให้สวยงาม แต่ใช้อินเตอร์เน็ตที่กำลังมาแรง เป็นสื่อกลางที่จะรวบรวมข้อมูลของเพื่อนนักศึกษาในฮาร์วาร์ดทุกคนได้มาทำความรู้จักซึ่งกันและกัน ...แต่แทนที่ มาร์ค ผู้เห็นด้วยกับความคิดนี้ จะลงหลักปักฐานร่วมแรงร่วมใจกับคนที่ใส่ความคิดให้ เขากลับเลือกจะอมพะงำและเก็บเอาโครงสร้างเหล่านี้ทั้งหมด ไปบอกเพื่อนที่เขาสนิทมากที่สุดอย่าง “Eduardo Saverin” ให้มาร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วยกันแทน!

แต่แทนที่เรื่องราวมันจะจบตรงที่ มาร์ก และเอ็ดวาโด้ กอดคอกันสร้างความสำเร็จให้ Facebook ได้อย่างสนุกสนาน จนถึงวันนี้ ..บนหนทางแห่งความโด่งดังของพวกเขา กลับไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ แต่มันกลายเป็นตะปูเรือใบ ที่พร้อมจะฆ่าใครก็ตามที่เลือกเดินผ่าน หากประมาทได้ในทันที เพราะว่าเมื่อต้องโดนฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล ..มาร์ก ไม่ได้โดนกระทงแค่หนึ่งเดียวจากคนแปลกหน้าสามคนที่ไม่พอใจในการโดนขโมยไอเดียเพียงเท่านั้น แต่เขายังถูกเพื่อนที่เขารักมากที่สุดมอบให้อีกหนึ่งกระทง เนื่องด้วยไร้ความยุติธรรมในการแบ่งสรรปันส่วนความสำเร็จที่เคยได้สร้าง Facebook มาด้วยกัน

ที่มาที่ทำให้ มาร์ก โดน เอ็ดวาโด้ ฟ้องร้อง คงบอกไม่ได้ในจุดนี้ ..แต่หากอยากรู้ว่า มันเกิดขึ้นมาได้ เป็นเพราะอะไร The Social Network มีคำตอบให้คุณได้รู้จัก รู้ลึก และรู้จริง แบบละเอียดละออแน่แท้ ...แล้วคุณจะรู้ว่าอัจฉริยะผู้สร้าง Facebook ไม่ได้มีความสุข เหมือนที่คนเล่นอย่างเรากำลังมี!





หลังจากที่ผลงานเรื่องก่อนหน้าของ ฟินเชอร์ อย่าง เบนจามิน บัตตัน ได้รับการสรรเสริญบนเวทีออสการ์ในฐานะผู้เข้าชิงอย่างเข้มข้น (แต่เมื่องานจบ ก็ไม่ได้มีความสุขนัก เพราะโดนคนที่เต็งกว่า คว้ารางวัลกลับบ้านไปแทน) ..อีกสองปีให้หลัง ที่เขากลับมาพร้อมกับ The Social Network เรื่องนี้ ...ในเวลานี้ ฟินเชอร์ กลับได้รับการสรรเสริญอย่างหนักข้อยิ่งกว่าเก่าและถูกมองว่า หนังทั้งเรื่อง เต็มไปด้วยตัวเต็ง ที่น่าให้ความสนใจในทุกๆ สาขาเสียอีกด้วย ซึ่งหากคำวิจารณ์นี้ ไม่ได้ลองพิสูจน์ด้วยสายตาของตัวเอง ก็ย่อมไม่รู้หรอกว่า มันเป็นความจริง..ที่จริงเป็นที่สุด!

สำหรับคนที่รู้จัก ฟินเชอร์ หลายคนเคยเห็นว่า เขาคือผู้กำกับที่น่าจับตามองมากที่สุด ในช่วงเวลาที่เขาทำให้ Seven เป็นที่โจษจันในฐานะหนังหักมุมที่สนุกสุดตัว อีกบางคนก็กล้ารับประกันว่าสักวัน ออสการ์ต้องมองเห็นเขา ..สิ่งที่คนเหล่านั้นเคยพูดมา มันมีเค้าเข้าใกล้ความเป็นจริงถึงที่สุดแล้ว ในผลงานล่าสุดที่อุตสาหะตั้งใจให้สุดพลัง

ซึ่งก็ไม่ใช่แค่การทำให้คนดูอินไปกับเรื่องราวที่ดูไม่ใกล้ตัวสักเท่าไหร่ แต่เขายังเสกสรรปั้นแต่งให้ The Social Network เป็นหนังที่เข้าถึงมหาชนได้แบบแนบเนียน เพราะถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นหนังหวังออสการ์แล้ว หนังเรื่องนั้นคงต้องมีความเข้มข้นในเรื่องราวเป็นอย่างมาก.. แต่ถ้าหนังเรื่องนั้นยังพอใจจะให้ความสนุก ชวนรุก ชวนเร้า ไปกับการกระทำ หรือตัดสินใจแต่ละอย่างของตัวละคร ...หนังเรื่องนั้น มันจะยิ่งคุ้มค่ากับการดูชมเป็นอย่างยิ่ง




หากจะบอกว่า The Social Network คือ “Slumdog Millionaire” ของปี 2010 นี้ ก็ไม่น่าจะผิด ..เพราะมันคือหนังดรามา ที่ทำให้เราต้องบันเทิง เหมือนรู้สึกได้ร่วมผจญภัยไปกับการต่อสู้ ด้วยตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในจุดที่ประชิดกับตัวละครอย่างมาก เหมือนว่าเรารู้จักกันเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งเครดิตที่ทำให้หนังสนุกได้อย่างนี้ คงไม่ใช่เป็นเพราะฝีมือของผู้กำกับ ช่วยนำพากันเพียงอย่างเดียว ..แต่ยังต้อง share ความดีความเด่น กด Like แบบย้ำๆ ร้อยครั้ง ให้กับ บทหนัง ที่เร้าอารมณ์ การแสดง ที่เร้าใจ อีกทั้งงานเทคนิคโดยรวมก็โดดเด่นอย่างมาก จนน่ามีลุ้นจะกวาดรางวัลในสาขา ภาพ เสียง หรือดนตรี ไปเนียนๆ แบบใส่กระบุงแล้วโกยเอา โกยเอา

ถึงจุดนี้ คงไม่ต้องบอก ก็พอรู้แล้วว่า ทำไมคุณถึงควรจะได้ดู The Social Network เรื่องนี้.. ซึ่งการเอาเรื่องของ Facebook มาเล่าเป็นหนัง คงไม่ได้หวังให้คอหนังมาสนใจ เป็นสำคัญซะทีเดียว.. แต่มันคงต้องสำคัญกับใครก็ตามที่รู้จัก Facebook อยู่แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่า ตัวเองรู้จักมันอย่างดีพอแล้วหรือยัง? ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้น ที่รู้จักไม่ดีพอ ..ขอให้จงได้ Attend เพื่อเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะทำให้คุณต้องกด Like และ Comment บอกต่อว่า นี่คือ หนึ่งในหนังที่คุ้มค่ากับการ Add as a Friend ยินดีที่ได้รู้จักในรอบปีนี้



ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง...ครับ

เกรด A ... {}





ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ


ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน
ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ

Create Date :20 ธันวาคม 2553 Last Update :20 ธันวาคม 2553 6:52:44 น. Counter : Pageviews. Comments :4