bloggang.com mainmenu search


"ภูชิต" คือ คนเมืองอีกคนที่กำลังสิ้นหวังในชีวิต ปัญหาทุกอย่างที่มันกำลังรุมล้อมเขาอยู่ล้วนมีเงินเป็นตัวการสำคัญ ...แต่แล้วโชคชะตาบางอย่างก็นำพาให้เขาได้เผชิญกลับ สายเรียกเข้าจากปลายทางที่ไม่มีเลขหมาย ซึ่งบอกเรื่องราวที่ไม่น่าเป็นไปได้ ว่า "เงินหนึ่งร้อยล้านจะเป็นของเขาในทันที ถ้าภูชิตยอมตกลงจะเล่นเกม 13 ข้อ" ...



นี่คือ เรื่องราวในช่วงเริ่มต้นของ "13 เกมสยอง" ที่แค่ปูทางก็สร้างความสนุกให้อยากติดตามได้เลยทันที ...ช่วงเวลา 100 นาทีกว่าๆ กับการนั่งชมหนังทริลเลอร์เขย่าประสาทเรื่องนี้ ได้ให้ประสบการณ์ความลุ้นกันจนตัวโก่ง ...ทุกๆหนึ่งข้อของเกมที่ภูชิตกำลังเผชิญ จะเป็นส่วนแปรผันตรงกับความสนุกที่ทวีความรุนแรง ซาดิสม์ โหดร้ายมากขึ้นไปทุกๆขณะ ...ผู้กำกับ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ สร้างสถานการณ์ความระทึกได้อย่างสุดกู่ ทุกเกมได้กลั่นกรองทางความคิดมาเป็นอย่างดี ในโจทย์แต่ละข้อล้วนแต่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นการสะท้อนภาพของสังคมได้อย่างตรงๆ เป็นมุขตลกร้ายที่เสียดสีได้อย่างเจ็บแสบ ต้องนับถือความคิดของผู้เขียนบททั้งสอง (ผู้กำกับคนหนึ่ง และอีกคนคือ คุณเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ เจ้าของเรื่อง "จิตหลุด" ที่เป็นต้นเหตุของหนังเรื่อง 13) ซึ่งตีความได้อย่างล้ำลึก

เสน่ห์ของ 13 จะอยู่ตรงที่ ความรวดเร็วของเรื่องราว และการตัดต่ออย่างลงตัวทั้งส่วนจังหวะของตัวละครและอารมณ์หนัง ทุกอย่างสามัคคีกลมเกลียวไม่แตกแยก ... อาจจะมีการผ่อนอารมณ์ ใส่ความตลก แซมดรามาเข้าไปบ้าง แต่หนังก็ไม่ผ่อนจังหวะเร่งเร้าความตื่นเต้นซึ่งสูงขึ้นๆไปแบบไม่มีพัก ...โจทย์แต่ละข้อยิ่งเล่นก็ยิ่งโหด ในหนังแต่ละนาทียิ่งดำเนินไปก็ยิ่งจะฆ่าคนดูทีละน้อยๆ ถ้าใครที่จิตไม่แข็งพอ หรือใจไม่แข็งแรงแล้ว ก็ขอแนะนำว่าอย่าริไปดูเลยเชียว เพราะหนังจะเล่นแรงโคตรๆอย่างไม่ยอมประนีประนอม (Saw ที่ว่าโหดแล้ว แต่ 13 ของไทยเราโหดร้ายกว่ากันเยอะ)



[บรรทัดนี้มี SPOILER ... ใครยังไม่ได้ดู อย่าเพิ่งอ่านนะครับ] มีอยู่จุดเดียวของหนังเรื่องนี้ที่ผมไม่ถูกใจก็คือ ฉากจบ ที่ทำออกจะห้วนๆไปสักหน่อย ...ตัวผมชอบมุขหักมุมอย่างนี้ของหนัง (นี่เป็นการตีความ ความหมายของ"คนสวมหน้ากาก"ที่โดนอย่างจังๆ ...คนที่พระเอกอยากจะฆ่ามากที่สุด สุดท้ายก็กลับกลายเป็นคนที่ได้เอาคืนเพียงเพราะต้องการสนองตัณหาตัวเองด้วยการเป็นผู้ชนะ และไม่สนด้วยว่าคนที่เขาเอาชนะมาได้นั้นคือลูกของตัวเอง) แต่ด้วยความที่หนังใส่แรงจูงใจของคนทั้งสองน้อยไปสักหน่อย ผมเลยยังไม่ค่อยอินกับเหตุผลที่ตอนจบเป็นอย่างนั้น ...ส่วนของภาพแฟลชแบ็คก็ช่วยได้อยู่บ้าง แต่มันก็ดูจะทำเพียงผิวๆไปสักหน่อย เลยไม่สามารถสร้างความเข้าใจให้กับคนดูอย่างผมได้อะไรมากมายนัก (เข้าใจแต่เรื่องที่พ่อซ้อมแม่เป็นความฝังใจของภูชิต แต่กับเรื่องอื่นๆ เช่น ทำลายข้าวของ ฆ่าหมาตาย ...หนังเลือกจะเล่าแค่ใช้เพียงภาพ แต่คำบรรยายความรู้สึกกลับไม่มีให้ซึมซับความโกรธของพระเอก)



ว่ากันในส่วนของการแสดง ต้องให้คะแนนเต็มสิบกับการวางไมค์อีกหนของพี่ "น้อย วงพรู" ...บท "ภูชิต" เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ผมประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขาสิ้นหวังใน 10 นาทีแรก หรือช่วงเวลาท้ามรณะของเขา ล้วนแต่ให้การแสดงที่บีบคั้นทางอารมณ์อย่างสุดๆ ...บทหนังต้องการใส่ทุกด้านของความเป็นมนุษย์ (ดี/เลว , ตลก/เครียด , อ่อนแอ/แข็งแกร่ง ฯลฯ) ให้มีหมดในตัวละครหนึ่งเดียวคนนี้ และพี่น้อยก็สามารถตอบสนองทุกอารมณ์ของบทบาทตัวละครได้เป็นอย่างเยี่ยม ...เขาอินจัด จนกดดันคนดูให้รู้สึกหดหู่ในความเป็นคนที่โดนกระทำ จนสันดานต้องเปลี่ยนแปลงไป ...อีกสองตัวละครประกอบอย่าง พี่ตั้ว-ศรัณยู และ อิม-อชิตะ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี แม้จะมีบทบาทกับหนังแค่เพียงผิวๆ แต่คนทั้งสองก็ทำให้ตัวเองดูสำคัญในหนังเรื่องนี้



"13 เกมสยอง" ...เป็นหนังไทยทริลเลอร์ที่ถือได้ว่า "ดีที่สุด" เท่าที่ผมเคยดูมา ความระทึกที่เข้มข้น ความลุ้นที่ไม่ยอมลดรา สร้างความน่าติดตามไปในสถานการณ์อันสุดกดดัน ถ้าคุณไม่เป็นโรคอะไรที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ หรือสามารถดูหนังที่เต็มไปด้วยเลือด และของชวนแหวะได้อย่างไม่เคยกลัวจะบั่นทอนสายตา ก็ถือได้ว่า นี่เป็นหนังที่น่าดูสำหรับคุณๆ

ขอแนะนำ...ครับ

เกรด A-

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date :13 ตุลาคม 2549 Last Update :13 ตุลาคม 2549 13:13:23 น. Counter : Pageviews. Comments :7