bloggang.com mainmenu search
นอกจากติดตามตัวผมในบล็อกนี้แล้ว ก็ขอชวนไปสนุกกันในอีกช่องทางกับ "Facebook" และ "Twitter" ด้วยครับ

Like Me @ //www.facebook.com/Onc3.UPoN.a.MaN

และ Follow Me @ //twitter.com/once_upon_a_man




รีวิวนี้ ถูกเผยแพร่ไปแล้วก่อนหน้า ทาง //www.chicministry.com ลิงค์





เปิดมาด้วยชื่อ “Bruce Willis” อีกไล่เรียงมาพร้อม “Morgan Freeman”, “John Malkovich” และปิดท้ายด้วย “Helen Mirren” ..คุณจะเชื่อมั้ย? ถ้าบอกว่าดาราวัยรุ่น (พ่อรุ่นแม่) 4 คนนี้ จะได้มาเจอกันในหนังเรื่องเดียวกัน และมันไม่ธรรมดาตรงที่หนังเรื่องนั้น ดันเป็นหนังแอ๊คชั่นที่มีที่มาจากหนังสือการ์ตูน เสียด้วย!


“RED” คือหนังเรื่องนั้นที่ได้รวบรวมเอาดาราระดับหัวกะทิ ที่ได้ชื่อว่าเคี่ยวเข็ญฝีมือ ผ่านพ้นประสบการณ์มาอย่างแก่กล้าพรรษา และยังมากพอจะทำให้เราเชื่อว่า หนังทุกเรื่องที่เขาเล่น เขาเล่นจะเป็นคนๆ นั้นจริงๆ จังๆ ..แต่ความสนุกของ RED ก็ไม่ได้อยู่แค่เฉพาะการรวมทีมเก๋าของคนทั้ง 4 ดังกล่าวไปข้างต้นเท่านั้น หากเอาจริงเอาจัง นี่ก็คือหนังที่นำนิยายภาพมาดัดแปลงได้อย่างมีเสน่ห์ และขึ้นจออย่างมีประสิทธิภาพ ..เป็นหนังอีกเรื่องที่เจ้าของนิยายอย่าง “DC Comics” (เจ้าของเดียวกับ Batman และ Superman) ได้ดูแล้วคงรู้สึกอยากสนับสนุนให้มีภาคต่อต่อไปอย่างเต็มที่



RED มีเสน่ห์อย่างแรก ก็คือ การที่ตัวหนังสือเลือกจะเล่าเรื่องแบบแตกต่างจากความเป็นปกติ ที่ขึ้นชื่อว่านิยายภาพ ก็มักจะเอาอกเอาใจวัยรุ่น หรือวัยหนุ่มสาว โดยให้ตัวละครเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ..แต่ DC ขอฉีกไปกับ RED โดยมีตัวละครนำทั้งหลายแหล่ เป็นคนรุ่นราวคราวปู่ป้า แต่ก็ยังคงรสชาติแอ๊คชั่นที่เร้าใจ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้น เพราะกำหนดบทบาทให้ตัวละครทั้งหลาย มีพื้นหลังเป็น จารชนคนสายลับ ที่เก่งกาจ การใช้อาวุธ และต่อสู้ ยิบตาแบบไม่ยอมแพ้พ่าย

อีกหนึ่งเสน่ห์ที่เราจะได้เห็นผ่าน RED ในมุมมองที่ถูกเล่าออกมาเป็นหนังเรียบร้อยแล้ว ..ก็เห็นจะเป็นการผสมปนเปที่ลงตัวระหว่าง หนังแอ๊คชั่น หนังตลก หนังโรแมนติก และหนังดรามา ภายในหนังเรื่องเดียวกัน โดยไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่มีแล้วเป็นส่วนเกิน RED





ในเวอร์ชั่นหนัง ..ถูกเปิดประเด็นมาด้วย การไล่ล่าตามล้างตามเช็ด จากองค์กร CIA ที่เคยมีความหลังครั้งหลายปีก่อน ซึ่งต้องเคลียร์ให้หมดจด เพื่อจะพ้นจากมลทินที่ทำเอาไว้ ทั้งนี้ สิ่งที่พวกเขาต้องทำ ก็คือ การเก็บแหล่งข่าวที่จั่วหัวให้เกิดความฉาว และต้องลดจำนวนคนที่รู้เรื่องราวเหล่านี้ลงไป โดยเฉพาะกับคนที่เคยมีส่วนร่วมในภารกิจฉาวครั้งนี้ ไม่ว่าจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่!

ตัวใหญ่ ในที่นี้ จะเป็นใครไปคงไม่ได้อีกแล้วหากไม่ใช่ แก๊งปู่ป้ารุ่นเดอะ (ที่กำลังนั่งๆ นอนๆ กินเงินบำนาญหลังเกษียณอย่างเบื่อหน่าย!) ผู้ที่ครั้งยังหนุ่มสาว เคยเกี่ยว แต่ไม่เคยได้รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของภารกิจครั้งนั้น ..จนมาถึงวันนี้ ที่พวกเขาเหลือวิธีเดียวจะรักษาตัวรอด คือ ความต้องการจะรู้เรื่องให้จงได้ เพื่อจะได้เคลียร์บัญชีคนที่ตามล้างตามเช็ดให้มันจบสิ้นซะ!





RED เป็นผลงานการกำกับของ “Robert Schwentke” ที่เคยมีผลงานเรื่องก่อนหน้า เป็นหนังรัก อภินิหารเดินทางข้ามกาลเวลาอย่าง “The Time Traveler’s Wife” ..ดูจากตัวอย่างนี้ คงจะแปลกใจ ว่าเหตุไฉนถึงข้ามภพ มาทำหนังมันส์ ดุ เดือด เอาเช่นนี้ได้ ...แต่ถ้ารู้จักเขากับผลงานในแนวที่ใกล้เคียงกันอย่าง “Flightplan” แล้ว (หนังระทึกขวัญบนเครื่องบิน ที่มี “โจดี้ ฟอสเตอร์” แสดงนำ) ก็คงจะพอนึกภาพออกว่า เขาคงเชี่ยวกับการทำหนังได้หลากหลายแนว ซึ่งผู้กำกับที่เป็นเช่นนี้ได้ ในยุคนี้ มีน้อยคนที่จะทำหลาก แล้วแตกต่างอย่างดูดี ..และหนึ่งในนั้น ก็คงต้องรวม ชเวนเก้ ผู้เป็นเจ้าของ RED เรื่องนี้เอาไว้อีกด้วย





แล้วก็ไม่ใช่แค่มีการมุ่งเป้าสนใจแต่จะบู๊อย่างเดียวเท่านั้นเสียด้วย ..สำหรับ RED ในมุมมองของ ชเวนเก้ ยังแอบตอดเล็กตอดน้อยกับการสร้างสีสันหรรษาให้กับหนัง โดยใส่ความตลก จากคาแรกเตอร์คนเพี้ยน มีเรื่องเลิฟๆ ของพระนางต่างวัย อีกยังใส่ใจจะมีแอบดรามาอยู่บ้าง โดยมอบหมายหน้าที่ให้สองนักแสดงที่ออสการ์ต้องคำนับ มาทำการจัดการให้

การกำกับ อาจจะทำให้หนังน่าติดตามก็จริงอยู่ แต่ผลประโยชน์บางอย่าง ก็ยังอาจต้องยกให้เป็นเครดิตของคนเขียนบทอีกด้วย ..ซึ่งไม่ใช่แค่ใช้ประโยชน์จากพลอตหลักที่มี ที่มาจากนิยายภาพสรรสร้างเอาไว้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มเติมปมประเด็นบางอย่าง ที่ใส่เข้ามาแล้วดูมีประโยชน์กับหนัง แล้วส่งผลให้แต่ละตัวละคร ดูมีเหตุมีผล ในการเลือกกระทำ และตัดสินใจ

ดังเช่น ในตอนที่ คาแรกเตอร์ของลุงบรูซ ต้องเสียแฟนสาวให้กับเจ้าหน้าที่ CIA ไป ก็มีกลวิธีการแก้เกมคืนที่น่าตกใจ เมื่อลุงบรูซเลือกจะบุกไปยังบ้านของเจ้าหน้าที่ แล้วขู่ที่จะฆ่าลูกเมียของเขาทิ้งเสีย หากเขาต้องพบกับความสูญเสียคนที่เขารักไป!




ความน่าสนใจของพลอตส่วนนี้ ไม่ได้มีประเด็นอยู่แค่ การบ่งบอกถึงความรักที่มีให้จนหมดใจของลุงบรูซ กับแฟนสาว เท่านั้น..แต่ยังเป็นการแก้ภาพลักษณ์ ตัวร้ายของ “Karl Urban” ให้ดูเป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีหัวใจอย่างใครเขา และกลายเป็นคนที่มีมิติ เพียงไม่ได้ร้ายเพราะภาพจงใจให้ร้าย แต่ร้ายเพราะโดนใคร (แกล้ง) บังคับ

RED ยังสามารถเลือกใช้ประโยชน์ ในความสามารถจากบรรดานักแสดงแต่ละคน อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่รู้ว่าใครถนัดอะไร ก็ให้เล่นอะไรที่ถนัดไปอย่างนั้น ..ไม่ว่าจะลุงบรูซ ที่เป็นตัวบู๊ชูโรงของหนัง หรือ ลุงจอห์น มัลโควิช ที่เพี้ยนยิ่งกว่าครั้งที่เล่นเป็นสายลับจิตหลุดใน “Burn After Reading” ได้อีก ...แถมการได้มาเห็น ป้ามิเรน กะลุงฟรีแมน ผันตัวมาสวมบทโหด ก็เป็นอะไรที่แปลกตา แต่ยังคุ้มราคา เพราะได้มีช่วงเวลาที่เป็นนาทีทองของตัวเอง




หากถามว่า RED สนุกมากขนาดไหนแล้ว ..ผมก็บอกได้เลยว่า ในบรรดาหนังรวมทีมซูเปอร์สตาร์มาฆ่าคน ในปีนี้ นี่คือ หนังที่ เจ๋งกว่า “The Expendables” และมันส์กว่า “The A-Team” ได้อีก ...แม้อาจจะไม่ได้เป็นอะไรที่ถึงกับจุดสุดยอด แต่หากดูเอาความบันเทิงเน้นๆ ขอให้จัดเรื่องนี้ได้เลย อย่างไม่ต้องกลัวว่า ความหง่อม(ของดารา) จะส่งผลให้หนังเงิบ! เพราะเรื่องนี้ แก๊งปู่ป้า เขาเอาจริง! และขอลุยเละ!


ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง...ครับ

เกรด A ... {}





ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ


ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน
ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ

Create Date :03 พฤศจิกายน 2553 Last Update :3 พฤศจิกายน 2553 11:15:43 น. Counter : Pageviews. Comments :2